อย่าปล่อยให้ความโง่ลอยนวล

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย TKP969, 23 เมษายน 2009.

  1. TKP969

    TKP969 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +34
    [​IMG]

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>



    <O:p></O:p>
    เรื่อง การสอนอย่างตรงไปตรงมาของหลวงพ่อปัญญายังไม่จบ เพราะยังมีกรณีศึกษาให้อ้างอิงเพื่อประเทืองปัญญากันอีกหลายเรื่อง เช่น ในงานมงคลสมรสของบ่าวสาวคู่หนึ่ง เขามานิมนต์หลวงพ่อปัญญาไปเป็นประธานในการทำบุญและเมื่อถึงเวลาจะต้องสวม แหวนหมั้น แต่ทุกคนก็ยังรีรออยู่ เมื่อถามได้ความว่ากำลังรอฤกษ์ หลวงพ่อปัญญาจึงว่าไม่ต้องรอก็ได้เพราะ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    “...แหวนมันเป็นรูอยู่แล้ว จะสวมเวลาไหนมันก็เข้าทั้งนั้น แล้วจะหาฤกษ์อะไรนักหนาให้มันช้าไป”<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    คนไทยกับหมอดูเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก ในบรรดาหมอดูทั้งหลาย “หมอดูพระ” นับว่ามีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างสูง พอ ๆ กับที่น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างสูงเหมือนกัน เพราะบางทีท่านไม่ได้ดูหมอเปล่า ๆ แต่ทำอะไรบ้างนอกจากนั้นคงไม่ใช่ภารกิจของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเน้น “เกร็ดธรรมะ” มากกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อหมอดูพระมักสร้างปัญหามากกว่านำไปสู่ปัญญา หลวงพ่อปัญญาจึงว่าอย่างนี้<O:p></O:p>
    “เมื่อ มาเป็นสมภารวัดชลประทานฯ อาตมามีอุดมการณ์ไว้ว่า วัดนี้จะให้เป็นวัดที่เผยแผ่สัจจธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่าเผยแพร่ธรรมะบริสุทธิ์ ไม่ให้เผยแผ่สิ่งเหลวไหล เช่น หมอดูของขลังโชคลาภอะไรต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่พุทธศาสนาจะไม่ให้มี เพราะฉะนั้นวัดนี้จึงไม่มีหมอดู”<O:p></O:p>
    เมื่อ เราเหยียบย่างเข้ามาวัด บางวัดแทนที่จะพบกับความสงบ ผ่อนคลาย สบายใจ ก็มักจะพบกับความหงุดหงิดวุ่นวายเข้ามาแทนที่ เพราะมีเสียงการส่ายเซียมซีดังระงมอยู่ไม่ขาดสาย ความสงบที่ตั้งใจมาแสวงหาก็เลยอันตรธานไปกลายเป็นความรำคาญเข้ามาแทนที่ แล้วเจ้าเซียมซีนี่เกี่ยวอะไรกับพระพุทธศาสนาถึงเข้ามาอยู่ในโบสถ์ในวิหาร สร้างความฟุ้งซ่านแก่ผู้มาเยือนอยู่เรื่อย ๆ <O:p></O:p>
    “ใบ เซียมซีเสี่ยงทายตามโบสถ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาอยู่ในโบสถ์ก็เพราะพระอยากได้เงิน แต่กลายเป็นการทำลายพุทธศาสนาไป เพราะคนที่มาสั่นติ้วเกิดเข้าใจผิดคิดว่าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ เป็นไป ความจริงหลวงพ่อมิได้ดลบันดาลอะไรเลย หากแต่แขนของเราทั้งสองเป็นตัวการใหญ่ เราไปจับกระบอกสั่น ไม้มันจึงหล่นออกมา คนโง่ไม่เข้าใจจึงถูกเขาหลอกให้สั่นเสียจนเหงื่อไหลไคลย้อยนี่เป็นเพราะเห็น แก่เงินโดยแท้”<O:p></O:p>
    ถัด จากเรื่องเซียมซีก็มาถึงเรื่องการฝังลูกนิมิต เรามักจะเห็นป้ายแผ่นโต ๆ ติดไว้ข้างทางอยู่ชั่วนาตาปี เห็นแล้วบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมคนจึงชอบไปร่วมงานฝังลูกนิมิตกัน ต่อมาจึงได้ทราบว่าคนที่ไป ส่วนหนึ่งไปเพราะต้องการร่วมงานบุญด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพราะเป็นงานบุญใหญ่ วัดหนึ่งจะมีงานเช่นนี้ได้เพียงครั้งเดียว แต่อีกส่วนหนึ่งไปเพราะอยากได้ของดี เช่นอยากได้หวาย หรือด้ายผูกลูกนิมิต หรือไม้ไผ่ผ่าซีกที่ปักขัดไว้เป็นรั้วรอบบริเวณงาน เพื่อนของผู้เขียนท่านหนึ่งเคยไปร่วมงานนี้ในฐานะพระคู่สวด พอสวดเสร็จ ตัดลูกนิมิตลงหลุมแล้ว ประชาชนเรือนพันก็กรูกันเข้าแย่งด้าย หวาย ไม้ไผ่ซีกเล็ก ๆ ที่ปักเป็นรั้วรอบอุโบสถ งานนั้นท่านหนีไม่ทัน ถูกประชาชนวิ่งชนจนไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้ ไม่รู้ว่าใครเป็นพระ ใครเป็นโยม พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองลงไปคลุกอยู่กับฝุ่นข้างหลุมฝังลูกนิมิต นั่นเอง งานอย่างนี้ใครไม่เคยเห็นกับตาอาจหาว่ากล่าวเกินจริง เพราะฉะนั้นถ้ามีงานฝังลูกนิมติที่วัดใกล้บ้านก็ควรถือโอกาสแวะเข้าไปดู แล้วจะเห็นด้วยตาตนเองว่าชุลมุนวุ่นวายขนาดไหน<O:p></O:p>
    ในประสบการณ์ของหลวงพ่อปัญญาซึ่งบวชมาจนย่างเข้าสู่ปัจฉิมวัยแล้วย่อมเคยผ่านงานเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อเห็นคนแย่ง “ของดี” กันแล้วหลวงพ่อปัญญาไม่ยืนดูอยู่เปล่า ๆ เพราะท่านถือว่าการปล่อยให้คนโง่ลอยนวลนั้นเป็นบาปอย่างยิ่งสำหรับพระสงฆ์ ซึ่งฝากท้องไว้กับชาวบ้าน แต่ไม่ยอมสอนเขาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม<O:p></O:p>
    “ที่วัดชลประทานฯนี้ คราวผูกพัทธสีมาเก็บหวายไว้ ญาติโยมนั่งเป็นกลุ่มเป็นก้อนไม่กลับบ้าน อาตมาเที่ยวเดิมถามโยมทำไมไม่กลับบ้าน ‘อยากได้หวาย’ ถามตรงไหนก็อยากได้หวาย เลยติดเครื่องขยายเสียงเรียกประชุม ใครอยากได้หวาย เชิญมานี่ มากันพร้อมเลยถามว่า<O:p></O:p>
    “โยมอยากได้หวายหรือ”<O:p></O:p>
    “ค่ะ”<O:p></O:p>
    “เอาไปทำอะไร”<O:p></O:p>
    “เขาว่าดี”<O:p></O:p>
    “ดีอย่างไร”<O:p></O:p>
    “ไม่ทราบ”<O:p></O:p>
    ดี แต่ไม่รู้ว่าดีอย่างไร ถามโยมอีกคน<O:p></O:p>
    “โยมต้องการหวายหรือ”<O:p></O:p>
    “ต้องการ”<O:p></O:p>
    “เอาไปทำอะไร”<O:p></O:p>
    “เขาบอกว่าเอาไปผูกไว้ที่บ้าน ขายของดี”<O:p></O:p>
    “โยม เอาหวายผูกไว้แล้วนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ ขายดีไหม มันไม่ดีหรอกต้องยิ้มกับเขาบ้าง แล้วก็ถามคนโน้นคนนี้ต่อไปอีกหลายคน ถามแล้วเลยเทศน์ให้ฟัง พออธิบายสักชั่วโมงเทศน์อยู่กัณฑ์หนึ่ง พอจบแล้ว โยมสาธุ! หายโง่กันเสียที โง่กันมาหลายสิบปีแล้ว!”<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    [​IMG]



    ที่มา : http://www.tamdee.net/db/forum_posts.asp?TID=1761
     

แชร์หน้านี้

Loading...