อยากเเบ่งปันค่ะ (วิธีปฎิบัติและข้อพึงระวังที่หลวงตาฝากไว้)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หนูนะโม, 9 มกราคม 2015.

  1. หนูนะโม

    หนูนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2015
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +128
    จากการที่ได้ไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดแห่งหนึ่งมา และได้มีโอกาสได้รับหนังสือเล่มหนึ่งมา เป็นหนังสือที่ส่วนตัวคิดว่าให้ความกระจ่างและชัดเจนเป็นอย่างมากสำหรับผู้เริ่มเจริญสมาธิและภาวนา จึงมีความคิดที่จะนำมาเผยแพร่แก่สมาชิกทุกท่านที่สนใจในแนวทางนี้ค่ะ ​

    ================================================================​

    ชื่อหนังสือ สมาธิภาวนา กับ หลวงตามหาบัว

    จึงขอคัดลอกมา ซึ่งมีเนื้อความ ดังนี้ค่ะ......

    คำนำ​

    หนังสือ "สมาธิภาวนากับหลวงตามหาบัว" นี้สำเร็จขึ้นมาด้วยความวิริยะอุตสาหะของเพื่อนสหธรรมิกหลายสิบท่าน ที่มาร่วมกันคัดเลือกธรรมโอวาทของหลวงตาเมื่อครั้งจัดทำหนังสือที่ระลึกงาน พระราชทานเพลิงสรีระสังขารของท่านจากธรรมโอวาทนับเป็นพันหน้า ถูกกลั่นกรองเพื่อเลือกเฟ้นเฉพาะที่ตอบโจทย์เรื่อง "วิธีการภาวนาและข้อพึงระวัง" เกิดผลพลอยได้เป็นหนังสือเล่มเล็กๆให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาและนำมาปฎิบัติให้เป็นของจริง
    คณะผู้จัดทำขอขมาต่อองค์หลวงตาในความผิดพลาดบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น และขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมดังกล่าว หวังว่าผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จากหนังสือนี้และนำไปสู่สิ่งที่ดีงามของชีวิตในที่สุด
    คณะผู้จัดทำ
    ๑๗ มกราคม ๒๕๕๖
    =========================================================================

    วิธีเดินจงกรมภาวนา

    ท่านอาจารย์มั่นกำหนดการดูตามอริยประเพณีทราบโดยละเอียดและได้ปฎิบัติตามที่กำหนดทราบแล้วเรื่อยมา คือ


    • การเดินจงกรมท่านสอนให้ดินไปตามตะวัน หรือเยื้องตะวัน
      ไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้ ท่านว่าการเดินตามตะวันเป็นที่หนึ่ง เยื้องตะวันทั้งสองสายเป็นอันดับรองลงมา ส่วนการเดินตัดตะวันหรือไปตามทิศเหนือทิศใต้ไม่เห็นท่านเดินเลย นอกจากไม่เคยเห็นท่านเดินแล้ว ยังได้ยินท่านว่าไม่ควรเดิน


    • การเดินจงกรมกลับไปกลับมาไม่ช้านักไม่เร็วนัก พองามตา งามมรรยาท ตามเยี่ยงอย่างประเพณีของพระผู้ทำเพียรท่าเดินในครั้งพุทธกาล เรียกว่าเดินจงกรมภาวนา เปลี่ยนจากวิธีนั่งสมาธิภาวนามาเป็นเดินจงกรมภาวนา เปลี่ยนจากเดินมายืน เรียกยืนภาวนา เปลี่ยนจากยืนมาเป็นท่านอนเรียกว่านอนภาวนา


    • ก่อนเดินจงกรม พึงกำหนดหนทางที่ตนจะพึงเดินสั้นหรือยาวเพียงไรก่อน ว่าเราจะเดินจากที่นี่ไปถึงที่นั้นหรือถึงที่โน้น หรือตกแต่งทางจงกรมไว้ก่อนเดินอย่างเรียบร้อย สั้นหรือยาวตามต้องการ


    • วิธีเดินจงกรม ผู้เดินกรุณาไปยืนที่ต้นทางจงกรมที่ตนกำหนดหรือตกแต่งไว้แล้วนั้น พึงยกมือทั้งสองขึ้นประณมไว้เหนือระหว่างคิ้ว ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ที่ตนถือเป็นสรณะคือที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของใจ และระลึกถึงคุณของบิดามารดาอุปัชฌาย์อาจารย์ตลอดท่านผู้เคยมีพระคุณแก่ตนจบลงแล้วรำพึงถึงความมุ่งหมายแห่งความเพียรที่กำลังจะทำด้วยความตั้งใจเพื่อผลนั้นๆ เสร็จแล้วปล่อยมือลง


    • เอามือขวาทับมือซ้าย ทาบกันไว้ใต้สะดือตามแบบพุทธรำพึง เจริญพรหมวิหาร ๔ จบแล้วทอดตาลงเบื้องต่ำท่าสำรวม ตั้งสติกำหนดจิตและธรรมที่เคยนำมาบริกรรมกำกับใจหรือพิจารณาธรรมทั้งหลายตามแบบที่เคยภาวนามาในท่าอื่นๆ เสร็จแล้วออกเดินจงกรมจากต้นทางถึงปลายทางจงกรมที่กำหนดไว้


    • เดินกลับไปกลับมาในท่าสำรวม มีสติอยู่กับบทธรรมหรือสิ่งที่พิจารณาโดยสม่ำเสมอไม่ส่งจิตไปอื่นจากงานที่กำลังทำอยู่ในเวลานั้น การเดินไม่พึงเดินไกวแขน ไม่พึงเดินเอามือขัดหลัง ไม่พึงเดินเอามือกอดอก ไม่พึงเดินมองโน้นมองนี่อันเป็นท่าไม่สำรวม


    • การยืนกำหนดรำพึงพิจารณาธรรม นั้นยื่นได้โดยไม่กำหนดว่าเป็นหัวทางจงกรมหรือย่านกลางทางจงกรมยืนนานหรือไม่ ตามแต่กรณีที่ควรหยุดอยู่หรือก้าวต่อไปเพราะ การรำพึงธรรมนั้นมีความลึกตื้นหยาบละเอียดต่างกันที่ควรอนุโลมตามความจำเป็นจนกว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วก้าวเดินต่อไป บางครั้ง ต้องยืนพิจารณาร่วมชั่วโมงก็มี ถึงจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วก้าวเดินต่อไป


    • การเดินกำหนดคำบริกรรมหรือพิจารณาธรรม ไม่นับก้าวเดิน นอกจากจะถือเอาก้าวเดินนั้นเป็นอารมณ์แห่งความเพียร ก็นับก้าวได้ การทำความเพียรในท่าใด สติเป็นสิ่งสำคัญประจำความเพียรท่านั้นๆ การขาดสติไปจากงานที่ทำเรียกว่า ขาดความเพียรในระยะนั้นๆ ผู้บำเพ็ญพึงสนใจสติให้มากเท่ากับสนใจต่อธรรมที่นำมาบริกรรม การขาดสติ แม้คำบริกรรมภาวนาจะยังติดต่อกันไปเพราะความเคยชินของใจก็ตาม แต่ผลคือ ความสงบของจิตจะไม่ปรากฏจามความมุ่งหมาย


    • การเดินจงกรมจะเดินเป็นเวลานานหรือไม่เพียงไร ตามแต่จะกำหนดเอง การทำความเพียรในท่าเดินก็ดี ท่ายืนก็ดี ท่านอนก็ดี ท่านั่งก็ดี อาจจะเหมาะกับนิสัยในบางท่านที่ต่างกัน การทำความเพียรในท่าต่างๆ นั้นเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถไปในตัวด้วย ไม่เพียงมุ่งจำกัดกิเลสโดยถ่ายเดียว เพราะธาตุขันธ์เป็นเครื่องมือทำประโยชน์จำต้องทีการรักษา เช่น การเปลี่ยนอิริยาบทท่าต่างๆเป็นความที่เหมาะสมสำหรับธาตุขันธ์ที่ใช้งานอยู่เป็นประจำ ถ้าไม่มีการรักษาด้วยวิธีต่างๆ ธาตุขันธ์ต้องกลับมาเป็นข้าศึกแก่เจ้าของจนได้ คือ ต้องพิกลพิการไปต่างๆ สุดท้ายก็ทำงานไม่ถึงจุดที่มุ่งหมาย


    • ท่านที่เริ่มฝึกหัดใหม่ กรุณากำหนดเวลา ในการเดินจงกรมเอาเอง แต่กรุณากำหนดเผื่อไว้บ้าง เวลากิเลสตัวร้อยเล่ห์พันลวงมาแอบขโมยเอาสิ่งของ จะได้เหลือคำภาวนาติดตัวไว้บ้าง


    • ขณะเดินจงกรม พึงกำหนดสติกับคำบริกรรมให้กลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ประคองความเพียรด้วยสติสัมปชัญญะ มีใจแน่วแน่ต่อธรรมที่บริกรรม เช่น กำหนดพุทโธให้จิตรู้อยู่กับพุทโธทุกระยะที่ก้าวเดินไปและถอยกลับมา ชื่อว่า ผู้มีความเพียรในท่านั้นๆ ไม่ขาดวรรคขาดตอนไปในระหว่าง ตามที่ตนเข้าใจว่าบำเพ็ญเพียร ผลคือความสงบเย็น




    ====================================================​




    ถ้าจิตไม่เผลอตัวไปสู่อารมณ์อื่นในระหว่างเสียก่อนผู้ภาวนาต้องหวังได้ครองความสุขใจในขณะนั้นหรือขณะใดขณะหนึ่งแน่นอน ข้อนี้กรุณาเชื่อไว้ก่อนก็ได้ว่า พระพุทธเจ้าและครูอาจารย์ที่ท่านสอนจริงๆ ด้วยความเมตตาอนุเคราะห์ ท่านไม่โกหกให้เสียเวลาและเปล่าประโยชน์แน่นอน ก่อนท่านจะได้ธรรมมาสั่งสอนประชาชน ท่านก็คือผู้ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยความลำบากทรมานผู้หนึ่งก่อนเราผู้กำลังฝึกหัด จึงไม่ควรสงสัยว่าท่านเป็นผู้ล้างมือคอยเปิบมาก่อนท่าเดียว โดยไม่ลงทุนลงรอนมาก่อน



    ทุนของพระพุทธเจ้าก็คือความสลบไสลไปสามหน ทุนของพระสาวกบางองค์ก็คือฝ่าเท้าแตก และเสียจักษุไปก็มี ต่างๆกัน แต่ได้ผลที่พึงใจทั้งเลิศทั้งประเสริฐทั้งอัศจรรย์เหนือโลกเป็นเครื่องสนองตอบแทนสิ่งที่เสียไป เพราะความเพียรอันแรงกล้านั้นๆ ท่านข้ามโลกไปได้โดยตลอดปลอดภัยไร้ทุกข์ทั้งมวล...



    ควรฝึกหัดคิดอ่านตัวเองบ้างในขณะที่พอคิดได้อ่านได้ เมื่อเข้าสู่ที่คับขันและสุดความสามารถจะดิ้นรนได้แล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าไปนั่งทำบุญให้ทานรักษาศีลทำสมาธิภาวนาอยู่ในกองฟืนกองฟอนในเตาแห่งเมรุได้ เห็นมีแต่ไฟทำงานแต่ผู้เดียวจนร่างกายเป็นเถ้าถ่านไปถ่ายเดียวเท่านั้น เราเคยเห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาด้วยกัน ซึ่งควรสลดสังเวชและน่าฝังใจไปนาน



    การเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา คือการกลั่นกรองหาสิ่งที่เป็นสารคุณในตัวเรา ซึ่งเป็นงานสำคัญและมีผลเกินคาดยิ่งกว่างานอื่นใด จึงไม่ยอมให้กิเลสตัณหาอวิชชามาหลอกเล่นให้เห็นเป็นงานล่อลวงล่มจมป่นปี้ไม่มีชิ้นดี...



    การกลั่นกรองจิตด้วยสมาธิภาวนา คือการกลั่นกรองตัวเราออกเป็นสัดส่วน เพื่อทราบว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม อันไหนจะพาให้เกิดทุกข์ อันไหนจะพาให้เกิดสุข อันไหนจะพาไปนรก อันไหนจะพาไปสวรรค์ และอันไหนจะพาไปนิพพานสิ้นทุกข์ทั้งมวลนั้นเอง




    การกำหนดจิตตั้งสติในเวลาเดินจงกรม กรุณาทำเป็นล่ำเป็นสันสมที่่เจตนา มุ่งหน้าหาข้อดี การเดินจงกรมภาวนาเป็นการแสวงหาของดีที่ถูกทางไม่มีข้อควรตำหนิ นักปรราชญ์ชมเชยกันทั่วโลก ควรพยายามทำจิตใจให้สงบในเวลานั้นจนได้ อย่าสักแต่ว่าทำ จะเห็นความประเสริฐอัศจรรย์ของตัวเอง...



    การเดินจงกลมจึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถทำกิเลสให้หลุดลอยออกจากใจได้เช่นวิธีทั้งหลาย มีการนั่งสมาธิภาวนา เป็นต้น จึงควรสนใจฝึกหัดทำตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป...




    ครั้งหน้าจะมาต่อ เรื่อง วิธีนั่งสมาธิภาวนา....​
     

แชร์หน้านี้

Loading...