องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..ทรงอุบัติขึ้นแล้วในเวลานี้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย โซ, 23 ตุลาคม 2014.

  1. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอโทษสมาชิกและผู้บริหารเว็ปน่ะครับผมก็อป ลิ้งค์จากห้องพุทธศาสนามาไว้ที่นี่อีกที่นึงน่ะครับ..ผมเห็นว่าสักวันมันจะมีประโยชน์และจะเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต


    http://palungjit.org/threads/องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า-ทรงอุบัติขึ้นแล้วในเวลานี้.540362/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  2. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    เรียนท่านผู้บริหาร เวพพลังจิตที่นับถือ
    ผมเป็นสมาชิกเวพพลังจิต ผมขอแสดงข้อคิดเห็นนะครับว่า ถ้าหากท่านเห็นว่า**กระทู้ใดๆ+ขัอคิดเห็นใดๆ ที่ส่อให้เห็นว่า มันจะเป็นโทษ แก่บุคคลทั้งหลายมีทั้งคนที่เข้ามาเยี่ยม รวมถึงสมาชิกด้วยนะครับ โดยรู้เท่าไม่ถึง เจตตานาหรือ ไม่เจตตนา ผมขอให้ท่านได้มีจิตเมตตา และสงสารบุคคลทั้งหลายด้วยนะครับ ผมขอให้ท่าบริหารจงบร็อกข้อความคิดเห็น หรือกระทู้นั้นเสีย
     
  3. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    กระทู้ผมโดนลบ..เสียดายที่ไม่ได้เห็นความผิด ตกบกพร่องของตนเอง
    แต่ระลึกไว้..ไม่ได้คิดอะไรเพียงแค่ความบกพร่องตรงนั้นเราไม่สามารถ
    นำมาแก้ไขตนเอง เพื่อจะพัฒนาในสิ่งที่มีบุคคลจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วย
    ถ้าเราสามารถนำความผิดนั้น...ไปแก้ไข..เราอาจจะสามารถเข้าไปอยู่
    ในใจเขาเหล่านั้นได้..มันเป็นโอกาสในธรรมที่เราสามารถโน้มน้าว น้อมนำได้

    ธรรมของเราเป็นไปเพื่อเรียนรู้ในปัจจุบันกาล ไม่ใช่เพื่อถึงพร้อมที่สุดแห่ง
    การยึดติดปล่อยวาง ปฏิบัติเข้าถึงความวิมุติเป็นเรื่องอนาคตกาล ที่กำลังเฝ้ารอ
    เมื่อโอกาสพร้อม แม้มันเล็กน้อย จะมีใครรู้บ้างไหมว่า เราใส่ใจทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้น
    เราไม่ได้ยึด แต่เราเรียรรู้ที่จะละมันโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆเหลืออยู่ ตำราเขามีว่าไว้แล้วเรารู้
    เพียงแต่ต้องการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อหมดความสงสัยนั้นโดยสิ้นเชิง
     
  4. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    เพี้ยนหนักขนาดนี้เลยเหรอ?
     
  5. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณมากครับที่เตือนสติ......คุณไม่รู้ตัวเหรอว่าสิ่งนี้ที่ผมต้องการ
    คุณได้เข้ามาเป็นประเด็นส่วนหนึ่งในมุมมอง
    ในอนาคตที่เราจะเดินหน้าในการเผยแผ่ธรรม
    สิ่งนั้นคุณก็คิดเอาเองว่า..ตรงไหน เมื่อคุณเห็นในความเพี้ยนของผม

    ความเพี้ยนในตัวผมมีใครเหมือนผมบ้างครับในชาตินี้
    ในความเป็นเด็กเกิดจากครอบครัวยากจน..ต้องดิ้นรน
    ต่อสู้...เรียนจบแค่ ป.6 เพราะมีปัญหาเรื่องครอบครัว
    แค่คิดผิดเพียงเรื่องเล็กน้อย...ความเป็นเด็กเฝ้าคิด
    พิจารณาว่าเราอยากจะบวชตลอดชีวิต..เราไม่รู้ว่า
    บวชนั้นต้องกระทำ..ให้ถึงความพร้อมในเรื่องใด
    รู้แต่เพียงว่าอยากบวช..เมื่อโตขึ้นทำบัตรประชาชน
    เข้ามาทำงานในเมืองหลวง..ต้องต่อสู้ชีวิตดิ้นรน
    ทำมาหากิน..แต่ก็ยังเฝ้าคิดทุกวันเหมือนเดิมว่าอยากบวช
    ตลอดชีวิต..และกระทำเพื่ออนาคต เห็นว่าการศึกษา
    เท่านั้นที่จะทำไห้ชีวิตดีขึ้นเลยได้เรียนต่อ....ก็จบแล้ว
    ณ.ปัจจุบันเป็นที่น่าพอใจ..ไม่คิดต่อแล้ว เพราะเรา
    จะพอแล้วทุกสิ่ง....ในอีก3ปีข้างหน้านี้ในสิ่งที่เฝ้า
    รอมาตลอดชีวิต....ในชีวิต..ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
    ไม่ยุ่งกับผู้หญิงเลย(แต่ก็ยังหวังนิดๆถ้ามีมาก็ดี
    ขอแค่ลิ้มชิมลองบ้าง ว่ามันอร่อยมั้ย ที่ทุกคนนั้น
    ได้เสพกันว่าเป็นของดี ..ในบางครั้งใจอยากตั้งสัจจะ
    อธิษฐานแต่ก็ยังมีความอยากอยู่นิดๆ ตอนนี้กำลังสู้กับความคิดนี้อยู่)
    ความหวังในความเป็นผู้สำเร็จ ..ในทางความหวังที่ตั้งใจ
    ว่าในอนาคตข้างหน้าเราต้องเป็นอย่างนั้นให้ได้
    มีมาแล้วแต่ครั้งยังวัยรุ่น ว่าเราต้องกระทำกิจ ให้ลุล่วง
    ไปให้ได้ ตัวอย่างเล็กน้อยที่เคยตั้งเป้าไว้ คือ ผมคิดฝันไปว่า
    เรามาจากครอบครัวที่ยากจน..เราจะประสบความสำเร็จมั้ยใน
    อนาคตโดยยื่นข้อเปรียบเทียบให้กับตัวเองดังนี้
    ตอนอายุ17 ได้ไปเยี่ยมคนที่รู้จักที่ นนทบุรีไปโดยรถโดยสาร
    (ผมอยู่บางกระปิ) ขากลับมีความคิดว่า เอาล่ะนี่เป็นปฐมบทของความ
    เข้าถึงความสำเร็จเราในอนาคต
    ว่าอนาคตที่เราตั้งเป้าไว้จะสำเร็จลุล่วงไปได้หรือไม่ โดยการตั้งใจเอาไว้ว่า
    เราจะทำความเพียรโดยการเดินจากที่นี่ไปให้ถึง เซ็นทรัลลาดพร้าว
    โดยเดินเริ่มต้นจาก..... วัดชมพูเวกที่ห่างจากวังฟ้าชายในตอนน้ั้น
    ประมาณ1-3กิโลได้...ตอนนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรแล้วเพราะไม่ได้ไปที่นั่น
    นานมากแล้ว และเราก็ทำได้ ...เราก็ดีใจว่าในอนาคตเราจะต้องกระทำสิ่งที่หวัง
    สำเร็จแน่ การเดิน เริ่มตั้งแต่ 18.00น.ถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวประมาณ01.00น.
    คือเดินบ้างหยุดบ้าง...นอนบ้าง ตามป้ายรถเมล์ และก็ต่อรถเมล์ไปบางกระปิต่อ
    เพราะตั้งใจไว้แค่นั้น และก็ยังมีตามมาอีกหลายครั้ง ที่
    เดินจาก ดอนเมืองไปบางกระปิ
    เดินจาก สนามหลวงไปบางกระปิ
    เดินจาก อ่อนนุชไปอโศกแล้ววนกลับมาที่พระโขนงไปบางกระปิ
    การเดินของผมทำไปเพียงเพื่อสัจจะ ตอนอายุ17ปี และมีอีกหลาย
    การกระทำ..เพื่อทดสอบความบ้า ความพยายาม ต่อสิ่งที่จะเกิดและหวัง
    ในอนาคต..ที่จะต้องทำให้ได้ ชีวิตในวัยเด็กยันโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีความสุข
    สนุกสนานมากนัก......เพราะเฝ้าคิดแต่อยากจะบวชและดำเนินชีวิตเพียงเพื่อ
    จะให้ชีวิตของครอบครัว..ดีขึ้น เพียรพยายามเฝ้าฝึกตนกระทำตนให้เหมือนชีวิต
    นักบวชอยู่เนืองๆเรื่อยมา...จนเพื่อนก็มองว่าเราเพี้ยน เหมือนที่คุณเตือนสติผม
    ตอนนี้แหละครับ ....เขาไปเที่ยวภูเขา ทะเล สวน โรงหนัง ห้าง
    สถานที่ให้ความเพลิดเพลินต่างๆ
    ผมก็ไม่ไปกับเขา เพียงผมมองว่ามันไม่เที่ยง มันไม่ถาวร
    เพราะสุดท้ายมันก็ต้อง...กลับมาอารมณ์เดิม เวลากินหรือทำอะไร
    พยายามตามรู้ ฝึกอยู่เรื่อยๆจากที่เราได้รู้ ได้ยินได้ฟังมา เพื่อนๆก็หาว่า
    เราบ้าหรือเพี้ยน....เหมือนคุณนี่แหละ ผมพยายามเข้าให้ถึง
    ธรรมชาติของคนส่วนมากให้มากๆเพราะสิ่งที่ผมจะทำในอนาคต
    ผมมองว่ามันยิ่งใหญ่...มากสำหรับตัวผม เพราะสามารถวัดความรู้
    ความพร้อม ความมั่นคง ของเขาเหล่านั้น
    ได้และจะสามารถเข้าไปถึงความต้องการของเขาเหล่านั้น
    ได้อีกเช่นกัน วันนี้คุณไม่เข้าใจ....ไม่เห็นด้วย ไม่เล่นด้วยกับผมก็ตาม
    สักวันคุณคงจะเข้าใจเมื่อเวลานั้นมาถึง..เพราะผมมีอีกบทบาทนึงที่ต้องแสดง
    แต่ไม่ใช่เวลานี้ ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมเลอะเทอะ.....ก็เพียงเพื่อลองหยั่งดู
    ตอนนี้ผมแค่อาจจะชวนคุณไปเล่นขายของ ..คุณอาจจะไม่อยากเล่น
    เพราะคุณโตแล้ว.....คุณอยากจะทำธุระกิจส่วนตัวที่ได้เงินจริงๆ
    ก็ไม่เป็นรัยผมเล่นเองก็ได้ แต่สิ่งที่ผ่านมาบทพิสูจน์บางอย่าง
    บอกผมแล้วว่า ....ผมกระทำมันได้สำเร็จมาตลอด เป็นอย่างที่ตั้งใจ
    เพราะผมต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก...มาตั้งแต่เด็กทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    มันมาจากความมุ่งหวังเล็กๆ และได้เฝ้าเพียรพยายาม
    ดูสิ่งที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปของธรรมชาติของคน
    เฝ้าดูมันว่าคนเรารักที่จะสนุกกับสิ่ง....ที่เกิดขึ้นนั้นมันมีผลอย่างไร
    และเราจะทำอย่างไรให้เขาปล่อยสิ่งเหล่านั้นด้วยถ้อยคำ
    ที่ฟังดูง่ายที่เข้าถึงได้ยาก ปฏิบัติให้ได้เหมือนของง่าย
    เลยเกิดกระทู้เพี้ยนๆ...ที่ผมตั้งมานั่นแหละครับ ผมบอกได้เลยครับว่า
    ผมยังเข้าไม่ถึงธรรมหรอกครับ..เพียงเพื่อจะเข้าไปในใจของทุกคน
    ว่าต้องการแบบไหน สิ่งไหน ที่เขาเหล่านั้นต้องการ...ที่จะรู้ได้โดยง่าย
    ชอบบทบาทคำพูดแบบไหนชอบตัวแสดงแบบไหนที่เขาดูแล้ว
    คล้อยตามเรื่องที่แสดง เพราะผมรู้มาอีกอย่างว่า คนที่แสดงดี
    น่าสงสาร อาภัพ สวย หล่อ แบบนั้นคนส่วนมากต้องการ
    มันมีอีกหลายอย่างในตัวละครที่แสดง
    ที่เขาเหล่านั้นชอบ หรือ ไม่ชอบ มีอยู่ แล้วคุณคิดว่า
    ตอนนี้คุณเป็นคนดู หรือ แสดง
    แต่ตอนนี้ผมอยากบอกคุณว่าผมกำลังกำกับดูบทอยู่ว่า
    เขาต้องการละครแบบใด
    ผมพยายามเพียรเฝ้ากระทำมันมาแล้วแบบนี้ในตอนเด็ก
    เคยกระทำสิ่งไม่ดีมาก็เยอะ..เพราะมันเป็นช่วงที่เราต้องเรียนรู้
    แต่ไม่เคยกระทำผิดกฏหมาย ก็แค่ทำบาปทำกรรม
    ไปในความเป็นอยู่ของเราปกติ อดทนทั้งน้ำตากับคำว่า
    เราต้องอดทนด้วยสติของเราเอง...เราต้องจัดการทุกเรื่อง
    ให้มันจบด้วยสติปัญญาของเราเอง เป็นคนที่ไม่ไปขอความช่วยเหลือ
    ใครได้ง่ายๆ....แม่ถามว่านี่...เมื่อไหร่เราจะบวชให้แม่ ผมบอกว่าแม่
    ผมขอทำหน้าที่ในทางโลก...ศึกษาเข้าใจความเป็นคนให้สมบูรณ์ก่อน
    เข้าใจความต้องการที่แท้จริงในทางโลกก่อน..ให้รู้ ให้เบื่อก่อน แล้วจะบวชให้ถาวร
    ตลอดชีวิตเลย เพราะน้องของผมได้บวชให้แม่
    ได้เห็นชายผ้าเหลืองแล้ว ผมเลยไม่ได้บวชให้แม่ตอนอายุ20
    และนี่ผมได้ตั้งเป้าแล้วว่า อีกประมาณ2-3ปี ผมจะละแล้วทุกสิ่ง
    ทิ้งทุกสิ่ง...แม้ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากนัก ผมก็พอใจแล้ว
    ใจมั่นคงเกินมา70%แล้ว..ละได้เกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ตัณหาเท่านั้น
    ที่ต้องต่อสู้กับมันอยู่ ...เพราะผมมองว่าผมต้องทำให้ได้ ให้สำเร็จ
    และต้องเป็นตัวอย่าง ...อย่างยิ่งยวดแก่สังคมสมัยนี้ที่มองว่า
    พระในศาสนาเริ่มเสื่อมแล้ว
    ให้เขาเหล่านั้นได้มุมมองความเป็นศาสนาที่ดีต่อไป ให้มั่นคง
    ตั้งเป้าไว้เรียนธรรมประมาณ5-8ปี ที่เหลือออกทุดงส์เผยแผ่ธรรมที่มี
    ให้ผู้คนได้เข้าใจอย่างมีความ เชื่อมั่น ศรัทธา เท่าที่กำลังได้อยู่
    เมื่อเราอยู่ในทางโลกก็ปฏิบัติตนเท่าทีปัญญาเรามีอยู่
    เมื่อเข้าสู่ความเป็นบรรพชิตก็ต้องปฏิบัติให้ได้ ได้ตรงกับบวรพุทธศาสนาอย่่างแท้จริง
    เราจะไม่พร่ำพ้อ เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน จะกระทำและพูดในสิ่งที่เป็นจริง
    จะไม่กล่าวสิ่งหรือกระทำในสิ่งที่ไม่เป็นจริง เพราะนั่นคือสัจจะของผม
    ถามว่าคุณจะทำแบบนี้ไปทำไม ผมรู้และตอบได้ความในใจตอนนี้100%ว่า
    ผมมองว่ามันเป็นหน้าที่ ที่ผมต้องทำ
    จะมองหรือไม่เข้าใจผมไม่เป็นไร ผมรู้แต่เพียงว่า ผมจะทำไห้มันดีที่สุด
    ไม่ยึด ปล่อยทุกอย่างลงหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มักมากในอาหาร ไม่รับทรัพย์สิน
    แม้เป้าหมายไปไม่ถึง ก็ไม่เป็นรัย ชาติหน้าเอาใหม่ แม้จะอด ต้องทน
    แม้จะตายต้องเผชิญ เพียงเพื่อได้สะสมแล้วซึ่งตบะบารมี พยายามแตะเพดาน
    ของพระนิพพานไว้ด้วยสติและชีวิตที่ยังมีอยู่ นี่เป็นสิ่งเล็กน้อยของความเพี้ยนที่ผมเฝ้ากระทำมา
    มันยังมีเรื่องราวอีกเยอะที่มันเยอะมาก จนขี้เกียจพิมพ์ของผมที่มีมาตั้งแต่เด็กจนอายุ39 แล้วครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2014
  6. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    ความคิดคุณดูสับสนเล็กน้อยนะ หมายถึงเอาเรื่องอื่นมาพันกันทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกัน
    เท่าที่อ่านสิ่งที่คุณตอบมามันไม่ได้เกี่ยวกับที่ผมแย้งไปเลย

    ผมไม่เห็นด้วยที่คุณกล่าวว่าพระพุทธเจ้าอุบัติแล้วตอนนี้
    แต่คุณกลับตอบด้วยเรื่องราวในอดีตของตัวคุณ
    ที่เก็บกดด้วยความน้อยใจ

    ถ้าคุณไม่อยากเกิดมาลำบากอีก ขอให้หาทางแก้
    ไม่ใช่การมาประชด โดยตอบมาเชิงขอให้คนเห็นใจ ..
    ผมก็อายุไล่ๆกะคุณ ผ่านความทุกข์ก็มากอยู่
    แต่อาจจะไม่ได้เลวร้ายมาก

    แต่ตลอดเวลาเป็นสิบๆปีที่ผมคอยแสวงหาคำตอบ บางอย่างนั้น
    จึงประจักแล้วว่า ถ้าไม่อยากลำบากแล้วต้องมาประชดชีวิต
    ควรหมั่นทำทาน เป็นนิจ และทานจะมากได้นั้น มากที่กำลังใจ
    ไม่ใช่จำนวนเงิน

    ส่วนความมุ่งหมายที่ดีของคุณ ผมขออนุโมทนาด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2014
  7. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณมากครับ ที่เตือนสติน่ะครับ
    อย่างน้อยผมก็ได้รู้แล้วว่าเราควรระมัด
    ระวังในเรื่องใด พยายามเดินทางให้
    รัดกลุม ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
    เพราะผมอยากจะเข้าไปในใจของทุก
    คนให้ได้อย่างสนิทใจ
     
  8. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    ทำไมคุณถึงมาเข้าห้องพุทธภูมิครับ พอจะบอกได้มั้ยครับ?
     
  9. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    คุณโซ คำตอบของคุณ วกๆวนๆ จับอะไร ไม่ได้เลย หลวงพ่อทั้งหลาย พระอริเจ้้าทั้งหลาย ท่านได้เมตตา เตือนสติพวกเราทัั้งหลายเสมอว่า**ให้ศึกษาพระธรรม แล้วเอาปฎิบัติ หรือเอามาสอนตนเอง ให้เข้าใจเสียก่อน สอนตนเองให้ได้เสียก่อน เมื่อคุณสามารถสอนตนเองได้แล้ว คุณคงไม่มีปัญหา หรือคำถามแบบนี้ อย่างแน่นอน ขอให้โชคดีนะครับ
     
  10. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    อยากบอกครับ..แต่คิดว่าสิ่งนั้นยังไม่ถึงความพร้อมของสัจจะครับ
    เพราะสิ่งนั้นมันต้องปรากฏเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนก่อนครับ
    เพราะบางครั้งสิ่งที่หวังตั้งใจ..พูดออกไปไม่เป็นจริง เราอาจจะดู
    เหมือนคนโง่ มั่ว เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน ไร้สติ เพียงเพื่อหวังลมๆแล้งๆ
    เมื่อเรากระทำต่อสิ่งมุ่งหวัง เป็นตรงข้ามกับสิ่งที่เราได้เคยบอก
    หรือกล่าว เขาจะมองว่า นี่หรือ สิ่งที่ถูกต้องที่สุด กระทำ เรียนรู้
    ปฏิบัติที่ถูกต้องแล้วมันเป็นอย่างนี้หรือ ไม่เห็นถูกเลย จากเสียงข้างมาก
    มันจะกระทบต่อสิ่งที่เราได้ปฏิญาณออกไป ผมเลยมองว่ามันเป็นเรื่อง
    ของสัจจะครับ ยังไม่ได้อธิษฐาน (ไม่แน่ครับ ผมอาจจะได้เคยอธิษฐาน
    ไว้แล้วในอดีตกาลที่ผ่านมาก็เป็นได้ครับ) ไม่ต้องกล่าวน่ะครับว่า
    ผมจะเป็นและทำอะไร เพราะทางเดินผมเลือกของผมเอง ผมไม่เชื่อใครทั้งนั้น
    ผมจะเชื่อเพียงปัญญาเท่าที่ผมมี ไม่หวังให้สำเร็จโดยเร็วพลัน มันอาจจะนาน
    อีกเป็นอสงไขยกัปป์ก็เป็นได้ เพราะผมรู้เพียงว่า ที่ผ่านมา ผมต้องเรียนรู้
    และต้องทนอยู่กับความเจ็บปวด อดทนเฝ้ารอ กำลังเรียนรู้ว่า ปัญญา หรือ วิริยะนั้น
    มันเป็นอย่างไร เราจะกระทำสิ่งไหน ที่ตัวเองจะเป็น ต้องทนสู้กับมันด้วยความคิดล้วนๆ
    หาคำตอบเอง ทั้งที่คำตอบได้อยู่ในพระไตรปิฎกแล้ว เพราะบางทีเรา
    อ่านแล้ว ก็เพียงรู้ว่าเข้าใจ แต่ปฏิบัติเข้าให้ถึงนั้นยาก เลยมองว่าเป็นคนคิดมาก
    เพราะสิ่งที่ผมพิมพ์ออกมามันมาจากในจิตผมล้วนๆ มันไม่ได้เพียงสื่อออกมาให้
    ดูดี เข้าท่า เพราะผมจะพยายามกระทำสิ่งที่มันเป็นจริงที่เป็นอยู่เท่านั้น
    ถามว่ามาห้องนี้ทำใม ผมมองว่าความเป็นห้องของพุทธภูมิย่อมมีบุคคลที่อาจจะให้คำตอบ
    ที่คิดเหมือนผม ที่จะหาวิธีเผยแผ่ธรรม ให้ขจรขจายไปทั่วโลก เข้า
    ถึงใจของทุกคนโดยวิธีที่ง่าย และแยบยล ลึกซึ้ง เพื่อจะเก็บรวบรวม เอามาผสมดัดแปลง
    เพื่อไปสู่บุคคลอื่นให้เข้าใจได้โดยง่าย เพราะที่ผ่านมาผมเฝ้าดู ศึกษา
    ธรรมมาบ้างเล็กน้อย ตอนนี้ ผมคิดว่ามันควรได้เริ่มต้นแล้ว ในทางที่ผมไ้ด้เฝ้าคิดมาตลอด
    ผมเข้ามาไม่ได้หวังอะไรมากเพียงเพื่อต้องการหยั่งดูเท่านั้นว่า
    บุคคลผู้มีภูมิธรรม ส่วนมากต้องการ รู้ เรียน สื่อ ไปทิศทางใด เพราะผมจะได้
    อยู่อย่างถูกต้องให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ให้ผู้คนเกลียดน้อยที่สุด
    เพียงเพื่อหยั่งความศรัทธาให้เกิดแก่เขาเหล่านั้นโดยไม่มีข้อสงสัย
    เป็นงัยครับคุณว่ามันมากไปมั้ย มันเว่อร์เกินไปมั้ย ผมรู้ว่ามันมาก แต่ที่ผ่านมา
    ถ้าผมจะทำอะไร ต้องให้ประสบความสำเร็จให้ได้ เหมือนกันผมจะเข้ามาทำงาน
    ให้พระพุทธศาสนาผมก็ต้องเรียนรู้ เข้าใจ ปฏิบัติให้ตรงตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน
    อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะ ปริยัติ ปฏิบัติ พยายามแตะปฏิเวธให้มากที่สุด
    ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ใช่มั้ยครับ อย่ามองอย่างนั้ยเลยครับมันเป็นเพียงอาจจะความ
    เพ้อเจ้อของคนๆนึงก็ได้ครับ แต่ที่รู้ๆผมต้องทำ คุณรอดูแล้วกัน ถ้าผมยังพอจะมีคำว่าบุญอยู่ ถ้าไม่ตายไปเสียก่อน
     
  11. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับ..บางทีอาจจะเป็นอย่างที่คุณว่า
    มันดูสับสน ซับซ้อน จนบอกไม่ถูกอย่างน้อย
    แนวทางแบบนี้.....ไม่เหมาะที่จะนำมาเสนอ
    มันเหมือนเป็นการเอาอาการของคนเพ้อ ฟุ้งซ่าน ของตนมาแสดง
    มีใครเคยคิดเหมือนเราบ้างมั้ยน้อ ว่าก่อนที่พระพุทธเจ้า
    ท่านตรัสรู้ ในอสงไขยกัปป์ ท่านเรียนรู้อะไรมา
    อยู่กับธรรมชาติของโลก ในวัฏฏะ..ท่านเป็นและกระทำอย่างไร
    ท่านถึงได้มาตรัสรู้ในชาตินี้ ท่านคงกระทำดีมาตลอด
    ไม่บ้า ไม่ใบ้ ไม่เพ้อ ไม่ฟุ้งซ่าน ตั้งแต่ปฐมจิตที่เกิดขึ้น
    เพียงเราต้องการเรียนรู้ในทางโลกให้เข้าถึงธรรมชาติ
    ของความต้องการ...สักวันเรามีโอกาสจะได้บอกกล่าว
    ให้เขาเหล่านั้นเข้าใจได้โดยง่าย...ไม่ยึดติดกับอบาย
    จนมากเกินไป..ยกตัวอย่างในความง่ายคือ
    เรื่องมีอยู่ว่า...มีตายายแก่ๆอยู่คู่หนึ่งมีความขัดสนยากจนมาก
    ต้องอาศัยอยู่ในกระต๊อบ หากินเพื่อประทังชีวิตให้ลอดพ้นไปวันๆ
    ได้กินบ้างอดบ้างเป็นธรรมดา วันนึงสองตายายหิวมากจนใจจะขาด
    แล้วทั้งสองจึงได้ออกไปที่กลางทุ่ง ไปเจอหนองน้ำเล็กๆมีปลาอยู่
    สัก3-4ตัว ทั้งสองจึงบอกกล่าวกันว่า เราทั้งสองลอดตายแล้ว
    ปลาเหล่านี้แหละคือชีวิตของเรา แต่ดันมี4บุคคลที่เกิดขึ้นมาใน
    หัวของผมคือ
    คนที่1..เป็นชาวบ้านเดินผ่านมาเห็นพอดี เขาเป็นคนดีค่อนข้าง
    ใจบุญเล็กน้อย เห็นสัตว์กำลังจะตายเป็นอาหาร ก็เลยบอก
    แก่ตายายนั้นว่า ตา ยาย อย่าไปทำมันเลย มันน่าสงสาร
    มันเป็นบาปกรรม ปล่อยมันไปเถอะ แล้วก็เดินจากไป
    คนที่2..เป็นชาวบ้านเดินผ่านมาเห็นพอดี เขาเป็นคนดีค่อนข้าง
    ใจบุญเละก็เป็นคนมีฐานะ เห็นสัตว์กำลังจะตายเป็นอาหาร ก็เลย
    บอกแก่ตายายนั้นว่า ตา ยาย อย่าไปทำมันเลย มันบาปเป็นกรรม
    มันน่าสงสาร....ปล่อยมันไปเถอะ แล้วเอาเงินให้
    คนที่3..เป็นพระเดินผ่านมาเห็นพอดี เห็นสัตว์กำลังจะตายเป็นอาหาร ก็เลย
    บอกแก่ตายายนั้นว่า โยม อย่าไปทำมันเลย มันบาปเป็นกรรม
    มันน่าสงสาร....ปล่อยมันไปเถอะ แล้วก็เทศเรื่องเวรกรรม บุญ บาป
    ให้ฟัง แล้วก็เดินจากไป

    คนที่4..เป็นพระอริยะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีฤทธิ์ อภิญญา มีชื่อเสียง
    โด่งดังเป็นที่เคารพของคนทั่วไปเดินผ่านมาเห็น
    พอดี เห็นสัตว์กำลังจะตายเป็นอาหาร ก็เลยบอกแก่ตายายนั้นว่า
    โยมอย่าไปทำมันเลย มันบาปเป็น...กรรม มันน่าสงสาร
    ปล่อยมันไปเถอะ เทศแล้วก็แสดงฤทธิ์อภินิหารให้เป็นที่ประจักษ์
    แล้วก็เดินจากไป
    ท่านคิดว่าการจะบอกกล่าว หรือ ตักเตือน สั่งสอน ท่านคิดว่าน้ำหนักจะไปตก
    ที่บุคคลท่านใดมากที่สุด
    ครับ...สิ่งนี้มันอยู่ในสมองผมมานานแล้วมันจำเป็นมั้ยครับที่ผมต้องคิดมัน
     
  12. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    จริงๆ แล้ว .. ผมว่าตอนนี้คุณ .. เป็นแก้วที่คว่ำอยู่
    ปิดการรับฟังจากคนอื่นอยู่มาก (จริงๆ แล้วเหมื่อนๆ จะจิตใจแคบนะ)

    สุดท้ายคุณเองจะรู้เท่าที่คุณฟุ้งได้
    ผลสุดท้ายมันจะถูกหรือผิดนั้น คุณก็ต้องเสียเวลาพิสูจน์เอาเอง
    ซึ่งไม่มีใครจะไปยุ่งอะไรคุณได้หรอก
     
  13. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    ผมน่ะ สงสัยอยู่อย่างนะ

    แค่เรื่องความคิด คุณยังไม่เปิดใจเลย
    แล้วเรื่องทานล่ะ คุณจะทำทานให้อานิสงส์สูงได้อย่างไร?
     
  14. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    คุณเดาถูกแล้วครับ เรื่องทานผมไม่ค่อยได้ติดในอานิสงส์ ทำไปเพื่อ
    สมเหตุผลต่อกาลเวลา เพราะปัจจุบันผมบอกได้เลยว่าผมต้องต่อสู้ด้วย
    ความอดทน มีปัญหา ใช้สติ อยู่กับเหตุ ต้องอดทนเป็นอย่างมากให้ได้
    มาซึ่งผล เรื่องทานเลยเข้าไม่ถึงว่าเราจะเอาอะไรกับทาน รู้เพียงว่า มันไปติดที่
    เวทนาที่ต้องพบเจอ เลยมองว่าเอาล่ะว่ะ ชาตินี้คงเล่นกับทุกข์เวทนาแล้วกัน
    ชาติหน้าเราคงได้ยากจนค้นแค้นแน่ ค่อยไปแก้กันในชาติหน้า เพราะเวลาผม
    เหลืออีกแค่ 2-3 ปี คงไม่ทันต่ออานิสงส์ของทานได้เต็มที่ ปัจจุบันเลยเล่นกันกับ
    ทุกข์เวทนาครับ เพราะต้องใช้ปัญญา และความอดทนในทางโลกเป็นอย่างมาก
    คุณคิดว่า การบวชในทุกวันนี้ปฏิบัติและอยู่ให้คงทนอยู่นาน นั้นมันเป็นเรื่องง่ายเหรอครับ
    ผมมองแล้วว่า มันยากมากสำหรับผม ต้องพยายามละทิ้ง รูป รส กลิ่น เสียง ทั้งหมด
    ที่มนุษย์ปถุชนทั่วไปเขาติดกัน ต้องใช้ความพยายามอดทน..ที่ต้องเป็นสัจจะเป็นอย่างมาก
    ที่จะอยู่ได้ ผมไม่ได้ศึกษาให้หลุดพ้น เพียงเพื่อสะสมตบะ ผมเดินทางผิดมากไปมั้ยครับ
     
  15. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    ความลำบากที่คุณได้รับอยู่นี้ ... คุณได้เลือกมันมาเอง

    ดังนั้น คุณจะบ่นทำไม?


    และหากความลำบากจะเป็นปัจจัยให้ได้คุณธรรมขั้นที่สูงกว่าได้แล้วไซร์
    ก็จงใช้ความลำบากที่คุณได้รับนี้ ..ให้เป็นประโยชน์เถิด
     
  16. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณอีกครั้งครับ..อย่างน้อยผมก็ได้ข้อคิดมาอีก1ข้อคือ
    บางครั้งเวลามีคนเดินมาขอทาน..เราจงให้ทานที่มีสุขสมควร
    แก่เขาเถิด..เมื่อให้แล้วไม่จำเป็นไปบอกเขาว่าเงินที่เราหามาได้
    นั้นมันลำบากขนาดไหน..ไม่ต้องไปสาธยายให้เขาฟังหรอก เขา
    ไม่รับฟังเราหรอก เพราะเขาต้องการเพียงแค่ได้เงินไปเท่านั้น
    สิ่งที่ผมคิด เพียงเพื่อเผื่อว่า ขอทานนั้นสักวันคงจะมีคนที่เข้าใจเรา
    ว่าเงินเราหามานั้น มันก็ลำบากเหมือนกัน
     
  17. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,065
    ก็เลยกลายเป็นว่า ไม่รู้ว่าใครขอใครกันแน่?
     
  18. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ก็ไม่เป็นรัยครับ ขอบ้าง ให้บ้างไม่เป็นการเสียเกียตริ์หรอกครับ
     
  19. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    เท่าที่ผมได้อ่านข้อความของคุณ โซ่ (ท่าที่สังเกตุดู) คุณออกจะแสดงว่าคุณก็เป็นคนฉลาด เพียงแต่อยากจะหาคนที่ฉลาด หรือคนที่มีทัศนะคล้ายๆกับคุณ **แต่เป็นที่น่าเสียดายครับ **คนที่มีทัศนะอย่างคุณ ...ไม่มีในเวพพลังจินนะครับ...
    ลองไปหาเวพที่อื่นดูนะครับ คุณอาจโชคดี คุณคงได้เจอกับคนที่มีทัศนะคล้ายๆกับคุณก็ได้นะครับ
     
  20. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณมากน่ะครับ สำหรับคำติชม..ผมแค่อยากลองแสดงทัศนะคติ ที่ผมมีอยู่
    ว่าสิ่่งนี้จะถูกใจใครบ้างมั้ยหนอ ผมไม่ได้อยากจะโอ้อวด แสดงเพาเว่อร์อะไรมาก
    นักหรอกครับ เพราะชีวิตผมมีแต่ความเป็นสมถะ อยู่อย่างสงบ เจียมตัวเองทุกครั้ง
    พยายามเข้าใจในธรรมชาติของคนให้มากที่สุด เพราะตอนนี้ผมอยู่กับโลก
    กับอกุศลต่างๆ ยังไม่ได้เข้าไปในธรรมอย่างเต็มตัว แต่คิดว่าอีกไม่นาน
    เพราะนั่นคือสัจจะ แม้จะไม่มีใครชอบ เขาเกลียด เขาว่า เขาด่า ก็ไม่เป็นอะไรครับ
    เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนของเรา และต้องกระทำให้เป็นตัวอย่างประจักษ์จริงให้ได้
    เราต้องเรียนรู้ เฝ้าดู อดทน อยู่กับตนเอง พยายามเข้าใจตนเองให้ได้จริงแท้
    แน่นอนก่อนว่า เราเป็นอย่างไร ต้องการอะไร สิ่งที่ผมกล่าวมานั้นเกือบทั้งหมด
    ผมได้เข้าใจตัวเองแล้วส่วนหนึ่ง จึงได้มาตั้งกระทู้ หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ
    เพราะบางทีเราจะแสดงสิ่งที่เราไม่รู้ออกไปมันก็เป็นการ โอ้อวด เป็นเรื่องโกหก
    ไปก็เท่านั้น เพราะในบางครั้งเราแสดงสิ่งที่ขัดต่อเราออกไป มันจะเป็นการหลอกตัวเอง
    และผู้อื่น ที่ขัดต่อสัจจะของเรา แม้สักวันหนึ่งผมต้องอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี๋ยว
    ไม่มีใครคบ พูดคุยด้วย เจ็บใข้ ได้ป่วย ไม่มีใครดูแล ผมก็ต้องอดทนครับ
    เพราะนั่นมันเป็นตบะอันแรงกล้า ที่จะทำให้กำลังจิตของเราเข้มแข็ง
    ผมต้องขอขอบคุณในความเป็นผู้มีสติในตัวเองไว้ณ.ที่นี้ ที่เจอปัญหา
    สามารถใช้สติตั้งมั่นไม่กระทำความผิดต่อสังคม ที่สามารถอดทน
    ข่มมันได้มาตลอด ไม่รู้ว่าในชาติอสงไขยข้างหน้าอันอีกยาวไกล
    ที่ยังไม่ถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ที่มีสิ่งที่เรียกว่ากองทุกข์
    มันโหมเข้ามา เราจะยังมีสติอย่างในชาตินี้ติดตามเราไปทุกชาติหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...