"ห ล่ อ พ ร ะ"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หม้อหุงข้าว..!, 26 มิถุนายน 2012.

  1. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    หล่อพระ
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙
    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี



    ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า “ผู้ที่ควรสร้างเจดีย์คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ แล้วพระจักรพรรดิเท่านั้น” นี่เราจะหล่อพระกัน เหมือนกับเราสร้างเจดีย์ การสร้างเจดีย์ไว้ให้คนได้กราบไหว้บูชา

    เวลาครูบาอาจารย์ของเรานิพพานไป หลวงตาท่านบอกว่า “ควรจะสร้างเจดีย์ไว้ให้พวกเราได้กราบไหว้บูชา” เรากราบไหว้บูชาด้วยหัวใจของเรา ถ้าเรากราบไหว้บูชาของเรา เห็นไหม เรามีความสุขของเรา ขณะที่คนเขากราบไหว้ แล้วเราจะมาหล่อเจดีย์ คือหล่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ให้คนกราบไหว้บูชานะ ถ้าคนกราบไหว้บูชาได้กราบเมื่อไหร่ เราก็ได้บุญกุศลขนาดนั้นทุกทีไป เราจะได้ เห็นไหม

    ดูสิเวลาเราซื้อบาตรถวายพระ เวลาพระท่านออกบิณฑบาต บาตรของเราได้ใช้ประโยชน์ทุกวัน เหมือนเราสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ไว้ตลอดไป การสร้างเจดีย์ไว้ตามทางสามแยก ตามทางแพร่งต่างๆ เห็นไหม ได้เป็นที่คติเตือนใจของคน ขณะที่เราสร้างพระพุทธรูป สิ่งนี้เป็นพระพุทธรูปใช่ไหม แต่ในเมื่อเรามีศาสนา ศาสนาเกิดจากไหน

    ศาสนาเกิดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่โคนต้นโพธิ์นั้น เกิดจากใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน การสร้างเจดีย์ เราสร้างเจดีย์ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่มันก็เหมือนกับร่างกายของเรา เราต้องหาอาหารให้เรากิน เราจะมีอาหารกับร่างกายเราเพื่อดำรงคุณงามความดีไป เห็นไหม แต่หัวใจของเราล่ะ สร้างพระภายนอกกับสร้างพระภายในไง ถ้าเราไปตื่นเต้นกับการสร้างพระภายนอก เราก็จะสร้างแต่เจดีย์ สร้างแต่สิ่งที่เป็นวัตถุกับโลก เห็นไหม แล้วเราก็ต้องตายไป สิ่งนี้จะเป็นสมบัติของโลก

    ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรา คุณงามความดี เห็นไหม ทาน ศีล ภาวนา เริ่มจากทาน จากการที่ว่าเราเสียสละ เสียสละเพื่อสังคม เพื่อสิ่งเป็นสัปปายะ เห็นไหม ถ้าสัปปายะที่ดี หมู่คณะที่ดี สถานที่ดี การภาวนาของเราก็จะดีขึ้นไป เราไปอยู่ในสถานที่พลุกพล่าน สถานที่แบบว่าภาวนาแล้วมันไม่ได้ผล เห็นไหม เพราะอะไร เพราะสถานที่ไม่ดี

    นี่เกิดจากบุญกุศล เกิดจากเรากำลังจะหล่อพระเป็นที่ให้คนกราบไหว้บูชานี้ ถ้าเรากราบไหว้บูชา เห็นไหม เราจะกราบไหว้บูชาใคร เราเจอครูบาอาจารย์ที่น่าศรัทธา เราจะกราบไหว้ครูบาอาจารย์ที่น่าศรัทธาของเรา แล้วถ้าเราไม่ดีล่ะ แล้วหัวใจของเรา ถ้าเราสร้างคุณงามความดี สร้างคุณงามความดีมาจากไหน?

    แก้ว แหวน เงิน ทอง มันเป็นแร่ธาตุ มันอยู่ในดินนะ มันอยู่ในร้าน มันอยู่ในที่เขาทำธุรกิจกันอยู่ แต่มันจะมาได้ต่อเมื่อคนมีศรัทธา มีหัวใจเอามันมา นี่ก็เหมือนกัน สร้างพระภายนอกเป็นพระภายนอก เป็นสิ่งที่เขากราบไหว้บูชาเพื่อประโยชน์ของเขา แต่เพราะเราเป็นต้นเหตุ เขากราบไหว้บูชาเพราะเราก็ได้บุญกุศลด้วย แต่ถ้าเราเป็นพระจากภายในล่ะ เห็นไหม กรรมฐานอยู่ตรงนี้ไง เราถึงว่าประเพณีวัฒนธรรม สิ่งนี้เหมือนกับพวงมาลัย ดอกไม้ต่างสีกัน มีเชือกร้อยมาให้เป็นพวงมาลัย

    สังคมก็เป็นสภาวะแบบนั้น ต่างสีต่างสันกันมา สังคมเป็นสภาวะแบบนั้น แต่ใจของเรา ถ้าเราไปตื่นกับภายนอก ภายในจะไม่มี ครูบาอาจารย์ท่านจะเน้นตรงนี้นะ สิ่งที่เป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์สำหรับเด็ก เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใหญ่ เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ภาวนา เห็นไหม พุทโธ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ใจ ความรู้สึกอยู่ที่ไหน แร่ธาตุมันไม่มีชีวิต สิ่งที่ไม่มีชีวิต ใครใช้ประโยชน์มันก็เป็นประโยชน์

    แต่เรื่องของศาสนา ศาสนาอยู่ที่ใจ ถ้าใจมีประโยชน์ เห็นไหม ใจของเรา ถ้าใจของเรามีประโยชน์ เราเข้าใจตรงไหน ถ้าเราเข้าใจย้อนกลับมาที่เราไง สร้างพระในหัวใจของเรา เราจะกราบไหว้ครูบาอาจารย์ส่วนกราบไหว้ครูบาอาจารย์ แต่ถ้าใจของเรานะ นี่ความเสมอกันไง สิ่งที่เป็นความเสมอกัน เสมอภาคโดยหัวใจ เสมอภาคด้วยความทุกข์ เสมอภาคด้วยความสุข ความสุขและความทุกข์นี่อยู่ในหัวใจของแต่ละบุคคล แต่ถ้าของเราเป็นพ้นล่ะ ของเรา คำว่า “ของเรา” เห็นไหม

    ศาสนานี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเทศนาว่าการนะ “ภิกษุนี่ใครเป็นคนทรมานมา” สิ่งที่ทรมานมา ทรมานหมายถึงว่าการสอน อย่างเช่น! เช่น หลวงปู่มั่น ท่านสอนลูกศิษย์ของท่านมา ท่านสอนมา เห็นไหม เป็นหัวหน้า เป็นสิ่งที่พามา

    นี่ก็เหมือนกัน ถ้าสิ่งแวดล้อมเข้ามา เราจะย้อนกลับมาไง ย้อนกลับมาในหัวใจของเรา ผู้รู้ ถ้าพุทโธ ผู้รู้ เห็นไหม เราสร้างบุญกุศลต่างๆ เราปรารถนากัน เราตั้งจิตอธิษฐานกันว่าขอให้สิ้นกิเลส ขอให้สิ้นกิเลส แล้วถ้าการสิ้นกิเลส ถ้าไปตะครุบเงาอยู่มันสิ้นกิเลสไหมล่ะ สิ่งที่มันจะสิ้นกิเลสมันก็ต้องย้อนกลับมาภายใน ถ้าย้อนกลับมาภายใน ย้อนกลับมาเห็นไหม

    ชาวพุทธเราจะน้อยเนื้อต่ำใจนะ ว่าเห็นคนทำบุญมหาศาลเลย เราไม่มีโอกาสไปกับเขา เราไม่มีแก้วแหวนเงินทองไปกับเขา มันก็เป็นทานนะ แต่ถ้าเวลาเราก่อนนอนเรานั่งสมาธิ คนจน คนมั่งมีศรีสุข คนร่ำรวยขนาดไหน สิทธิเสมอภาคกัน เสมอภาคเพราะมีหัวใจเหมือนกัน มีความรู้สึกเหมือนกัน มีความทุกข์เหมือนกัน มีความสุขเหมือนกัน ถ้าคนฉลาด เห็นไหม ก่อนนอนก็นั่งสมาธิภาวนา
     
  2. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    การนั่งสมาธิภาวนา ทำบุญมากทำบุญน้อยขนาดไหน ถ้าไม่มีการประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเวสสันดรสละลูก สละเมีย สละทุกอย่างเลย แล้วมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็ยังออกประพฤติปฏิบัติอีก ๖ ปี ขนาดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรมานตนอยู่ พยายามค้นคว้าอยู่ ๖ ปีไง แล้วเรานี่ เราจะอ้อนวอนเอา เราจะให้มันเป็นไปอย่างที่เราสมความปรารถนา แต่ไม่มีการนั่งสมาธิภาวนาเลย เอามาจากไหน? มันเอามาไม่ได้ไง สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาจากการประพฤติปฏิบัติ

    นี่มันถึงว่าถ้าเรื่องประเพณีก็ยกให้เป็นประเพณี สิ่งที่เป็นประเพณี เห็นไหม เรามานั่งกันอยู่นี่ เรามีเสื้อผ้านุ่งห่มมาทุกคนนะ เราไม่ได้เปลือยกายมากันเลย นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เป็นประเพณีมันเป็นของภายนอก แล้วสิ่งที่เป็นหัวใจล่ะ สิ่งที่เป็นหัวใจ สิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระ สิ่งที่ในหัวใจของเรา มันต้องมีสิ่งที่เป็นอาภรณ์ที่จะดำรงเขาด้วย อาภรณ์ไง ศีลธรรมไง ศีลธรรมในหัวใจ

    ถ้าศีลธรรมในหัวใจมีอยู่ สิ่งการแสดงออกมามันจะเป็นประโยชน์ทั้งหมด สิ่งที่เป็นประโยชน์เพราะอะไร เพราะมันคิดอกุศลไม่ได้ หัวใจที่เป็นธรรมคิดอกุศลไม่ได้ คิดความผิดไม่ได้ จะทำผิดออกมาจากหัวใจไม่ได้

    แต่ถ้าหัวใจมันสกปรก ข้างนอกมันจะสวยงามขนาดไหน สิ่งที่ประดับตัวเองจะงดงามขนาดไหน แต่หัวใจมันสกปรก มันคิดออกมาด้วยความสกปรก แต่เราไม่รู้กัน เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอก “นี่มันปากหวาน แต่มันซ่อนเร้นอะไรมาข้างหลัง” นี่เพราะอะไรล่ะ?

    เพราะสังคม เพราะจริต เห็นไหม ถ้าเป็นโทสจริต โมหจริต สิ่งที่เป็นโมหจริต เชื่อง่าย ตามเขาไปง่าย ถ้าเชื่อง่าย เราก็จะตามเขาไป แต่ถ้าผู้ที่มีศีลธรรมในหัวใจล่ะ มันจะเชื่อเขาได้อย่างไร

    สิ่งที่เขาเป็นไป เราก็รับไว้ รับไว้นะ ตบมือข้างเดียวเหมือนกับถ้าเราไม่โลภ เราไม่ไปกับเขา เราจะไม่เสียหายเลย สิ่งที่โลกไปต้มตุ๋นกันอยู่นี้เพราะอะไร เพราะความโลภ เราอยากได้ของเขา เราต้องการของเขา เราแสวงออกไป เห็นไหม เราก็เป็นเหยื่อของเขา นี่กระแสออกไปไง ถ้ามันเป็นไป

    เพราะสมบัติของโลกมันก็เป็นอยู่ในโลกนี้ สมบัติของเรา สมบัติในหัวใจ มันเป็นของใคร อริยทรัพย์นี่แย่งกันไม่ได้นะ นรกสวรรค์มันเป็นประจำหัวใจทุกๆ ดวง ไม่มีใครสามารถแบ่งแยกนรกสวรรค์ของคนอื่นได้ มันเป็นสมบัติส่วนตนทั้งนั้นล่ะ สมบัติส่วนตน เห็นไหม อริยทรัพย์นะ

    แต่สมมุตินะ แก้ว แหวน เงิน ทอง นี่ฉ้อโกงกันได้ แต่ฉ้อโกงบุญกุศลกันไม่ได้ ฉ้อโกงทุกข์ในหัวใจกันไม่ได้ เวลาพ่อแม่ เห็นไหม ลูกทุกข์นี่ มีแต่ปลอบประโลมกันเท่านั้น เราทุกข์แทนพ่อแม่ไม่ได้นะ สิ่งที่ทุกข์แทนพ่อแม่ไม่ได้ แต่ช่วยเหลือได้ ช่วยเหลืองานได้ ช่วยเหลือต่างๆ ได้ ความช่วยเหลือนี่ เห็นไหม สายบุญสายกรรม

    แต่ถ้าเป็นการประพฤติปฏิบัติ ถ้ามันช่วยเหลือกันได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไมจะไม่แบกเราไปหมดล่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมาเพื่อจะรื้อสัตว์ขนสัตว์นะ แต่การรื้อสัตว์ขนสัตว์เป็นบอกทางเดินให้เรา แล้วเราจะต้องค้นคว้ากลับมาเป็นของของเราเอง เราจะต้องค้นกลับมา

    เหมือนกับความหิวโหย ถ้าเราไม่กินอาหารเข้าไป ใครจะอิ่มได้ คนจะหิว แก้หิวได้ต้องกินเอง สำรับอาหารองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหามาให้ต่อหน้าเราทุกๆ คน แล้วเราจะเปิบสิ่งใดเข้าในปากในท้องของเรา ถ้าเปิบสิ่งที่เป็นผลหยาบๆ ก็ได้ผลหยาบๆ จะเปิบสิ่งที่เป็นความละเอียดก็ได้เป็นความละเอียด ความละเอียดอยู่ที่ไหน ความละเอียดนะ

    ความละเอียดคือความเป็นจากภายในไง สิ่งที่เป็นภายใน เห็นไหม นั่งสมาธิภาวนานะ มันเกิดขึ้นมาไง ดูปัญญาสิ ดูปัญญา เห็นไหม แม้แต่โลกเขา เขาว่าเขาฉลาดขนาดไหน เป็นโลกียปัญญา โลกียปัญญา เห็นไหม มันเป็นปัญญาที่สามารถอบรมกันได้ มันเป็นตำราที่เรียนทันกันได้ สิ่งที่เรียนทันกัน เห็นไหม

    ดูสิ ดูแบบเด็กรุ่นใหม่นี่ เขาจะไปเรียนนะ เมื่อก่อนปริญญาตรีนี่สิ่งที่สังคมยอมรับ เดี๋ยวนี้ปริญญาตรีนี่เป็นเหมือนกับอนุบาลเลย ต้องจบดอกเตอร์ทั้งนั้น สิ่งที่จบดอกเตอร์กัน สิ่งนี้มันเป็นวิชาชีพ เห็นไหม เพราะการแข่งขัน

    โลกนี้แข่งขันกันด้วยปัญญา แข่งขันกันด้วยความรู้ของทางโลก แต่สิ่งที่ผลตอบรับคือความเร่าร้อน คือความทุกข์ คือสิ่งที่เข้ามาแข่งขันไง เพราะโลกแข่งขัน โลกของทุนนิยม โลกของกิเลส โลกของการกระตุ้นกิเลส แต่ความเจริญของโลกสิ่งนี้เราไม่ขัด เพราะอะไร เพราะทุกคนเกิดมาจากโลก นี่คือสุตมยปัญญา เห็นไหม โลกียปัญญาไง
     
  3. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    จินตมยปัญญา ถ้าจินตนาการของโลก เพราะผู้ที่นักประพันธ์ เห็นไหม นี้คือจินตมยปัญญาโดยเขาจินตนาการเป็นวิชาชีพไง แต่จินตมยปัญญาของศาสนาพุทธต้องมีสมาธิไง สิ่งที่สมาธิแบบนักวิทยาศาสตร์ที่เขาพยายามคิดค้นกัน เขาก็มีสมาธิของเขา แต่สมาธิของเขา เขาค้นเป็นวิชาชีพ

    แต่ในศาสนาพุทธของเรา เรามีศีล ก่อนที่จะมีศีล เห็นไหม มีศีลไม่มีการเบียดเบียนกัน ไม่มีการเบียดเบียนใคร คือจะเอาชนะตนเองให้ได้ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ เป็นความเอาชนะตนเอง ต้องมีสมาธิก่อน มีพื้นฐานของความเป็นสุภาพบุรุษ มีพื้นฐานของผู้ที่ไม่เอาเปรียบคน สิ่งที่ไม่เอาเปรียบเขา เห็นไหม เพราะมันไม่ไปเอาเปรียบใคร มันก็เป็นศีลขึ้นมา

    เวลาเกิดใช้จินตมยปัญญาย้อนกลับมาจากธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยืมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา ไม่ใช่ธรรมของเรา เพราะเราศึกษาธรรมมาจากตู้พระไตรปิฎก เป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราใช้สมาธิของเรา แล้วเราใช้ฐานของเรา ใช้พลังงานของเรา เหมือนกับสิ่งที่ว่าเป็นภาชนะของเรา คือหัวใจของเรานี้เป็นจินตมยปัญญา

    จินตมยปัญญามันจะเข้าจินตนาการธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ธรรมของเรา การจินตนาการอย่างนี้มันก็ปล่อยวางได้ มันมีความรู้เท่าทันตัวเอง มันเป็นจินตมยปัญญาไม่ใช่ภาวนามยปัญญา

    ภาวนามยปัญญา เห็นไหม ขณะที่เราใช้จินตมยปัญญา มันเป็นเหตุเป็นผลจากขันธ์ ๕ จากข้อมูลคือสัญญา จากจินตนาการคือสังขารในหัวใจของเรา มันจินตนาการกันไป มันทำลายกันไป นี่เหตุและผลรวมลงแล้วเป็นธรรม เหตุและผลรวมลงเป็นธรรม ธรรมนี้ธรรมเหนือโลก เหนือเหตุผลไง! เหตุผลนี้เป็นเหตุผลของขันธ์ ๕ เหตุผลของข้อมูล เหตุผลของสถิติจำธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา มันไม่ใช่ธรรมของเรา เป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เหมือนพิมพ์เขียว พิมพ์เขียวนี่เป็นต้นแบบมา แต่เราไม่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นวัตถุจากพิมพ์เขียวนั้นได้ แต่ในเมื่อสิ่งนี้มันเป็นเหตุเป็นผลที่การทำกัน เราก่อสร้างบ้านเรือนนี่ เราต้องมีวัตถุ เราต้องมีอุปกรณ์ แล้วก่อร่างสร้างเรือนเป็นสิ่งนั้นขึ้นมา

    ธรรมก็เหมือนกัน มีสัมมาสมาธิ มีปัญญา มีความเห็นชอบ มีความเพียรชอบ สิ่งที่เป็นจินตนาการนี่มันเป็นจินตมยปัญญา มันมีการกระทำไง คือมรรคญาณ มรรคมันหมุนไป สิ่งที่มรรคหมุนไป มรรคหมุนเคลื่อนออกไป สิ่งที่เคลื่อนไป เหตุและผลทำงานกัน เหตุและผลนะ

    นี่กลางวันกลางคืนหมุนไป โลกหมุนไป สิ่งต่างๆ หมุนไป พลังงานหมุนไป ความเป็นไปหมุนไป ธรรมจักรหมุนไป หมุนจนเกิดขึ้นมาเป็นปัญญาของตัวเอง เห็นไหม เหตุและผลรวมลงกลายเป็นผลไง ธรรมนี่ เหตุและผลรวมลงแล้วถึงเป็นธรรม ธรรมอย่างนี้ธรรมเหนือโลก

    ธรรมเหนือโลกที่ว่าพุทธะๆ นี่ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะ เห็นไหม พุทธะคือสมาธิ เวลาพุทธะ พุทโธ พุทโธ พอพุทโธขึ้นมา มันสงบเข้ามา จากพุทโธชื่อของนาย ก เป็นตัวของนาย ก นาย ก ก็คือกิเลสท่วมหัว เพราะความสงบเข้ามา สมาธิกดกิเลสเข้ามาเฉยๆ มันไม่ได้เกิดปัญญา

    ถ้าปัญญาเกิดขึ้นนะ ปัญญาอย่างนี้ การภาวนาอย่างนี้ มันเกิดขึ้นมาจากภายใน การเกิดขึ้นมาจากภายใน งานอันละเอียด พุทโธ พุทโธ เห็นไหม พระพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เราสร้างเจดีย์ไว้ มันไม่เป็นความเสียหาย เป็นการสร้างเจดีย์ไว้เพื่อการกราบไหว้บูชา เวลาพ่อแม่เราตายไป เราระลึกถึงพ่อแม่เรามีความผิดตรงไหน เราระลึกถึงพ่อแม่เราไม่มีความผิดเลย ยิ่งกลับมีคุณงามความดีมากเพราะ! เพราะคนกตัญญูกตเวที เราเกิดมาในโลกนี้ เกิดมาโดยครอบครัวสัมมาทิฏฐิ เห็นไหม เกิดจากพ่อ เกิดจากแม่ เพราะมีพ่อแม่ เราถึงเกิดมาเป็นเรา เราคิดถึงพ่อแม่เป็นคุณประโยชน์กับเรา แต่การทำสัมมาอาชีพ การยืนอยู่ในสังคม ถ้าเราทำคุณงามความดี พ่อแม่จะชื่นใจมาก เพราะลูกเราเป็นลูกที่ดี

    ในการหล่อพระ เราก็คิดถึงพ่อแม่เรา แต่ในการปฏิบัติมันคิดถึงตัวเรา ตัวเราคือในปัจจุบันนี้เรามีหัวใจอยู่นี่ เราสร้างเป็นพุทโธของเราขึ้นมาได้ไหม? การสร้างพระเป็นบุญ ต้องเป็นบุญ การสร้างพระในใจของเราต้องทำด้วย

    ถึงบอกว่าถ้าการสร้างพระ แล้วเราหล่อพระกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด เราจะจบแค่นี้ไง สิ่งที่เรามาสร้างกันอยู่เป็นสิ่งที่เราสร้างเจดีย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้แล้ว เห็นไหม บุคคลที่ควรสร้างเจดีย์

    ๑. องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า

    ๓. พระอรหันต์

    ๔. พระจักรพรรดิ

    แล้วเราก็มาทำกันอย่างที่ในธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอน เราเป็นสาวกสาวกะเดินตามครูตามอาจารย์ แต่ในเมื่อการประพฤติปฏิบัติต้องย้อนกลับมาเราด้วย ไม่ใช่จบกันตรงนี้ จบกันตรงนี้เหมือนเราหาอาหารไว้ตรงนี้ แล้วเราจะกินหรือไม่กิน ถ้าเรากินอาหารนั้น เราจะมีรู้สึกว่าอิ่มหรือหิวอยู่ในกระเพาะของเรา

    ในการประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม นี่ผลจากภายนอก เรื่องของการกระทำนี่เป็นเรื่องของร่างกาย เป็นเรื่องของวัตถุ เป็นเรื่องของโลก แต่เรื่องของธรรมคือความรู้สึก คือความหัวใจ นี่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องย้อนกลับมาด้วย

    ฉะนั้น พระป่า ในการกระทำถึงทำโดยธรรมไง โดยธรรมคือทำพอสมควร ไม่ใช่จะต้องพิธีกรรมทั้งหมด จะไม่ทำก็คือจะทำ ถ้าจะทำทั้งหมดก็ไม่ทำ นี่ให้แบ่งกันระหว่างโลกกับธรรมให้มีทางไปไง ถ้าเราไปทางใดทางหนึ่ง แม่ปูสอนลูกปูนะ ถ้าแม่ปูก้าวเดินไปอย่างนั้น แล้วบอกว่าให้ลูกปูเดินให้ตรงๆ แล้วแม่ปูมันเดินคดไปอย่างนั้น แล้วศาสนาจะฝากไว้กับใคร?

    ศาสนาฝากไว้กับภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราเป็นอุบาสก เราเป็นอุบาสิกาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามอบมรดก ฝากมรดกไว้กับมือของเรานะ ถ้าเรารักษามรดกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “อุบาสก อุบาสิกา สามารถกล่าวแก้คำจาบจ้วงของลัทธิต่างๆ ได้ อีก ๓ เดือนข้างหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน”

    นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อเราเป็นอุบาสก อุบาสิกา เป็นบริษัท ๔ ที่รับศาสนามาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะสร้างเจดีย์ไว้เพื่อกราบไหว้บูชาคิดถึงพ่อแม่เรา อันนี้ก็เป็นงานอันหนึ่ง ทำเสร็จแล้วเราก็ต้องคิดถึงว่าเราจะรักษาใจของเรา เราจะสร้างพระในหัวใจ เราจะกำหนดพุทโธ เราจะทำสมาธิ เราจะสร้างปัญญาของเรา พ่อแม่จะดีใจมาก ลูกเรานี่สามารถกล่าวแก้ สามารถรักษาศาสนาไว้ได้ แล้วลูกของเราก็จะเดินตามมา คือใจของเขาจะเป็นพุทธะมากับเราด้วย ไม่ใช่ลูกของเรานี่รับมรดกไว้แล้วไม่สามารถเดินเข้ามา

    มันเป็นเหมือนมิตินะ เวลาภพชาติซ้อนกันอยู่ เห็นไหม สวรรค์ นรก นี่ต่างๆ มันซ้อนกันด้วยมิติ กาลเวลาไง กาลเวลา ๒๔ ชั่วโมงของมนุษย์ กาลเวลา ๑ วันของเทวดา กาลเวลานี่มิติมันบังกันไว้ แล้วกาลเวลาของวิมุตติมันมีไหม กาลเวลาของพุทธะมันมีไหม แล้วสิ่งนี้มันเป็นกาลเวลา มันเป็นวัฏฏะใช่ไหม?

    แต่ความรู้สึกของใจเรามันเป็นไปได้หมด ความรู้สึกของใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ พ้นจากทุกข์พ้นจากสุขเป็นวิมุตติก็อยู่ที่ใจ อยู่ที่ใจนะ ตัวภาชนะไง ตัวภาชนะที่จะรับบุญกุศล บุญกุศลนี่เป็นอามิส เป็นแรงขับเคลื่อน มันเป็นสมมุติ มีเศษส่วนของสมมุติหยาบ เศษส่วนของสมมุติละเอียด เศษส่วนของวิมุตติ

    เศษส่วนของวิมุตติก็สอุปาทิเสสนิพพาน พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เห็นไหม เศษส่วนคือขันธ์ ๕ คือธาตุขันธ์ยังมีอยู่ มันมีเศษส่วนอยู่ ถ้าตายไป เห็นไหม สอุปาทิเสสนิพพานกับอนุปาทิเสสนิพพาน พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่กับพระอรหันต์ที่ตายไป นี่มันเกิดมาจากไหนล่ะ เกิดมาจากหัวใจนี่ หัวใจที่มันพ้นไปได้ หัวใจของเราจะพ้นไปได้

    ภาชนะเรามีอยู่ เรื่องของโลกก็เป็นเรื่องของโลก มันเป็นความมหัศจรรย์ผู้ที่มีวุฒิภาวะจะเห็นความหยาบ เห็นความละเอียด เห็นการพัฒนาของจิต เห็นการพัฒนาการของมัน แล้วเห็นการพัฒนาการของมันก็เห็นการก้าวเดินของมัน เห็นวิธีการไง ถึงจะไม่ติดสิ่งใดๆ เลย จะทำกับโลกเขา แต่ไม่อยู่กับโลกเขา การหล่อพระ การทำของเรา เราก็จะทำ แต่พิธีกรรมทั้งหมดไม่เป็นไปตามเขา เอวัง

    ที่มา : http://www.sa-ngob.com/content_show.php?content=1474
     
  4. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โมทนาส๊าาาาาาธุ ธรรม ร้อนๆ พร้อมเสริฟ มาแล้วจ๊า รสกลมกล่อม หอมชื่นใจ
    วันนี้ พี่หม้อ งามจังเลย
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    แวะมาอนุโมทนากับท่านหม้อหุงข้าวค่ะ ขอบพระคุณสำหรับสาระอันทรงคุณค่านี้นะคะ
     
  6. ลูกพุทธธะ

    ลูกพุทธธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +4,787
    ขอกราบอนุโมทนา สาธุ..........
     

แชร์หน้านี้

Loading...