หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน. หลวงปู่ปานกราบศพยายฟู

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 5 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน. หลวงปู่ปานกราบศพยายฟู
    [​IMG]
    คราวหนึ่งฉันจำได้ว่ายายฟูแกตาย ยายฟูเป็นคนเหนือวัด เขาก็เอาศพมาตั้งที่วัด พอมาตั้งแล้วหลวงพ่อปานท่านก็ถือดอกไม้ธูปเทียน แต่ท่านไม่บอกใครหรอก เราต้องคอยดูกัน คอยจับตาดู ถ้าศพมาแล้วเตรียมพร้อม พระเก่า ๆ นี่ถ้าเห็นแห่ศพมาเขาจัดแจงครองจีวรพาดสังฆาฏิกัน แล้ว เพราะเขารู้ว่าเดี๋ยวหลวงพ่อจะไป

    แล้วเขาก็นั่งจ้องมองอยู่ตรงหน้ากุฏิ พอหลวงพ่อเดินลงมาจากกุฏิท่าน เขาก็พร้อมเลยทีเดียว คอยท่าน เดินตามหลังไปเป็นระเบียบเงียบสงัด สำรวมทุกอิริยาบถ น่าเลื่อมใสน่าไหว้น่าบูชา ไม่แสดงอาการเป็นลิงเป็นค่าง ทำหน้าตาล่อกแล่ก มองนู้นมองนี่ ถ้าเห็นสาว ๆ ก็มองเหลียวหน้าเหลียวหลัง แต่พระสมัยนั้นไม่มี พระของท่าน

    เมื่อเวลาไปกราบศพยายฟูเสร็จ ไอ้ฉันมันเป็นคนขี้สงสัยน่ะ แล้วก็เป็นคนออกจะพูดมากสักนิดหนึ่ง ชาวบ้านถ้าใครเขาไม่พูดฉันก็พูด แต่ว่าจะมีใครเขาสงสัยเหมือนฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเขาอาจจะรู้ แต่พระเก่า ๆ ท่านรู้แน่ ไอ้ฉันมันเป็นพระใหม่ พอกราบเสร็จ ท่านนั่งนิ่งไปเดี๋ยว ฉันก็นิ่งบ้าง อย่างไรก็ไม่รู้ก็หลับตาปี๋หลับส่ง หลับแล้วก็นึกสงสัยว่าหลวงพ่อมาไหว้ยายฟูทำไม ยายฟูคนนี้แกอายุประมาณ ๓๐ ปี แต่หลวงพ่อปาเข้าไปตั้ง ๖๐ กว่า
    แล้วสมัยที่ยายฟูยังอยู่ หลวงพ่อท่านก็เรียกอีฟูแต่ว่าเวลาตายกลับมาไหว้ยายฟู พอท่านลืมตามาท่านกราบ ฉันก็กราบบ้าง พระท่านก็กราบ ก็ดูหลวงพ่อ ดูจังหวะ ไอ้การทำแบบนี้สมัยโบราณเขาเรียกว่าทำ แบบเถรส่องบาตร

    คืออย่างพวกฉันนี่ไม่ใช่หลวงพ่อ ไอ้ฉันน่ะทำแบบเถรส่องบาตร นิทานเรื่องเถรส่องบาตรนี่มีนิทานในพระพุทธศาสนาจะเล่าให้ฟังสักนิด ตามธรรมดาเถรมันมีอยู่ ๒ เถร
    เถร แปลว่า ท่านผู้ใหญ่
    เถน แปลว่า หัวขโมย
    ตามภาษาบาลีมันแปลไม่เหมือนกัน
    สำหรับเรื่องเถรส่องบาตรเป็นเถรผู้ใหญ่ เพราะบาตรท่านแตกอยู่นิดหนึ่ง ตามธรรมดาในพระวินัยถ้าบาตรแตกพอนิ้วลอดได้ต้องเปลี่ยนบาตรใหม่ บาตรอันนั้นจะใช้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าปรับเป็นอาบัติเพราะข้าวรั่ว ทีนี้เถรผู้ใหญ่ บาตรท่านแตก เวลาท่านเช็ดบาตรเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ส่องดู ส่องดูรอยร้าวว่ามันจะแตกมากไปหรือไม่มาก ถ้ามันยังไม่มากก็ใช้ต่อไป ทีนี้ลูกน้องท่านสิ ไม่รู้ว่าท่านส่องทำไม เห็นท่านส่องก็ส่องบ้าง ส่องส่งเดช ไอ้บาตรของตัวน่ะไม่แตก เห็นอาจารย์ส่องก็ส่องตาม แล้วก็ไม่ถามด้วยว่าท่านส่องทำไม ส่องตามท่าน เรียกว่าส่องแบบโง่ ๆ

    ข้อนี้ฉันใด ตัวฉันในเวลานั้นก็เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เถรส่องบาตร คือกราบตามเถร แต่ไม่รู้ว่าท่านกราบเพื่ออะไร ฉันสงสัย พอท่านกราบครั้งที่ ๒. เสร็จ พอท่านจะลุกกลับ ฉันก็หันไปถามยกมือพนม เวลาฉันพูดกับท่านต้องพนมมือ แต่ท่านไม่ได้บังคับ บางทีท่านบอกว่าเอามือลงเถอะ แต่ว่าไม่มีใครเขาปฏิบัติหรอก เพราะเขา เคารพท่านมาก ถือว่าเป็นผู้ใหญ่

    จึงถามว่า หลวงพ่อครับ หลวงพ่อมากราบยายฟูทำไม ยายฟูแกเป็นเด็กกว่าหลวงพ่อ เวลาแกอยู่หลวงพ่อก็เรียกอีฟู ๆ แล้วเวลาแกตายแล้วหลวงพ่อมากราบ แล้วไอ้ศพนี่มันก็เป็นศพผู้หญิงหลวงพ่อมากราบทำไม
    ท่านหันมายิ้ม แล้วบอกว่า เจ้าลิงดำยังไม่หมดโง่อีกหรือนี่
    บอกครับ ผมยังไม่หมดโง่ โง่แน่ล่ะครับ ผมโง่มา ๑๐ ศพกว่าแล้ว
    ท่านก็หัวเราะชอบใจ แล้วบอกว่าไอ้ลิงดำมันโง่มันก็ดีมันยังถาม แต่ว่าไอ้คนโง่แล้วถามหรือไม่รู้แล้วถามมันก็เกิดความ ฉลาดได้ แต่ไอ้คนโง่แล้วไม่ถามมันโง่ดักดาน มันโง่แบบเถรส่องบาตรตามที่เล่าเมื่อกี้
    ท่านก็เลยบอกว่าฉันไม่ได้กราบอีฟู นะ อ้าว!..แล้วกัน
    จึงถามว่า หลวงพ่อไม่ได้กราบยายฟูแล้วหลวงพ่อกราบใครครับ เพราะศพนี้มันศพยายฟู
    ท่านบอก ศพนั่นก็ศพอีฟูแหละ แต่ข้าไม่ได้กราบอีฟู ข้ากราบสัจธรรมของพระพุทธเจ้า
    ถามว่าสัจธรรมหมายความว่าอะไรครับ
    ท่านบอกว่า สัจจะ แปลว่าความจริง ธรรมะ แปลว่า วาจาที่พระพุทธเจ้าทรงไว้ การกล่าววาจาของพระพุทธเจ้านี่ ตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ฉะนั้นที่ฉันมากราบนี่ฉันกราบ ธรรมะคือสัจจะความจริงที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส มันเป็นความจริงทุกครั้งเมื่อพบศพ
    เอ๊ะ...ตอนนี้ชักสงสัย ก็เลยบอกว่า ขอหลวงพ่อโปรดอธิบายครับ
    พระเก่า ๆ ท่านมองแล้วท่านก็ยิ้ม
    แต่พระใหม่ ๆ ไม่ยิ้มหรอก น่ากลัวว่าจะเหมือนฉันหลายองค์ คือกราบส่งเดช
    ท่านก็เลยบอกว่าที่มากราบสัจธรรมมันเป็นอย่างนี้

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า สัตว์ก็ดี บุคคลก็ดี สิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ดี เมื่อมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วก็มีความเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างกลาง ในที่สุดมันก็แตกสลายหมด ถ้าเป็นสัตว์หรือคนก็ตายในที่สุด ถ้าเป็นของหรือวัตถุธาตุก็แตกต้องทำลายในที่สุด ไม่ว่าบ้านเรือนโรง ภูเขาลำเนาป่า มันก็เหมือนกัน

    ภูเขามันเป็นหินแข็งนะ แต่ว่านาน ๆ เข้ามันก็เป็นหินผุกลายเป็นดินไป ทีนี้คนหรือสัตว์ก็เหมือนกันเมื่อเกิดขึ้นมาในตอนต้นมันตัวเล็ก ๆ แล้วมันค่อยเปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนสภาพขึ้นมาทุกที ถึงความเป็นคนใหญ่เป็นหนุ่มเป็นสาว แล้วก็แก่ และในระหว่างนั้นสภาพของร่างกายก็ไม่ปกติ มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ธรรมดาของการเปลี่ยนแปลงจัดเป็น อนิจจัง

    ทีนี้ไอ้ตัวอนิจจัง มีความไม่เที่ยง มีความทุกข์ มันก็ปรากฏมันก็เกิดขึ้น ไอ้ที่ความทุกข์มันเกิดก็เพราะตัวอนิจจังนี่แหละไม่มีใครต้องการ ต้องการให้เป็นนิจจังคือมันเที่ยงแท้แน่นอนมีสภาพปกติ แต่ว่าอนิจจังมันขับรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เคลื่อนไปจากความปกติ ให้มีความเปลี่ยนแปลงและแปรสภาพเสื่อมโทรมลงไปเป็นธรรมดา

    ในเมื่อความเสื่อมโทรมมันปรากฏ ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ มีโรคภัยไข้เจ็บมันเกิดขึ้น ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ นี่มันเป็นตัวทุกข์ อนิจจังมันทำให้ทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนั้น ทีนี้คนเราทุกคนมันก็มีสภาพเปลี่ยนแปลงเหมือนเธอ คือเมื่อก่อนก็เป็นเด็ก แล้วก็มาเป็นหนุ่ม เมื่อหนุ่มแล้วเป็นคนยังไม่พอ ก็มาแปรสภาพเป็นพระ นี่มันก็เป็นตัวอนิจจัง

    และในที่สุดอีฟูนี่มันเด็กกว่าฉันมันก็ตาย พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นอนัตตา คือไม่มีใครจะห้ามความตาย ไม่มีใครจะห้ามความเสื่อมความสูญความสลายตัวได้ อีฟูก็เป็นอย่างนี้ ศพอื่นก็เป็นอย่างนี้ ตัวพวกเราเองก็จะเป็นอย่างนี้

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ไม่ผิด คนทุกคนเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สัตว์ทุกตัวเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สภาพของวัตถุธาตุต่าง ๆ เป็นอย่างนั้นตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาแล้วในโลก ยากนักที่จะคิดอย่างนี้ ที่จะเห็นตามความ เป็นจริงอย่างนี้
    พระพุทธเจ้าทรงสอนกฎของธรรมดา ซึ่งคนทั้งหลายที่เกิดมาแล้วด้วยอำนาจของกิเลสและตัณหาเข้าปิดบังใจ ไม่ยอมรับนับถือกฎธรรมดา

    นี่ลิงดำ (ท่านไม่เรียกชื่อ ท่านเรียกลิงดำ) ท่านบอกว่าฉันกราบสัจธรรมแบบนี้แล้วเธอกราบแบบไหน?
    ก็บอกท่านว่าผมก็กราบยายฟูเข้าให้
    ท่านก็หันไปหัวเราะก้าก ๆ ๆ แล้วบอก ว่านี่น่ากลัวจะล่อเข้าหลายศพแล้วสิ
    ก็บอกท่านว่า ครับ หลายศพแล้ว ทุกศพครับ จนกระทั่งศพยายฟูนี่เป็นศพสุดท้าย ผมกราบศพเข้าให้แล้วครับ
    จึงถามว่าบาปไหม ?
    หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ไม่บาปหรอก เรากราบนี่ ไม่มีใครเขาบังคับให้กราบ หรือไม่มีใครเขามาจ้างให้เรากราบ ถ้าเขาจ้างให้เรากราบ ถ้าเราไปกราบเพื่อรับจ้างเขาอันนี้บาป อันนี้เรากราบไม่มีอะไรจะบาป การกราบการไหว้ไม่ใช่ของบาป ทำไปเถอะ แต่ว่าเธอกราบผิดนี่ ต้องกราบใหม่ละมั๊ง กราบให้ถูก
    บอกเอาครับ ผมจะกราบใหม่ กราบให้ถูก ก็เลยกราบไปอีก
    ก่อนที่จะกราบท่านก็ถามว่าใครกราบผิดบ้างล่ะ ให้กราบใหม่ กราบให้มันถูก
    ก็มีพระอยู่ ๑๐ องค์กว่า กราบผิดเหมือนกัน ผลที่สุดก็ต้องกราบกันใหม่ พอ กราบลงไปแล้ว พอกราบลงไป ๓ ครั้ง ปี่พาทย์เขาก็บรรเลงเพลงมอญร้องไห้

    ไอ้เพลงนี้มันโหยหวน ฉันก็เลยนั่งนิ่ง ตอนนี้เข้าเป็นสมาธิ พิจารณาธาตุของยายฟูว่าสภาพของยายฟูมันเป็นตัวสลาย ในที่สุดยายฟูวันพรุ่งนี้เขาก็จะเผา ร่างกายทั้งร่างที่เราเคยเห็นมันก็จะเป็นอากาศธาตุ ไม่มีตัวไม่มีตน มีสภาพว่าง จิตยกเข้าสู่ระดับฌาน ๔ เลยได้ ( อากาสานัญจายตนะ ในอรูปฌาน ) แต่ได้อรูปฌานเบื้องต้น พอได้อรูปฌานเบื้องต้น พอปี่พาทย์เขาบรรเลงจบ ฉันก็ลืมตาขึ้น

    หลวงพ่อท่านก็ยิ้ม แล้วบอกว่ามีประโยชน์อย่างนี้ไอ้ลิงดำ อรูปฌานเป็นของยาก นี่เพราะอาศัยแกเจริญกสิณ เอาภาพของยายฟูมาจับให้ติดตา ทั้ง ๆ ที่แกมองไม่เห็น แกก็วาดภาพได้ชัดเจนแจ่มใส แล้วพิจารณาเห็นสภาพที่สูญเสียไป ในวันพรุ่งนี้ที่ร่างกายของยายฟูจะไม่ปรากฏ จะเป็นอากาศธาตุสูญไป จิตตกอยู่ในอารมณ์ของฌาน ๔ ประเภทนี้ ท่านเรียกว่าได้ อากาสานัญจายตนะ
    ฉะนั้นก็เหลืออีก ๓ อัน คือ วิญญา ณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ เธอจงทำกรรมฐานอีก ๔ กองนี้ซึ่งจัดว่าเป็นอรูปฌานให้ได้เสร็จภายในหนึ่งเดือนนะ แล้วประโยชน์ใหญ่ในวันข้างหน้าในการเจริญวิปัสสนาญาณจะให้ผลใหญ่ สำหรับเธอ แต่ว่าผลใหญ่อันนี้จะปรากฏได้แก่เธอถึงที่สุดในเมื่อเธอผ่านพรรษาที่ ๒๐ ไปแล้ว อันนี้เป็นคำพยากรณ์วาระที่ ๒.ท่านผู้ฟังเห็นไหมว่าปฏิปทาของพระที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือ หลวงพ่อปานไหว้ศพ ท่านทั้งหลายถ้าไปไหว้ศพก็จงไหว้ตามนี้นะ อย่าไหว้ตามประเพณีมันจะไม่เกิดประโยชน์ ไหน ๆ เราจะลงทุนไหว้ทั้งที ก็ไหว้ให้มันเกิดประโยชน์เกิดผล ให้เป็นปัจจัยของตนต่อไปในภายหน้า ดีไม่ดีท่านไหว้ เป็นอย่างนี้อาจจะถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ก็ได้ใครจะรู้ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ฉันอวดวิเศษ ไม่ใช่ฉันอวดรู้ หรือไม่ใช่ฉันเป็นผู้เข้าถึงพระนิพพาน ถ้าท่านทั้งหลายจะนึกว่าท่านไม่ใช่พระ คนฟังนี่ก็ไม่ใช่พระ อะไร ๆ ก็ดีสู้พระไม่ได้อย่างนั้นรึ ถ้าคิดอย่างนี้มันก็ผิด
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...