สัมภาษณ์กับจิตญาณของดารากร พรพิมลและพญามัจจุราช

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย matiepoppy, 28 กรกฎาคม 2011.

  1. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=cattitle>



    </TD><TD class=itemsubsub></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    จิตญาณดารากร พรพิมลมาแสดงหลักฐานการเวียนว่ายในวัฏสงสาร


    ในยุคกาลโปรดสามโลก สุดท้ายปลายกัป
    เนื่องในโอกาสวันรับตายาย
    จิตญาณมาแสดงประจักษ์หลักฐาน ณ พุทธสถานแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช
    วันเสาร์ ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ เวลา ๑๒.๒๕ น.


    สิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่า “ไม่มี” เพราะเราไม่เห็น หรือเห็นไม่ได้ จึงว่าไม่มี ความมี หรือความไม่มี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมนุษย์ เพราะมนุษย์เองก็มีมาจากความไม่มี สภาวะธรรมอันมีอยู่ในสากลจักรวาล ในความเวิ้งว้างกว้างใหญ่อันหาขอบเขต หาประมาณไม่ได้ ไม่มีกำหนดเบื้องต้นเบื้องปลาย ทุกสรรพสิ่งเป็นไปตามสภาวะธรรม มนุษย์ไม่ใช่ผู้กำหนดความเป็นไปของจักรวาล แต่มนุษย์เป็นผู้กำหนดชะตาของตัวเอง และพฤติกรรมของมนุษย์ เป็นเหตุให้สภาวะแวดล้อม และพลังของจักรวาลแปรเปลี่ยนไปได้ด้วย การหมุนโคจรของดวงดาว การเป็นไปของฤดูกาล ภัยพิบัติทางดิน น้ำ ไฟ ลม และศาสตราวุธ ที่เกิดขึ้น ก็ย่อมมาจากพฤติกรรม การกระทำกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น
    ความเชื่อของมนุษย์เป็นตัวการหลัก ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางพลังแห่งจักรวาล สิ่งที่นำเสนอมานี้ เป็นสิ่งเกิดขึ้นโดยความเมตตาของฟ้า ที่ต้องการให้มนุษย์ทราบถึงกฎของจักรวาล ที่มนุษย์ไม่อาจแปรเปลี่ยนด้วยพลังความปรารถนาจากอัตตา และความเห็นแก่ได้ของมนุษย์ แต่มนุษย์ยิ่งใหญ่ในความเป็นกายเนื้อ ในขณะที่จิตญาณยังอาศัยอยู่ในกายเนื้อ เมื่อออกจากกายเนื้อแล้ว แม้ว่าตอนเป็นมนุษย์จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด ในสภาวะของความเป็นจิตญาณ จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยกฎของจักรวาล แต่คุณความดีที่เกิดมีในขณะครองความเป็นมนุษย์ ที่มนุษย์กำหนด และกระทำให้เป็นไป เกิดมีในจิตญาณตอนครองกายเนื้อนั้น จะยิ่งใหญ่เป็นที่เกรงขามของบุคลากรฟ้า ผู้คุมกฎทั้งหลายในทุกพื้นที่ของจักรวาล
    ผู้ที่ทำความผิดต่อกฎของจักรวาลในขณะครองกายเนื้อ แม้ในเวลานั้นจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่เกรงขามของคนทั้งโลกก็ตาม การทำผิดกฎของจักรวาลในการครองกายเนื้อ จะไม่ได้รับความเกรงใจจากเจ้าหน้าที่ชาวฟ้า เมื่อไปอยู่ในสภาวะของจิตญาณ ไม่มีการลูบหน้าปะจมูก ไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก ไม่มีการเกรงใจ ไม่อาจติดสินบนด้วยข้าวของเงินทองใดๆได้ ทุกคนเสมอกันในทางญาณ มนุษย์ถือกำเนิด และถูกกำหนดมาจากสภาวะความเป็นญาณ ญาณเป็นพลังงานคลื่นความถี่ที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่เคยตาย หรือแตกสลายถาวร กายสังขารเนื้อมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุของการสร้างกรรม ญาณที่มาให้หลักฐาน และมาได้อย่างไร มีเหตุปัจจัยที่สอดคล้องในระยะเวลาหนึ่งๆเท่านั้น ไม่ได้มี และเป็นไปตลอดกาล ถ้าไม่ใช่เวลาอันเหมาะสม แม้ญาณนั้นจะเรียกร้องต้องการที่จะมาแสดงตัวอย่างไรก็ไม่อาจสำเร็จได้ แต่ถ้าสอดคล้องด้วยสภาวธรรมแล้ว ทุกอย่างฟ้าจะจัดให้อย่างเป็นระบบ และสมดุล
    ท่านทั้งหลายที่อ่านเรื่องราวที่นำเสนอนี้แล้ว โปรดใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง และสรุปหากฎเกณฑ์เอาตามความประสงค์เถิด
    --------------------------------------------------------
    วิญญาณ : ช่วยด้วย! ช่วยที เร็วๆ เจ็บ ไฟไหม้หมดแล้ว
    อาจารย์ : ช่วยวิธีไหน ?
    วิญญาณ : ช่วยด้วย ช่วยเราด้วย ตามตัวเจ็บไปหมด ช่วยหยิบหนามออกให้ที
    อาจารย์ : ท่านเป็นใคร ?
    วิญญาณ : ได้โปรดเถอะ อย่าทำข้าเลย
    อาจารย์ : หยิบให้แล้ว หนามหลุดออกหรือยัง เขากำลังดึงหนามให้อยู่นะ
    วิญญาณ : โอ๊ย!
    อาจารย์ : ออกหรือยัง ? (หนาม)
    วิญญาณ : มันเจ็บ มันเปื่อยเน่าทั้งตัวแล้ว
    อาจารย์ : ท่านมาจากไหน ?
    วิญญาณ : มาจากนรก ลูกหลานเอ๊ย กูอยู่บนต้นงิ้ว
    อาจารย์ : เขาช่วยแล้ว มาที่นี่แล้ว เราจะช่วยให้ทุเลาลงบ้าง
    วิญญาณ : โอ๊ย! มันเปื่อย มันเจ็บ เขาให้กูขึ้นมา
    อาจารย์ : เรากำลังช่วย ทุเลาความเจ็บปวดลงหรือยัง ?
    วิญญาณ : โอ๊ย! ยังเปื่อยเน่าอยู่เลย น้ำเหลืองน้ำหนองเต็มหมดแล้ว เขาไม่ไห้ช่วย เขาให้เจ็บ เขาว่ากูจะไม่สำนึก เขากลัวกูหนีอีก
    อาจารย์ : เพียงช่วยให้เบาเท่านั้น
    วิญญาณ : เขากลัวกูหนี เขาคุมไม่ทัน
    ญาติธรรม : อ๋อ! เขากลัวว่าจะหนีหรือ ?
    วิญญาณ : กูเจ็บ กูทนไม่ไหวแล้ว
    อาจารย์ : ก็ช่วยให้เบา พูดกันก่อน ชื่ออะไร ?
    วิญญาณ : กูชื่อ ดารากร
    อาจารย์ : ชื่อเพราะ ชื่อเหมือนผู้หญิงเลย
    วิญญาณ : กูเป็นผู้หญิงหากิน กูเป็นกะหรี่
    อาจารย์ : นามสกุลอะไร ?
    วิญญาณ : โอ๊ย! กูเจ็บไปหมดแล้ว
    อาจารย์ : เขาทำอะไร เบาๆหน่อย เล่าแบบไม่ต้องร้องไห้ดีกว่า
    วิญญาณ : กูอยู่บนต้นงิ้ว กูปีนต้นงิ้ว
    อาจารย์ : เดี๋ยวก่อนที่จะเล่า ท่านชื่อดารากร นามสกุลอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : พรพิมล
    อาจารย์ : เป็นคนที่ไหน จังหวัดอะไร ?
    วิญญาณ : กูเป็นคนนครฯ
    อาจารย์ : อำเภออะไร ?
    วิญญาณ : ปากพนัง
    อาจารย์ : ตำบลอะไร ?
    วิญญาณ : กูอยู่ปากพนังฝั่งตะวันตก
    อาจารย์ : ตายกี่ปีมาแล้ว ?
    วิญญาณ : กูตายนานแล้ว
    อาจารย์ : กี่ปีมาแล้ว
    วิญญาณ : เป็น ๑๐๐ ปีแล้ว
    อาจารย์ : สมัย ๑๐๐ ปีที่แล้วมีอาชีพนี้ด้วยหรือ ?
    วิญญาณ : กูชอบเอาผัวเพื่อน
    อาจารย์ : ที่ปากพนังเขามีตลาดไหม ?
    วิญญาณ : ไม่มี!
    อาจารย์ : เป็นชาวบ้านธรรมดาหรือ ?
    วิญญาณ : ชาวบ้าน
    อาจารย์ : ท่านนั้นท่านมีครอบครัวอยู่ก่อนหรือยัง ?
    วิญญาณ : มี!
    อาจารย์ : ตอนที่ท่านทำอาชีพนี้ อายุเท่าใด ?
    วิญญาณ : ๒๐ กว่าปี
    อาจารย์ : ที่เอาผัวเพื่อนนะ ทั้งหมดประมาณกี่คน ?
    วิญญาณ : กูเอาทั้งนั้น ถ้าพอใจ โอ๊ย!
    อาจารย์ : อาชีพอื่นล่ะ ?
    วิญญาณ : โอ๊ย! หอกติดหลัง
    อาจารย์ : เอา ถอนออกก่อนแล้ว เล่าต่อๆ จะก่อให้เกิดประโยชน์ แก่คนรุ่นหลัง
    วิญญาณ : เจ็บ!
    อาจารย์ : ที่ทำอาชีพนี้ ได้เงินไหม ?
    วิญญาณ : ได้บ้างไม่ได้บ้าง
    อาจารย์ : ไม่พอเลี้ยงชีพนะ ?
    วิญญาณ : กูทำตามอยาก
    อาจารย์ : ท่านหาปู หาปลาบ้างไหม ?
    วิญญาณ : จับปลาที่ต้นจากไปขาย
    อาจารย์ : ชีวิตแร้นแค้นไหม ?
    วิญญาณ : ลำบาก!
    อาจารย์ : แต่ว่าเรื่องโน้นก็ชอบ เป็นอีกส่วนใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ตอนตายอายุเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : ๗๐ ปี
    อาจารย์ : ท่านเลิกเอาผัวเพื่อนตอนอายุเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : ๖๐ กว่าปี
    อาจารย์ : ไม่ได้สร้างบุญเลยหรือ ?
    วิญญาณ : กูอาย!
    อาจารย์ : ไม่ต้องอาย ที่นี่เป็นสถานปฏิบัติธรรม เขาไม่ดูถูกคน
    วิญญาณ : กูอาย กูทำบาป กูทำชั่ว
    อาจารย์ : อยากรู้ความหมายเรื่องที่จะเป็นบทเรียนให้คนอื่นนะ ท่านไม่ต้องคิดมาก เรื่องนั้นผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดก็ได้ ท่านตายด้วยเหตุอะไร
    วิญญาณ : เป็นไข้
    อาจารย์ : ไข้อะไร ?
    วิญญาณ : ไข้จับสั่น
    อาจารย์ : เป็นไข้อยู่นานเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : สิบกว่าวัน
    อาจารย์ : ท่านมีแฟนไหม ?
    วิญญาณ : แฟนมีแต่ตายก่อน
    อาจารย์ : ใครดูแลท่าน ลูกหลานท่านหรือ ?
    วิญญาณ : อยู่กับลูก
    อาจารย์ : ท่านกินยาอะไร ?
    วิญญาณ : ยาสมุนไพร
    อาจารย์ : ตอนตายทรมานไหม ?
    วิญญาณ : ทรมาน มันเย็น มันร้อน ปวดตามกระดูก ตามเส้น เจ็บตามตัว ผอมลงๆ กินอะไรไม่ได้ เจ็บคอ
    อาจารย์ : ท่านมาที่นี่ เพื่อจุดประสงค์อะไร ?
    วิญญาณ : มาเพื่อจะบอกว่าพวกเปรต พวกสัตว์ทั้งหลาย วิญญาณนรกขึ้นมาแล้ว ให้เตรียมตัวต้อนรับเขา เขาจะมาขอบุญ ขอกุศล ให้ลูกหลานสร้างบุญสร้างกุศลให้ด้วย เพราะถ้าลูกหลานไม่มา เขาก็ไม่ได้มา เขาให้มาบอก กูขออนุญาตให้กูพูดก่อนได้ไหม ไม่มีลูกไม่มีหลาน
    อาจารย์ : ทุกปีเราก็บอกให้เขามา เราทำหลายวิธี ได้ออกอากาศทางวิทยุก็มี
    วิญญาณ : ช่วยกันนะลูก
    อาจารย์ : คนอื่นก็ช่วย คนจำนวนมากไม่เชื่อเรื่องนี้ทุกวันนี้ ต้องเข้าใจนะ กายเนื้อเขาไม่ค่อยเชื่อ ไม่บาปบุญคุณโทษ ไม่เชื่อนรก สวรรค์ เขาบูชาวัตถุ ตามค่านิยมตะวันตก
    วิญญาณ : เชื่อเถอะ นรกมีจริงๆ
    อาจารย์ : ที่นี่ เราไม่มีปัญหา เชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว
    วิญญาณ : เขาเจ็บ กูอยู่แต่ในกองไฟ กูปีนแต่ต้นงิ้ว ถูกหมาปากเหล็กกัด กูถูกกาจิกทุกวัน กูถูกเหล็กแหลมแทงทุกวัน
    อาจารย์ : ๑๐๐ กว่าปี วิญญาณที่พลาดพลั้งในวันนั้น ก็รับโทษมาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร วิธีง่ายๆที่จะบรรเทาโทษของทางการยมโลกคือ ให้ท่านสำนึก ให้มีจิตสำนึก อย่าคิดอะไร จิตที่ว่าคิดผิด ทำผิดมาแล้ว ให้สำนึกผิดตรงนั้นแล้ว ท่านก็จะหลุดจากนรก ทางการยมโลกมีวิธีการอย่างนี้แหละ
    วิญญาณ : กูเจ็บ!
    อาจารย์ : ก็เจ็บนั่นแหละ
    วิญญาณ : มันเน่า มันเปื่อย ถอนหนามขึ้นหมดแล้ว ช่วยกูอีกที
    อาจารย์ : คนสมัยนี้ทำผิดหนักเข้าไปอีก เห็นไหม คนจำนวนมากติดสิ่งภายนอกที่เป็นวัตถุ นอกจากผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้นแหละที่เข้าใจ คนทั่วไปเขาไม่เข้าใจ เขาเสพสุขสนุกสนานกันอย่างเดียว เขาว่าใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ที่เกิดมาแล้ว เขาไม่เชื่อ เขาก็ต้องลงไปนรกอีก พวกเราพยายามทำหน้าที่บอกกล่าวตรงนี้ เท่าที่จะทำได้ ในการทำหน้าที่ตรงนี้ จะถูกขัดขวางไม่น้อย เราตรากตรำลำบาก คนไม่ค่อยยอมรับ ท่านเห็นไหม วันนี้ที่ท่านมาที่นี่ได้ ก็เพราะเป็นยุคการโปรดสามโลก สุดท้ายปลายกัป เราพยายามที่จะให้คนทั้งหลายได้เข้าใจ แต่มันก็ทำยากเหลือเกิน เข้าใจไหม ท่านเล่าไปเลย เล่าให้มากที่สุด เพื่อจะเอาเป็นแบบอย่าง นำลงพิมพ์ไว้ในหนังสือคัมภีร์จิตฯ ?
    วิญญาณ : อย่าเที่ยวเป็นเหมือนกู อย่าคบชู้ อย่าเอาผัวเพื่อน รักใครชอบใครให้เป็นตัวเป็นตน อย่าเป็นหญิงโสเภณี ดูตัวอย่างกูสิ อยู่ในนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ต้องอยู่กับกองไฟ ปีนแต่ต้นงิ้ว ถูกแทงถูกตีถูกฟัน
    อาจารย์ : อืม! พอปีนขึ้นไป หนามมันก็พุ่งเข้าแทงตามตัวใช่ไหม ?
    วิญญาณ : หนามพุ่งเข้ามาแทงเอง ฝังอยู่ในเนื้อ
    อาจารย์ : พอท่านตกลงมา สุนัขปากเหล็กก็กัดใช่ไหม ?
    วิญญาณ : มันกัด มันฉีกเนื้อทั้งหมด
    อาจารย์ : มีอีแร้งด้วยไหม ?
    วิญญาณ : มี!
    อาจารย์ : ที่เขาเอาหอกแทงข้างหลัง เขาเรียกนายนิรบาลใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ยมบาล มันแทงทะลุหน้าทะลุหลัง สมกับความอยากที่มีตัณหา
    อาจารย์ : เขาสอนว่าอย่างไรบ้าง ?
    วิญญาณ : ตัณหามาก ตัณหาจัด ทำตัวไม่ดี ทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิง ไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือน ทำตัวเป็นกากี
    อาจารย์ : เขาใช้หอกทิ่มใช่ไหม เขาสอนว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : เขาบอกว่านี่แหละผลกรรมที่มึงทำไม่ดี แย่งผัวเพื่อน มีความสุขแค่ชั่วคราว ผลกรรมมึงได้รับแบบนี้ ถ้ามึงขืนทำอีก ถ้าไปเกิดใหม่ มันยิ่งหนักกว่านี้ มึงจะได้เกิดเป็นหมา จะได้เป็นสัตว์ ๔ ขา
    อาจารย์ : เป็นสุนัขตัวเมียใช่ไหม ?
    วิญญาณ : เขาไม่ได้บอก เขาบอกว่าเป็นหมา เขาให้มาบอกว่าอย่าทำชั่ว เป็นผู้หญิง ให้เป็นกุลสตรี ให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน อย่าทำตัวสำส่อน ไม่เช่นนั้นต้องลงนรกทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร ท่านบอกว่าจะไม่ไว้หน้า ถ้าทำชั่วเรื่องโลกีย์แบบนี้ เขาถือว่าเป็นบาปใหญ่หลวง ไม่เหมาะสมที่จะเกิดเป็นผู้หญิง หวังเงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ ความสุขแค่ชั่วคราว
    อาจารย์ : ท่านเล่าไป
    วิญญาณ : เขาบอกว่า ท่านสั่งมาถ้าผู้บำเพ็ญอยู่ที่นี่ มีจิตอกุศล ท่านบอกว่าจะได้รับโทษเช่นกัน จะหนักจะเบาอยู่ที่การกระทำ ถ้าผู้ใดคิดผิดเรื่องโลกีย์ ท่านบอกว่าจะลงข้างล่าง ไม่ได้ขึ้นข้างบนแน่นอน จะช้าจะเร็วอยู่ที่เราทำผิด กูกลัวแล้ว มันเจ็บ
    อาจารย์ : ความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับ หลังจากทิ้งกายสังขาร ไม่รู้จะทำอย่างไรให้มันเห็นชัดๆ สักครั้ง ไม่ค่อยชัดเจนเลยที่ว่ามันเจ็บเหลือเกิน ถ้ารู้แล้วท่านร้องขนาดนี้หนักใช่ไหม นั่นแหละคนกายเนื้อ ?
    วิญญาณ : เจ็บลูกหลานเอ๊ย กูเจ็บเหมือนเอามีดกรีดให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ กรีดให้มันแยกกัน แสบๆ ร้อนๆ
    อาจารย์ : ที่เครื่องเพศด้วยไหม ?
    วิญญาณ : กรีดทั้งตัวเลยลูก ทำใหัมันยับ
    อาจารย์ : ท่านทนความเจ็บปวดไม่ได้ ท่านก็ตายใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ตาย! พอฟื้นขึ้นมาก็ปีนขึ้นไปอีก
    อาจารย์ : เป็นอยู่เช่นนี้นานไหม ?
    วิญญาณ : บอกไม่ถูก บางทีก็ช้าบางทีก็เร็ว อยู่ที่จิต กูเจ็บ
    อาจารย์ : เขาใช้น้ำสาดหรือว่าลมพัดหรืออย่างไร ?
    วิญญาณ : เขาเอาน้ำสาด
    อาจารย์ : ตอนนั้นพญายมยังไม่พิพากษาโทษใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ให้ทรมานก่อน
    อาจารย์ : เอาอย่างนี้ ตอนที่ท่านลงไปข้างล่าง เป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้เขาฟังนิดหนึ่งก่อน ว่าวันที่ท่านตายไปใหม่ๆ ท่านไปที่……..?
    วิญญาณ : ไปที่ยมโลก เขาไปพิพากษาโทษ
    อาจารย์ : คำแรกเขาพูดว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : เขาว่าอีนางกากีมาแล้ว ถึงเวลาหมดอายุขัย ถึงเวลาตายมาชำระโทษทัณฑ์ ผู้หญิงแบบนี้ไม่สมควรจะอยู่ต่อ
    อาจารย์ : เขาให้ตายก่อนอายุขัยใช่ไหม จริงๆแล้ว ท่านต้องตายเมื่ออายุมากกว่านี้ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : เขาลดทอนอายุลงกี่ปี ?
    วิญญาณ : ๑๗ ปี
    อาจารย์ : ลดตั้ง ๑๗ ปีนะ เขาเปิดบัญชีให้ดูไหม ?
    วิญญาณ : ให้ดู!
    อาจารย์ : เขาเปิดบัญชีแล้วพูดว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : เขาบอกว่า สร้างกรรมมากกว่าสร้างบุญ ความชั่วมากกว่าความดี เขาเสียใจ เขาไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
    อาจารย์ : สมัยนั้นแถวบ้านท่านมีวัดไหม ?
    วิญญาณ : มี! อยู่ริมคลอง เมื่อจะไปวัดต้องพายเรือไป
    อาจารย์ : วัดชื่ออะไร ?
    วิญญาณ : วัดปากพนัง
    อาจารย์ : วัดปากพนังตะวันตก หรือว่าวัดปากพนังเฉยๆ ?
    วิญญาณ : วัดปากพนังตะวันตก
    อาจารย์ : ท่านไปวัดบ้างหรือเปล่า ?
    วิญญาณ : ไม่ค่อยได้ไป
    อาจารย์ : เหตุผลที่ไม่ค่อยได้ไปคืออะไร ?
    วิญญาณ : ไม่ชอบไปวัด
    อาจารย์ : เพราะอะไร ?
    วิญญาณ : จิตไม่ชอบ
    อาจารย์ : เพราะจิตไม่ชอบจึงไม่ไป สมัย ๑๐๐ กว่าปีมาแล้วนี้ ตรงกับรัชกาลที่เท่าไหร่ พอรู้ไหม ?
    วิญญาณ : รัชกาลที่ ๓ ปลายๆ เจ็บ! โอยมันเจ็บ
    อาจารย์ : จะช่วยให้ทุเลาไปก่อน รับวิบากผลเจ็บเป็นธรรมดานะ เมื่อท่านมาให้หลักฐานวันนี้ ให้คนรุ่นหลังเข้าบาปบุญ นรกสวรรค์ ทางการยมโลกก็จะให้บุญท่านเพิ่มขึ้น ท่านจะได้ทุเลาความเจ็บปวดลง ผู้ที่มาให้หลักฐานนี้ หมายความว่าได้ทำประโยชน์ คนรุ่นหลังเขาจะได้อ่านข้อมูลนี้จากหนังสือคัมภีร์จิตฯ ที่เราพิมพ์ออกไป หนังสือจะออกทันเทศกาลส่งตายาย ใครเชื่อไม่เชื่อเรื่องของเขา เราเชื่อของเราอย่างนี้ ส่วนคนที่เห็นโทษ เห็นความลำบากเจ็บปวดของญาณที่ถูกชำระโทษในนรก จะเป็นผลดีกับเขา ลูกหลานท่านที่ปากพนังตอนนี้มีบ้างไหม ?
    วิญญาณ : ไม่รู้! มองไม่เห็น
    อาจารย์ : ไม่เป็นไร ท่านมากรณีพิเศษ เดี๋ยวกรวดน้ำให้
    วิญญาณ : กูไม่มีพลัง กูไม่มีแสง มองไม่เห็น อยู่แต่ในนรกมายาวนาน
    อาจารย์ : ใครพาท่านมาล่ะ เขาคอยอยู่ข้างนอกใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ยมทูตคุมมา
    อาจารย์ : มากี่ตนล่ะ ?
    วิญญาณ : ๒ ตน
    อาจารย์ : ยมทูตขาว-ดำ มาคอยอยู่ เขาต้องพาท่านกลับลงไปอีกใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่! กูไม่อยากไป นี่กูบอกให้ช่วย กูไม่อยากลงไปแล้ว
    อาจารย์ : ไม่เป็นไรนะ เพราะว่าความผิดที่ทำมาก็ต้องรับ
    วิญญาณ : กูไม่อยากไปนรก
    อาจารย์ : ท่านกลับลงไปนรกเที่ยวนี้ โทษคงเบาลงไปกว่าเดิม เพราะท่านได้รับบุญ ได้รับกุศล จากการมาให้หลักฐานข้อเท็จจริงของจักรวาล ที่สำคัญก็คือเมื่อท่านลงไปแล้วให้สำนึกให้เร็ว เพราะยุคนี้เป็นยุคการโปรดสามโลก ถ้าท่านสำนึกเร็ว ให้สำนึกในความผิดที่ท่านได้ทำมาในอดีตนะ เข้าใจไหม ?
    วิญญาณ : เข้าใจ!
    อาจารย์ : เมื่อสำนึกแล้ว ท่านก็จะได้เลื่อนจากที่ทรมานตรงจุดนั้น พอได้เลื่อนจากจุดนั้น ท่านก็ได้ไปฟังธรรมที่ลานธรรมของพระมาลัย ทำใจให้สบาย
    วิญญาณ : กูรู้ กูไม่รู้ว่าจะได้ไปฟังธรรมที่นั่นหรือเปล่า
    อาจารย์ : เที่ยวนี้คงได้ไปนะ ท่านมาให้หลักฐานถือเป็นบุญใหญ่ ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ เขาส่งมา หรือท่านขอมาล่ะ ?
    วิญญาณ : กูขอมา เขาบอกว่า ใครจะขึ้นมาบ้างวันนี้ มาให้หลักฐาน เขาขอใบประกาศ เขาไปประกาศตามขุมนรกว่าใครจะมาสร้างบุญบ้างเขาจะให้มา กูเจ็บทนไม่ไหว กูมาขอตายเอาดาบหน้า
    อาจารย์ : ท่านมาให้หลักฐานก็ถือว่าเป็นบุญกุศลใหญ่ ท่านก็จะได้บุญมากกว่าปกติมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะปกติท่านต้องใช้เวลายาวนาน ดีไม่ดีไม่ช้าไม่นาน อาจจะได้ไปฟังธรรมที่ลานธรรมพระศรีอาริย์
    วิญญาณ : ขอบใจนะ
    อาจารย์ : ถ้าจิตใสเร็ว ให้ท่านทำจิตให้ใสให้เร็วที่สุด พอจิตใสแล้ว เขาจะส่งขึ้น ผ่านที่นี่อีกครั้ง แล้วก็ส่งขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์ ท่านอยากไปไหม ?
    วิญญาณ : กูอยากไปที่สบาย สบายเหมือนที่พวกเจ้าเป็นอยู่ ไม่ต้องเจ็บ
    อาจารย์ : อยากไปที่สบายมีอย่างเดียว ให้สำนึกความผิดให้เร็วที่สุด
    วิญญาณ : กูกลัวแล้ว กูเจ็บ กูเจ็บจนไม่รู้จะพูดอย่างไร
    อาจารย์ : เข้าใจๆ แน่นอนผู้ที่ทำความผิด จะต้องเจ็บแน่นอน สิ่งหนึ่งที่ทำได้ การที่เราลงสู่ข้างล่าง ลงสู่นรก คือการสำนึกความผิด เราชดใช้กรรมให้เหมาะสมกับเวลา ท่านก็ลงไปอยู่ข้างล่างนานแล้ว แสดงว่าท่านไม่ค่อยได้สำนึกใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ท่านไม่สำนึก ถ้าท่านสำนึกผิด แสงก็จะปรากฏขึ้นทันที แสงมันจะบอก เขาจะรู้ทันทีว่าท่านสำนึกระดับไหน ท่านสำนึกมาก ท่านก็จะหลุดออกจากตรงนั้นเร็ว เข้าใจไหม ?
    วิญญาณ : เข้าใจ!
    อาจารย์ : สำนึกรู้จักไหม สำนึกผิดน่ะ คือให้รู้ว่าที่ทำมาในอดีตมันผิด ไม่คิดทำอีกแล้ว ความผิดเช่นนี้ไม่ทำแล้ว มันไม่ดีเลยให้เข้าใจแบบนั้น แต่ต้องเกิดจากใจจริงแท้ ท่านก็จะได้เลื่อนย้ายไปที่อื่นทันที ได้เลื่อนขึ้นไปที่สบาย พอไปอยู่ที่สบายเรื่อยๆ ท่านก็จะหลุดพ้นจากตรงจุดนั้น วันนี้ที่มาที่นี่ ท่านสมัครมาเอง เป็นบุญใหญ่ ขออย่าได้คิดเป็นอย่างอื่นนะ เช่นที่ท่านคิดจะไปตายเอาดาบหน้า ไม่ได้นะ ท่านคิดจะหนีก็ไม่ได้นะ เพราะท่านหนีก็ไม่พ้น เข้าใจไหม ท่านต้องยอมรับในความผิดที่ทำมา ด้วยความเต็มใจ พอรู้ว่าผิดต้องยอมรับผิด ผิดแล้วต้องสำนึกผิด พอท่านยอมรับความผิด ทางการยมโลกก็อภัยให้ท่าน แล้วก็ให้ท่านหลุดพ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะวันนี้มาให้หลักฐาน ท่านได้บุญมากเป็นพิเศษ เนื่องในเทศกาลโปรดสามโลกของเบื้องบน ของพระแม่องค์ธรรม รู้จักพระแม่องค์ธรรมไหม แม่ผู้ให้กำเนิดดวงวิญญาณทั่วทั้งจักรวาลน่ะ พระองค์เมตตาให้มีการโปรดสามโลกครั้งยิ่งใหญ่ แล้วท่านเองก็พลอยได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ด้วย การโปรดสามโลกไม่รู้อยู่อีกยาวนานเท่าใด เพราะอีกไม่นานก็จะสิ้นสุดยุคการโปรดสามโลกแล้ว ท่านได้มีโอกาสขึ้นมาก็เพราะมีการโปรดสามโลก โดยแท้
    วิญญาณ : ขอบใจมาก สบายใจขึ้นมาก เบาแล้ว
    อาจารย์ : เบาแล้วใช่ไหม พลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยนะ
    วิญญาณ : ขอบใจทุกคนนะที่ช่วย
    อาจารย์ : ให้ท่านสำนึกนะ ลงไปเที่ยวนี้สำนึกให้เร็ว
    วิญญาณ : เขาบอกว่าถ้าลูกหลานไม่มา เขาก็ไม่ได้มา บางคนร้องไห้เสียใจแล้ว
    ญาติธรรม : ถ้าลูกหลานไม่ได้มา เขาก็ไม่ได้มาหรือ
    อาจารย์ : เราก็ประกาศไปทั่ว เราประกาศออกทางวิทยุกระจายเสียงให้คนมาร่วมสร้างบุญกัน เขาก็ไม่เชื่อเพราะเราเป็นสถานปฏิบัติธรรมแบบฆราวาส
    วิญญาณ : บางคนร้อง กลัวลูกหลานจะไม่มา เขากลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นมา เขากลัว
    อาจารย์ : เราตั้งใจช่วยเต็มที่ แต่ว่าลูกหลานกายเนื้อ เขาก็ไม่เข้าใจ ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ลูกหลานกายเนื้อเขาก็เลยไม่มา แต่ในวันนั้น ถ้าวิญญาณเอง ไม่มีพลังจะไปดลจิตดลใจลูกหลาน เราวิ่งกันไปบอกกัน ตอนนี้ฝนตกฟ้าร้อง แดดออกเป็นไข้หวัด ออกไปแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้เขารู้ ให้คนกายเนื้อได้มา วิญญาณที่เป็นบรรพชนของกายเนื้อ เพื่อจะได้มาร่วมงานกัน เราทำกันเต็มที่ เจ็บไข้ไม่สบายก็ไม่หยุด
    วิญญาณ : ขอบใจ สงสารคนที่ไม่ได้ขึ้น กูยังโชคดีที่กูสมัครมาก่อน ยิ่งมีโอกาสดีกว่าเขา เขาบอกว่าลูกหลานไม่มาสักคน วันนั้นไม่รู้ว่าเขาจะได้ขึ้นมาพูดเหมือนกูหรือเปล่า
    อาจารย์ : เดี๋ยวเราจะกรวดน้ำเป็นพิเศษให้เขา
    วิญญาณ : ขอบใจ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะให้กูรับไหม เพราะกูมีกรรมมาก เจ้าช่วยกูด้วยสิลูก ช่วยกราบขอ ช่วยให้เขาเมตตา ถ้าเขาเมตตากูก็ได้รับ ถ้าเขาไม่เมตตากูก็ไม่ได้รับ
    อาจารย์ : เราเองก็ไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปกำหนดทางการยมโลกให้ทำตามความต้องการของเราได้ เพียงแต่เราขอความเมตตาเท่านั้นเอง เพราะต่างคนต่างทำคนละหน้าที่กัน ทางนี้ก็มีหน้าที่ทำเรื่องกายเนื้อ ทางการยมโลกก็มีหน้าที่ทำเรื่องทางวิญญาณ ทีนี้เมื่อวิญญาณไหนมาให้หลักฐาน เราก็ขอว่าให้บรรเทาโทษเท่าที่ทางการจะเห็นสมควร ท่านมาให้หลักฐานด้วยความสมัครใจ พอเขาประกาศท่านก็มาเอง ท่านก็ย่อมได้บุญเป็นธรรมดา เราคาดว่าทางการยมโลกก็ให้บุญท่านมาก เดี๋ยวพอท่านกลับ เราก็จะกรวดน้ำ สวดพระคาถาชินบัญชร ๓ จบ ให้ท่านเลยนะ เดี๋ยวทุกคนเตรียมตัวนะ
    วิญญาณ : เอาเทียนปักบนหัวให้ที ให้เทียนนำทาง
    อาจารย์ : เทียนที่ยังไม่ได้จุดหรือ ?
    วิญญาณ : จุดเทียน
    อาจารย์ : ขออนุญาตทางการนะครับ เพราะว่าเขามาให้หลักฐาน จิตของท่านเป็นเรื่องใหญ่เหมือนที่เราบอกนั่นแหละ ต้องสำนึกด้วย เราช่วยได้ในระดับหนึ่ง ทางการยมโลกเขาจะให้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการสำนึกของท่าน ที่เราช่วยเป็นส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไหนๆ ก็มาแล้ว เราก็ให้เท่าที่เราจะทำได้ ถ้าไม่เป็นการฝืนกฎแห่งกรรม เราก็ไม่อาจที่จะล่วงล้ำกฎแห่งกรรมได้ด้วย
    วิญญาณ : ขอบใจที่ช่วยชี้แนะ ทำให้ความรู้สึกดีขึ้น
    อาจารย์ : ท่านต้องทำให้ได้ กลับไปถึงให้สำนึกให้เร็ว ทุกวินาทีลืมภาพเหตุการณ์ในอดีต อย่าไปนึกถึง ไหนๆ ก็มาแล้วขอพลังเมตตาแห่งพระแม่องค์ธรรม พลังแห่งความรัก คือพลังสีม่วง
    วิญญาณ : ฮือๆ ขอบใจ
    อาจารย์ : รู้สึกเบาขึ้นไหม ?
    วิญญาณ : เบา! ขอบใจนะที่ช่วย
    อาจารย์ : ขอทางการยมโลกเมตตา ให้ท่านพูดเรื่องราวต่างๆ เป็นคำสอนของท่าน ที่ท่านเคยทำผิดพลาดมาก่อนแล้ว
    วิญญาณ : อย่าทำชั่ว สิ่งไหนที่ไม่ดีอย่าทำเป็นอันขาด นรกไม่ยกเว้น สวรรค์มีแต่คนดี นรกมีแต่คนชั่ว ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าผิดแล้วให้แก้ไข อย่าให้ผิดต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นให้สำนึกผิด ให้จิตสงบ อย่าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น อย่าเที่ยวปากพล่อย ว่าคนอื่น ด่าคนอื่น เมื่อก่อนกูปากจัด กูเที่ยวด่าเขา เพราะกูเอาผัวเพื่อน พอเพื่อนมาด่า กูก็ไม่ยอม เชื่อเถอะลูก นรกมีจริงๆ มีทุกขุม ขุมเล็กขุมใหญ่ ขุมมากขุมน้อย ขุมลึก ขุมตื้น ก็เหมือนกับรางหมากขุม กูเจ็บ
    อาจารย์ : โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญ
    วิญญาณ : น้ำข้าวที่กินแล้ว ก็ได้ให้หมากิน
    ญาติธรรม : อยากรู้ว่าคนที่ทำความผิดแบบนี้มีสิทธิ์เป็นเปรตไหม ?
    วิญญาณ : มี! เขาจะพิพากษาโทษตามขบวนการ ตามบาปหนักบาปเบา กรรมหนักกรรมเบา บางคนไปเป็นเปรตก็มี
    ญาติธรรม : ในกรณีที่ความผิดแบบนี้ ที่ว่าไปแย่งผัวเพื่อน ต้องเป็นเปรตด้วยหรือ ?
    วิญญาณ : มี! กรรมอื่นมันยังมี ไม่ใช่แย่งผัวเพื่อนอย่างเดียว คนเราวิบากกรรมอื่นมันยังมี มันต้องเปลี่ยนไปตามสภาพกรรมที่สร้าง ทุกจิตญาณมีโอกาสเป็นไปตามกรรมที่สร้างทั้งนั้น แล้วแต่เขาจะกำหนดให้ไปเป็นอะไร ไปกินขี้ตัวเองก็มี
    ญาติธรรม : ในกรณีของท่าน เคยไปเป็นเปรตไหม ?
    วิญญาณ : กูยังไม่หมดกรรมตรงนี้ ยังขึ้นต้นงิ้ว กูไม่รู้ว่ากูต้องไปเป็นเปรตด้วยไหม
    อาจารย์ : วันนี้ท่านมาให้หลักฐาน
    วิญญาณ : เพราะกรรมที่กูสร้าง กูยังขึ้นต้นงิ้วไม่หมดเลย
    อาจารย์ : เมื่อสักครู่ที่เขาประกาศ ท่านก็ผลักตัวเองให้ออกจากต้นงิ้วเลยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : กูขอ กูบอก
    อาจารย์ : เขาไปประกาศกันเมื่อไร ?
    วิญญาณ : เขาประกาศได้ยินหมดเลย วันนี้คนที่เขาขอ
    อาจารย์ : ถึงหรือ ?
    วิญญาณ : ใครจะมาสร้างบุญเขาให้มา
    อาจารย์ : นักการยมบาลปล่อยท่านทันทีใช่ไหม ?
    วิญญาณ : เขาไม่ได้ปล่อยทันที เขายังล่ามโซ่อยู่เลย
    อาจารย์ : ตอนมาถูกล่ามโซ่ด้วยไหม ?
    วิญญาณ : ล่าม! เขาล่ามมือล่ามเท้า
    อาจารย์ : พอท่านขออนุญาตมา เขาก็ล่ามโซ่มาใช่ไหม แล้ววิ่งแป๊บเดียวก็ถึงที่นี่ ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : เขาลากมา
    อาจารย์ : พอมาตรงนี้ ใครเปิดประตูให้ ?
    วิญญาณ : มันเปิดเอง
    อาจารย์ : พอเข้ามาถึงที่นี่ประตูเปิดเอง ยมทูตตอนนี้อยู่ข้างนอกไหม ?
    วิญญาณ : ท่านอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างประตู
    อาจารย์ : ยมทูตต้องบอกเจ้าหน้าที่ใช่ไหมว่าพาท่านมา ?
    วิญญาณ : เขาต้องบอกใครก็ไม่รู้
    อาจารย์ : ใคร ?
    วิญญาณ : ไม่รู้ใคร เขาพูดกูฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ยิน ฟังไม่ได้ เจ็บแก้วหู
    อาจารย์ : ขออนุญาตเขามาใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ท่านให้เข้ามา
    อาจารย์ : ท่านไม่เห็นใคร ได้ยินแต่เสียงอย่างเดียวหรือ ?
    วิญญาณ : กูจะดู แต่เปิดตาไม่ได้
    อาจารย์ : เขาปิดตามาด้วยหรือ ?
    วิญญาณ : เขาบอกว่าถ้าเปิดตาไม่สามารถทนได้หรอก เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกกูจะมา วิญญาณบาปไม่สามารถดูได้
    อาจารย์ : มันเป็นยังไง ?
    วิญญาณ : เขาบอกว่าที่นี่มีแสงสว่างเหนือสิ่งใด พวกผีปิศาจไม่กล้ามา ไม่กล้าเข้า พวกกูเป็นพวกผีปิศาจ เป็นวิญญาณบาป
    อาจารย์ : คนเขาไม่ค่อยเชื่อ นั่นแหละสิ่งที่เราทำเพื่อคนทั้งหลาย เขาหาว่าเราทำอะไรกันอีกไม่รู้ เรานำเอาหลักธรรมทั้งหลายต่างๆมานำเสนอให้สาธุชนได้เป็นข้อคิกสะกิดเตือนใจ เขาหาว่าเราซื้อสวรรค์ เที่ยวพูดกัน แล้วคนประเภทนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?
    วิญญาณ : เขาสร้างบาป
    อาจารย์ : วิบากกรรมของคนประเภทนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?
    วิญญาณ : เขาสร้างบาป ข้างล่างที่กูไปขุมนี้ เขาเอาเหล็กแทงทะลุหน้าทะลุหลัง แทงปากแล้วดึงออกมา
    อาจารย์ : คนที่พูดเขาไม่เคยเข้ามาดูว่าเราทำอะไรกัน เราพูดธรรมะให้คนฟังทุกวัน ให้รู้จักการดำเนินชีวิตที่เป็นประโยชน์สุข มีชั้นเรียนธรรมะบ่อยที่สุดในประเทศไทย ไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน แต่เขาก็หาว่าเราทำชั่ว อคติ โดยเฉพาะคนปริมณฑลนี้ คนที่อยู่ไกลข้างนอก เขาเข้าใจเรา แต่คนแถวนี้ยังอคติ เขาว่าเราทำผิดคิดชั่วมากมาย ด่าว่าอยู่ตลอดเวลา เราออกข้างนอกบางทีฟังเสียงครหานินทาจนแสบแก้วหู ไปถึงเขาเที่ยวพูดที่คิวรถบ้าง เที่ยวว่าค่อนขอด ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มี แต่เราก็ทน เราไม่ว่าอะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราเรื่อยๆ เราก็พยายามให้คนเขาเข้าใจ ที่เขามาอบรมกล่อมเกลาทางศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ที่เราทำนี้เราทำเพื่อให้ปณิธานของในหลวงเป็นผล เป็นความจริงขึ้นมาให้ได้ในระดับใดระดับหนึ่ง ว่าด้วยปณิธานแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง คือแผ่นดินที่ไม่มีสารพิษ เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินธรรมก็คือ แผ่นดินที่คนประพฤติอยู่ในศีลในธรรม เราพยายามทำตรงนี้ เหนื่อยยากลำบากแค่ไหน ก็ไม่ว่าอะไร แต่ว่าทำไมเขาไม่มาดูสักที เราก็พยายามประกาศให้เขาเข้ามาดู แต่เขาก็ไม่เข้ามา เอาแต่ว่าอยู่ข้างนอกกันทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่เราทำวันนี้ ฉะนั้น สิ่งที่ท่านทำมาแล้วในอดีต ผลก็ออกมาแบบนี้ ใครทำใครก็ได้รับผลเป็นธรรมดา ท่านพอเข้าใจนะ ทำไมถึงเงียบล่ะ โลกมนุษย์ โลกกายเนื้อก็อย่างนี้แหละ คนสมัยนี้ไม่เชื่อในเรื่องของอีกมิติหนึ่ง ในเรื่องของพลังงาน ในเรื่องของจิตญาณ…………พูดยังไม่จบ............
    จิตญาณของดารากร พรพิมล เงียบ ก็คือถอยออกไป ชั่วระยะเวลาหนึ่งประมาณ ๑ นาที พญามัจจุราชก็มาสำแดงตน ดังเนื้อหาข้างล่างนี้
    พญามัจจุราช : ฟังไว้ให้ดีมนุษย์ผู้ที่มีแต่จิตโฉด กรรมที่สร้าง บาปที่ทำ หาหนีพ้นไม่ เราพญามัจจุราชผู้ยิ่งใหญ่ ได้แฝงกายเคียมคัล ณ ร่างนี้ คนบังอาจที่ลบหลู่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พวกมนุษย์จิตคิดสกปรก ลบหลู่หนัก มิอาจจะรอดพ้นเงื้อมมือของเราไปได้ พญามัจจุราชเช่นเรา แฝงกายแล้วต้องให้ได้รู้ว่า บาปบุญคุณโทษที่มนุษย์สร้างนั้นมีจริง หาได้หนีพ้นกฎแห่งกรรมไม่ เงื้อมมือมนุษย์หรือจะหนีเงื้อมมือของเราไปได้ พญามัจจุราชเช่นเราจดบันทึกความชั่วร้ายของมนุษย์ไว้ในแผ่นศิลาเรียบร้อยแล้ว ใครที่จะบังอาจลบหลู่อีก ก็จะได้เจอดีกัน ไม่นานนักเมื่อโลกโลกีย์ใบนี้พินาศย่อยยับ วอดวาย บุคคลเหล่านั้นก็จะลงสู่โลกันตร์ทันที เมื่อโลกันตร์เปิด ไฟนรกติด มีหรือจะมีชีวิตรอด อย่าดีใจทำปากดี กล้าแกร่งกับผู้มีบุญต่อโลกใบนี้ เพราะฉะนั้น เจ้าไม่ต้องห่วง เจ้าพูดมาทั้งหมดเราได้บันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว เราจะคอยติดตามบุคคลที่ลบหลู่ดูหมิ่นดูแคลนธรรมะอันสูงสุดนี้ เราจะคอยประกบทุกฝีก้าว จะกระชากจิตญาณของมันลงสู่นรกให้หมด ไม่ช้าไม่นานไอ้บุคคลเหล่านี้จะได้เจอดีกัน นรกสำหรับคนเหล่านี้เป็นคุกที่มืดที่สุด โหดร้ายที่สุด และก็ลึกที่สุด มันบังอาจลบหลู่ดูหมิ่นอนุตตรธรรมผู้ที่ให้ ผู้ที่ให้แต่คนสร้างความดี ให้แก่จิตวิญญาณแห่งโลกใบนี้ เมื่อมันยังลบหลู่จิตวิญญาณของมันก็หาอยู่สุขไม่ มันก็จะต้องลงสู่นรกภูมิที่มีแต่ไฟโลกันตร์ ฮ่าๆ ๆ สะใจ ฮึ!
    อาจารย์ : ขอถามหน่อย คือมีอยู่เรื่องหนึ่ง เราออกไปทำงานธรรมะเขาไล่ วันนั้นเลยใช้ประกาศิตสวรรค์สั่งให้เจ้ากรรมนายเวรเล่นงาน ไม่รู้มีผลยังไงบ้าง ?
    พญามัจจุราช : มีสิ! ประกาศิตสวรรค์ที่เจ้ามีคือประกาศิตของฟ้ามารดาของเจ้า มีหรือประกาศิตจะไม่บังเกิด แล้วแต่จะช้าหรือจะเร็ว แล้วแต่บุญที่เคยสร้างมันจะกำบังหรือไม่ เพราะฉะนั้น เจ้าไม่ต้องห่วง ประกาศิตสวรรค์อยู่ที่ปากของเจ้า เมื่อเจ้าว่าประกาศิตออกมา สวรรค์ก็ต้องรับรู้บันทึก และทำตามความประสงค์ที่เจ้าต้องการปรารถนา เพราะเจ้าต้องการสร้างคนให้เป็นคนดี เจ้าเป็นพุทธะเดินดินจำเอาไว้ ประกาศิตฟ้าคือคำบัญชาของแม่เจ้า เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าสั่งการสิ่งใด มนุษย์หน้าไหนบังอาจขัดคำสั่งหรือไม่ทำก็ตาม ผลแห่งกรรมจะตอบตามเสมอ เพราะฉะนั้น เจ้าไม่ต้องห่วง กฎแห่งกรรมมีแน่นอน มนุษย์หน้าโง่เอ๋ย เมื่อไหร่เจ้าสิ้นชีวิต เจ้าก็ต้องเจอกับข้าแน่นอน จะไม่ไว้หน้าทั้งสิ้นไม่ว่า อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ก็ต้องทำตามฟ้าเบื้องบนกำหนด พระบัญชาลงมา ข้าพญามัจจุราชก็มิบังอาจแหงนหน้า ที่จะต่อต้านหรือไม่ทำงานตามพระคำสั่งลงมาได้ ข้าผู้น้อยพญามัจจุราชขอสยบ
    อาจารย์ : วิญญาณที่มาให้หลักฐาน..?
    พญามัจจุราช : ต่อแทบพระบาทพระธรรมมารดาผู้ที่มีแต่พลานุภาพ คุณงามความดีเผื่อแผ่แก่สรรพสัตว์ โลกมนุษย์ใบนี้มีแต่ความรักความเมตตาให้แก่จิตญาณมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ข้าขอนอบน้อมกราบพระบาทด้วยความซาบซึ้งในพระหฤทัย
    อาจารย์ : เมื่อตะกี้จิตญาณที่มาให้หลักฐานเขาเจ็บปวดมาก สมควรด้วยเหตุที่ว่าเขาเป็นแบบเพื่อที่จะให้คนรุ่นหลังได้เป็นแบบในความผิดของตัวเอง ก็เป็นบุญกุศลไม่น้อย ทางการยมโลกจะ………
    พญามัจจุราช : ข้าจะอนุญาต แต่ต้องไปดูบทลงโทษก่อนจะให้แบบไหน
    อาจารย์ : ครับ! ขอบคุณครับ
    พญามัจจุราช : ข้าก็ขอบใจที่เจ้าระบายความในใจให้ข้าฟังในวันนี้ บุคคลเหล่านั้นข้าได้จดบันทึก เรียกเจ้ากรรมนายเวรของเขามาเจรจา ให้เขาได้จัดการตามรูปแบบที่เขาได้กระทำเอาไว้ เพราะฉะนั้น…….
    อาจารย์ : ความหมายคือ เราต้องการให้เขาสำนึก และอย่าให้เขาทำเช่นนั้นอีก เพราะว่าขัดขวางงานของฟ้าแล้ว คณะเราทำงานฟ้าลำบาก
    พญามัจจุราช : ข้าจะพูดกับเจ้ากรรมนายเวรของเขา เขาจะไปจัดการอย่างไรเรื่องของเขา เขาได้ทวงหนี้กันเอง เพราะถึงเวลา เมื่อลบหลู่องค์ธรรมมารดาแล้วจะอยู่ใหญ่ไปทำไมแล้ว ชีวิตในโลกนี้ เอาล่ะ! ถึงเวลาที่ข้าจะนำดวงญาณดวงนี้ลงสู่นรกอีก ข้าได้นำไฟโลกันตร์ขึ้นมาห้อมล้อม กลัววิญญาณบาปจะหลบหนี ข้าต้องขออภัยกับเจ้าด้วย ที่พามาโดยไม่ได้บอกให้เจ้ารู้ตัว เมื่อเจ้าพูดข้าก็ต้องรับฟัง และข้าต้องตอบสนองพระบัญชาของฟ้า เพราะฉะนั้น ข้าก็ขออนุญาตพาดวงญาณดวงนี้ไปรับโทษต่อนะ
    อาจารย์ : ครับ! ขอบคุณนะครับ จะลดโทษตามโทษานุโทษที่สมควรจะเป็น เพราะเขาก็รับโทษมานานแล้ว ก็แล้วแต่ท่านจะเมตตา แต่ว่าเขาได้มาเป็นแบบเป็นตัวอย่างให้ สมควรที่จะ…เดี๋ยวเราจะสวดพระคาถาชินบัญชรให้ ๓ จบ ให้เขาตามที่รับปากกับเขาไว้ ให้เขาได้บ้างเล็กน้อย
    พญามัจจุราช : แล้วแต่เจ้า
    อาจารย์ : ครับ!
    พญามัจจุราช : เพราะเจ้าคือโองการฟ้า ข้าทำตามโองการประกาศิตที่พระแม่บัญชามาเท่านั้น เมื่อเจ้าปรารถนา พระแม่ก็ทรงพระเมตตา
    อาจารย์ : ขอบคุณครับ
    พญามัจจุราช : ขอให้ทุกคน บุคลากรทุกท่านที่ไท่ชุนฯแห่งนี้จงมีความสุขสดชื่น กรรมใดไม่ดีควรงดเว้น ควรสร้างคุณความดี เพื่อช่วยเวไนยสัตว์ ช่วยชีวิตจิตญาณที่เขายังมีความทุกข์ทรมานอยู่ อย่าคิดคดทรยศต่ออาวุโสเป็นอันขาด มิฉะนั้น บาปกรรมก็จะเพิ่มทวีแก่จิตญาณของพวกเจ้า เมื่อถึงวันนั้น เจ้าลงข้างล่างสู่บัลลังก์ของข้า ข้าก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าได้ยังไง เพราะเป็นไปตามกฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้น พวกเจ้าผู้บำเพ็ญที่นี่มีวาระบุญแล้ว จงรักษาบุญไว้ให้ดี อย่าไปเจอหน้ากับข้าอีกเลย ข้าไม่อยากที่จะเจอหน้าพวกเจ้าเหมือนกัน เพราะต่างคนต่างก็บำเพ็ญ เพื่อหลุดพ้นกันทั้งนั้น ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อ สร้างแต่กรรมชั่ว สร้างแต่กรรมไม่ดีอีก และเมื่อถึงวันนั้นจะหาว่าข้ารุนแรงไม่ได้ เพราะข้าทำตามประกาศิตของฟ้า คือภาระหน้าที่ที่ข้าพญามัจจุราชต้องกระทำ ฮ่าๆ ๆ. (หัวเราะเสียงสนั่นหวั่นไหว แล้วถอนญาณออกไป...)

    -------------------------------------------

    ขอบพระคุณเบื้องบนและมูลนิธิชินบัญชรค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2011
  2. Nat2009

    Nat2009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาครับ.... "ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอเบิกบุญและด้วยอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี้ จงดลบันดาลให้บุญกุศลของข้าพเจ้าผู้เป็นเจ้าของผู้ใช้เว็บนี้นามว่า nat2009 นี้ ที่ได้บำเพ็ญมาและเป็นบุญที่เกิดขึ้นแล้วของข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตชาติเป็นมาจนถึงปัจจุบันนี้ จงสำเร็จแก่ดวงวิญญาณผู้ที่เคยมีนามในภพมนุษย์นี้ว่า ดารากร พรพิมล ด้วยเถิด...
    สาธุ... สาธุ... สาธุ...
     
  3. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนา ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอให้บุญกุศล ที่ท่านได้มาเผยแพร่ กฏแห่งกรรม ใ้หแก่ทุกคนได้รู้
    ขอให้ท่านได้สำเร็จในบุญนั้น ถ้าท่านอยู่ในที่ทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้าท่านอยู่ที่สุข แล้วก็สุขยิ่งๆๆขึ้นไปด้วยผลบุญนี้ด้วยเทอญ
     
  4. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    พระแม่ ??? ........ ....
     
  5. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอคัดลอกเพื่อนำมาอ่านเผยแพร่เป็นธรรมทานนะคะ
     
  6. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
    เลิกทานเนื้อสัตว์ได้เท่ากับละการเบียดเบียนผู้อื่น
    แต่ผมคิดว่าการเลิกทานอยากให้เกิดจากใจที่เมตตาสงสารผู้อื่น
    มากกว่าอยากได้บูญ ครับ
     
  7. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    สาธุ อ่านแล้วได้ความรู้มาก คงเป็นบุญใหญ่แก่ผู้ที่มาให้ จากนรกเลย
     
  8. grosso

    grosso Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +59
    อนุโมทนาครับ ต้องบอกก่อนเลยครับว่าผมเป็นคนที่ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับ "นรก" มากครับ มันบอกความเป็นไปของกฏแห่งกรรมได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเรื่อง "สวรรค์" นะ แต่ทุกคนย่อมรู้อยู่แล้ว ว่าสวรรค์เป็นสิ่งที่ดี ใครๆก็อยากไป แต่คนเรามักมีกิเลสกันทั้งนั้น ผมคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับ นรก บาปกรรม ต่างๆ จะเป็นสิ่งที่สอนคนได้ดีกว่า เรื่องสวรรค์นะครับ
     
  9. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เอ่อ พญามัจจุราช เป็นคนเดียวกับ พญายมราช เปล่าครับ ถ้าใช่ ผมก็ไม่เชื่อตรงนี้ พญายมราช ตอนนั้น(สมัยหลวงพ่อฤาษีลิงดําท่านเป็นพระอนาคามี) ท่านไม่น่าจะโหดร้ายฮ่าๆขนาดนี้ พระอนาคามีตัดพวกนี้ได้แล้ว

    อาจารย์นี่ท่านเป็นพระอริยเจ้าเปล่าครับ ผมสงสัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...