สัตว์โลกมีสี่ประเภท...แสดงธรรมโดยหลวงตามหาบัว...

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 18 มกราคม 2017.

  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    สัตว์โลกมีสี่ประเภท
    ประเภทของสัตว์ที่มีก็ดังที่เราได้ทราบกันแล้ว มี ๔ ประเภท
    อุคฆฏิตัญญู ได้แก่ผู้ที่มีอุปนิสัยแก่กล้าสามารถแล้ว
    รอที่จะหลุดพ้นจากทุกข์เท่านั้นถ้าเป็นวัวก็อยู่ปากคอกแล้วคอยที่จะออก
    พอเจ้าของมาเปิดประตูปั๊บนี้ผึงออกเลยทันที
    เจ้าของในธรรมนี้หมายถึงศาสดาองค์เอก หมายถึงธรรม มาสั่งสอน พอสั่งสอน
    ยกตัวอย่างเช่น เบญจวัคคีย์ทั้งห้า นี้เป็นพวกอุคฆฏิตัญญู คณะท่านเหล่านี้เป็นอุคฆฏิตัญญู
    พระพุทธเจ้าแสดงธรรมผางขึ้นทีเดียวเปิดประตูแล้ว ทางนี้ออกผึง ๆ เบญจวัคคีย์ทั้งห้า
    ชฎิลตั้ง ๑,๐๐๓ ต่อจากนั้นก็ยสกุลบุตรพร้อมบริวาร ๕๐ คน เหล่านี้ตรัสรู้ตามกันไป ๆ
    ออกประตูเดียวกันเลย พอพระพุทธเจ้าเปิดประตูได้แก่ธรรมะเท่านั้น บรรลุธรรมผึงผัง ๆ
    นี่ผู้มีอุปนิสัยปัจจัยอยู่ในถังมูตรถังคูถนี้ถังขยะนี้ เข้าใจไหม ถังขยะนี้เป็นประเภทเยี่ยม
    ถังขยะนี้เป็นประเภทที่จะหลุดพ้นจากขยะไปโดยด่วน

    แล้วรองลงไปก็ วิปจิตัญญู อันนี้ก็รองกันลงมา พอทางนี้ผ่านไปแล้ว ทางนั้นหนุนหลังมา
    ออกอีก ๆ นี่เป็นประเภทที่สอง นี่เรียกว่าถังขยะอยู่ในโลกสามแดนโลกธาตุนี้
    เมื่อกิเลสยังมีอยู่ภายในใจของสัตวโลกแล้วต้องเรียกว่าถังขยะด้วยกัน แต่ถังขยะนี้มีหลายประเภท
    ประเภทที่หนึ่ง เช่นอย่างเบญจวัคคีย์ทั้งห้า ประเภทที่สองก็หนุนหลังกันมา
    ประเภทที่สามเนยยะ แปลว่าควรนำไปได้ แนะนำสั่งสอนฉุดลากไปได้
    หลายครั้งหลายหนค่อยเป็นค่อยไปได้

    ประเภทที่สามนี้เป็นประเภทที่ ถ้าเป็นนักมวยต้องฝึกหัดเต็มที่นะพวกเราถ้าไม่ฝึกหัดเต็มที่แล้ว
    ปทปรมะมันจะลากลงเหวลงบ่อลงนรกอเวจีหมด เพราะปทปรมะกับเนยยะมันต่อสู้กันอยู่
    ทีนี้พอดิ้นดีดได้มันก็จะก้าวไปหาพวกวิปจิตัญญู ถ้าอ่อนลงมาก็มาหาเนยยะ อ่อนจากเนยยะแล้วมันก็ลากลงปทปรมะประเภทที่สามเนยยะ พอแนะนำสั่งสอนกันได้ แล้วอุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย หลายครั้งหลายหนก็เป็นไปได้ ๆ ประเภทนี้เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ๒ อย่างนะ ถ้าอ่อนกิเลสก็เอาลง
    ไปกองปทปรมะทันที

    ประเภทที่สี่เรียกว่าประเภทหมดหวัง
    ถ้าเป็นคนไข้พอเข้าไปหาหมอไม่ได้อยู่กับหมอนะ เข้าไปหาห้องไอซียูเลย
    ไม่สนใจกับหมอกับหยูกกับยาอะไร ประหนึ่งว่าหมอก็หมดความหมาย ยาก็หมดความหมาย
    เพราะคนหมดความหมายแล้ว คนไข้หมดความหมาย อะไรมามันก็ไม่รับ นี่ประเภทปทปรมะ
    ไม่ยอมฟังเสียงบุญเสียงบาป มีแต่จะคอยลมหายใจอย่างโรคคนไข้ประเภทไอซียูไม่สนใจกับอะไร
    คอยแต่ลมหายใจขาดก็ไปเลย อันนี้ก็คอยแต่ลมหายใจขาดดิ้นก็ผึงเลย ลงนรกอเวจี ไม่มีจุดหมายปลายทาง กี่กัปกี่กัลป์ถึงจะได้ฟื้นตัวขึ้นมา ขึ้นมาแล้วคาถาของไอซียูนี้กล่อมอีก คือไม่รู้บุญรู้บาปอีก ลงอีก
    กล่อมอีกลงอีกอยู่อย่างนั้น กี่กัปกี่กัลป์ไม่มีต้นมีปลายคือพวกปทปรมะ

    พวกเราต้องการประเภทไหน ประเภทปทปรมะหรือประเภทที่ว่าสู้กันบ้าง
    มันไม่อยากทำบุญเราทำนี่เรียกว่าสู้กับกิเลส กิเลสตัวเหนียวแน่นตัวแหลมคมที่สุด
    ธรรมะต้องดึงเข้ามา เงินบาทหนึ่งเราต้องการจะเอาไปทำบุญให้ทาน
    ไม่เอามากเอาเพียงสลึงเดียว กิเลสมันคว้าหมด เอาไปหาอะไร ข้าจะเอาไปกินเหล้าดีกว่า
    ข้าไปหาเมียได้อีกสักสองสามคนเงินบาทนี้น่ะ มันก็เอาไปเงียบเสีย ทีนี้เรื่องที่จะไปทำบุญเลยอ้าปาก
    มันไม่มีอะไรติดปากเลยเข้าใจไหม กิเลสเอาไปหมดบาทหนึ่ง ถ้าเป็นผู้ชายได้เมียหลายคนนะ ถ้าเป็นผู้หญิงได้ผัวหลายคน เงินถึงขนาดหนึ่งบาทแล้วไปที่ไหนเที่ยวได้สบาย ตลาดตเลไปได้
    ไปวัดไปวาไม่เห็นได้เที่ยวที่ไหน เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ มันก็กวาดเรียบวุธทั้งบาท นี่มันต่อสู้กันระหว่างเนยยะกับปทปรมะ มันซัดกันอยู่นี้

    มึงจะเอาไปอะไรนักหนา นี่เรื่องธรรมต่อสู้นะ มึงจะเอาไปอะไรนักหนาเงินหนึ่งบาท เป็นร้อย ๆ พัน ๆ กูก็เคยมีมาแล้วไม่เห็นมีความสุขจากมึง กูเอาไปทำบุญเพื่อจะไปสวรรค์นิพพานมีความสุขความเจริญ ทำไมไม่ให้กูวะ กูจะเอา ลากออกมาได้สักหนึ่งสลึงก็เอา นั่นสู้กัน คราวนี้เอาสลึงหนึ่งเสียก่อน คราวที่สองฟาด ๕๐ สตางค์ คราวที่สาม ๓ สลึง คราวที่สี่ฟาดมันหมดบาทเลย สุดท้ายนิสัยการทำบุญให้ทาน
    อำนาจแห่งบุญแห่งกุศลจะหนุนเข้ามา เหมือนคนตระหนี่ถี่เหนียว อำนาจของความตระหนี่ถี่เหนียวมันจะบืนเข้ามาเรื่อย เหนียวแน่นจนกระทั่งวันตาย ไม่มีวันความตระหนี่ถี่เหนียวจะลดหย่อนลง เมื่อไม่มีอะไรไปขัดไปแย้งกันไม่ได้

    ทางทำบุญให้ทานแย่งเอามา หลายครั้งหลายหนได้มากเข้า ทีนี้เมื่อไม่ได้ทำบุญให้ทานมันว้าเหว่นะ
    ในหัวใจ คนเคยทำบุญให้ทาน อำนาจแห่งบุญแห่งกุศลหนุนเข้ามา ๆ จิตใจอยากทำบุญให้ทานวันหนึ่งคืนหนึ่ง เราอยู่ไปอะไร มืดแจ้งสว่างมันก็มีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ไม่เห็นมีต้นมีปลายกับความมืดความแจ้งความสว่าง แต่เรานี้เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มันมีอยู่นี้นะ เกิดต่ำก็ได้ เกิดสูงก็ได้ ถ้าเราทำความดีเราเกิดสูงก็ได้ ถ้าเราทำความชั่วเราเกิดต่ำก็ได้ มันมีทางที่จะไป เราจะไปทางไหนตัดสินตัวเอง

    เราเป็นผู้รับผิดชอบตัวของเราเอง พ่อแม่รับผิดชอบมาตั้งแต่เกิดมาทีแรก เลี้ยงดูมา พอโตแล้วเรารับผิดชอบ จิตใจจริง ๆ แล้วเรารับผิดชอบเราทุกคน นี่เราจะไปทางไหน ดิ้นดีดเสาะแสวงหาคุณงามความดี เอา ไม่อยากทำ-ทำ นี่เรียกว่าต่อสู้กิเลส หลายครั้งหลายหน ทีนี้ไม่ได้ทำอยู่ไม่ได้นะ วันหนึ่งๆ ไม่ได้ทำบุญให้ทานไม่สบาย มันว้าเหว่ มันอะไรชอบกล มันต้องให้ ให้แล้วมีความอบอุ่น ๆ

    นี่ละอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลหนุนเข้ามา อยากให้เราทำบุญให้ทานวันหนึ่งๆ ทีนี้หนาแน่นเข้ามาจิตใจเลยใฝ่ฝันอยู่กับอรรถกับธรรมทั้งนั้น ๆ ตายแล้วไม่ต้องบอก นิมนต์พระมากุสลาหาอะไร กุสลาคือบุญกุศลกุสลาเราเรียบร้อยแล้วไปเลยๆ นี่ละประเภทของบุคคลสามสี่จำพวก

    พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ ที่ว่าถังขยะมี ๔ ประเภท ถังขยะที่พร้อมแล้วที่จะหลุดพ้นจากถังขยะนี้ไปสู่นิพพาน อันดับที่สองวิปจิตัญญู ก็ตามหลังกันไป จะไปสู่นิพพานเหมือนกัน อันที่สามเนยยะ คำว่าเนยยะนี้ ทั้งลากทั้งดึงสู้กับกิเลส กิเลสกับธรรมฟัดกัน บางทีเราหงายบางทีเขาหงาย ส่วนมากมีแต่เราหงาย บางทีหงายหมาก็มี หงายไม่มีท่าเขาเรียกหงายหมา ถ้ามีท่าเขาเรียกว่าหงายแมว ตบมันได้บ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...