สะเทือนวงการสร้างพระ พระแก้วคริสตัลแท้หน้าตัก 49 นิ้วต้นทุนแก้ว 6,000 ถึง 12,000 บาท

ขออนุญาตเวปพลังจิตครับ

กระทู้นี้ผมเขียนเพื่อให้ทุกท่านรับทราบว่า ปัจจุบันจีนได้สร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่เป็นแก้วคริสตัลแท้ re-melting cast crystal glass มีค่าความเป็นคริสตัล = ประมาณ 30%PbO ขายส่งไปทั่วโลก มีกำลังการผลิตไม่เกินวันละ 160 ตันต่อ 1 โรงงาน (โรงงานจือปั๋วหลงไท้แห่งซานตง) ในจีนยังมีโรงงานเช่นเดียวกันนี้อีกหลายแห่ง (ผมกำลังค้นหาต่อไป) มีจุดหลอมเหลวต่ำไม่เกิน 700C และเวลาหลอมสั้นมาก นอกจากนี้ยังสร้างเครื่องหลอมน้ำแก้วคริสตัลแบบเคลื่อนที่ได้เพื่อการเทน้ำแก้วไหลลงแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ทนร้อนขนาดเตาเดียว 1 ตัน (แก้ว 1 ตันเทพระ 49 นิ้วได้ 3 - 4 องค์) [หน้าตัก 69 นิ้วอาจเทได้ 1 องค์]

ราคาก้อนแก้วคริสตัลเพื่อการหลอมต่อหากซื้อ 100 kg กิโลละ US$ 2 หรือประมาณ 60 บาท ผมเคยอ่านพบที่ไหนแห่งหนึ่งว่า หากซื้อมากจะเหลือกิโลละ US$ 1 หรือประมาณโลละ 30 บาท (ผมกลับไปหาในเน็ทไม่พบ)

พระแก้วคริสตัลหน้าตัก 49 นิ้วเนื้อไม่ตัน เทกลวงเหมือนทองเหลือง ต้องใช้น้ำแก้วประมาณ 200 กิโลกรัม เมื่อคูณด้วยราคากิโลกรัมละ 60 บาท = 12,000 บาท แต่ถ้าซื้อก้อนแก้วได้โลละ 30 บาทจะ = 6,000 บาท (ค่าต้นทุนเนื้อแก้วคริสตัลต่อ 1 องค์ที่หน้าตัก 49 นิ้ว ยังมีค่าไฟฟ้าที่ต้องอบอีกเล็กน้อย ค่าปูนปลาสเตอร์แม่พิมพ์ ค่าแรงคนงาน) [ค่าหุ่นขี้ผึ้งหากสร้างหลายหุ่นจะลดค่าช่างปั้นหุ่นได้] เมื่อรวมๆแล้วผมว่าคงไม่ถึง 5 หมื่นบาท]

หมายเหตุ
ใช้วิธีเปรียบเทียบราคาทองเหลืองกิโลกรัมละเท่าไร ทองสัมฤทธิ์กิโลละเท่าไร แล้วมาดูราคาแก้วคริสตัลกิโลกรัมละ 30 บาทไม่เกิน 60 บาท แค่นี้ก็รู้ได้เลยว่า แก้วคริสตัลต้นทุนถูกกว่ามาก แถมเป็นแก้วคริสตัลแท้ๆเกรดสูงด้วย

 

สำรองพื้นที่

 

สำรองพื้นที่

 

สารบัญ
https://palungjit.org/threads/สารบัญ-การสร้างพระแก้วคริสตัลในประเทศไทยและภูมิภาคนี้.699697/

หมายเหตุ
วิธีใช้สารบัญในกระทู้นี้คือกดคลิกไปที่กระทู้ตามลิ๊งค์ เพื่อเข้าอ่านในเนื้อหานั้นๆ

 

เตาหลอมแก้วคริสตัลเคลื่อนที่ เราสามารถมาต่อขาให้สูงเพื่อเทน้ำแก้วคริสตัลลงแม่พิมพ์ปูนได้หลายองค์ อันนี้หมายถึงการสร้างพระแก้วหน้าตัก 49 นิ้ว (อาจถึง 69 นิ้วได้)

ในคลิปแค่ทดลองหลอมแค่สิบกว่ากิโลกรัมเท่านั้น ความจริงหลอมได้ 1 ตัน ถ้าองค์ใหญ่เช่นหน้าตัก 99 นิ้วต้องหลอม 2 เตาเตาละ 1 ตัน หรืออาจสั่งให้สร้างใหญ่ขึ้นเป็นขนาดเตาเดียวหลอม 2 ตันเป็นต้น

 

น้ำแก้วคริสตัลที่มีตะกั่วเป็นส่วนผสมถึง 30% ทำให้น้ำแก้วไหลได้เหมือนโลหะ ไม่เหนียวหนืดเลย ทำให้การเทหล่อพระแก้วองค์ใหญ่ๆเป็นไปได้ง่ายเหมือนงานโลหะ

และเนื่องจากเป็นแก้วคริสตัล ดังนั้น เมื่อหล่อเสร็จออกมาแล้ว สามารถตัด เจาะ เฉือน ขัด เจียรนัยได้ เนื้อแก้วเหมือนโลหะตัดได้ เจาะได้ เฉือนได้ลึกไม่ว่าจะเฉือนลึกขนาดไหนก็ตาม เจียรนัยผิวทั้งลึกและตื้นได้ กัดกรดกัดแก้วได้ทุกระดับ

 

บริษัทจือปั๋วหลงไท้แห่งซานตง อยู่ในมณฑลซานตง เมืองจือปั๋ว เป็นบริษัทที่ผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อกำลังการผลิตไม่เกินวันละ 160 ตัน และยังผลิตเตาหลอมแก้วอีกหลายชนิด ตั้งแต่เตาละ 1 ตันไปถึงเตาขนาดนับร้อยๆตันต่อวัน ในที่นี้ก็มีเตาหลอมแก้วเคลื่อนที่นี้ด้วย ซึ่งเป็นเตาที่ผมเห็นว่า เราสามารถนำมาหล่อพระแก้วหน้าตักเป็นวาได้เลย

www.zbltyy.net.cn


คลิกภาพเพื่อขยายใหญ่

 

Cast Crystal Glass Block Coloured Glaze Glass for LiuLi

http://www.zbltyy.net.cn/product/62...i.html?spm=a2700.icbuShop.84.6.6a8b13d9Lwfzfy

หมายเหตุ
LiuLi เป็นศัพท์ภาษาจีนกลาง แปลว่า Lost Wax Glass ในบางประเทศแปลว่า Pate de Verre ซึ่งก็คือ Lost Wax Glass นั่นเอง คนจีนเรียกติดปากแล้ว

 

ผมใช้มือถือถ่ายเอาไว้ครับ เดี๋ยวเลยไปอีก ถ้าซื้อถึง 100 kg $2.- ประมาณ 60 บาทต่อโล

เดี๋ยวไปหาก่อนว่า ที่พบ $1 จะกลับมาให้เห็นอีกไหม

 

ต้นทุนการหลอมก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อถ้าทำในประเทศไทย จะตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 55 บาท 92 สตางค์ ยังไม่รวมพลังงานครับ

แต่อย่าลืมว่าในประเทศไทยเหล่าเคมีภัณฑ์ต่างๆขายกันในราคาสูงมาก แม้กระทั่งทรายแก้วซึ่งเขาขายส่งยังขายถึงกิโลละ 8 บาท

สำหรับจีนต้นทุนจะถูกกว่า ทั้งทรายแก้วก็คงได้ฟรีไปตักเอาเลย เคมีภัณฑ์ทุกตัวต้นทุนจะถูกกว่าครึ่งกว่าๆครับ บางตัวอาจถูกกว่าไทยหลายเท่าตัว

 

สูตรหลอมก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของไทยสูตรตะกั่ว 24% ต้นทุนกิโลกรัมละ 47 บาท 82 สตางค์ ซึ่งถ้าหลอมในจีน ต้นทุนเคมีภัณฑ์น่าจะถูกกว่านี้ครึ่งหนึ่ง ส่วนทรายแก้วน่าจะฟรีหรือไม่ ? คนไทยขายทรายแก้วกิโลกรัมละ 8 บาท นี่ขนาดขายส่งนะครับ ความจริงสูตร 24%PbO ก็เพียงพอแล้ว หรือถ้าพูดกันจริงๆแล้วละก็ แค่ 18%PbO ก็พอจริงๆครับ

 

พระพุทธชินราช ไม่ว่าขนาดหน้าตักเท่าไรก็สร้างให้เป็นสีฝ้าขาวอย่างนี้ได้ ไม่ได้เพ้อฝันไปครับ ต้นทุนแก้วคริสตัลแค่กิโลกรัมละ 60 บาท (ถ้าซื้อเยอะมากอาจลดลงอีก) จะสร้างครั้งเดียวกันหลายๆองค์ก็ได้ สร้างแบบเนื้อไม่ตัน หน้าตัก 69 นิ้วหรือใหญ่เลย 99 นิ้วก็สวยครับ ใครรู้น้ำหนักองค์พระที่ใช้ทองเหลืองหล่อ ก็นำน้ำหนักนั้นมาเพิ่มอีกประมาณ 10% คือเพิ่มความหนาอีกเล็กน้อย

ทองเหลืองกิโลกรัมละเท่าไร สมมุติว่ากิโลกรัมละ 600 บาท แต่แก้วคริสตัลกิโลกรัมละ 60 บาท ห่างกันกิโลละ 540 บาท องค์หน้าตัก 69 นิ้ว ประมาณว่าหนัก 500 - 700 กิโลกรัม ต้นทุนห่างกันหลายแสนบาทแล้วนะครับ น่าที่จะได้เกิดในไทยแล้วครับ จีนนำโอกาสมาให้แล้ว พร้อมกับสร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อและเครื่องมือมาให้ด้วยเลย

 

คนไทยหัวดีครับ บอกว่าทำไมไม่ใช้ขวดแก้วรีไซเคิ้ลมาทำ ต้นทุนกิโลกรัมละ 2 - 4 บาทเท่านั้น เป็นความคิดที่ดีครับ ถ้าเช่นนั้น พระแก้วหน้าตัก 49 นิ้วอาจเหลือแค่หลัก 1 พันบาทเมื่อรวมค่าไฟแล้วไม่ถึง 3,000 บาท

แต่แก้วรีไซเคิ้ลมีจุดแข็งที่ประมาณ 4.5 - 5 โมสเกล ตัด เจาะ เฉือนไม่ได้นะครับ จะแตก แต่ถ้าเราเตรียมการดีๆ อย่าให้พลาดทุกรายละเอียด ก็ไม่ต้องไปตัด เจาะ เฉือน หรือขัดใดๆครับ

 

ถึงแม้ขวดแก้วรีไซเคิ้ลจะถูกแค่ไหนก็ตาม ต่อให้เท่ากับได้ฟรี เมื่อผมมาคำนวนว่า ถ้าหลอมแก้วเศษขวดถึงจุดที่เขาเหลวเต็มที่แล้ว ก็ยังหนืดกว่าแก้วคริสตัลซึ่งมีตะกั่วเป็นส่วนผสมถึง 30% ไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์เขาคำนวนมาแล้วว่า ถ้าจะเทน้ำแก้วลงแม่พิมพ์ โดยเฉพาะแม่พิมพ์เป็นปูนปลาสเตอร์ ต้องใช้ความหนืดความเหลวเพียงใด

แล้วก็ราคาก้อนแก้วคริสตัลเพื่อการหลอมต่อก็ไม่ได้แพงอะไรเลย กิโลกรัมละ 60 บาท (ถ้าซื้อมากๆยังต่อรองกับเขาได้อีก) ซึ่งผมเชื่อว่าประเทศไทยใช้จำนวนมาก ทุกวันนี้นำเข้าทองเหลืองกี่ร้อยตันต่อเดือน กี่พันตันต่อปี พูดกันแบบนี้เลย เพราะทุกวันนี้บางวันหล่อพระทองเหลืองวันเดียวหลายๆวัด และหลอมกันเกือบทุกสัปดาห์ไม่เคยขาดมาเลยตลอดหลายสิบปีมานี้

อย่างไรก็ดี ถือว่าเป็นการจุดประกายให้วัดไทย ให้คนไทยได้เห็นว่า ยังมีวัสดุทางเลือกที่ต้นทุนถูกกว่ามากๆ แต่เนื่องจากคนไทยยังคิดว่า แก้วคริสตัลน่าจะแพงกว่า จึงยังไม่ได้หันมามองอย่างแท้จริงครับ

 

คราวนี้มีการนึกฝันไปให้สุดๆไปเลย สมมุติว่า ใช้ขวดแก้วหรือเศษแก้วที่ราคาถูกมากๆ กิโลละ 2 - 3 บาท มาหล่อพระแก้วหน้าตักประมาณ 49 นิ้ว หล่อกลวงเพื่อให้ลดเวลาการอบ โดยไม่ต้องสนใจว่า แก้วจะหนืดหรือไม่ ถ้าแก้วหนืดมากก็ขยายช่องทางลงให้ใหญ่ ไม่สวยไม่เป็นไร ขอให้ได้พระแก้วมาก่อน

วิธีคำนวนก็คือ ถ้าทำพระแก้วหน้าตัก 49 นิ้วกลวงน้ำหนักองค์พระประมาณ 200 กิโลกรัม เศษขวดเศษแก้วราคาโลละ 3 บาท องค์พระค่าแก้วก็แค่ 600 บาท ค่าไฟฟ้าประมาณ 2,000 บาท ค่าปูนทนร้อน 300 โล โลละ 10 บาท ก็อีก 3,000 บาท นี่แค่คำนวนเคร่่าๆ ไม่ได้จริงจังอะไรนะครับ แล้วก็ไม่ต้องใช้ของดี เพราะเศษขวดเศษแก้ว ก็รวมแล้วแค่ 5,600 บาทไม่รวมค่าหุ่นขี้ผึ้งกับค่าแรงคนงานซึ่งไม่มาก หากเขาไม่คิดมากครับ

เอาราคาองค์ที่สร้างจากเศษแก้วเศษขวดองค์ละ 5,600 บาทมาเทียบกับองค์ที่สร้างจากแก้วคริสตัล แค่ 12,000 บาท ผมว่าเราสร้างจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่เป็นคริสตัลดีกว่านะครับ

 

ขณะนี้ที่กำลังมีการปรึกษางานกับวัดพุทธบารมี สุรินทร์ เตาทางเลือกอีกอย่างหนึ่งคือ แก๊ส คงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมครับ

 

ผมไม่อยากจะขัดคุณพี่เขาเลยนะครับ แต่สมัยโบราณกาล ไม่มีเลยแม้แต่ชิ้นเดียวที่เป็นของมงคลที่ทำจากแก้วนะครับ โดยมวลสารและพระคาถาที่ลอดผ่านไปไม่สถิตในแก้วนะ อีกอย่างพระแก้วมรกตเป็นหินนะครับ

 

พระแก้วมรกตหน้าตัก 5 นิ้วสร้างจากต่างประเทศประมาณปี พ.ศ. 2475 เป็นพระแก้วที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในไทยจ้างโรงงานแก้วในต่างประเทศสร้าง นำเข้าทั้งองค์


องค์นี้หน้าตัก 7 นิ้วสร้างจากต่างประเทศเช่นกัน

และยังมีอีกหลายรุ่นที่สร้างจากต่างประเทศโดยโรงงานแก้วในอิตาลี ฝรั่งเศส และเช็คโกสโลวาเกีย ล้วนได้รับการยอมรับจากวงการพระบูชาที่สร้างจากแก้วมาเกิน 80 - 90 กว่าปี

 

ทั้ง 3 ภาพนี้เป็นเพียงบางปางที่สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 - 2514 ตามตำนานที่ตำราพระแก้วแห่งสยามเคยลงบันทึกเช่นนั้น ซึ่งความจริงนั้น ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตของโรงงานแก้วคุณพ่อผมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 - 2520 โดยผมเรียนวิชาสร้างพระแก้วด้วยเทคนิคกดปั๊มหน้าตักตั้งแต่ครึ่งเซ็นติเมตรถึง 5 นิ้วและปางอื่นๆทุกปาง ผมจึงทราบว่าตำราที่บอกว่า เลิกสร้างไปเมื่อ 2514 นั้นไม่จริง เพราะมีการสร้างต่อเนื่องกันมาไม่เคยหยุดถึงทุกวันนี้ หลังจากปี พ.ศ. 2535 ทราบว่าลดจำนวนการสร้างลงมาก น่าจะเหลืออยู่แค่ 3 - 4 โรงงานที่ยังสร้างอยู่ หลังสุดเมื่อปี พ.ศ. 2559 โรงงานแก้วเจษฏาก็เพิ่งสร้างให้วัดแห่งหนึ่ง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว รุ่นนั้นหน้าตัก 5 นิ้วจำนวนหลายพันองค์

 

หนังสือพระแก้วแห่งสยามที่ขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว เป็นหนังสือเพื่อบันทึกพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษทุกรุ่นทุกปางเท่าที่ทาง บ.ก. จะหาข้อมูลได้ พระแก้วที่สร้างในต่างประเทศนั้น ไม่มีการนำมวลสารไปให้พระเกจิอธิษฐานจิตก่อนการสร้าง แต่พระแก้ว 25 พุทธศตวรรษที่สร้างในไทยมีทั้งรุ่นที่ไม่มีมวลสารและรุ่นที่มีมวลสาร มวลสารคือ " ทรายขาวละเอียดจากทะเล " ที่พระเกจิเมตตาอธิษฐานจิตให้หลายโรงงาน ผมเองทันยุคสมัยนั้นครับ ทรายเหล่านี้สำนักต่างๆก็ดี หรือเจ้าของโครงการต่างๆที่เขานำทรายไปขอเมตตาพระเกจิอธิษฐานจิตเป็นมวลสาร แล้วนำมาให้โรงงานแก้วเพื่อรวมกันกับทรายที่ทางโรงงานต้องหลอมเป็นองค์พระครับ

นอกจากผมทันยุคทันเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นแล้ว ผมยังเคยอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นด้วย คือผมเองเคยเข้าไปในเหตุการณ์ที่พระเกจิต่างๆท่านรับทราบแล้ว ว่า ทรายเหล่านี้จะนำมาหลอมเป็นพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษ ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้ครับ