สอบถามเกี่ยวกับเรื่องแมวครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย hong8181, 28 มีนาคม 2012.

  1. hong8181

    hong8181 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +314
    สอบถาม สหายธรรม ผู้รู้ทุกท่าน ทำไมคนโบราณ บอกกล่าวไว้ว่าการฆ่าแมวเปรียบเหมือนการฆ่า เณร ครับ
    มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ด้วยความสงสัยส่วนตัว ครับ ขอบคุณทุกๆท่านครับ:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ฆ่าแมวเท่ากับฆ่าเณร

    คงเคยได้ยิน แมว 9 ชีวิต ด้วยเป็นสัตว์ที่อดทน ปราดเปรียว หากจะกำจัดสัตว์ชนิดนี้อาจต้อง เจตนามากพยายามมาก บาปก็หนักมากตามมา จนเปรียบเปรือยปาปกรรมมากหนักหนาดังกับฆ่าเณร ปานนั้น

    ตำนานล้านนามีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งว่า ครั้งหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างหนูขึ้นโดยไม่ได้ประทาน "ดี" (ถุงน้ำดี) ให้
    หนูจึงปราศจากคุณงามความดี ต่อมาหนูได้สร้างความเดือดร้อนโดยไปกัดผ้าทิพย์อันเป็นเครื่องทรงของพระผู้เป็นเจ้า
    ให้ได้รับความเสียหาย พระเป็นเจ้าจึงถูขี้ไคลจากพระวรกาย แล้วเอาขี้ไคลที่ได้มาปั้นเป็นแมว สำหรับเป็นสัตว์ปราบหนู
    แล้วพระผู้เป็นเจ้ายังห้ามคนฆ่าแมว หากใครฆ่าก็เหมือนว่าฆ่าเทวดาซึ่งเป็นบริวารของพระองค์ ดังนั้นคนจึงไม่ฆ่าแมว
    กาลต่อมาเมื่อชาวล้านนานับถือศาสนาพุทธ ความเชื่อถือเรื่องพระเจ้าได้คลาดเคลื่อนมาเป็นพระพุทธเจ้า
    เทวดาบริวารจึงเคลื่อนมาเป็นสามเณร ดังนั้นใครฆ่าแมวหนึ่งตัว ก็เท่ากับได้ฆ่าเณรหนึ่งรูปฉะนี้แล

    สนั่น ธรรมธิ

    สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
     
  3. kapooklukz

    kapooklukz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +87

    อนุโมทนา สาธุ คะ ความรู้ใหม่เพิ่งเคยได้ยิน...รู้แต่ว่าแมว9ชีวิคคะ
     
  4. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +4,562
    เรื่องคติ ความเชื่อ...ก็มีกันทุกชาติทุกภาษา...
    ..อิยิปต์โบราณก็นับถือแมว....
    ...สิงห์โต เป็นจ้าวป่า ก็สัตว์ตระกูลแมว...
    ...คนโบราณที่คุณว่า...ต้องวิจัยก่อนว่า..เป็นคนจังหวัดไหน....เผ่าพันธ์ ชาติพันธ์ดั้งเดิมมาจากไหน....และมีความเชื่อแบบนี้ มานานกี่สิบ กี่ร้อยปีแล้ว....
    ...เณรมีศีล10 แมวเปรียบเหมือนมี 9 ชีวิต...คนโบราณ(เฉพาะที่)อาจนึกแบบนี้ จึงเปรียบแบบนี้ ...มั๊ง....
    ...ที่มาของคำกล่าวนี้....น่าจะต้องมีการวิจัย ทั้งเอกสารและพยานบุคคล เราจึงจะสามารถพอรู้ได้...นอกนั้น...ผมว่ายากเอาการนา....
     
  5. hong8181

    hong8181 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +314
    อย่างที่กล่าวบนข้อความด้านบนนะครับ ชาวพุทธ ที่มีความเชื่อเช่นนี้(จะมีซะส่วนมาก) หรือท่านไม่เคยได้ยินละครับ ผมเองมีความสงสัย ในเรื่องเช่นนี้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรก็เลยตั่งคำถาม สอบถามเพื่อนธรรมที่มีความรู้ เพื่อที่จะได้เพิ่มความรู้เพิ่ม จึงอยากสอบถามผู้ที่พอมีข้อมูล ขอบคุณครับ สาธุฯ
    ----------------------
    เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ จึงต้องเรียนรู้
    เพราะหน้าที่ของการไม่รู้ คือการเรียนรู้
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    เคยได้ยินมาเช่นนี้ค่ะ แต่ไม่ทราบที่มาที่ไปเหมือนกัน
     
  7. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    นิยายปรัมปราฟังต่อๆกันมาเลยกลายเป็นเรื่องใหม่ไปซะงั้น
    เรื่องของเรื่องคือชนบางเหล่านับถือแมวว่าเป็นสื่อให้แก่พระเจ้า เป็นสัตว์วิเศษที่เกี่ยวพันกับโลกวิญญาณ พอความเชื่อนี้แพร่มาในโลกตะวันออกซึ่งแต่ก่อนคำว่าพระเจ้านี่หมายถึงพระสงฆ์องค์เจ้านั่นแหละ แต่พอยืมคำว่าพระเจ้าไปใช้ทำให้คำนี้กลายเป็นของศาสนาอื่นไปซะ ย้อนกลับมา ทีนี้พระเจ้าของลัทธิความเชื่อต่างๆก็ถูกยกให้มีสถานะเท่ากับสงฆ์ในทางพุทธ แล้วสื่อของพระเจ้าจะเทียบกับอะไรดี ก็เอาเณรนี่แหละมาเปรียบ ง่ายดี เรื่องก็เลยเถิดไปว่าแมวมีค่าเท่ากับเณร ฆ่าแมวเลยเท่ากับฆ่าเณร เลยไปกันใหญ่ เรื่องมันก็มีที่มาที่ไปอย่างนี้
    อย่าไปเอานิยามอะไรเลย แมวก็คือแมว จะมาเปรียบกับเณรไม่ได้
     
  8. Unlimited Indy

    Unlimited Indy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,228
    ค่าพลัง:
    +803
    ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยครับ ครั้งแรกเลย
     
  9. meemmeem

    meemmeem สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    มันเป็นคำเปรียบเปรย เพราะแมวเป็นสัตว์ที่มีความว่องไว อดทน ฆ่าได้ยาก จึงเปรียบเสมือนมี 9 ชีวิต จริงๆ มีชีวิตเดียว บาปบุญจะมากจะน้อยอยู่ที่เจตนาความตั้งใจ ยิ่งตั้งใจมาก ทำบาปก็บาปมาก ทำบุญก็บุญมาก จึงเปรียบการฆ่าแมว 1 ตัวเหมือนฆ่าเณร เพราะแสดงว่า ต้องมีความมุ่งมั่นในการฆ่ามาก = บาปมาก
     
  10. เขตปกครอง230

    เขตปกครอง230 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +324
    ไม่รู้ซิ....ก็เค้าไม่ใช่แมวนี่
     
  11. PMRNK

    PMRNK สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    "...สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์...สวมรองเท้าขลิบด้วยหนังแมว...คนทั้งหลายจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า เหมือนคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม...พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ...ไม่พึงสวมรองเท้าขลิบด้วยหนังแมว..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๕ ฉบับมหาจุฬาฯ มหาวรรค ภาค ๒ สัพพนีลกาทิปฏิกเขปะ ว่าด้วยทรงห้ามใช้รองเท้าสีเขียวล้วนเป็นต้น เรื่องทรงห้ามใช้รองเท้าหุ้มส้นเป็นต้น ข้อ ๒๔๖ หน้า ๑๕-๑๖)

    "...เขาเดินสำรวจดูหนทางตามลำดับรอบเมืองนั้น ไม่เห็นรอยต่อหรือช่องกำแพงโดยที่สุดแม้เพียงที่ที่พอแมวลอดออกได้ เขาย่อมรู้ว่า สัตว์ใหญ่ทุกชนิดเมื่อจะเข้าหรือออกเมืองนี้ ก็จะเข้าหรือออกทางประตูนี้เท่านั้น แม้ฉันใดวิธีการอนุมานก็ฉันนั้นเหมือนกัน..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ ฉบับมหาจุฬาฯ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร ว่าด้วยมหาปรินิพพาน ตอนท่านพระสารีบุตรบันลือสีหนาท ข้อ ๑๔๖ หน้า ๙๑, พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สัมปสาทนียสูตร ว่าด้วยความเลื่อมใสยิ่งในพระผู้มีพระภาค ตอนการบันลือสีหนาทของพระสารีบุตร ข้อ ๑๔๓ หน้า ๑๐๔-๑๐๕, พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค นาลันทสูตร ว่าด้วยพระธรรมเทศนาที่เมืองนาลันทา ข้อ ๓๗๘ หน้า ๒๓๑)

    "...ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนกระสอบหนังแมวที่ฟอกแล้ว ฟอกสะอาดแล้ว ฟอกเรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่น ตีไม่มีเสียง ตีไม่ดัง ถ้ามีบุรุษถือเอาไม้หรือกระเบื้องมาแล้วพูดอย่างนี้ว่า เราจักทำกระสอบหนังแมวนี้ที่ฟอกแล้ว ฟอกสะอาดแล้ว ฟอกเรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่น ตีไม่มีเสียง ตีไม่ดัง ให้มีเสียงดังก้องด้วยไม้หรือกระเบื้อง เธอทั้งหลายเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นจะทำกระสอบหนังแมวนี้ที่ฟอกแล้ว ฟอกสะอาดแล้ว ฟอกเรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่น ตีไม่มีเสียง ตีไม่ดัง ให้กลับมีเสียงดังก้องขึ้นด้วยไม้หรือกระเบื้องได้หรือไม่...ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกระสอบหนังแมวนี้ที่เขาฟอกแล้ว ฟอกสะอาดแล้ว ฟอกเรียบร้อยแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่น ตีไม่มีเสียง ตีไม่ดัง เขาจะทำกระสอบหนังแมวนั้นให้กลับมีเสียงดังก้องขึ้นด้วยไม้หรือกระเบื้องไม่ได้ง่ายเลย บุรุษนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากใจเสียเปล่าเป็นแน่...จิตของเราจักไม่แปรผัน เราจักไม่เปล่งวาจาชั่วหยาบ และจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์อยู่อย่างผู้มีเมตตาจิต ไม่มีโทสะ เราจักแผ่เมตตาจิตไปให้บุคคลนั้นอยู่ และเราจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ เสมอด้วยกระสอบหนังแมว เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนไปยังสัตว์โลกทุกหมู่เหล่าอันเป็นอารมณ์ของเมตตาจิตนั้นอยู่..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ ฉบับมหาจุฬาฯ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ โอปัมมวรรค หมวดว่าด้วยข้ออุปมา กกจูปมสูตร ว่าด้วยอุปมาด้วยเลื่อย ตอนทำใจให้อ่อนโยนเหมือนกระสอบหนังแมว ข้อ ๒๓๑ หน้า ๒๔๒-๒๔๓)

    "...พวกพราหมณ์และคหบดีถูกทูสีมารดลใจ แล้วก็ด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด เบียดเบียนพวกภิกษุผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมว่า ภิกษุพวกนี้เป็นสมณะหัวโล้น เป็นคหบดี เป็นค่าง เป็นผู้เกิดจากหลังเท้าของพรหมพูดว่า พวกเราเจริญฌาน พวกเราเจริญฌาน เป็นผู้คอตก ก้มหน้า เกียจคร้าน ย่อมรำพึง ซบเซา เหงาหงอย เปรียบเหมือนนกเค้าแมวจ้องหาหนูที่กิ่งต้นไม้ รำพึง ซบเซา เหงาหงอยอยู่...แมวที่จ้องหา หนูที่รางน้ำ ท่อน้ำครำและกองหยากเยื่อ รำพึง ซบเซา เหงาหงอยอยู่..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ ฉบับมหาจุฬาฯ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มารตัชชนียสูตร ว่าด้วยการคุกคามของมาร ข้อ ๕๐๘ หน้า ๕๔๗-๕๔๘)

    "...ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ได้มีแมวยืนคอยจับลูกหนูอยู่ที่กองหยากเยื่อข้างทางระบายคูถจากบ้าน ระหว่างเรือนสองหลังต่อกัน ด้วยคิดว่า ลูกหนูนี้จักไปหาเหยื่อในที่ใด เราจักจับมันกินในที่นั้น ต่อมา ลูกหนูออกไปหาเหยื่อ แมวก็จับลูกหนูนั้นแล้วรีบกัดกลืนลงไป ลูกหนูก็กัดทั้งไส้ใหญ่และไส้น้อยของแมวนั้น แมวนั้นจึงถึงความตายหรือทุกข์ปางตายเพราะการกินนั้น..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๘ ฉบับมหาจุฬาฯ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พิฬารสูตร ว่าด้วยแมว ข้อ ๒๓๒ หน้า ๓๒๒)

    "...แม้จะจับพวกสัตว์เล็กๆ โดยที่สุดแม้กระต่ายและแมว ก็จับได้แม่นยำ ไม่พลาดทีเดียว ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะพญาราชสีห์นั้นคิดว่า ช่องทางหากินของเราอย่าเสียไป..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ ฉบับมหาจุฬาฯ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต สีหสูตร ว่าด้วยพญาราชสีห์ข้อ ๙๙ หน้า ๑๖๘)

    "...เขาเดินเลียบไปตามทางเลียบกำแพงโดยรอบนครนั้น ไม่เห็นที่ต่อกำแพงหรือช่องกำแพงโดยที่สุดแม้เพียงช่องที่แมวออกได้ และเขาก็ไม่มีความรู้อย่างนี้ว่า สัตว์มีจำนวนเท่านี้เข้ามายังนครนี้ หรือออกไปจากนครนี้..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๖ ฉบับมหาจุฬาฯ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต อุตติยสูตร ว่าด้วยอุตติยปริพาชกทูลถามพระผู้มีพระภาค ข้อ ๙๕ หน้า ๒๒๕)

    "...กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานที่มีปกติกระเสือกกระสน เป็นอย่างไร คือ..แมว หนู นกเค้าแมว หรือสัตว์ผู้เข้าถึง กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเหล่าใดเหล่าหนึ่งแม้อื่นๆ เห็นมนุษย์แล้ว ย่อมกระเสือกกระสน การอุบัติของสัตว์ทั้งหลายย่อมมีได้เพราะกรรมที่มีแล้วอย่างนี้ คือ สัตว์นั้นย่อมอุบัติด้วยกรรมที่ตนทำไว้ ผัสสะอันเป็นวิบากทั้งหลายย่อมถูกต้องสัตว์นี้ผู้อุบัติแล้ว..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๖ ฉบับมหาจุฬาฯ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต สังสัปปติปริยายสูตร ว่าด้วยเหตุแห่งความกระเสือกกระสน ข้อ ๒๑๖ หน้า ๓๕๓-๓๕๕)

    "...เราจะทำท่านไว้ในอำนาจให้ได้เหมือนคนผู้เป็นใหญ่ จะพอใจด้วยปัจจัยตามที่ได้ จะทำท่านไว้ในอำนาจให้ได้ เหมือนคนไม่เกียจคร้าน เหมือนกระสอบใส่แมวที่มัดไว้ดีแล้ว..." (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ ฉบับมหาจุฬาฯ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถรคาถา ปัญญาสนิบาต ตาลปุฏเถรคาถา ภาษิตของพระตาลปุฏเถระ ข้อ ๑๑๔๑ หน้า ๕๒๕)
     

แชร์หน้านี้

Loading...