สวดคาถาแล้วปากค้างสวดต่อไม่ได้ มือชา ปากชา

บางครั้งเวลาผมสวดคาถาเงินล้าน แล้วบริเวณใบหน้ามีความรู้สึกควบแน่น ตึง พอเป็นมาก ๆ เข้า ก็ไม่สามารถที่จะสวดคาถาต่อไปได้ มีิอาการปากค้าง ความรู้สึกควบแน่นนั้นแน่นจนปากไม่ขยับ บางทีก็มีอาการ ปากชา มือชา มือจีบ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ

 

เพราะสมาธิยังไม่ชำนาญออกใช้งานจริงยังไม่คล่องครับ

เวลาจิตรวมลงสมาธิเลยตัวแข็ง

แก้อย่างไร ก็ใช้ใจสวดต่อไปคับร่างกายเป็นอย่างไรไม่ต้องไปสนใจคับ

ถ้ามีความสามารถ เวลาจิตลงสมาธิ จิตเราเป็นสมาธิแต่เรายังใช้งานร่างกายได้ปรกติก็พยายามสวดต่อไป เรียกว่าออกใช้งานจริง คับ



ถาม : ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยได้ปฏิบัติสวดมนต์ นั่งสมาธิ อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ต่อมาประมาณ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ผมได้ภาวนาคาถาเงินล้านควบกับลมหายใจเข้าออก ได้วันละ ๑๐๘ จบ เมื่อมีเวลาว่างระหว่างวันก็จะท่องให้ครบ ระหว่างที่นั่งสวดคาถาเงินล้านควบกับลมหายใจเข้าออก ผมจะมีอาการสั่น และโยกคลอนของร่างกาย เมื่อตามดูเฉย ๆ สักพักหนึ่งอาการดังกล่าวก็จะหายไป จากนั้นจะมีอาการตึงบริเวณใบหน้า ที่ปาก และที่ลำตัวแข็งกระฉับเข้าเรื่อย ๆ ส่วนลมหายใจก็จะหายไป เมื่อตามดูเฉย ๆ อาการดังกล่าวก็หายไป แล้วก็นิ่ง ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดขึ้นเสมอ

ต่อมาผมมีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมก็เกิดอาการแบบนี้อีก เมื่อตามดูเฉย ๆ อาการดังกล่าวก็จะหายไป แล้วก็นิ่ง ดิ่งลึกไปเรื่อย ๆ ครั้งต่อมาเพียงภาวนาพุทโธควบกับลมหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง อาการดังกล่าวก็เกิดขึ้นอีกอย่างง่ายและรวดเร็ว ผมขอสอบถามหลวงพ่อครับว่า การปฏิบัติสมาธิของผมทำมาถูกทางหรือไม่ครับ ? และจะปฏิบัติอย่างไรต่อไป ?
ตอบ : ถูกเฉพาะตอนนี้ หลังจากนี้ให้ตามดูตามรู้อาการไปเรื่อย ๆ อย่าพยายามบังคับให้เป็นอย่างนั้น และอย่าพยายามดิ้นให้หลุดจากอาการทั้งหลายเหล่านั้น สมาธิจิตจะดำเนินไปสู่สมาธิขั้นสูงของตนเอง

https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5960



ถาม : ถ้าคืนไหนผมไม่สวดมนต์ ก็มักจะโดนอำ แล้วต้องตื่นมาสวดมนต์ทุกครั้ง หากวันไหนที่ตั้งใจไปตักบาตรแต่ลุกขึ้นจากที่นอนไม่ไหว ก็มีฝันอันน่าสะพรึงน่ากลัวมาก ๆ จนต้องลุกขึ้นไปตักบาตร ปัจจุบันถึงแม้จะสวดมนต์แต่ก็ยังโดนอำอยู่ ควรจะทำอย่างไรจึงจะไม่โดนอำครับ ?
ตอบ : เป็นสัญลักษณ์ให้เราทำความดี เขาช่วยส่งใบเตือนขนาดนั้นแล้ว

ถาม : สวดมนต์แล้วก็ยังโดนอำอยู่ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็สวดต่อไป คาดว่าไม่ใช่ผีอำ แต่เป็นการเข้าใจผิด เกิดจากกำลังใจที่ทรงสมาธิขั้นสูง จิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกัน ทำอะไรไม่ถนัดก็เลยคิดว่าผีอำ เพราะสมาธิแน่นทรงตัวแล้วขยับไม่ได้

ที่ ต.วังปลิง อ.สะเดา จ.สงขลา มีโยมผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง สมาธิทรงตัวเร็วมาก พอสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ก็แข็งทื่อเลย เขาใช้คำว่า “ต้องคอยเขย่าให้หลุด” พอขับไปหน่อยก็แข็งอีก ต้องคอยเขย่าให้หลุด เขาถามว่าเขาเป็นอะไร อาตมาตอบว่าขอให้เป็นอย่างนั้นบ่อย ๆ แต่เขย่าให้หลุดให้เร็วขึ้น เพราะเขาไม่รู้ว่า ทันทีที่เขาตั้งใจ สมาธิจะทรงตัว จิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกัน ต่อไปนี้คน ๆ นี้จะเข้าออกสมาธิได้เก่งมาก แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองได้สมาธิ

ถาม : อย่างนี้วิธีปฏิบัติคือ ?
ตอบ : ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้เร็วขึ้น

ถาม : เคยใช้คาถาเงินล้านภาวนาขณะนอน รู้สึกนิ่ง ๆ ตัวโล่ง ๆ เหมือนจะลอยขึ้นไปข้างบน น่ากลัวมาก เหมือนมีแรงอะไรดูดเราออกจากร่าง ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นอะไร บางทีก็ตัวแข็งไปหมด หายใจไม่ออกด้วย พอหยุดภาวนาทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ และสติก็เตลิดเปิดเปิง ผมผ่านไม่พ้นจุดนี้สักทีครับ นี่คืออะไรและผมต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : ทำเหมือนเดิมบ่อย ๆ แล้วตัดตัวกลัวตายให้ได้ นั่นเป็นอาการที่จะออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง ถ้าตราบใดที่ยังกลัวตายอยู่ ก็จะไปไหนไม่ได้ สภาพจิตยังเป็นห่วงร่างกาย จึงไม่ไปไหนเสียที

https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4250

 

ถ้าส่งผลทางกายอยู่แสดงว่า
กำลังสมาธิสะสมไม่พอ
แก้ด้วยการ เดินจงกลมก่อนสวด
หรือนั่งสมาธิแล้วค่อยสวด
หรือเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง
ร่วมกับการพิจารณาตัดร่างกายครับ
(ถ้าส่งผลต่อความเข้าใจทางนามธรรม
คือกำลังสติไม่พอ มีหลักแค่นี้ครับ
เรื่องปกติเป็นกันได้ทุกคน ^_^)

บทคาถาเกี่ยวเนื่องกับพลังงาน
ที่เป็นนามธรรมครับ
จิตเป็นนามธรรมแต่อยู่กาย
ที่เป็นรูปธรรม เวลาสวดจิตสร้าง
ต้นกำเนิดพลังงานนามธรรมจากตัวเอง
เพื่อไปสู่ต้นพลังงานที่เป็นผล
จากอุบายที่แฝงในคาถา พลังงาน
จากจิตจึงผ่านกาย ดังนั้นเมื่อผ่านกาย
หากการตัดร่างกายยังไม่พอจากวิปัสสนา
หรือกำลังสมาธิสะสมที่จะรองรับ
การผ่านการรับพลังงานรูปธรรม
จากภายในไปภายนอก หรือจากภายนอกเข้ามา ยังไม่พอ ย่อมส่งผลต่อกาย
พื้นๆ คือรู้สึก ตึง ขนลุก หยุบหยิบ แน่น
ชา ค้าง ฯลฯ นานเข้าหากสะสมมากไป
อาจทำให้ปวดศีรษะ ตัวร้อน ผิวร้อน
ได้เป็นปกติครับ

ปล พวกนี้เป็นกิริยาเบื้องต้น ที่เกิดได้
ทั่วไป ถือว่าดีแล้วที่รับรู้ได้ครับ
แสดงว่า จิตเริ่มเข้าถึงพลังงาน
จากอุบายจองคาถาได้.

เสริมสมาธิ พิจารณาตัดกาย
เจริญสติให้ต่อเนื่อง
ต่อไป เวลาสวด กายจะเบา ตัวจะเบา
และจะสามารถมองเห็นพลังงานพวกนี้
ได้ด้วยตาเปล่าๆนี่หละครับ
คล้ายๆเห็นอากาศ เคลื่อนไหวได้

ทริคในการพิสูจน์
เวลาพนมมือ ให้ทำตานิ่งๆ มองผ่าน
เหนือนิ้วชี้ แล้วสวดมนต์ในใจ
ลิ้นกับปากห้ามขยับ ตาห้ามหันซ้าย
และขวา. จะเห็นอะไรรอบๆกายได้เอง

ปล พลังงานที่ดีคือ ใส เบา เร็ว นิ่ง
และวิ่งขึ้นบนครับ.
พวกควันต่างๆ เป็นการปรับธาตุ
ร่างกายเฉยๆ อย่าสนใจ
ถ้ายังไม่ใช่ อย่างที่บอกข้างบน
เครเนาะ.
แค่เล่าให้ฟัง เฉยๆ

 

ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับ