สติ ระลึกรู้ ปัญญา รู้ รับผลในปัจจุบัน เพื่อสร้างตบะบารมีธรรมอันยิ่งใหญ่

http://news.thaiza.com/news/312782/

ขอบคุณทุกเรื่องราวที่ผ่าน ได้ประสบ ชีวิตคือการเรียนรู้ อยู่
รับผลในปัจจุบัน ด้วย จิต สติ รู้ เบิกบานในธรรมที่ปัญญา
รู้เห็นทุกเรื่องราว ผ่านพบเจอ ด้วยความตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว
ในอารมณ์ความรู้สึก สุข ทุกข์ เรารู้ว่าควรกระทำสิ่งใดที่ตน
มีแรง สามารถ ปัญญา หาความปลดเปลื้องทุกข์ สุขเหล่านั้น
ด้วยแรงกาย กำลังแห่งตน แม้รู้ว่าทุกข์นั้นเกิดจากการกระทำซึ่ง
ชีวิต เลือด เนื้อ เราพอหาทางเยียวยา ได้ หรือ ไม่ได้ ย่อมรู้
รับผลซึ่งแล้วของการกระทำ ซึ่งกรรมนั้นได้นำพาเรามาแล้ว
ซึ่งเหตุ ผล ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต สัตว์ บุคคลย่อมมีภัย
ที่เกิดแล้ว ย่อมหาทาง ขวนขวาย รักษา ชีวิต เลือด เนื้อ
ของตนไว้อย่างหวงแหน เพื่อความอยู่รอดโดยชีวิต เพราะชีวิต
มีค่ามากมายมหาศาล โดยความเป็นผู้มีพันธะ ภาระ ซึ่งตนและ
คนรักคนรอบข้าง ทุกข์ชีวิตมีความหมายสำคัญยิ่ง สิ่งนี้เป็นอีก
หนึ่งวงเวียนวัฏจักรที่ สัตว์ บุคคล เข้าได้ยากถึงความเป็นอวิชชา
ที่ดึงรั้งความเป็นผู้กลับมาด้วยแรงแห่งกรรม วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อใด สัตว์ บุคคล ผู้เห็นภัยแล้ว ย่อม มีความเป็น กลาง ปกติ อยู่
ด้วย สติ ปัญญา รู้ยิ่งด้วยคุณของกุศลบารมี ทรงไว้ซึ่งตบะ แห่งความ
ไม่มีตัวตน มีใจเบิกบาน รู้ สุข ทุกข์ ที่เกิด มองเป็นธรรมอันพึ่งมีอยู่
เพื่อละ ความมีตัวตน ยึดถือมั่น ว่าไม่มีตัวตนไหนเป็นอัน ที่รักสงวน
ไว้ให้คงอยู่ด้วยความไม่รู้ในธรรมชาติเดิม สัตว์บุคคลทั้งหลายย่อม
มีสิทธิความเป็นผู้วนเวียนแล้วในวัฏจักร อันเสมอกัน มันต่างกันตรง
วาระ เวลา ที่ได้มาแล้วซึ่งตัวตน บุคคลไม่พึงเหยียดหยาม ผู้อื่นโดยความ
ว่าเราผู้มีโอกาศกว่าผู้อื่น บุคคลนั้นย่อมมองไม่เห็นคุณของความผู้มีโอกาส
ด้อยกว่า เพราะเขามีสิทธิ์เลือกที่จะเดินทาง ในฐานะของตนที่เป็นอยู่
ยอมรับผลมันด้วย ใจที่มีสติ รู้ เบิกบาน แจ่มใส แจ่มแจ้งด้วยธรรมที่เป็นอยู่
สักวันเราหวังว่า ด้วยวิริยะ ศรัทธา ปัญญา ที่เรามีอยู่บำเพ็ญแล้วซึ่งตบะ
อันแก่กล้า สักวันเราคงจะได้หลุดพ้นแล้วซึ่งสารวัฏอันน่ากลัวยาวนานนี้