ศรัทธา “หลวงตาชื่น” อดีตทหารผ่านศึก ละทางโลกธุดงค์เท้าเปล่า ไม่รับปัจจัย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 14 มกราคม 2020.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พักสงฆ์ชั่วคราว ท้ายหมู่บ้านเสาเล้าใหญ่ หมู่ 2 ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ต่างมีญาติโยม ประชาชน นักท่องเที่ยว สายบุญ เดินทางมากราบไหว้ สนทนาธรรม กับหลวงตาชื่น หรือ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท หรือ พระบุญชื่น อุ่นเทียมโสม พระธุดงค์สายป่า วัย 71 ปี ชาวบ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งสละทางโลก หันหน้าเข้าสู่ทางธรรม เพื่อหาความสงบในชีวิต โดยเข้าอุปสมบทเป็นพระ และปฏิบัติธรรมจาริกธุดงค์ มานานกว่า 10 ปี รวมกว่า 10 พรรษา จนกระทั่งเป็นข่าวโด่งดังทางโซเชียล เนื่องจาก มีญาติโยม ประชาชน นักท่องเที่ยว พบเห็นขณะกำลังเดินจาริกธุดงค์ ระหว่าง เส้นทางภาคเหนือ กับอีสาน ระยะทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร ทำให้มีญาติโยมหลายคนได้แวะกราบนิมนต์ ให้ขึ้นรถ และถวายปัจจัย แต่ หลวงตาชื่น ไม่ขอรับการถวายปัจจัย ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า พร้อม ระบุว่า ได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แสวงบุญ จาริกธรรม ตามรอยพระเกจิชื่อดัง คือหลวงปู่มั่น เพื่อหาความสงบสุขในชีวิต จึงไม่ขอรับปัจจัย เพื่อเข้าถึงสัจธรรมของชีวิต ทำให้ผู้พบเห็นและทราบข่าว เกิดความศรัทธา ในความตั้งมั่น และความเพียรพยายาม ของหลวงตาชื่น ทั้งที่ มีอายุมาก ถึง 71 ปี

    จนกระทั่งล่าสุด หลวงตาชื่น ได้ เดินจาริกธุดงค์เท้าเปล่า ไปกลับมาจากทางภาคเหนือ โดยก่อนนี้ หลังออกพรรษาได้เดินธุดงค์ ไปจากที่พักสงฆ์บ้านเกิดไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อแสวงบุญ ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญเพียร ใช้ระยะเวลาเดินทางจากบ้านเกิดไปภาคเหนือ ประมาณ 40 วัน ก่อนเดินทางกลับมาบ้านเกิด อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ใช้เวลาประมาณ 35 วัน โดยในช่วงระหว่างการเดินทางจะพักตามป่าเขา ทุ่งนา ไม่นอนวัด รวมระยะทางไปกลับกว่า 2,000 กิโลเมตร ทำให้สายบุญ ประชาชน นักท่องเที่ยว ที่ทราบข่าวเกิดความศรัทธา และเดินทางมากราบไหว้สนทนาธรรม ไม่ขาดสาย ส่วนการทำบุญหลวงตาชื่นขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า ไม่รับปัจจัย และสิ่งของเครื่องใช้อย่างอื่น

    0b89ae0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b895e0b8b2e0b8ade0b894e0b8b5e0b895e0b897e0b8abe0b8b2e0b8a3-e0b8a5.jpg
    จากการสอบถาม หลวงตาบุญชื่น เปิดเผยว่า เดิมมีชีวิตพื้นฐานเกิดที่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เคยมีชีวิตครอบครัวมาก่อน และต่อสู้สร้างครอบครัวมาตลอด โดยในช่วงเป็นหนุ่ม หลวงตาเคยเป็นทหารเกณฑ์ และได้รับคัดเลือกไปสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ประมาณปี 2512 สังกัดพกองพันปืนใหญ่ จ.อุดรธานี และเคยผ่านการฝึกรบพิเศษ อยู่ในค่ายเป็นเวลา 2 ปี ก่อนปลดประจำการ ได้เหรียญทหารผ่านศึก กลับมาสร้างชีวิตครอบครัวแต่งงาน มีลูกทั้งหมด 4 คน จากนั้นเมื่อ ดูแลบุตรทั้งหมด สร้างครอบครัวหมดแล้ว จึงขอครอบครัวลาบวช เพราะต้องการหาสัจธรรมของชีวิต อยากเห็นความสงบในชีวิต เพราะชอบศึกษาธรรมมะ และชอบศึกษาหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น จึงเข้าอุปสมบท ตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรม เมื่อปี 2552 ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้แสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ เดินธุดงค์ไปหลายที่ ไม่จำที่วัด ทุกปีจะไปจำวัดตามป่าเขา ก่อนนี้ไปจำพรรษาในถ้ำเตียง สิริขันธ์ บนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มาต่อเนื่อง 4 ปี

    หลวงตาชื่น กล่าวอีกว่า ทุกปี ตั้งแต่ปี 2559 ได้ตั้งมั่นจาริกธรรม เดินธุดงค์ มาจากภาคเหนือ แต่ขาไปขึ้นรถไปกับคณะพระสงฆ์หลายวัด มาปีนี้ ได้ตั้งมั่นเดินทางไปกลับ ด้วยการธุดงค์ จนกลับมาถึงบ้านเกิด ในระหว่างทางมีญาติโยม นิมนต์ขึ้นรถ เพราะสงสาร อายุมาก แต่อาตมาได้บอกว่า ต้องการบำเพ็ญเพียร แสวงบุญ เดินธุดงค์ ตามรอยหลวงปู่มั่น ไม่ขอขึ้นรถ ไม่ต้องช่วยขนสัมภาระ ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า และไม่กลัวว่าจะเจ็บป่วย เนื่องจากสละทุกอย่าง แม้สังขาร เพราะต้องการเข้าถึงสัจธรรม และในปีนี้หลังออกพรรษา จะเดินจาริกธุดงค์ เหมือนทุกปี สำคัญที่สุด กิจของสงฆ์จะต้องไม่ขาด มีบิณฑบาต ทำวัดเช้าเย็น สวดมนต์ เจริญภาวนา และศึกษาธรรมมะ หากญาติโยมที่ต้องการสนทนาธรรม อาตมายินดี และจะจำวัดที่พักสงฆ์ ถึงสิ้นเดือน ม.ค. ก่อนจะจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบำเพ็ญเพียร ถึงร่างกายจะชรา อีกทั้งมีโรคเลือดจาง แต่ไม่ได้กังวล เพราะสละทุกอย่างแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ตราบใดเดินไหวยังจะแสวงบุญทุกปี

    89ae0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b895e0b8b2e0b8ade0b894e0b8b5e0b895e0b897e0b8abe0b8b2e0b8a3-e0b8a5-1.jpg
    ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นางตาล อุ่นเพียรโสม อายุ 66 ปี ชาวบ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม อดีตภรรยา และนางบานเย็น บุพศิริ อายุ 46 ปี ลูกสาวคนโต โดยทั้งคู่เปิดเผยว่า หลวงตาในช่วงวัยหนุ่ม เป็นคนขยัน มุมานะ อดทน สร้างครอบครัว ต่อสู้เพื่อครอบครัวมาตลอด และชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ที่จำได้เคยบอกครอบครัวเสมอ พอถึงวัย 60 ปี หลังจากลูกทุกคนมีครอบครัว จะขอลาบวชไปใช้ชีวิตทางธรรม สละทางโลก เมื่อถึงปี 2552 อายุได้ 60 ปี หลวงตาได้ขอลาครอบครัวไปบวช ซึ่งทุกคน ไม่ขัดข้อง ขออนุโมทนาบุญกับ หลวงตา เพราะเป็นความตั้งใจ ถึงแม้ห่วง คิดถึง แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่หลวงตาตั้งใจแล้ว ทุกปีตลอดการบวชกว่า 10 ปี จะไม่จำวัดอยู่กับที่ จะไปจาริกธุดงค์ทั่วประเทศ ตามพระอาจารย์ ที่รู้จัก ปกติจะไม่ได้ติดต่อ ไม่มีมือถือ ไม่มีการติดต่อกลับมา เพราะหลวงตาบอกกับครอบครัวว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ จะเห็นกลับมา หากทราบข่าวเสียชีวิต หรือเจ็บป่วย ค่อยไปดูแล หรือเจ็บป่วยตายในป่า ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ หากไม่มีคนพบเห็น เพราะสละทางโลกแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต้องรับได้หมด จนกระทั่งล่าสุด ทางครอบครัวดีใจมาก และอนุโมทนาบุญกับหลวงตา หลังเห็นข่าวในโซเชียล ว่าพบหลวงตา ยอมรับครอบครัวดีใจ ทุกคนน้ำตาไหล สำคัญที่สุดคือ อานิสงค์ผลบุญที่หลวงตา แสวงบุญไว้ จะส่งผลให้ลูกหลาน มีความร่มเย็นเป็นสุข ทุกคนขออนุโมทนาบุญกับหลวงตา ซึ่งวันนี้หลวงตาได้กลับมาและขอจำวัดท้ายหมู่บ้าน มีญาติไปทำที่พักสงฆ์ไว้ให้ มาถึงวันนี้ทุกคนในครอบครัว ดีใจที่เห็นหลวงตา ได้ตัดสินใจไปสู่เส้นทางธรรม และไม่กลัวถ้าวันที่หลวงตาจากไปจะมาถึง เพราะหลวงตาขอใช้ชีวิตในผ้าเหลืองตลอดชีวิต และบอกย้ำกับทุกคนว่า ขอตายในผ้าเหลือง.

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.dailynews.co.th/regional/751830
     
  2. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    “หลวงตาชื่น” พระธุดงค์ วัย 71 ปี เดินเท้าไปกลับเหนืออีสาน ไม่ขอรับปัจจัยจนโซเชียลศรัทธา เผยชีวิตเคยเป็นทหารผ่านศึก ก่อนสละทางโลก มุ่งจาริกตามรอย “หลวงปู่มั่น”

    หลังจากโลกออนไลน์แชร์ภาพ “หลวงตาชื่น” ขณะกำลังเดินจาริกธุดงค์ระหว่างเส้นทางภาคเหนือกับอีสาน ทำให้มีญาติโยมหลายคนได้แวะกราบนิมนต์ให้ขึ้นรถและถวายปัจจัย แต่หลวงตาชื่นไม่ขอรับการถวายปัจจัย ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า พร้อมระบุว่า ได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แสวงบุญจาริกธรรม ตามรอยพระเกจิชื่อดัง คือหลวงปู่มั่น เพื่อหาความสงบสุขในชีวิต จึงไม่ขอรับปัจจัย เพื่อเข้าถึงสัจธรรมของชีวิต ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นและทราบข่าวเกิดความศรัทธานั้น

    ล่าสุด วันที่ 14 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ที่พักสงฆ์ชั่วคราว ท้ายหมู่บ้านเสาเล้าใหญ่ หมู่ 2 ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ต่างมีญาติโยมเดินทางมากราบไหว้ สนทนาธรรมกับ “หลวงตาชื่น” หรือ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท พระธุดงค์สายป่า วัย 71 ปี ซึ่งสละทางโลกหันเข้าสู่ทางธรรมเพื่อหาความสงบในชีวิต เข้าอุปสมบทเป็นพระ และปฏิบัติธรรมจาริกธุดงค์มานานกว่า 10 ปี รวมกว่า 10 พรรษา หลังจากได้เดินจาริกธุดงค์เท้าเปล่ากลับมาจากทางภาคเหนือ รวมระยะทางไปกลับกว่า 2,000 กิโลเมตร

    b8b2-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b895e0b8b2e0b88ae0b8b7e0b988e0b899-e0b8ade0b894e0b8b5e0b895e0b897.jpg
    จากการสอบถาม หลวงตาชื่น เปิดเผยว่า เดิมมีชีวิตพื้นฐานเกิดที่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เคยมีชีวิตครอบครัวมาก่อน และต่อสู้สร้างครอบครัวมาตลอด โดยในช่วงเป็นหนุ่ม หลวงตาเคยเป็นทหารเกณฑ์ และได้รับคัดเลือกไปสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ประมาณปี 2512 สังกัดพลกองพันปืนใหญ่ จ.อุดรธานี และเคยผ่านการฝึกรบพิเศษอยู่ในค่ายเป็นเวลา 2 ปี ก่อนปลดประจำการ ได้เหรียญทหารผ่านศึก กลับมาสร้างชีวิตครอบครัว แต่งงานมีลูกทั้งหมด 4 คน

    จากนั้นเมื่อดูแลบุตรทั้งหมด สร้างครอบครัวหมดแล้ว จึงขอครอบครัวลาบวช เพราะต้องการหาสัจธรรมของชีวิต อยากเห็นความสงบในชีวิต เพราะชอบศึกษาธรรมะ และชอบศึกษาหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น จึงเข้าอุปสมบท ตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรมเมื่อปี 2552 ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้แสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ เดินธุดงค์ไปหลายที่ ไม่จำวัด ทุกปีจะไปจำวัดตามป่าเขา ก่อนนี้ไปจำพรรษาในถ้ำเตียงสิริขันธ์ บนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มาต่อเนื่อง 4 ปี

    หลวงตาชื่น กล่าวอีกว่า ทุกปี ตั้งแต่ปี 2559 ได้ตั้งมั่นจาริกธรรม เดินธุดงค์มาจากภาคเหนือ แต่ขาไปขึ้นรถไปกับคณะพระสงฆ์หลายวัด มาปีนี้ได้ตั้งมั่นเดินทางไปกลับด้วยการธุดงค์จนกลับมาถึงบ้านเกิด ในระหว่างทางมีญาติโยมนิมนต์ขึ้นรถเพราะสงสาร อายุมาก แต่ตนได้บอกว่า ตนต้องการบำเพ็ญเพียร แสวงบุญ เดินธุดงค์ตามรอยหลวงปู่มั่น ไม่ขอขึ้นรถ ไม่ต้องช่วยขนสัมภาระ ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า และไม่กลัวว่าจะเจ็บป่วย เนื่องจากสละทุกอย่างแม้แต่สังขาร เพราะต้องการเข้าถึงสัจธรรม

    และในปีนี้หลังออกพรรษาจะเดินจาริกธุดงค์เหมือนทุกปี สำคัญที่สุดคือกิจของสงฆ์จะต้องไม่ขาด มีบิณฑบาต ทำวัดเช้าเย็น สวดมนต์ เจริญภาวนา และศึกษาธรรมะ หากญาติโยมที่ต้องการสนทนาธรรม ยินดี และจะจำวัดที่พักสงฆ์ ถึงสิ้นเดือนมกราคม ก่อนจะจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบำเพ็ญเพียร ถึงร่างกายจะชรา อีกทั้งมีโรคเลือดจาง แต่ไม่ได้กังวล เพราะสละทุกอย่างแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ตราบใดเดินไหวยังจะแสวงบุญทุกปี

    b2-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b895e0b8b2e0b88ae0b8b7e0b988e0b899-e0b8ade0b894e0b8b5e0b895e0b897-1.jpg
    จากการสอบถาม นางตาล อุ่นเพียรโสม อายุ 66 ปี ชาวบ้านเสาเล้า และลูกสาวคนโต คือ นางบานเย็น บุพศิริ อายุ 46 ปี ทั้งสองได้เปิดเผยว่า หลวงตาในช่วงวัยหนุ่ม เป็นคนขยัน มุมานะ อดทน สร้างครอบครัว ต่อสู้เพื่อครอบครัวมาตลอด และชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ที่จำได้เคยบอกครอบครัวเสมอ พอถึงวัย 60 ปี หลังจากลูกทุกคนมีครอบครัว จะขอลาบวชไปใช้ชีวิตทางธรรม สละทางโลก ถึงปี 2552 อายุได้ 60 ปี ได้ขอลาครอบครัวไปบวช ซึ่งทุกคนไม่ขัดข้อง ขออนุโมทนาบุญกับหลวงตาชื่น เพราะเป็นความตั้งใจถึงแม้ห่วง คิดถึง แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่หลวงตาชอบ

    ทุกปี ตลอดการบวชกว่า 10 ปี จะไม่จำวัดอยู่กับที่ จะไปจาริกธุดงค์ทั่วประเทศตามพระอาจารย์ที่รู้จัก ปกติจะไม่ได้ติดต่อ ไม่มีมือถือ ไม่มีการติดต่อกลับมา เพราะหลวงตาบอกกับครอบครัวว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่จะเห็นกลับมา หากทราบข่าวเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยค่อยไปดูแล หรือเจ็บป่วยตายในป่า ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ หากไม่มีคนพบเห็น เพราะสละทางโลกแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต้องรับได้หมด จนกระทั่งล่าสุด ทางครอบครัวดีใจมากและอนุโมทนาบุญกับหลวงตาชื่น

    หลังเห็นข่าวในโซเชียลว่าพบหลวงตา ยอมรับว่าครอบครัวดีใจ ทุกคนน้ำตาไหล สำคัญที่สุดคืออานิสงส์ผลบุญที่หลวงตาแสวงบุญไว้ จะส่งผลให้ลูกหลานมีความร่วมเย็นเป็นสุข ทุกคนขออนุโมทนาบุญกับหลวงตา ซึ่งกลับมาหลวงตาขอจำวัดท้ายหมู่บ้าน มีญาติไปทำที่พักสงฆ์ไว้ให้ มาถึงวันนี้ทุกคนในครอบครัวดีใจที่เห็นหลวงตาได้ตัดสินใจไปสู่เส้นทางธรรม และไม่กลัวถ้าวันที่หลวงตาจากไปจะมาถึง เพราะหลวงตาขอใช้ชีวิตในผ้าเหลืองตลอดชีวิต บอกทุกคนว่า ขอตายในผ้าเหลือง.

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.thairath.co.th/news/society/1747293
     

แชร์หน้านี้

Loading...