ว่าด้วยนกแสก!!!!!!!!!

เอาเรื่องที่พบเจอมาเล่าครับ
เมื่อประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา ได้เจอเรื่องราวประหลาด โดยบ้านผม กับบ้านของป้านั้นอยู๋ใกล้ๆกัน ในช่วงเวลานั้น คุณลุงผม ทำงานแบ๊งค์ แล้วอยุ่ๆตื่นมาก็เกิดเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาต ก็รักษาตัวที่บ้าน กับโรงพยาบาลสลับไป
ช่วงวันที่เกิดเหตุ ผมเดินไปหาป้าที่บ้าน ฝนพึ่งหยุดตก น่าจะซัก 2 ทุ่ม
พอจะเข้าประตูบ้าน ก็มีวัตถุสีขาวใหญ่ๆตกลงมาในสวนหน้าบ้าน แล้วก็ดิ้นใหญ่เลย ผมเลยไปเรียกป้ามาดู เป็นนกแสกครับ ตัวใหญ่มาก มันมีอาการมึนๆ บินไม่ขึ้น ผมคาดว่าน่าจะเกาะเสาไฟแล้วคงโดนกระแสไฟรั่วช๊อตเอาเลยตกมาในบ้านป้าผมพอดี แต่ป้าไม่กล้าเสียงดังกลัวลุงผมใจเสียเลยให้ผมอุ้มเอาไปปล่อยที่อื่น
หลังจากนั้น ไม่เกิน 3 เดือน ป้าผมกลับป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก ทั้งที่ไม่เคยมีวี่แววเรื่ออาการมาก่อนเลย แล้วก็เสียชีวิตลง (ปัจจุบันลุงยังอยู่นะครับ)
ผมไม่ทราบว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือ อย่างไร ลองคิดกันดูนะครับ:'''''''(

 

เคยมีนกแสกมาอาศัยอยู่ที่ใต้ชายคาระเบียงบ้านชั้นบน ตัวใหญ่มากสูงประมาณเกือบหนึ่งศอกมูลของมันเป็นกระดูกสีขาวเล็กๆ มีขนเป็นกระจุกเหมือนขนหนู เวลาเราเดินไปเดินมามันจะมองตามเหมือนสายตาคนไม่มีผิด ดูดูก็น่ารัก บางทีก็น่ากลัว ตอนเช้าๆ จะเดินไปดูเค้าทุกวัน อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ไม่เห็นมาอีกสงสัยจะรำคาญเราที่เดินไปดูมันบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นค่ะ

 

ความเชื่อแต่ละท้องถิ่นไปจนถึงแต่ละประเทศ มันก็ต่างๆ กันไป อย่างบ้านเราเชื่อว่านกแสกไรเนี่ย (แสกข้างหรือแสกกลางหว่า) เป็นตัวอัปมงคล แต่บางที่ก็บอกว่าเป็นนกดีซะงั้น อย่างเช่น




http://www.classifiedthai.com/content.php?article=3400

ชาวโรมันและชาวกรีกโบราณถือกันว่า นกแสกเป็นนกที่บอกลางร้ายเท่านั้น และความเชื่อเช่นนี้ยังสืบทอดติดต่อกันมาจนถึงชาวอังกฤษและชาวยุโรปชาติ อื่นๆ อีกด้วย




ความเชื่อของชาวอินเดีย ความเชื่อเกี่ยวกับนกแสกมีทั้งที่เป็นมงคลและอัปมงคล ในทางมงคลนั้น ชาวอินเดียเชื่อว่านกแสกเป็นนกของพระลักษมีเทวีแห่งโชคโภคทรัพย์และการเกษตร นกแสกจึงช่วยกินหนูในท้องนาให้เกษตรกร




ชาวฮินดูในแคว้นเบงกอลก็เชื่อว่า หากนกนี้ทำรังในบ้านใคร บ้านนั้นจะได้ทรัพย์สินเงินทอง เป็นการนำโชคดีมาให้




เชื่อหรือไม่ว่า ขณะนี้ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการทดลองให้ชาวสวนปาล์ม เลี้ยง นกแสก หรือ “ไอ้ตาใส” หรือที่หลายคนเรียกมันว่า “นกผี” ไว้คอยจับ “หนู” มาแล้วอย่างได้ผล




และต่อมาหลายแห่งนำวิธีดังกล่าวมาใช้ เพื่อเป็นอีกแนวทางในการลดต้นทุนในเรื่องของการซื้อหาสารเคมี เพื่อมากำจัด “ไอ้จี๊ด” ศัตรูตัวร้ายฉกาจที่เข้าทำลายผลผลิตปาล์ม ส่งผลให้เกิดการสูญเสียมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์




กรมวิชาการเกษตร จึงนำต้นแบบอย่างที่ ประเทศมาเลเซีย ที่เขาใช้วิธีดังกล่าวนี้ได้ผลมาแล้ว โดยการ “สร้างรัง” ไว้ในสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อชักนำให้มันเข้ามาอาศัย ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรในฝูง และเพื่อให้มันคอย ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าผลิตผล ในสวนปาล์ม ซึ่งนกแสก 1 ตัว จะช่วยกำจัดหนูได้มากถึง 700 ตัว / ปี




นกแสกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tyto alba ชื่อสกุลคือ Tyto เพี้ยนมาจากคำว่า tuto ในภาษากรีก ซึ่งหมายถึง นกเค้า ส่วนชื่อชนิดคือ alba มาจากคำว่า albus ในภาษาละติน ซึ่งแปลว่า สีขาว รวมความแล้วจึงแปลว่า นกเค้าสีขาว




เพราะขนส่วนใหญ่เป็นสีขาว โดยเฉพาะใต้ปีกซึ่งขาวมาก ในเวลาที่นกแสกบินผ่านหน้าเราไปในยามค่ำคืนอันมืดมิด เราจึงเห็นเป็นนกขนาดใหญ่สีขาวๆ บินผ่านหน้าเราไปอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ ใครที่มองไม่ค่อยทัน จึงมักทึกทักเอาว่าได้เห็นภูตผีปีศาจลอยผ่านหน้าไป




ลักษณะทั่วไป นกแสกเป็นนกในวงศ์ Tytonidae คนละวงศ์กับนกเค้าต่างๆ ซึ่งอยู่ในวงศ์ Strigidae แต่รูปร่างหน้าตาโดยทั่วๆ ไปคล้ายคลึงกับนกเค้า ลำตัวตั้งตรง และสอบมาทางด้านท้าย คอสั้นมาก หัวโตและกระหม่อมแบน ใบหน้าก็แบนมากซึ่งเห็นได้ชัดถ้าหากมองทางด้านข้าง




ดวงตาเล็กอยู่ทางด้านหน้าของหัว รอบๆ ดวงตามีขนซึ่งเรียงออกไปดูคล้ายกับจานครึ่งวงกลม เรียกกันว่า วงหน้า (facial disc) เมื่อวงหน้าทั้งสองมาชนกันที่กึ่งกลางหน้าจึงทำให้เห็นใบหน้าของมันเป็นรูป หัวใจ ซึ่ง นกตัวผู้และนกตัวเมียมีสีสันเหมือนกัน แยกความแตกต่างไม่ได้เลย




แต่นกตัวเมียมีตัวโตกว่าเล็กน้อย นกแสกมีขนสีขาวขึ้นอยู่เต็มไปหมด ออกแบบมาไว้ป้องกันเสียงที่เกิดจากลมเวลาบิน เพราะหากไม่มีขนแน่น ลมจะผ่านเส้นขนจนเกิดเสียงสะท้อน ทำให้เหยื่อไหวตัวหนีได้ทัน เวลามันหากินจะเกาะนิ่งๆ ในระดับสูง ตากลมดำโตนั้นคอยจ้องมองเหยื่อตามพื้นดิน




ทางด้านท้องมีสีขาว และมีจุดมีเทาและสีน้ำตาลทั่วไป ขนปีกและหางมีลายขวางสีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน ปากแหลมงุ้ม ขนตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาล ปนเทา มีจุดสีขาว และสีน้ำตาลทั่วไป เล็บเท้ายาวงุ้มและแหลม เล็บที่นิ้วกลางลักษณะคล้ายฟันเลื่อย เวลาบินร้องเสียง "แซ๊ก"




มีสายตาและประสาทหูดีมาก ตาของมันสามารถเห็นเหยื่อชัดในเวลากลางคืน โดยเฉพาะหูของมันถูกออกแบบมาให้เยื้องมาด้านหน้า ตรงกับจานรับเรดาร์ตามโครงหน้าของมัน เพื่อไว้คอยรับเสียงที่แม้เหยื่อจะเดินอย่างแผ่วเบาที่สุดในระยะ 9-10 เมตร มันก็ยังได้ยิน




ฉะนั้นยามที่มันบินโฉบตะครุบเหยื่อจะไม่เคยพลาดเลย ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นนักล่าเหยื่อยามราตรีตัวฉกาจอย่างไม่ต้องสงสัย นกแสกมีความยาวจากปลายปากถึงปลายหาง 34 ซม. ขาท่อนบนมีขนปกคลุมด้วย และคลุมลงมาจนถึงขาท่อนล่างตอนบน ส่วนขาท่อนล่างตอนล่าง




รวมทั้งนิ้วเท้าและเล็บเป็นสีน้ำตาลแกมดำ นิ้วเท้ามีข้างละ 4 นิ้ว ยื่นไปข้างหน้า 2 นิ้ว และยื่นไปข้างหลัง 2 นิ้ว แต่ในเวลาที่มันใช้กรงเล็บไล่จับเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนู นิ้วเท้าหลังด้านนอกจะหันมาข้างหน้าได้ ทำให้มันจับเหยื่อได้ถนัดและคล่องแคล่วขึ้น




รูปร่างลักษณะตัวผู้และตัวเมียจะคล้ายกันคือ วงหน้ามีขนสีขาวขึ้นเต็มเป็นรูปหัวใจตา กลมดำโต ปาก แหลมงุ้ม ขน ตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาลเทา มีจุดขาว และน้ำตาลประปราย ขนใต้ท้อง ขาว ส่วนปีก และ หาง มีลายขวางสีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน เล็บเท้า ยาวงุ้มแหลม เล็บนิ้วกลาง ลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ขา ยาว มีสายตา และ ประสาทหูดีมาก




กลางวันชอบนอนบนเพดานบ้านหรือที่มุมมืดหลังคาโบสถ์ ชอบกินหนูนา ใต้ตรงที่มันเกาะนอนมักพบซากกระดูกและหนังของหนู หรือเหยื่ออื่นๆที่มันสำรอกคายของแข็งๆที่มันย่อยไม่หมดตกลงไปกองอยู่บนพื้น ดิน ก้อนที่มันสำรอกคลายทิ้งนี้ดูคล้ายกับก้อนข้าวเม่าทอด




ออกหากินในเวลากลางคืน ชาวบ้านถือกันว่า หากมันไปเกาะอยู่บนหลังคาบ้านใคร จะทำให้เกิดเรื่องไม่ดี จะมีคนเจ็บคนตาย รุ่งเช้าจะต้องทำบุญตักบาตรเพื่อล้างเคราะห์ เรื่องนี้ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ




นกแสก (Barn Owl) มีถิ่นที่อยู่อาศัยอยู่ในแถบอินเดีย อันดามัน ชวา พม่า เขมร เวียดนาม โคชินไชนา ลาว และ ประเทศไทย พบมากในแถบทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ กลางคืน อันเป็นช่วงเวลาที่มันออกหากินซึ่งอาหารโปรดของมันคือ หนูท้องขาว ส่วนตอนกลางวันสายตาจะแย่ที่สุด




ดังนั้นเมื่อตะวันขึ้นแตะขอบฟ้าพวกมัน จะหาที่ตามซอกหลืบมืดๆ โพรงไม้ซอกเจดีย์พักผ่อนหลับนอน ช่วงเวลาที่นกแสกผสมพันธุ์จะตลอดทั้งปียกเว้นหน้าฝน ภายหลังเลือกคู่ได้แล้วมันจะคาบเศษหญ้าสำหรับปูรองพื้นเพื่อวางไข่ ซึ่งออกครั้งละประมาณ 4-7 ฟอง




ขณะที่ตัวเมียเป็นฝ่ายกกไข่ ใช้เวลาเกือบเดือน สมาชิกใหม่จึงออกมา “แหกปาก” ให้พวกเราขนพองสยองเกล้ากันนั้น ตัวเมียจะไม่ทิ้งห่างพื้นที่วางไข่เลย ฉะนั้นการหาอาหารจึงเป็นหน้าที่ของตัวผู้และทั้งคู่จะอยู่ช่วยเลี้ยงสมาชิกใหม่ของโลกใบนี้ต่ออีกประมาณ 2 เดือน




กระทั่งเมื่อลูกนกที่โตเต็มวัย ซึ่งมีขนาดลำตัวใหญ่ประมาณ 14 นิ้ว จะบินออกสู่โลกภายนอกหลืบหลังคา เพื่อไปใช้ชีวิตโฉบเฉี่ยว หาพวกบรรดาหนูๆมาเปิบเป็นอาหาร จากนั้นเมื่อมันอายุได้ขวบปี ก็จะเริ่มมองหาคู่เพื่อขยายเผ่าพันธุ์เป็นวัฏจักรชีวิตต่อไปเรื่อยๆนั่นเอง

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คำพระท่านว่าไว้ ผมเคยเห็นแบบประจักษ์กับตาตัวเองจังๆ ตอนนั้นลูกคนโต ของผมพึ่งคลอด วันที่ 4 ก็พากลับบ้าน(คลอดที่โรงพยาบาล)ในคืนแรกที่พาเด็กเข้าบ้าน ในตอนประมาณ 2-3ทุ่มได้ ผมสังเกตุเห็นมีนกขนาดใหญ่มากสีขาวนวลสวย(ที่เห็นได้ถนัดเนื่องจากมีทั้งแสงไฟนีออนหน้าบ้าน แล้วยังมีแสงจันทร์ในคืนวันนั้นด้วย เท่าที่จำได้)มาเกาะที่หัวเสาไฟฟ้าตรงข้ามบ้าน ห่างจากที่ผมยืนอยู่บนชั้นสองของบ้าน น่าจะไม่เกิน 15 เมตร โดยละแวกที่ผมอาศัยอยู่ไม่เคยมีใครเคยเห็นนกแบบนี้มาก่อน (ผมพึ่งจะย้ายบ้านเข้ามาอยู่ใหม่ ณ เวลานั้น เป็นหมู่บ้านไม่ใหญ่มากโดย บ้านแต่ละหลังค่อนข้างห่างกันพอสมควร คือหมู่บ้านค่อยๆทยอยสร้าง )และผมได้เลียบเคียงถามเพื่อนบ้านที่มาอาศัยอยู่ก่อนหน้าผมก็ได้ความว่า ไม่เคยมีใครได้เคยเห็นนกแบบนั้นมาก่อนเช่นกัน ที่ผมได้เห็นนกในวันนั้น ตัวใหญ่มากน่าจะสูงประมาณร่วมเกือบ 2 ฟุตได้ เห็นตอนที่บินออกไป คือตอนบินมาเกาะเห็นไม่ถนัด ขณะกางปีกบินออกไปความกว้าง น่าจะไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตรได้ครับ (ขออภัยที่ใช้มาตรา วัดต่างกัน แต่เพื่อให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่เห็นครับ) จากนั้นมาผมก็ได้ โปรเจ็คงานใหญ่ๆหลายงาน ครับ และตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยเห็นนกแบบนั้นอีกเลยครับ นี่ก็เป็นเวลาห่างจากวันนั้นเกือบ 10ปี แล้วครับ แต่ก็ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ครับ

 

น่ารักอะไรอย่างนี้ สำหรับรูปนกแสกที่ลงให้ดู สวยมากโดยตัวบนสีส้มๆ หน้ารูปหัวใจ จริงๆ ขอบคุณหารูปมาให้ดู (พึ่งเคยเห็น)

 

dangsticker

ในความคิดผมนะ หน้าตามันก็น่ารักดีออก ........ดูแล้ว 555+

 

น่ารักค่ะ มีประโยชน์กับชาวไร่ชาวนาด้วย

 

น่ารักนะครับ

แต่ว่าตอนกลางคืนนี่ก็น่ากลัวเอาเรื่อง^^

 

อยากเอามาใส่กรงเลี้ยงแบบที่เค้าเลี้ยงนกหัวจุกบ้างจังมันสวยดี แต่แม่กับพ่อคงไล่ออกจากบ้าน 55

 

เคยคิดอยากเลี้ยงค่ะ ตอนนี้ก็ยังอยากอยู่ แต่ไม่ไหวจะหาอาหารให้น่ะสิคะ แต่เล่าให้ใครฟัง เค้าก็คัดค้านกันอย่างรุนแรงเลย ว่าเพี้ยน ที่จะเอานกแสกมาเลี้ยง แต่แหม มันน่ารักจะตาย

 

นกอะไร เอ่ย

คืออย่างนี้น่ะมันผ่านไปได้หกเจ็ดปีแล้วตอนที่ขับรถเครื่องจะกลับบ้านแฟนเก่า
แฟนเก่าเราเป็นคนขับเรานั่งซ้อนท้ายแต่มันก็ดึกมากแล้วประมาณเกือบเที่ยงคืนระหว่างนั้นที่ที่รถกำลังแล่นเรากับแฟนเห็นนกตัวหนึ่งตัวใหญ่ด้วยสีขาวล้วนและมีแสงรัสมีขางผ่องสว่างกำลังยืนข้างทางริมถนนเรากับแฟนเห็นแล้วตกใจ เรางี้ขนลุกไปเลย เพราะมันขาวมากขนขาวไปทั้งตัวดูสิขนาดมืดแสงที่ออกจากตัวมันมันเป็นแสงรัสมี และมันก็หันมามองเรากับแฟน แฟนเราก็ไม่กล้าจอดรถลงมาจับแล้วขับรถไปต่อเล่าให้แม่เค้าฟังแม่แฟนตกใจดุด่าไปว่านั้นมันคือนกผี ไม่รู้จริงหรือเปล่า ตัวใหญ่กว่านกฮูกเสียอีก ขาวล้วนมีแสงด้วย

 

เห็นหน้านกแล้วคิดถึงหมาพันธุ์ชิสุ หน้าแบนๆเหมือนกัน55

 

รูปน่ารักมากๆๆๆ ขอบพระคุณค่ะ (มันแสกกลางสมชื่อจริงๆ)5555555
บ้านกุ้งมีนกแสกมาทำรังอยู่บนต้นมะพร้าวข้างบ้านค่ะ บินไป ร้องไป
(มันก็ร้องของมันไปเรื่อยเปื่อย)มีคนจะมายิงมันด้วยนะ "อยู่ในบ้านข้า
ถ้าเอ็งกล้าเข้ามายิงก็ลองดู" 5555555 นกก็คือนก คนจะตายนกไม่ร้องก็ตาย
อยู่ดี อิอิอิ

 

นกแสกน่ารักมาก

 

เพิ่งเคยเหนรูปนกแสกชัดๆ ชอบรูปนี้ที่สุดเลยค่ะ สวยมากเลย


ขอบคุณมากค่ะ ที่นำรูปมาลงให้ดู ^ ^

 

ผมว่ามันน่ารักออกครับ แต่แล้วแต่จะเชื่อกันละกันนะครับ

 

ตอนเป็นเด็กเลี้ยงทั้งนกฮูกและนกเค้าแมว แต่เลี้ยงได้ไม่กี่วัน คนในบ้านถือ เลยต้องเอาไปปล่อย

 

แล้วแต่ใครใคร่เชื่อก็เชื่อ ใครไม่ใคร่ก็ไม่เป็นไร

ในทางวิทยาศาสตร์ การที่นกแสกไปแถวไหน นั่นคือแถวนั้น มีแหล่งอาหารของพวกเขาอยู่เยอะ

ในทางความเชื่อ คือเมื่อมีนกแสกที่ว่า ไปหากินอยู่แถวใด มักจะมีการเจ็บ การตาย เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ เป็นหลักสถิติ ทำให้ ปู่ ย่า ตา ยาย ในสมัยๆนั้นๆ มีความเชื่อดังที่ปรากฏกันมา

อีกทั้ง นกแสกที่เห็นในแถบๆเราๆท่านๆนั้น รูปกายของพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้มีความสวยงามดังรูปที่คุณๆท่านๆ นำมาให้ชมกัน

ในทางกลับกัน หน้าตาพวกเขาในแถบๆบ้านเราๆท่านๆนั้น กลับดูน่ากลัว หรือดูน่าเกรงขามซะอีก

จึงไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไมถึงเกิดความเชื่อขึ้นได้


แม้แต่ตัวของเราเองก็เช่นกัน ก็เคยได้พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว เรื่องคือว่า

ช่วงนั้น ได้มีนกแสกมาหากินแถวบริเวณนี้เป็นเวลาเกือบเดือน จากที่คนแถบนี้ ไม่ค่อยมีคนเจ็บ คนตายสักเท่าไร

แต่เมื่อเจ้านกแสกที่ว่านี้มาหากินอยู่บริเวณนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมากมาย อาทิเช่น

ญาติคนนั้น เสียชีวิตอยู่ต่างจังหวัด ต้องเอาร่างมาประกอบพิธีที่นี้ เพราะไม่มีญาติที่นั่น
ญาติคนนั้นป่วยเป็นโรคบ้าง ญาติคนโน้นโดนรถชนบ้าง ญาติคนนั้นลื่นล้มถึงกับสติไม่ค่อยจะดีไปพักนึงบ้าง บ้านโน้นป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้วถึงขั้นเสียชีวิตบ้าง ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชราภาพมานาน แต่ก็ยังแข็งแรงดี จู่ๆก็เสียชีวิตลง บ้างก็ไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล บ้างก็สิ้นใจที่บ้านเลย

แม้แต่โยมตาของเราเอง จากที่แข็งแรงอยู่ดีๆ จู่ๆก็ช๊อคเข้าโรงพยาบาล จนหมอตามญาติให้ไปดูใจ แต่สุดท้ายก็รอดมา ไม่ทราบสาเหตุ

มันเป็นเรื่องน่าแปลกนะ ที่จู่ๆเหตุการณ์มันสอดคล้องกันกับเจ้านกตัวนี้ ที่ชื่อว่า นกแสก

หลังจากที่เจ้านกแสก ย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น คนแถบนี้ก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม หมายถึงผู้คนที่ล่มป่วยโดยเหตุการณ์ต่างๆ หรือโรคต่างๆ แล้วจนป่านนี้ ก็ยังไม่มีใครตายเลย คงยังไม่ถึงเวลาของพวกเขากระมัง


แต่ได้โปรกตรองดูสักนิดเถิดว่า ความเชื่อของคนเก่านั้น หลายเรื่อง ก็เป็นเรื่องจริง โดยที่เราก็หาเหตุผลมาเปรียบเปรยไม่ได้

แต่เราก็คงจะเชื่อทุกเรื่องทั้งหมดไม่ได้ เพราะบางเรื่อง ก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงสักเท่าไร


สุดท้ายนี้ อยากฝากให้คิดกันสักนิด

หลังจากที่โยมตา ของเรานั้น ออกจากโรงพยาบาลมา ก็มีอาการ ทรงๆ ทรุดๆ ตลอด คล้ายกับว่า มีโรคอื่น พยายามจะแทรกแทรง ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย

เราช่วงนั้น ก็ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่วัดเขาถ้ำพระ เราสวดมนต์ แผ่เมตตา ปฏิบัติกรรมฐาน โดยความเพียร

ปรากฏว่า ทุกวันนี้ อาการของโยมตาเรา กลับมาเป็นปกติแล้ว ดีวันดีคืน

ถ้าจะให้เรากล่าวแบบเข้าข้างตนเอง ก็คงต้องบอกได้เลยว่า อานิสงส์จากการกระทำนั้น ส่งผลได้ต่อเนื่องจริงๆเชียว


ฝากไว้ให้เป็นข้อคิด โปรดมีสติ ในการอ่าน


หากผู้ใดอยากลอง โปรดลองกับ มดดำ มดแดง ทั้งๆหลาย
เมื่อสวดมนต์ นั่งกรรมฐาน แผ่เมตตา เสร็จแล้ว ไปพูดกับพวกเขาดู ให้พากันออกจากบ้านเรา แล้วเป่าลมออกจากปากเบาๆ ให้เขารับรู้ เขาอาจจะไปก็ได้่ ใครจะรู้ ไม่ลองไม่รู้นะ จะบอกให้

ปล.โดยมากจะเห็นผล หากนั่งกรรมฐาน ก่อนจะบอกกล่าวพวกเขา

เจริญพร

 

ที่ไหนมีหนูเยอะแสดงว่าที่นั้นสกปรกมาก มีการแพร่เชื้อมาก คนก็ตายมาก
การที่นกแสกไปหากินบริเวณนั้น ก็เลยกลายเป็นจำเลยสังคม สะงั้น