วิธีการตอบโต้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อพระองค์และหมู่สงฆ์ถูกใส่ร้ายป้ายสี

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย รักบุญ, 4 ตุลาคม 2009.

  1. รักบุญ

    รักบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +160
    วิธีการตอบโต้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อพระองค์และหมู่สงฆ์ถูกใส่ร้ายป้ายสี<!--sizec--><!--/sizec-->


    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> [​IMG] สมัยครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์กับคณะสงฆ์ก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีมาแล้วจ้ะ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เป็นเคสของ ‘นางสุนทรีปริพาชิกา’ หลังจากเธอรับแผนการงานทำลายพระศาสนา<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->จากอัญเดียรถีย์ปริพาชก(นักบวชต่างศาสนา) มาทำแล้ว เธอถูกซ้อนแผนโดยถูกฆ่าปิดปาก<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->แล้วป้ายสีสร้างข่าวใส่ความมาที่พระศาสดากับคณะสงฆ์ โดยโพทะนาว่า<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->“ท่านทั้งหลาย เชิญดูการกระทำของพวกสมณะเชื้อสายศากยบุตรเถิด<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ไม่มียางอาย ทุศีล มีธรรมเลวทราม กล่าวเท็จ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ไม่ประพฤติพรหมจรรย์... ความเป็นสมณะของพระเหล่านี้เสื่อมสิ้นไปแล้ว...<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ความเป็นสมณะของพระเหล่านี้จะมีแต่ที่ไหน... พระเหล่าเหล่านี้ปราศจากความเป็นสมณะ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ทำไมเป็นชายจึงข่มขืนผู้หญิงแล้วฆ่าเสียเล่า”<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->สมัยนั้น คนทั้งหลายในกรุงสาวัตถีเห็นภิกษุทั้งหลายแล้ว <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด <!--sizec--><!--/sizec--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->เบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ใช่ของสัตบุรุษ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงพระผู้มีพระภาคแล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->“ภิกษุทั้งหลาย เสียง(โจษ)นั้นจักมีไม่นาน จักมีเพียง ๗ วันเท่านั้น ครั้นพ้น ๗ วันจักหายไป<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงกล่าวตอบกับบุคคลทั้งหลายที่เห็นภิกษุแล้วด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->เบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ใช่ของสัตบุรุษ<!--sizec--><!--/sizec--> ด้วยคาถานี้ว่า<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อภูตวาที นิรย อุเปติ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->โย วาปิ กตฺวา น กโรมีติ จาห<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถาติ ฯ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->“คนที่ชอบกล่าวคำไม่จริง หรือคนที่ทำความชั่วแล้วกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้ทำ’ ต่างก็ตกนรก<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->คน ๒ จำพวกนั้น ต่างก็มีกรรมชั่ว ตายไปแล้ว มีคติเท่าเทียมกันในโลกหน้า”<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายเรียนคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคแล้ว<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->กล่าวตอบคนทั้งหลายที่เห็นภิกษุแล้ว ด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ใช่ของสัตบุรุษ ด้วยคาถานี้ว่า<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->“คนที่ชอบกล่าวคำไม่จริง หรือคนที่ทำความชั่วแล้วกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้ทำ’ ต่างก็ตกนรก<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->คน ๒ จำพวกนั้น ต่างก็มีกรรมชั่ว ตายไปแล้ว มีคติเท่าเทียมกันในโลกหน้า”<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->คนทั้งหลาย(เมื่อได้ฟังการตอบโต้อย่างผู้มีปัญญาแล้ว)ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->“พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ คงไม่ได้ทำความผิด<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ คงไม่ได้ทำบาป<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->พระสมณะเชื้อสายศากยบุตร จึงกล่าวสบถเช่นนั้น”<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เสียง(โจษ)นั้นได้มีอยู่ไม่นาน เสียง(โจษ)ได้มีอยู่เพียง ๗ วันเท่านั้น ครั้นพ้น ๗ วันก็หายไป<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เมื่อพระพระผู้มีพระภาคทรงทราบแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ตุทนฺติ วาจาย ชนา อสฺตา<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ปเรหิ สงฺคามคตว กุฺชร<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->สุตฺวาน วากฺย ผรุส อุทีริต<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อธิวาสเย ภิกฺขุ อทุฏฺจิตฺโตติ ฯ <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->คนทั้งหลายผู้ไม่สำรวม ชอบกล่าวทิ่มแทงผู้อื่นด้วยวาจา<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->เหมือนทหารข้าศึกทิ่มแทงช้างที่ออกศึก ด้วยลูกศรฉะนั้น<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ภิกษุผู้มีจิตไม่คิดประทุษร้าย ฟังคำหยาบคาย<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->ที่คนพาลกล่าวแล้ว พึงอดกลั้นไว้ได้<!--sizec--><!--/sizec--><!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก(มจร.แปล) เล่มที่ 25 ข้อที่ 38 หน้าที่ 246-250.<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->------------------------------------------------

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> [​IMG] จากกรณีศึกษาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เราจะเห็นได้ว่าวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพุทธองค์นั้น<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ไม่ใช่นิ่งเฉยยอมเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->แต่ทรงมีวิธีการตอบโต้อย่างผู้มีปัญญา ไม่ใช้วิธีหยาบช้าอย่างคนพาล<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--> [​IMG] การปรับวาทะ หรือปรับทิฏฐิของผู้ ไม่เข้าใจนั้น เป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทพึงกระทำจ้ะ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาอันเป็นที่รักยิ่งของเราไว้เป็นเบื้องแรก<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ดังคำขวัญอันเรากล่าวเป็นอาจิณว่า ‘เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง’<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ประการต่อมา ก็เพื่อสงเคราะห์คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วพลอยว่าโพทะนาตามๆเขา<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->คนเหล่านี้จะพากันไปอบายเสียหมด ควรรีบช่วยนำเขากลับออกมาจากปากประตูนรกเสียโดยเร็วจ้ะ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ก่อนที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะถลำผิดเข้าไปเต็มตัว <!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ส่วนผู้ที่เป็นอันธพาลสุดๆแล้วนั้น ให้ปล่อยไว้ตามเวรตามกรรมเถิดจ้ะ<!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo-->ตาย แล้วก็จะได้รู้กันว่าเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานอันโหยหวนในมหานรกนั้น สั่นประสาทน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ไม่ควรไปล้อเล่นด้วยประการทั้งปวงจ้ะ [​IMG]
     
  2. zetsubo

    zetsubo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +751
    อนุโมทธนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...