วังคีสสูตรที่ ๑๒

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย wvichakorn, 27 พฤษภาคม 2012.

  1. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,657
    ค่าพลัง:
    +9,236
    [​IMG]




    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส




    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ขอนอบน้อมแด่พระธรรม พระสงฆ์




    [​IMG]

    <CENTER> พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    </CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" vspace="0" hspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <CENTER></CENTER><CENTER>วังคีสสูตรที่ ๑๒</CENTER> [๓๒๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ ใกล้เมืองอาฬวีก็สมัยนั้นแล พระเถระชื่อนิโครธกัปปะเป็นอุปัชฌายะ ของท่านพระวังคีสะปรินิพพานแล้วไม่นานที่อัคคาฬวเจดีย์ ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจขึ้นอย่างนี้ว่า พระอุปัชฌายะของเราปรินิพพานแล้วหรือหนอแล หรือว่ายังไม่ปรินิพพาน ครั้นเวลาเย็น ท่านพระวังคีสะออกจากที่หลีกเร้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอประทานวโรกาส ข้าพระองค์หลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ เกิดความปริวิตกแห่งใจขึ้นอย่างนี้ว่า พระอุปัชฌายะของเราปรินิพพานแล้วหรือหนอแล หรือว่ายังไม่ได้ปรินิพพาน ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกจากอาสนะ กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประณมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า [๓๓๐] ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทูลถามพระศาสดาผู้มีพระปัญญา ไม่ทราม ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเห็นธรรมอันมั่นคง พระองค์ทรงขนานนามแห่งภิกษุผู้เป็นพราหมณ์ ผู้ตัดความ สงสัย มีชื่อเสียง มียศ ผู้คุ้มครองตนได้ มุ่งวิมุติ ปรารภ ความเพียร กระทำกาละที่อัคคาฬวเจดีย์ ที่ข้าพระองค์ได้ ประพฤตินอบน้อมท่านอยู่ว่า นิโครธกัปปะ นิพพานแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้ศากยะ มีพระจักษุรอบคอบ แม้ ข้าพระองค์ทั้งหมดย่อมปรารถนาเพื่อจะรู้พระสาวกนั้น ข้า- พระองค์ทั้งหลายตั้งโสตไว้ชอบแล้วเพื่อจะฟัง พระองค์เป็น พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงโปรด ตรัสความสงสัยของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์ตรัส บอกความข้อนี้แก่ข้าพระองค์เถิด ข้าแต่พระองค์ผู้มีปัญญา เสมอด้วยแผ่นดิน มีพระจักษุรอบคอบ ขอพระองค์โปรด ตรัสบอกภิกษุผู้เป็นพราหมณ์ผู้ปรินิพพานแล้ว อนึ่ง ขอ พระองค์ตรัสในท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลาย เหมือนอย่าง ท้าวสหัสสเนตร พระนามว่าสักกะ ย่อมตรัสในท่ามกลางแห่ง เทวดาทั้งหลาย ฉะนั้น กิเลสเครื่องร้อยรัดเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในโลกนี้ เป็นทางแห่งโมหะ เป็นฝักฝ่ายแห่งความไม่รู้ เป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย กิเลสเครื่องร้อยรัดเหล่านั้น มา ถึงพระตถาคตผู้มีจักษุผู้ยิ่งกว่านระทั้งหลายแล้วย่อมไม่มี ก็ ถ้าว่า พระผู้มีพระภาคผู้เป็นบุรุษจะไม่พึงกำจัดเหล่ากิเลสเสีย โดยส่วนเดียว เหมือนลมไม่พึงกำจัดเมฆไซร้ สัตว์โลก ทั้งหมดถูกความไม่รู้ปกคลุมแล้ว พึงเป็นโลกมืด เหมือน โลกที่ถูกเมฆปกคลุมแล้วเป็นโลกมืด ฉะนั้น นรชนทั้งหลาย แม้มีความรุ่งเรือง จะไม่พึงเดือดร้อน ส่วนนักปราชญ์ ทั้งหลาย เป็นผู้กระทำความรุ่งเรือง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็น นักปราชญ์ เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ย่อมสำคัญพระองค์ว่า เป็นนักปราชญ์ และว่าผู้กระทำความรุ่งเรือง เหมือนอย่าง นั้นนั่นแล ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบอยู่ ซึ่งพระผู้มีพระภาค ผู้เห็นแจ่มแจ้ง จึงเข้ามาเฝ้า ขอพระองค์โปรดตรัสบอก ทรงกระทำให้แจ่มแจ้งซึ่งภิกษุชื่อนิโครธกัปปะ แก่ข้าพระองค์ ทั้งหลายในบริษัทเถิด พระองค์ผู้มีพระดำรัสไพเราะ ขอ จงตรัสถ้อยคำอันไพเราะเถิด ขอพระองค์จงค่อยเปล่งด้วย พระสุรเสียงอันพระองค์ทรงกำหนดดีแล้ว เหมือนหมู่หงส์ ยกคอขึ้นแล้ว ค่อยๆ เปล่งเสียงอันไพเราะ ฉะนั้น ข้าพระองค์ทั้งหมดเป็นผู้ปฏิบัติตรง จะคอยฟังพระดำรัส อันไพเราะของพระองค์ ข้าพระองค์ขอทูลวิงวอนให้พระองค์ ผู้ละชาติและมรณะได้แล้ว ทรงกำจัดบาปไม่มีส่วนเหลือ ให้ทรงแสดงธรรม การกระทำความใคร่หามีแก่ปุถุชนทั้งหลาย ไม่ ส่วนการกระทำความพิจารณาย่อมมีแก่พระตถาคตทั้งหลาย ไวยากรณ์อันสมบูรณ์นี้ เป็นของพระองค์ผู้มีพระปัญญา ผุดขึ้นดี ทรงเรียนดีแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้มีพระปัญญา ไม่ทราม อัญชลีมีในภายหลังนี้ ข้าพระองค์ประฌมดีแล้ว พระองค์ทรงทราบอยู่ซึ่งคติของภิกษุชื่อนิโครธกัปปะ อย่าได้ ทรงทำข้าพระองค์ให้หลงเลย ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้มีความ เพียรไม่ทราม พระองค์ทรงรู้แจ้งอริยธรรมอันประเสริฐยิ่ง ทรงทราบอยู่ซึ่งไญยธรรมทั้งปวง อย่าได้ทรงทำข้าพระองค์ ให้หลงเลย ข้าพระองค์หวังจะได้สดับพระดำรัสของพระองค์ อยู่ เหมือนบุรุษผู้ร้อนแล้วเพราะความร้อนในฤดูร้อน หวังจะ ได้น้ำ ฉะนั้น ขอพระองค์จงยังสัททายตนะ คือ สุตะให้ ตกเถิด ภิกษุชื่อนิโครธกัปปะได้ประพฤติพรหมจรรย์ ตาม ความปรารถนา พรหมจรรย์อะไรๆ ของท่านไม่เปล่า นิพพาน แล้ว ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุหรือ หรือว่าเป็นผู้พ้น วิเศษแล้วยังมีอุปาทานเหลืออยู่ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอ ฟังความข้อนั้น ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า ภิกษุชื่อนิโครธกัปปะ ได้ตัดตัณหาในนามรูปนี้ ที่เป็นกระแส แห่งกัณหมาร อันนอนเนื่องแล้วสิ้นกาลนาน เธอได้ ข้ามพ้นชาติและมรณะไม่มีส่วนเหลือ ปรินิพพานแล้วด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ พระผู้มีพระภาค ผู้ประเสริฐสุด ด้วยอินทรีย์ ๕ เป็นต้น ได้ตรัสอย่างนี้ ฯ ท่านพระวังคีสะกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์นี้ได้ฟังแล้ว ย่อมเลื่อมใส พระดำรัสของพระองค์ ได้ยินว่า ข้าพระองค์ได้ทูลถามถึง พรหมจรรย์อันไม่เปล่า พระองค์ผู้เป็นพราหมณ์ไม่ลวงข้า พระองค์ พระสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีปรกติกล่าว อย่างใด กระทำอย่างนั้น ได้ตัดข่ายอันมั่นคงนั้นๆ ของ มัจจุราชผู้มีมายาขาดแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ภิกษุ ชื่อนิโครธกัปปะผู้สมควร ได้เห็นเบื้องต้นแห่งอุปาทาน ได้ล่วงบ่วงมารที่ข้ามได้แสนยากแล้วหนอ ฯ<CENTER>จบวังคีสสูตรที่ ๑๒</CENTER>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๘๑๓๕ - ๘๒๑๙. หน้าที่ ๓๕๕ - ๓๕๙.http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=8135&Z=8219&pagebreak=0

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2066665/[/MUSIC]​
    </PRE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. itempat

    itempat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +159

แชร์หน้านี้

Loading...