พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    จองแล้วครับ

    IMG20220519143908.jpg IMG20220519143901.jpg

    เหรียญกลมหลวงพ่อกวย หลังสิงห์ ออกวัดหัวเด่นปี2540

    บูชา 950 บาท

    เหรียญนี้ ออกโดยหลวงพ่อสมาน วัดหัวเด่น เพื่อหาทุนสร้างวิหารประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อกวย เเละสร้างเมรุของวัด สร้างปี 2539
    พระที่ออกมี

    -พระผงสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงพ่อกวยเต็มองค์ ครึ่งองค์ สีขาวเเละดำ
    -พระผงสังกัจจายน์ พระสมเด็จเเหวกม่านรุ่นเเก้วสารพัดนึก
    -เหรียญหลวงพ่อกวยสองเเบบหลังหนุมาน,หลังสิงห์
    รูปหล่อเล็กหลวงพ่อกวย
    -เหรียญหลวงพ่อปรง สองเเบบ
    -เหรียญหลวงปู่เย็น สองเเบบ

    พระชุดนี้เอาเข้าพิธีปลุกเสกในปี 2539 พร้อมของวัดบ้านเเคก่อนออกให้ทำบุญ
    รายชื่อพระเกจิที่มาร่วมปลุกเศกในพิธี สุดยอดทั้งนั้นครับ

    หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เจิมเทียนชัย และเทียนมงคลในพิธี
    หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จุดเทียนชัย
    หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ ดับเทียนชัย
    รายนามพระคณาจารย์ นั่งปรกอธิษฐานจิตโดย
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม
    หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า
    หลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู
    หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง
    หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
    หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง
    หลวงพ่อดี วัดพระรูป
    หลวงพ่อบุญตา วัดคลองเกตุ
    หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า
    หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์

    ปัจจุบันนี้ เหรียญหลังหนุมาน ปี2539 เช่าหากันขั้นต่ำที่ 10,000 บาทไปแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2022
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220519203643.jpg

    19 พฤษภา วันอาภากร

    กรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็นเจ้านายที่มีพระสถานะหลากหลาย แตกต่างกันไปตามบริบทในแต่ละห้วงเวลา ทั้งพระสถานะที่ทรงเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นักเรียนอังกฤษ นายทหารเรือ หมอ จิตรกร นักธรรมชาติวิทยา ผู้อุปถัมภ์วงดนตรี นักแต่งเพลง เจ้าสำนักมวยไทย ฯลฯ

    แม้พระองค์จะทรงมีพื้นฐานการศึกษาในทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ควบคู่การปลูกฝังค่านิยมแบบเด็กชายชาวอังกฤษ เมื่อครั้งเสด็จทรงไปศึกษาวิชาวิชาพื้นฐานและการทหารเรือที่อังกฤษตั้งแต่พระชันษาเพียง 13 ปี แต่ข้อเขียนจากความทรงจำของบุคคลต่าง ๆ กลับบันทึกถึงความสนพระทัยในด้าน “ไสยศาสตร์” ไว้หลายฉบับ

    หากมองจากมุมของคนในยุคปัจจุบัน การที่พระองค์ทรงสนพระทัยศึกษาศาสตร์ลี้ลับนั้นอาจดูเป็นเรื่องแปลก จากพื้นฐานการศึกษาและค่านิยมดังกล่าวข้างต้น แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีต ณ บริบทสยามในยุคสมัยก่อนพระองค์ไม่นาน จะเห็นได้ว่า “วิชาไสยศาสตร์” เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในหมู่ชายไทยที่มีการศึกษาตั้งแต่สามัญชนจนถึงเจ้านาย ดังปรากฏในพระนิพนธ์ “ความทรงจำ” ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงเมื่อครั้งทรงบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งทรงสนพระทัยศึกษาวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน

    “… ส่วนตัวฉันเอง จะเป็นใครแนะนำก็จำไม่ได้เสียแล้ว เกิดอยากเรียนวิชาอาคม คือวิชาที่ทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรีด้วยเวทมนตร์ และเครื่องรางต่าง ๆ มีผู้พาอาจารย์มาให้รู้จักหลายคน ที่เป็นตัวสำคัญนั้นคือนักองวัตถา น้องสมเด็จพระนโรดมเจ้ากรุงกัมพูชา … การศึกษาวิทยาคมในครั้งนั้น เชื่อถือเป็นการจับใจมาก โดยเฉพาะเด็กกำลังรุ่นหนุ่มเช่นตัวฉัน ด้วยได้ฟังเขาเล่าเรื่องและบางทีทดลองให้เห็นอิทธิฤทธิ์ …”

    หรือแม้กระทั่ง “เทียนวรรณ” ปัญญาชนชาวสยาม ผู้เป็นนักคิดนักเขียนในสมัยรัชกาลที่ 4-6 ก็มีความสนใจและศึกษาในวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน

    กรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็นเจ้านายที่มีพระสถานะหลากหลาย แตกต่างกันไปตามบริบทในแต่ละห้วงเวลา ทั้งพระสถานะที่ทรงเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นักเรียนอังกฤษ นายทหารเรือ หมอ จิตรกร นักธรรมชาติวิทยา ผู้อุปถัมภ์วงดนตรี นักแต่งเพลง เจ้าสำนักมวยไทย ฯลฯ

    แม้พระองค์จะทรงมีพื้นฐานการศึกษาในทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ควบคู่การปลูกฝังค่านิยมแบบเด็กชายชาวอังกฤษ เมื่อครั้งเสด็จทรงไปศึกษาวิชาวิชาพื้นฐานและการทหารเรือที่อังกฤษตั้งแต่พระชันษาเพียง 13 ปี แต่ข้อเขียนจากความทรงจำของบุคคลต่าง ๆ กลับบันทึกถึงความสนพระทัยในด้าน “ไสยศาสตร์” ไว้หลายฉบับ

    หากมองจากมุมของคนในยุคปัจจุบัน การที่พระองค์ทรงสนพระทัยศึกษาศาสตร์ลี้ลับนั้นอาจดูเป็นเรื่องแปลก จากพื้นฐานการศึกษาและค่านิยมดังกล่าวข้างต้น แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีต ณ บริบทสยามในยุคสมัยก่อนพระองค์ไม่นาน จะเห็นได้ว่า “วิชาไสยศาสตร์” เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในหมู่ชายไทยที่มีการศึกษาตั้งแต่สามัญชนจนถึงเจ้านาย ดังปรากฏในพระนิพนธ์ “ความทรงจำ” ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงเมื่อครั้งทรงบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งทรงสนพระทัยศึกษาวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน

    “… ส่วนตัวฉันเอง จะเป็นใครแนะนำก็จำไม่ได้เสียแล้ว เกิดอยากเรียนวิชาอาคม คือวิชาที่ทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรีด้วยเวทมนตร์ และเครื่องรางต่าง ๆ มีผู้พาอาจารย์มาให้รู้จักหลายคน ที่เป็นตัวสำคัญนั้นคือนักองวัตถา น้องสมเด็จพระนโรดมเจ้ากรุงกัมพูชา … การศึกษาวิทยาคมในครั้งนั้น เชื่อถือเป็นการจับใจมาก โดยเฉพาะเด็กกำลังรุ่นหนุ่มเช่นตัวฉัน ด้วยได้ฟังเขาเล่าเรื่องและบางทีทดลองให้เห็นอิทธิฤทธิ์ …”

    หรือแม้กระทั่ง “เทียนวรรณ” ปัญญาชนชาวสยาม ผู้เป็นนักคิดนักเขียนในสมัยรัชกาลที่ 4-6 ก็มีความสนใจและศึกษาในวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน

    “… ครั้นเติบโตขึ้น ได้เล่าเรียนไสยสาตร์ มนตราอาถันต์ แลฟังคำท่านบิดาเลี้ยง แสดงคุณแห่งพระรัตนไตรยว่า ผู้ถึงสระณาคมอาจป้องกันผีสางปรางควาน แลสรรพภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ จิตร์ใจก็เชื่อมั่นในคุณแห่งพระรัตนไตรย แลเชื่อวิทยาอาคม … จึ่งกระทำให้ดวงจิตร์หายความหวาดหวั่น หายกลัวผีสางไปได้ โดยที่เชื่อคุณพระรัตนไตรย แลเชื่อวิทยาอาคม เวทมนตร์ ต่าง ๆ …”

    บทความทางวิชาการเรื่อง “ตำราไสยศาสตร์ในฐานะหลักฐานประวัติศาสตร์สังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์” โดย พสิษฐ์ อิทธิปรัชญาบุญ ได้กล่าวถึงคุณค่าและความหมายของวิชาไสยศาสตร์ในสังคมสยามไว้ว่า

    “… เหตุที่การศึกษาวิชาไสยศาสตร์หรือคาถาอาคม เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับสังคมไทยสมัยโบราณ ประการแรกคือเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่พึ่งยึดเหนี่ยว บำบัดความหวาดหวั่นในภัยอันตราย ประการต่อมาคือการใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับปัญหาที่ยังไม่สามารถหาความรู้หรือวิทยาการอื่นที่ดีกว่ามาแทนที่ได้ในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าไสยศาสตร์สามารถอำนวยผลสัมฤทธิในทางโลก อันเป็นสิ่งที่มนุษย์พึงปรารถนา ดังมีคำพังเพยว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา …

    จากพระคุณลักษณะของกรมหลวงชุมพรฯ ที่ทรงโปรดการเรียนรู้ ทดลอง และพิสูจน์ สู่ความสนพระทัยศึกษาอย่างจริงจังทาง “ไสยศาสตร์” จนเกิดเป็นเรื่องเล่าน่าอัศจรรย์ สร้างความเลื่อมใสศรัทธาแก่คนรุ่นหลัง แต่อะไรคือ “หัวใจ” ของการศึกษาไสยศาสตร์ในแบบฉบับกรมหลวงชุมพรฯ

    กรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็นเจ้านายที่มีพระสถานะหลากหลาย แตกต่างกันไปตามบริบทในแต่ละห้วงเวลา ทั้งพระสถานะที่ทรงเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นักเรียนอังกฤษ นายทหารเรือ หมอ จิตรกร นักธรรมชาติวิทยา ผู้อุปถัมภ์วงดนตรี นักแต่งเพลง เจ้าสำนักมวยไทย ฯลฯ

    แม้พระองค์จะทรงมีพื้นฐานการศึกษาในทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ควบคู่การปลูกฝังค่านิยมแบบเด็กชายชาวอังกฤษ เมื่อครั้งเสด็จทรงไปศึกษาวิชาวิชาพื้นฐานและการทหารเรือที่อังกฤษตั้งแต่พระชันษาเพียง 13 ปี แต่ข้อเขียนจากความทรงจำของบุคคลต่าง ๆ กลับบันทึกถึงความสนพระทัยในด้าน “ไสยศาสตร์” ไว้หลายฉบับ

    หากมองจากมุมของคนในยุคปัจจุบัน การที่พระองค์ทรงสนพระทัยศึกษาศาสตร์ลี้ลับนั้นอาจดูเป็นเรื่องแปลก จากพื้นฐานการศึกษาและค่านิยมดังกล่าวข้างต้น แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีต ณ บริบทสยามในยุคสมัยก่อนพระองค์ไม่นาน จะเห็นได้ว่า “วิชาไสยศาสตร์” เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในหมู่ชายไทยที่มีการศึกษาตั้งแต่สามัญชนจนถึงเจ้านาย ดังปรากฏในพระนิพนธ์ “ความทรงจำ” ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงเมื่อครั้งทรงบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งทรงสนพระทัยศึกษาวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน

    “… ส่วนตัวฉันเอง จะเป็นใครแนะนำก็จำไม่ได้เสียแล้ว เกิดอยากเรียนวิชาอาคม คือวิชาที่ทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรีด้วยเวทมนตร์ และเครื่องรางต่าง ๆ มีผู้พาอาจารย์มาให้รู้จักหลายคน ที่เป็นตัวสำคัญนั้นคือนักองวัตถา น้องสมเด็จพระนโรดมเจ้ากรุงกัมพูชา … การศึกษาวิทยาคมในครั้งนั้น เชื่อถือเป็นการจับใจมาก โดยเฉพาะเด็กกำลังรุ่นหนุ่มเช่นตัวฉัน ด้วยได้ฟังเขาเล่าเรื่องและบางทีทดลองให้เห็นอิทธิฤทธิ์ …”

    หรือแม้กระทั่ง “เทียนวรรณ” ปัญญาชนชาวสยาม ผู้เป็นนักคิดนักเขียนในสมัยรัชกาลที่ 4-6 ก็มีความสนใจและศึกษาในวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน

    “… ครั้นเติบโตขึ้น ได้เล่าเรียนไสยสาตร์ มนตราอาถันต์ แลฟังคำท่านบิดาเลี้ยง แสดงคุณแห่งพระรัตนไตรยว่า ผู้ถึงสระณาคมอาจป้องกันผีสางปรางควาน แลสรรพภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ จิตร์ใจก็เชื่อมั่นในคุณแห่งพระรัตนไตรย แลเชื่อวิทยาอาคม … จึ่งกระทำให้ดวงจิตร์หายความหวาดหวั่น หายกลัวผีสางไปได้ โดยที่เชื่อคุณพระรัตนไตรย แลเชื่อวิทยาอาคม เวทมนตร์ ต่าง ๆ …”

    บทความทางวิชาการเรื่อง “ตำราไสยศาสตร์ในฐานะหลักฐานประวัติศาสตร์สังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์” โดย พสิษฐ์ อิทธิปรัชญาบุญ ได้กล่าวถึงคุณค่าและความหมายของวิชาไสยศาสตร์ในสังคมสยามไว้ว่า

    “… เหตุที่การศึกษาวิชาไสยศาสตร์หรือคาถาอาคม เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับสังคมไทยสมัยโบราณ ประการแรกคือเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่พึ่งยึดเหนี่ยว บำบัดความหวาดหวั่นในภัยอันตราย ประการต่อมาคือการใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับปัญหาที่ยังไม่สามารถหาความรู้หรือวิทยาการอื่นที่ดีกว่ามาแทนที่ได้ในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าไสยศาสตร์สามารถอำนวยผลสัมฤทธิในทางโลก อันเป็นสิ่งที่มนุษย์พึงปรารถนา ดังมีคำพังเพยว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา …

    … วิชาไสยศาสตร์เป็นความรู้และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อำนาจเร้นลับเหนือธรรมชาติ คนไทยโบราณเชื่อว่า ที่มาของความศักดิ์สิทธิ์หรืออำนาจพิเศษดังกล่าว มีที่มาจาก 2 ทาง ได้แก่ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ … คือการยอมรับว่ามีบางสิ่งอยู่พ้นไปจากความสามารถที่จะรับรู้ได้โดยประสาทสัมผัส … นอกจากความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว วิชาไสยศาสตร์ยังเป็นความรู้ว่าด้วยวิธีการสร้างฤทธิ์อำนาจขึ้นในตน โดยเชื่อว่าบุคคลสามัญอาจใช้ “ความรู้” จากการศึกษา หรือการฝึกฝนอบรมจิตให้แก่กล้า จนสามารถควบคุมและใช้อำนาจจิตพิเศษนั้นให้เป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งอำนาจจิตทางไสยศาสตร์นี้ก็เป็นไปในทำนองเดียวกับการฝึกสมถกรรมฐาน ในอดีตชายไทยที่บวชเรียนตามประเพณีมักได้ความรู้ชนิดนี้ติดตัวไป …”

    ในพระนิพนธ์ฉบับเดียวกับที่อ้างถึงข้างต้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงถ่ายทอดถึงธรรมเนียมการ “บวชเรียน” ของเจ้านายแต่โบราณไว้ว่า

    “… เจ้านายที่ทรงผนวชแต่พรรษาเดียว ไม่มีเวลาพอจะเรียนคันถธุระ จึงมักเรียนวิปัสสนาธุระอันเป็นการภาวนา … และนับถืออีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าเรียนวิปัสสนาธุระชำนาญแล้ว อาจจะทรงคุณวิเศษในทางวิทยาคม เป็นประโยชน์อย่างอื่น ตลอดจนวิชาพิชัยสงคราม …”

    ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว เจ้านายรุ่นพระราชโอรสแทบทุกพระองค์เสด็จไปทรงศึกษายังต่างประเทศ ด้วยจุดประสงค์ที่จะนำความรู้ที่ทันสมัยกลับมาพัฒนาสยาม จึงย่อมไม่ทรงมีโอกาสทรงศึกษาไสยศาสตร์ อันเป็นวิชาที่มีประโยชน์ด้านการอุ้มชูจิตใจและแก้ไขปัญหาบางอย่างที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ นอกจากนั้น บริบท “การเปลี่ยนเป็นตะวันตก” ของยุคสมัย ก็ย่อมทำให้การศึกษาวิชาอาคมค่อย ๆ เริ่มเสื่อมความนิยมลง

    ในบรรดาพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ดูเหมือนจะมีกรมหลวงชุมพรฯ เพียงพระองค์เดียวที่ทรงเป็นข้อยกเว้น

    พระคุณลักษณะที่ทรงโปรดการศึกษา เรียนรู้ ทดลอง และพิสูจน์อย่างจริงจัง อาจเป็นหนึ่งในแรงบันดาลพระทัยสำคัญให้กรมหลวงชุมพรฯ ทรงศึกษาด้านไสยศาสตร์หลากแขนง จนเป็นที่ประจักษ์ของบุคคลรอบข้าง ดังความตอนหนึ่งจากพระนิพนธ์ใน ม.จ. เริงจิตรแจรง อาภากร พระธิดา ความว่า

    “… ทรงสักยันต์ทั้งองค์ตั้งแต่หนุ่ม ๆ เช่น สักหนุมาน สักลิงลมที่พระชงฆ์สำหรับเดินเร็ว ใครตามแทบไม่ทัน … นอกจากนี้ ยังมีกระดูกหน้าผากแม่นาคพระโขนง คาดไว้ที่บั้นพระองค์ ไม่ทราบว่าใครนำมาถวาย …”

    นอกจากนั้น ในพระประวัติของกรมหลวงชุมพรฯ มักจะปรากฏชื่อของพระเถราจารย์ 2 รูปที่พระองค์ทรงนับถือและไปมาหาสู่อย่างสม่ำเสมอ คือ พระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท และพระครูประศาสน์สิกขกิจ หรือหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก กรุงเทพฯ ซึ่งล้วนเป็นพระเถราจารย์ผู้มีชื่อเสียงในด้านมนตราและไสยเวทย์

    แม้พระปรีชาทางด้านไสยศาสตร์ของกรมหลวงชุมพรฯ นั้น จะถูกบอกเล่าผ่านเหตุการณ์ในทำนอง “เหนือธรรมชาติ” เป็นส่วนใหญ่ โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ผู้เล่าแต่ละท่านจะถ่ายทอดไว้ แต่หากพินิจพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้ว เรื่องเล่าทุกสำนวนล้วนมีสาระสำคัญร่วมกันประการหนึ่ง นั่นก็คือ พระองค์ทรงศึกษาวิชาอาคม บนพื้นฐานที่ทรงศรัทธาและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ดังที่ไม่เคยปรากฏหลักฐานหรือคำบอกเล่าใด ๆ ในทำนองว่า ทรงใช้วิชาไสยศาสตร์ในทางที่สร้างผลร้ายต่อผู้อื่น อันเป็นการสร้างบาปให้แก่ตัวผู้กระทำ

    อีกทั้งยังทรงสั่งสอนเน้นย้ำให้พระโอรสธิดาดำรงพระองค์อยู่ในศีลธรรมอันดี ดังที่พระองค์ทรงสอน ม.จ.เริงจิตรแจรง ถึงวิธีที่จะทำให้ร่ำรวยไว้ว่า

    “… ให้รู้จักหา รู้จักใช้ และรู้จักเก็บ และอย่าไปเอาของจากใครโดยได้จากน้ำตาของเขา (คือเอาสิ่งของที่เขาหวงแหน) เพราะเราต้องชดใช้กรรมที่ทำเขาเสียใจ …”

    หรือการให้พระโอรสบรรพชาเป็นสามเณรรักษาทศศีลอย่างจริงจัง กับหลวงพ่อพริ้งและหลวงปู่ศุข

    กระทั่งการทรงพาพระโอรสและพระธิดาไปศึกษาให้ตระหนักรู้ถึงความไม่เที่ยงของกายสังขาร โดยการพิจารณาอสุภะ ตามคำบอกเล่าของ ม.จ.เริงจิตรแจรง ที่ว่า

    “… เสด็จพ่อพาลูก ๆ ไปปลงศพ (เปิดฝาโลงดู) เมื่อมีคนตายตั้งแต่วันแรก ทรงสอนให้พิจารณาปลงอนิจจัง ท่านบอกว่าดูไว้นะว่าคนตายวันแรกแล้วเป็นอย่างนี้ พออีกวันก็เปลี่ยนไป ท่านให้ดูถึง 3 วัน แต่ละวันท่านถามว่าเป็นอย่างไร หน้าตาเปลี่ยนไปอย่างไร พวกพี่น้องผู้ชายตอบไม่ค่อยได้ ข้าพเจ้าเป็นคนตอบท่าน เสด็จพ่อบอกว่าพาไปดูเพื่อให้รู้จักปลง วันที่ 3 ทนไม่ไหวชักมีกลิ่นจึงพร้อมใจกันขอประทานเลิกดู …”

    ไม่เพียงจากคำบอกเล่าของพระธิดาเท่านั้น “เขตร ศรียาภัย” อดีตนักมวยในพระอุปถัมภ์ของพระองค์ก็ได้เคยเล่าถึงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาที่ควบคู่กับการศึกษาวิชาอาคมของพระองค์ไว้เช่นเดียวกัน โดย ม.ร.ว.อดิศรเดช สุขสวัสดิ์ ผู้เป็นศิษย์วิชามวยของครูเขตร ได้ถ่ายทอดความทรงจำไว้ว่า

    “… ที่คุณครูเขตรกล่าวถึงเป็นพิเศษนี่ คือท่านบอกว่าสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องมันตราของพระองค์ท่านนั้น คือเรื่องของ container ครับ … คุณครูเขตรบอกว่าพระองค์ท่านนี่ คนไปพูดถึงมันตราของท่านว่า ท่านเก่งอย่างนั้นอย่างนี้แต่คุณรู้ไหมว่าท่านปฏิบัติธรรม แล้วธรรมะที่ท่านเน้น ที่คุณครูเขตรพูดถึงก็มีอยู่ 2 ประการ ที่ผมจำได้นะครับ คือท่านพูดเรื่องสัจจะ พระองค์ท่านนี่ถือเรื่องสัจจะ แล้วท่านเน้นอีกอย่างคือความกตัญญู ท่านบอกว่าเป็นคนต้องเน้นเรื่องความกตัญญู ถ้าไม่มีคุณธรรมอย่างน้อยที่สุด 2 ประการนี้ ถึงจะมีมันตราก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้ คือคุณครูพูดในเรื่องของ container ซึ่งคนมักพูดถึงพระองค์ท่านในความสามารถทางมันตรา แต่ไม่ค่อยได้กล่าวขวัญถึงสิ่งที่จะโอบอุ้มให้มันตราอยู่กับเรา คุณครูเขตรก็เล่าเสริมว่า ดังนั้นนักมวยที่มาอยู่กับท่านนี่ จะเป็นครูมวยเก่งมาจากที่ไหน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถ uphold คุณค่ามันตรานี้ไว้ได้ ถ้าไม่มี container ที่ดี ก็เก็บไว้ไม่อยู่ …”

    รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ คงจะสะท้อนให้เห็นถึงอีกแง่มุมในพระประวัติของกรมหลวงชุมพรฯ ในพระสถานะของผู้ที่เลื่อมใสและศรัทธาในหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา ซึ่งทรงเชื่อในผลของ “กรรม” อันเป็น “หัวใจ” สำคัญที่ทำให้เกิดผลไม่ว่าจะในทางกุศลหรืออกุศล

    การศึกษาไสยศาสตร์บนพื้นฐานความศรัทธาในหลักคำสอนทางพุทธศาสนานั้น อาจจะเป็นอีกเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็น “เจ้านาย” ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเถราจารย์มากมายหลายรูป ซึ่งล้วนเป็นที่สักการะอย่างสูงในยุคสมัยนั้น

    คุณวิเศษของไสยศาสตร์กฤตยาคมนั้นขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อ” และ “ประสบการณ์” เฉพาะบุคคล จึงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ยาก แต่บุคคลรอบข้างที่ถ่ายทอดความทรงจำไว้ ล้วนยืนยันสอดคล้องกันว่า “การศึกษาและทดลอง” ของกรมหลวงชุมพรฯ นั้น มีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า “เป็นจริง”

    กรมหลวงชุมพรฯ ทรงประสบความสำเร็จในการทรงศึกษาวิชาไสยศาสตร์ จนทรงสามารถ ”สร้างฤทธิ์อำนาจขึ้นในตน” ขึ้นได้จริงในสายตาบุคคลรอบข้าง แต่ก็ไม่ปรากฏเลยว่า ทรงเคยใช้พระปรีชาในศาสตร์แขนงนี้เพื่อ “อำนวยผลสัมฤทธิในทางโลก” หรือดำเนิน “เล่ห์กล” ต่อผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520104359.jpg IMG20220520104406.jpg
    IMG_20220520_105346.jpg

    พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ปี2514 ทาทองแจกกรรมการ

    บูชา 1,500 บาท

    จัดสร้างโดย หลวงพ่อเฉลิม เขมทัสสี (ศิษย์เอก หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ) เมื่อปี พ.ศ.2514 โดยใช้ผงเก่าของหลวงพ่อกลั่นและหลวงพ่ออั้นในขวดโหลผสมกัน ซึ่งมีผงวิเศษต่างๆ รวมถึงส่วนผสมของพระกรุเก่ามากมาย เช่น เศษของพระขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ชัยมงคล พระกรุวัดตะไกร พระโคสมอ ฯลฯ

    ในการจัดสร้างครั้งนี้ได้มีการกดพิมพ์ขึ้น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์หลวงพ่อกลั่น แล ะพิมพ์หลวงพ่ออั้น แล้วจัดพุทธาภิเษกใหญ่ในวัดพระญาติโดยนิมนต์เกจิสายหลวงพ่อกลั่นมาเกือบจะครบหมด รวมถึงพระเกจอาจารย์สายจังหวัดอยุธยามาร่วมพิธีด้วย

    รายนามพระคณาจารย์ที่ร่วมพิธี อาทิ
    - หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    - หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน
    - หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
    - หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    - หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    - หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม
    - หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง
    - หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
    - หลวงพ่อเสาร์ วัดดอนหญ้านาง
    เป็นต้น

    พุทธคุณสุดยอด เพราะแม้แต่คนที่ไปถ่ายรูปบัตรประชาชนในอำเภอช่างกล้องกดชัตเตอร์ยังไงก็ไม่ลง จนต้องให้ชายคนนั้นออกจากที่ยืนไปก่อนแล้วลองกดใหม่ก็กดได้ เอาเข้ามายืนก็กดไม่ลงอีก เลยถามไถ่ได้ความว่าใส่พระผงพิมพ์หลวงพ่อกลั่นจึงให้ถอดออก คราวนี้ก็กดติดสบาย คนอยุธยาเลยหากันควั่ก เพราะนอกจากจะได้ผงเก่าของทั้งสองอาจารย์แล้วยังถือว่าเป็นพระผงรูปเหมือนรุ่นแรกของท่านทั้งสองด้วย แม้ว่าจะสร้างหลังจากท่านมรณภาพแล้ว แต่พุทธคุณครบเครื่อง ไม่ธรรมดา
     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

    IMG20220520105703.jpg IMG20220520105712.jpg IMG20220520105730.jpg IMG20220520105745.jpg IMG20220520105801.jpg IMG20220520105806.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2022
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520114529.jpg IMG20220520114551.jpg IMG20220520114559.jpg IMG20220520114658.jpg IMG20220520114708.jpg

    เหรียญพ่อขุนรามคำแหง หลัง ภปร. พ.ศ. 2510 ในหลวงเสด็จ หลวงปู่โต๊ะ ร่วมปลุกเสก

    ได้มาพร้อมใบฟรอยเดิมๆ บูชา 500 บาท

    พระพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศน์เทพวราราม ปลุกเสกพิธีใหญ่ พิธีหลวง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นประธานพิธี ทรงเจิมเทียนมหามงคลและเทียนชัย เหรียญนี้ ในหลวงโปรดเกล้าฯ สร้างเฉลิมพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ปี 2510 พระราชทานนามย่อ ภปร. โดยมีด้านหลัง มีพระปรมาภิไธย ย่อ ภปร. อยู่ด้านบนแท่นศิลาจากรึก หลวงปู่โต๊ะปลุกเสกและคณาจารย์สุโขทัย หลายองค์ร่วมปลุกเสก เหรียญพ่อขุนรามคำแหงมหาราช สร้างปี 2510 นับเป็นเหรียญรุ่นแรก มี 3 เนื้อ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อทองแดง พิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง ครั้งแรก วัดสุทัศน์เทพวราราม มีหลวงปู่โต๊ะร่วมปลุกเสก ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดสุโขทัย เกจิเข้าร่วมพิธีเช่น หลวงพ่อปี้ สุโขทัย หลวงพ่อครูบาวัง ตาก หลวงพ่อวิบูลย์ กำแพงเพชร เหรียญ พ่อขุนรามคำแหง บล็อกกษาปณ์ ในหลวงทรงโปรดเกล้าให้สร้างเฉลิมพระเกียรติพ่อขุนราชคำแหงมหาราช ปี2510 หลังตราจุลมงกุฎ ภปร ปลุกเสก 26 กันยายน 2513 เวลา15.50 น. พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษกเหรียญ ณ พระอุโบสถ์วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร โดยมีพระเกจิคือหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี+เกจิดังๆสมัยนั้นร่วมปลุกเสกเพียบครับ สำหรับผู้ออกแบบเหรียญคืออาจารย์พินิจ สุวรรณะบุณย์ ผู้ปั้นแบบคืออาจารย์ พิมาน มูลประมุข เปิดให้ร่วมทำบุญตอนก่อสร้างอนุสาวรีย์พ่อขุนเพื่อประดิษฐาน ณ อุทยานแห่งชาติสุโขทัย
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520153001.jpg IMG20220520153013.jpg IMG20220520153020.jpg

    เหรียญพระพุทธชินราช รุ่นมาลาเบี่ยง (รุ่นแรก) ปี 2520 ตอกโค๊ตด้านหลัง .

    องค์นี้เนื้อกะไหล่เงิน ตอกโต๊ตชัดเจน

    บูชา 450 บาท

    .. พิธีจักรพรรดิ์ วัดพรพระรุ่นมาลาเบี่ยง จัดสร้างเมื่อปี 2520 โดยพระราชรัตนมุนี (ทองปลิง โสรโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชน ร่วมกันสร้างเพื่อหาทุนหล่อพระพุทธชินราชบูชา ขนาด 29 นิ้ว แจกแก่วัดในเขตทุรกันดารจำนวนประมาณ 120 องค์ และพระเครื่อง สำหรับแจกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบผู้ก่อการร้าย

    พระรุ่นนี้ ได้ประกอบพิธีเททองและกดพิมพ์ ในปี 2519 โดยมี พระธรรมราชานุวัตร (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม) เป็นประธานสงฆ์

    พระครูประสาทธรรมวัตร หรือหลวงตาละมัย (แจ่ม) วัดอรัญญิก เป็นเจ้าพิธี และ

    พระครูประภาสธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อลำยอง (หลวงพ่อแขก) เป็นผู้ช่วยเจ้าพิธี

    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม

    ครูบาสายทอง วัดท่าไม้แดง จ.ตาก

    หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน จ.พิจิตร

    หลวงพ่อเกตุ วัดศรีเมือง จ.สุโขทัย

    หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี เป็นต้น

    ร่วมนั่งปรกเททอง

    การจัดสร้างพระในครั้งนั้น ประกอบด้วย พระบูชาพระพุทธชินราช พระมาลาเบี่ยง ขนาด 9 และ 5 นิ้ว ลงรักปิดทอง พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระพุทธชินราช มาลาเบี่ยง เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ เหรียญพระพุทธชินราช พระมาลาเบี่ยง (รูปทรงพระมาลาเบี่ยง) และพระพุทธชินราชเนื้อผง รุ่นพระมาลาเบี่ยง จำนวน 3 พิมพ์ คือ พิมพ์สี่เหลี่ยมใหญ่ พิมพ์สมเด็จ และพิมพ์เล็กตัดชิด (สามเหลี่ยม) หลังเป็นยันต์อกเลาอันศักดิ์สิทธิ์ ประจำองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช และพระมาลาเบี่ยง ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และอักขระขอม หัวใจธาตุ 4 (นะ มะ พะ ทะ)

    ส่วนพิธีมหาพุทธาภิเษก จัดขึ้นในวันยุทธหัตถี 25 ม.ค. ปี 2520 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนั้น จำนวน 125 รูปนั่งปรกตลอดคืน อาทิ

    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี,

    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี,

    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี,

    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี,

    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี,

    หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง สมุทรสาคร,

    หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร,

    หลวงพ่อวัดเกตุมฯ สมุทรสาคร,
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520153719.jpg IMG20220520153713.jpg IMG20220520153728.jpg IMG20220520153737.jpg Screenshot_2022-05-20-15-39-15-66_40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12.jpg

    พระกริ่งปทุม หลวงปู่ธรรมรังษี ปลุกเสกกลางลำน้ำมูล

    องค์นี้คราบแป้งเจิมยังติดมาด้วย กริ่งดัง แต่ไม่มีกล่อง

    บูชา 650 บาท

    ปลุกเสกโดยหลวงปู่ธรรมรังษี,อ.เปล่ง บุญยืน. และเกจิอาจารย์อีกจำนวนมาก ออกวัดโพธิ์พฤกษาราม พุทธาภิเษกกลางแม่น้ำมูลที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ สร้างปี 2538 เกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกในครั้งนี้ได้แก่. หลวงปู่ดี จ.นครราชสีมา. หลวงปู่โป๊ะ จ.ศรีสะเกษ. ..... หลวงปู่ฤทธ์ หลวงพ่อเขียว หลวงพ่อสอน หลวงพ่อเพ็ง หลวงปู่หงษ์ หลวงปู่พวน หลวงพ่อพา หลวงพ่อจรินทร์ หลวงปู่คำพันธ์ จ.นครพนม.#พระกริ่งปทุมรุ่นนี้เด่นทางด้านโชคลาภ เมตตา พระกริ่งหลวงปู่ธรรมรังษี ออกวัดโพธิ์พฤกษาราม มีแบบกริ่งหน้าจีนและกริ่งจอมสุรินทร์ วัดโพธิ์พฤกษารามได้นิมนต์พระเกจิดังในสุรินทร์และหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นหนึ่งในพระที่มาปรกในวันนั้น ทั้งหมดต้องนั่งปรกในแพเล็กๆ กลางแม่น้ำมูลที่ อ.ท่าตูม สร้างขึ้นเพื่อรองรับพระ 1 แพ ต่อ 1 รูป เหตุการณ์ปรกพระเป็นปกติจนกระทั่งถึงรอบที่หลวงปู่ธรรมรังษีนั่งปรก ในเวลานั้นมีพระดังมากๆในสุรินทร์นั่งปรกด้วย ปรากฎว่า แพที่หลวงปู่ธรรมรังษีนั่งปรกนั้นมีปลากระโดดอยู่รอบๆแพเต็มไปหมด ตลอดจนหลวงปู่นั่งปรกเรียบร้อย แต่แพอื่นกลับสงบนิ่ง ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520154239.jpg IMG20220520154247.jpg Screenshot_2022-05-20-15-44-15-71_40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12.jpg

    เหรียญ หลวงพ่อ ทันใจ วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อกวยปลุก เสก ปี 2515

    เหรียญพิมพ์นี้เจอน้อยครับ ส่วนใหญ่จะเจอเป็นรูปครูบา,พระร่วงรางปืน ของดีราคาเบา เบากว่าพระออกใหม่ น่าบูชามากๆ

    บูชา 1,200 บาท

    ประวัติการสร้าง ปี พ.ศ. 2515 พิธีใหญ่ พิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์จำลอง โดย คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2515 โดยเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเคารพนับถือ ทั่วแคว้นแดนสยาม
    ร่วมปลุกเสกถึง 108 องค์ อาทิ...
    1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    2. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    3. หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    4. หลวงพ่อเกษม เขมโก
    5. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    6. ครูบาคำแสน อินทจักรโก วัดสวนดอก
    7. ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล
    8. ครูบาชุ่ม โพธิโก
    9. อาจารย์นำ แก้วจันทร์
    และ อาจารย์ชุม ไชยคีรี (ฝ่ายฆราวาส) ฯลฯ... สมเด็จย่า และสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จเป็นประธาน พุทธคุณแคล้วคลาด มหาอุตถ์และคงกระพัน เป็นเยี่ยม.. นับเป็นพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพิธีหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ พระรุ่นนี้ ลูกศิษย์สายหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ตามหาเก็บกัน เพราะวัตถุมงคลที่ทันหลวงพ่อปลุกเสกฯ... พระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ที่สร้างและปลุกเสกในพิธีเดียวกัน นอกจากเหรียญครูบาศรีวิชัยแล้ว ยังมีพระพิมพ์พระร่วงรางปืน พระกริ่งเชียงแสน , เหรียญพระพุทธสิหิงค์, เหรียญพระเจ้าเสตังคมณี วัดเชียงมั่น, เหรียญหลวงพ่อทันใจ, เหรียญเจ้าคุณพระราชสิทธาจารย์, เหรียญเจ้าคุณพระอภัยสารทะ วัดทุงยู... เหรียญครูบาศรีวิชัย หลังพระเจดีย์ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ปี 2515 พิธีใหญ่
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520154908.jpg IMG20220520154914.jpg IMG20220520154851.jpg IMG20220520154859.jpg

    เหรียญหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ย้อนยุค ปี2555 รุ่น มงคลถาวร เนื้อทองเหลือง ตอก 1โค๊ต

    (ปลุกเสกโดยศิษย์ในสาย หลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธ์, หลวงพ่อศรีวัดพระปรางค์)

    เนื้อสัมฤทธิ์ หล่อหลอมจากแผ่นยันต์ของคณาจารย์ต่างๆประมาณ6-7กิโลกรัม พระชัยเชียงรุ้งที่ชำรุดของท่านญาสวน วัดนาอุดมประมาณ 1 กิโลกรัม พระบูชาสัมริดสมัยสุโขทัยชำรุดของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม 2 องค์แผ่นยันต์หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์ประมาณ 1 กิโลกรัม เหรียญปลอดภัยหลวงปู่หล้า วัดป่าตึงอีก 100 เหรียญ เหรียญคณาจารย์ท่านอื่นๆอีก 38 เหรียญ รีดปั้มขึ้นรูปหลวงพ่อกวยเลียนแบบของเก่า

    เข้าพิธีพุทธาภิเษก ๓ วาระ ได้แก่ :
    ๑. พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดโฆสิตาราม (หลวงพ่อกวย) จ.ชัยนาท
    ๒. พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดจันทนาราม (หลวงพ่อโม) จ.ชัยนาท
    ๓. พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดโคกโตนด มีคณาจารย์หลายรูปร่วมอธิฐานจิต อาทิ
    พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่, หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ, หลวงปู่เร่ง วัดดงแขวน,
    หลวงพ่อมี, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว, หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน,
    หลวงพ่อวิชา, หลวงพ่อกำจัด วัดป่าสัก, หลวงพ่อพูล เป็นต้น

    เหรียญรุ่นนี้อาจารย์ชนินท์ร่วมปลุกเสก(อาจารย์ชนินท์ เป็นศิษย์สายครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยลำพูน เป็นศิษย์สายครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน เป็นศิษย์หลวงพ่อพรม วัดช่องแค และเป็นศิษย์ฆราวาสของคุณหมอสมสุข คงอุไร)ท่านพูดในวันปลุกเสกว่า (หลวงพ่อกวยพูดกับท่านอาจารย์ชนินท์) เหรียญรุ่นนี้ของกูไม่ต้องนำไปให้ใครเสกอีกเด็ดขาดกูกับอาจารย์ของกูเสกให้เต็มที่แล้วแต่กูขอเวลา 3 อึดใจ เหรียญรุ่นนี้ใช้แทนของเดิมได้เลย ตอนแรกตั้งใจปลุกเสก 74 ครั้งเท่าอายุหลวงพ่อกวยท่าน แต่วันที่ 13 สิงหาคม 2555 ผู้จัดสร้างเหรียญไปกราบหลวงปู่นาม วัดน้อยชมพู สุพรรบุรี เลยหอบเอาเหรียญชนวนลองๆไปให้ท่านเสกดูอีกที หลวงปู่นามเอามือจับถุงเหรียญ ท่านถามว่า เหรียญของใคร "แรงจัง" กูเสกไม่เข้า เลยหยุดการปลุกเสก

    วัตถุมงคลชุดนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อสมทบทุรมูลนิธิหลวงพ่อกวย มอบให้เด็กนักเรียน เป็นทุนการศึกษาเด็กนักเรียน ณ หมู่บ้านปากน้ำ ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

    1.เนื้อนวะสัมฤทธิ์ชนวน แผ่นยันต์ สร้างจำนวน 499 เหรียญ
    2.เนื้อสัมฤทธิ์เหลือง แผ่นยันต์ สร้างจำนวน 499 เหรียญ
    3.เนื้อสัมฤทธิ์แดงชนวน แผ่นยันต์ สร้างจำนวน 499 เหรียญ
    4.เนื้อทองเหลือง,รมดำ สร้างจำนวน 3,999 เหรียญ
    5.เนื้อทองแดงรมนาค สร้างจำนวน 999 เหรียญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2022
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520160102.jpg IMG20220520160052.jpg Screenshot_2022-05-20-15-54-12-01_40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12.jpg

    เหรียญหลวงปู่ทวด เปิดโลก รุ่น 2 หลวงพ่อลำใย วัดสะแก อยุธยา เนื้อทองแดงปี 2554

    บูชา 950 บาท

    เวบใหญ่ให้เช่า 1,*** ขึ้นครับ

    หากกล่าวถึงวัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เชื่อว่ามีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อพระอริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่งพระนาม พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ อย่างแน่นอน ซึ่งถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึงปัจจุบันหลายปีนับตั้งแต่พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2533 แต่ด้วยความศรัทธาที่ศิษย์มีต่อหลวงปู่อย่างเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย และยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ ดังจะเห็นได้จากงานบุญที่จัดขึ้นทุกปีในวันที่ 17 มกราคม ที่วัดสะแกแห่งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของพระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พระพรหมปัญโญ ที่ท่านมีพระเมตตาต่อศิษยานุศิษย์ทั้งใกล้และไกล

    และ ณ วัดสะแก แห่งนี้หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบว่ายังมีพระอริยะเจ้าอยู่อีกรูปหนึ่งที่สืบสานแนวทางปฎิบัติตามแนวทางของพระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ และยังถือได้ว่าพระอริยะสงฆ์รูปนี้ท่านคือศิษย์เอกของพระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญด้วย

    ปัจจุบันพระคุณเจ้ารูปนี้ท่านมีอายุย่างเข้าสู่ 81 ปี (พ.ศ.2555) ซึ่งถือว่าพระคุณเจ้าท่านเป็นพระอาวุโสที่สุดของวัดแห่งนี้ พระคุณเจ้าท่านได้บรรพชาเป็นพระภิกษุสงฆ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 หรือที่เรียกว่า กึ่งพุทธกาล พระอริยะสงฆ์รูปนี้คือ พระคุณเจ้าหลวงพ่อลำใย สัญญโม ซึ่งตามที่กล่าวมาข้างต้น ท่านจึงมีพรรษามากที่สุด เป็นพระอาวุโสที่สุด ณ วัดสะแก แห่งนี้

    หลวงพ่อลำใยเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านอุปสมบทเมื่อปี แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดสะแกตลอดมา โดยมากไม่ค่อยได้ศึกษาวิทยาคุณจากหลวงปู่สี พินทสุวัณโณ สักเท่าไร เพราะไปเน้นกัมมัฏฐานและวิชาส่วนใหญ่จากหลวงปู่ดู่ ท่านเองมีจริตที่ค่อนข้างหนักไปทาง "อยู่คง" และเจริญเตโชกสิณอยู่เนืองนิจ แม้หลวงปู่ดู่จะคอยตรวจจิตท่านและปรามอยู่เสมอ ท่านก็ยังคงแอบ ๆ ทำ และประวัติศาสตร์ในองค์หลวงปู่ดู่กับหลวงพ่อลำใยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ พระหลาย ๆ รุ่นของหลวงปู่ดู่นั้น ไม่ว่าจะวัดสร้างหรือศิษย์สร้าง หลวงปู่ดู่ได้มอบให้หลวงพ่อลำใยนำไปเสกก่อนหลายครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าหลวงปู่ดู่จะละเลยไม่ได้เสกอีกแต่อย่างใด หากเป็นกุศโลบายในการตรวจสอบวิถีจิตของหลวงพ่อลำใย

    หลวงพ่อลำใย ท่านเป็นพระที่ ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ท่านได้เสกพระหลายรุ่นในช่วงที่ หลวงปู่ดู่ ท่านยังมีชีวิตอยู่ อย่างเช่น เหรียญหลวงพ่อกลั่นวัดพรานนก ปี 2505 และอีกหลายๆรุ่นที่ หลวงปู่ดู่ ท่านให้เสก พระรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่่ดู่ ท่านเสกนานที่สุดอยู่หลายปี และเป็นรุ่นแรกของ หลวงพ่อลำใย คือพระปิดตาเนื้อผง ท่านเป็นผู้เสกเหรียญเปิดโลก 2 ที่มีประสบการณ์ และกำลังแรงขึ้นมาก ณ.ตอนนี้
     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    สมเด็จหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง

    พระแท้ดูง่าย สวยๆสมบูรณ์ หมื่นขึ้นครับ

    บูชา 5,500 บาท


    IMG20220520110708.jpg IMG20220520110658.jpg IMG20220520110714.jpg IMG20220520110730.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2022
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    1653021411033.jpg

    เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ปี2518

    พิมพ์นิยม คอ ขีด

    บูชา 3,500 บาท
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    จองแล้วครับ

    สมเด็จ วัดเกษไชโย


    IMG20220520110125.jpg IMG20220520110131.jpg IMG20220520110138.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2022
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520160408.jpg IMG20220520160419.jpg IMG20220520160538.jpg

    เหรียญพระเจ้าตาก ค่ายอดิสร ปี2514

    รมดำเดิมๆ สวยๆ
    พิธีมหาพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองใครพิธีหนึ่งในยุคนั้น (พิธีเดียวกับพระกริ่งตากสิน) ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2514 โดยมี อาจารย์ไสว สุมโณ วัดราชนัดดา เป็นเจ้าพิธี ในการสร้างได้มีการผสมเนื้อชนวนโลหะจากบรรดาคณาจารย์ต่างๆ และนิมนต์สุดยอดพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นทั่วประเทศร่วมพุทธาภิเษกถึงเกือบ 100 รูป รายนามพระเกจิอาจารย์ที่ดังๆ อาทิเช่น
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    หลวงพ่อเกษม เขมโก
    หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตฯ
    หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
    หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
    หลวงพ่อชา แห่งวัดหนองป่าพง
    พระอาจารย์ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
    หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม
    พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
    หลวงพ่อผาง ฯลฯ อีกมากมาย
    #### เหรียญนี้สวยมากครับดำอมรุ้งสมบูรณ์ครับ######
    """ครูบาอาจารย์เก่งๆ ร่วมปลุกเสกมากมาย"""
    ประสบการณ์และพุทธคุณของเหรียญรุ่นนี้สุดยอดครับ

    บูชา 1,200 บาท
     
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220520113757.jpg IMG20220520113803.jpg

    พระสมเด็จ 3 สมัย วัดชิโนรส ปี2512

    บูชา 950 บาท
     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

    received_577874117279326.jpeg received_1192169504931401.jpeg received_316749733970705.jpeg Screenshot_2022-05-20-21-36-22-61_40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12.jpg

    ลป.ทวด พิมพ์ใหญ่ วัดศาลาบางปู เนื้อว่าน นิยม

    บูชา 3,500 บาท

    องค์นี้งามๆๆๆ(มวลสารสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหมบดผงละเอียด ผงพระหลักเมืองปี30 ผงพระกรุนางตรา ผงพระกรุท่าเรือ)
    พระสูง3.4เซน

    องค์นี้เนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่ หลวงปู่ทวด วัดศาลาบางปู นครศรีธรรมราช เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่หน้าจับตามอง เพราะได้ถูกบันทึกในหนังสือหลวงปู่ทวดฉบับเฉพาะกิจ ของ พี่อุ๊ วัชรพงศ์ เพราะเป็นพระพิธีดี เนื้อหาดี มวลสารเก่ามากตามประวัติการสร้างมีดังนี้ค๊าบบบ
    ลพ.กล่ำ วัดศาลาบางปู ปี2535 พิธีพุทธาภิเษก โดย อาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา จุดเทียนชัย พระครูกาชาด(บุญทอง)วัดดอนศาลา พัทลุง ประธานพิธีพุทธาภิเษก อาจารย์แจ้ง เพชรรัตน์ ฆราวาสศิษย์สำนักเขาอ้อ เจ้าพิธี ลพ.กล่ำ วัดศาลาบางปู ปี2535 มวลสารสำคัญได้แก่ ว่านเกสร108ชนิด ดินกากยายักษ์ พระสมเด็จวัดระฆังบดเป็นผงละเอียด ผงพระหลักเมืองปี30นครศรีธรรมราช ผงว่านพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ผงพุทธคุณจาก วัดเขาอ้อ ผงวิเศษจาก ขุนพันธรักษ์ราชเดช ผงมหาว่านขาวดำของอ.เอียด วัดดอนศาลา ดินรูปูปิด108รู ผงปูนสร้างพระบรมธาตุนคาศรีธรรมราช และผงพระพุทธคุณของอ.ศรีเงินมอบให้พิเศษ(ได้แก่ ผงอิทธิจ ผงปถมัง ผงพุทธคุณ ผงธรรมคุณ ผงสังฆคุณ ผงตรีนิสิงเห ผงพระปิติ ผงพระอภิธรรม ผงพุทธนิมิตร ผงพระนอโม ผงนะคาบสำเร็จ ผงว่านยา)ผงจากพระกรุนางตราแตกหักบดละเอียด ผงจากพระกรุท่าเรือแตกหักบดละเอียด ผงสมเด็จบางขุนพรหมบดละเอียด ผงว่านยากรุวัดน้ำขาวนครศรีธรรมราช ผงตะไบพระกริ่งวัดสุทัศน์ ผงเกจิพระอาจารย์ วัดดอนศาลา พัทลุง ผงจากอ.ปานวัดเขาอ้อ ดินปูชนียสถานจากประเทศอินเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2022
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

    IMG20220521064559.jpg IMG20220521064605.jpg IMG20220521064610.jpg IMG20220521064613.jpg

    พระบูชา พระแก้วใส 25 พระพุทธศตวรรษ (รุ่นพิเศษเสาร์5) ขนาด 3 นิ้ว

    พระดีพิธีใหญ่ เนื้อแก้วญี่ปุ่นใส มีปิ่นเกศนิดเดียว รับประกันแท้สากล

    บูชา 2,500 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2022
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    IMG20220521065110.jpg IMG20220521065115.jpg IMG20220521065121.jpg


    พระพุทธชินราชเนื้อเงิน ภปร. ปี2530

    บูชา 700 บาท
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

    IMG20220521062831.jpg IMG20220521062841.jpg

    เหรียญกลม กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข ปี2529

    ออกภูเก็ต บล๊อคกษาปน์

    บูชา 500 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2022
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,489
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ปิดครับ

    IMG20220521065958.jpg IMG20220521070003.jpg IMG20220521070011.jpg

    รูปหล่อ หมอพร ปี2537

    รุ่นเทวสถาน ตอกโค๊ต

    บูชา 700 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2022

แชร์หน้านี้

Loading...