ลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 149 ของข้าพเจ้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย montrik, 1 กันยายน 2018.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    หนังสือ สคส ปี 2519 ของหลวงพ่อฤๅษี
    FB_IMG_1536869495719.jpg FB_IMG_1536869498246.jpg FB_IMG_1536869500603.jpg
    FB_IMG_1536891407204.jpg
    FB_IMG_1536869505357.jpg FB_IMG_1536869507515.jpg FB_IMG_1536869509691.jpg FB_IMG_1536869511782.jpg FB_IMG_1536869511782.jpg FB_IMG_1536869514143.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2018
  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ลายมือหลวงพ่อ
    ภาพนิ่ง1.JPG
    001copy.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2018
  3. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    มารผจญ ก่อนบวช รอดพ้นเวทนาด้วย คาถา นะโมพุทธายะ

    ก่อนที่ผมจะได้อุปสมบท ที่วัดท่าซุง ในพรรษา 2530 ขณะนั้นผมทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ พญาไท หรือซอยอารี ได้สวัสดิการลาบวชได้ 1 พรรษา ไม่ถูกหักค่าจ้างด้วย หลังจากทำงานมาครบ 3 ปี
    ผมเตรียมตัวบวชด้วยความตั้งใจ ก่อนบวช ผมหัดงดข้าวเย็นร่วมปี ทานแต่นมกล่อง ก่อนบวช 1 เดือน ผมได้ไปกราบหลวงพี่อนันต์ ขณะนั้น ให้ท่านแนะนำเรื่องการท่องขานนาก เมื่อใกล้วันบวช ก็มาหาท่านอีกหน เพื่อ ท่องให้ท่านฟัง ว่า ถูกตัอง ทั้ง อักขระ และทำนอง
    ส่วนทางบ้านก็เชิญแขกเหรื่อ เตรียมฉลองก่อนวันบวช 1 วัน ตามประเพณี
    คืนนั้นเอง ผมมีอาการจุกเสียด อย่างรุมแรง ตรงตำแหน่งใส้ติ่งพอดี คุณพ่อผมก็พาไป โรงพยาบาล ต้องให้ยาทางน้ำเกลือ 1 กระปุก เพราะอาการไม่ทุเลา ผมเองก็ปวดจนเหงื่อท่วม คืนนั้น ผมนึกได้ว่า หลวงพ่อท่านเคยเทศน์สอนไว้ เรื่องคาถา ช่วยให้หายจากเวทนาได้ คือคาถา พระเจ้าห้าพระองค์ เป็นคำสั้นๆ คือ นะโมพุทธายะ
    ผมนึกได้ก็ นอนภาวนาไปเรื่อยๆ
    ทางบ้าน และผมก็กังวลว่า จะหายทันหรือไม่ ถ้าไม่ทันจะทำอย่างไร
    และจะต้องผ่าใส้ติ่งออกหรือไม่ ถ้าผ่า ทุกอย่างต้องงด หรือเลื่อนออกไปอีก คงจะสับสนวุ่นวายกันแน่นอน

    ด้วยเหตุเพราะฤทธิ์ยา หรือ บทคาถาก็แล้วแต่ เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำเกือหมด ผมก็ไม่มีอาการปวดหลงเหลืออยู่เลย และตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ประสบกับอาการปวดใส้ติ่งแบบนั้นอีก

    งานบวช วันรุ่งขึ้น ก็ดำเนินต่อไป ตามแผนงานที่วางไว้จนเสร็จสิ้นเรียบร้อย
    การเวียนเทียนแห่นาค รอบพระอุโบสถ ราบเรียบ ไม่มีดนตรีอึกทึกครึกโครม เวียนสามรอบ และดำเนินตามขั้นตอนของทางวัดต่อไป

    จะว่าแปลกก็แปลกนะครับ
     
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ประสบการณ์การฝึกสมาธิ ของผม

    พระอาจารย์ที่สอนกรรมฐาน และทำสมาธิของผม มีดังนี้
    1) หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หลวงพี่อาจินต์ แม่ชี วัดท่าซุง ตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา
    2) หลวงปู่ดู่ อาจารย์ศุภรัตน์ วัดสะแก อยุธยา ตั้งแต่ปี 2527
    3) หลวงพ่อจรัญ และ พระอาจารย์หลายท่าน ตั้งแต่ปี 2550
    4) หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินทโร และ คณะครูสมาธิ สถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล

    โดยสรุปสั้นๆ ทุกสาย ทุกสำนัก ทุกพระอาจารย์ ไม่มีสิ่งใดขัดแย้งในคำสอนเลย อยู่ที่ตัวเรา จะสามารถมีความเพียร เพียงพอที่จะปฎิบัติให้ได้ตามคำสอนหรือไม่

    ผมจะค่อยๆมาอธิบายให้ทราบนะครับ
    FB_IMG_1537418084635.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2019
  5. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ในวัยเด็กของผม เป็นเด็กบ้านนอก แต่ก็ได้เรียนในโรงเรียนในตัวจังหวัด เมื่อชั้นประถมต้น ป4 จำได้ว่า คุณครู พานักเรียนทั้งชั้น ไป กราบ พระราชอุทัยกวี หรือเจ้าคุณพุฒ เป็นเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เพื่อทำพิธีที่เรียกว่า พุทธมามกะ คือปฎิญานตนเป็นชาวพุทธ เป็นจุดเรื่มต้นที่ผมเกี่ยวข้องกับพระศาสนาอย่างเป็นทางการ

    ปี 2518 ผมได้รับการคัดเลือก ให้เป็นหนึ่งในลูกเสือสามัญ ของโรงเรียน และจังหวัด เพื่อตั้งแถวรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 พร้อมด้วย พระนางเจ้าฯ และ พระบรมฯ ในขณะนั้น ที่วัดท่าซุง จึงรู้สึกผูกพันตั้งแต่นั้นมา

    ต่อมาไม่นาน อาจารย์ประเสริษฐ ฯ ได้มีการตั้งกลุ่มนักเรียนผู้สนใจ โดยถามความสมัครใจว่า ใครจะไปวัดท่าซุงกับอาจารย์บ้าง ไปฝึกทำสมาธิกัน ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้จักคำว่า ทำสมาธิ จึงสนใจไปร่วมกับกลุ่มของอาจารย์ โดย ขับรถไปกันเอง ในวันหยุด นัดวัน เวลากัน ซึ่งก็เป็นโชคดีของผม และเพื่อนๆ ที่ในครั้งนั้น หลวงพ่อท่านนำสอนเอง เป็นส่วนใหญ่ บางครั้ง มีหลวงพี่ท่านอื่นสอนแทน
    ผมจะไม่เล่าละเอียด ถึงวิธีการฝึกมโนมยิทธินะครับ ท่านคงหาอ่านเอาเองได้ ก็ตามนั้น ผมได้ฝึกทั้งที่วัด และที่บ้าน การฝึกในวัยเด็กของผม ซึ่งเป็นวัยที่ค่อนข้างมีชีวิตตเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร เรียน และช่วงงานบ้าน เลี้ยงหมู เลี้ยงไก้บ้าง ตามประสา สภาพจิตใจจึงยังไม่มีอะไรเจือปน เหมือนผู้ใหญ่ จึงมีความกา้วหน้าเป็นไปตามลำดับ
    สังเกตุตัวเองได้ว่า มีอะไรบางอย่างผิดปกติ อย่างที่ผมได้เคยเขียนลงในหนังสือ ข้างต้นแล้ว สรุป คือ
    1) จิตว่องไว สัมผัสความคิดบุคคลอื่นได้ระดับหนึ่ง รู้ล่วงหน้าได้ว่า คนอื่น จะพูดอะไรออกมา ก่อนที่เขาจะพูด
    2) รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้บ้าง เช่น รู้ว่า จะมีงูเลื้อยผ่านหน้า สองตัว สักพัก ก็มีงูสองตัวผ่านหน้ามาจริงๆ
    3) ครั้งหนึ่ง และครั้งเดียว ขณะที่ผมทำสมาธิเองที่บ้าน ในช่วงเวลาก่อนนอน จับภาพพระ ภาวนาพุทโธ ไปสักพัก เห็นประกายแสงสีระยิบระยับ ที่เรียกว่าฉัพพรรณรังสี ถึงตอนนี้ยังจำแสงนั้นได้เป็นอย่างดี

    ผมจึงมีความผูกพัน กับวัดท่าซุง และหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ตั้งแต่บัดนั้น
    และก็ได้ไปเองบ่อยๆ ขี่จักรยานบ้าง มอเตอร์ไซด์บ้าง

    ผมยังฝังใจกับเสียงลำโพง ที่ทางวัดเปิดเสียงตามสาย เสียงเทศน์ของหลวงพ่อ ในบางเวลา เป็นเสียงที่ฟังไม่เบื่อ เข้าใจง่าย ค่อยๆซึมซับ เข้ามาในใจผมอยู่บ่อยๆ

    .........
    FB_IMG_1537587901498.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2018
  6. นพพร 2553

    นพพร 2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    743
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ลายมือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สวย อ่านง่าย
     
  7. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    เรื่องลายมือหลวงพ่อ ก็เป็นประเด็นเหมือนกันนะครับ
    หลังหลวงพ่อมรณะภาพ มีศิษย์หลายท่าน แชร์เอกสารการบันทึกต่างๆ โดยอ้างว่า เป็นลายมือหลวงพ่อ โดยที่มีลายมือแตกต่างกัน 10 กว่าแบบ ก็สรุปกันเอาเองว่า ลายมือหลวงพ่อมีเยอะหลายสิบแบบ

    เรื่องนี้ผมทราบแล้ว ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไรนัก

    (ลายมือ เป็นส่วนหนึ่งของการจำแนกอัตตลักษณ์ หรือ พิสูจน์ตัวบุคคล ผมเคยทำงานธนาคาร ได้รับการอบรม เกี่ยวกับการพิสูจน์ลายมือ และลายเซ็น เพื่อ แยกแยะ ลายมือแท้ และลายมือปลอม)

    ในช่วงที่ผมบวชวัดท่าซุง ปี 2530 ได้มีโอกาสขึ้นไปช่วย หลวงพี่อาจินต์ ซึ่งขณะนั้น ท่านเป็น กอง บก นิตยสารธรรมวิโมกข์
    [​IMG]
    ผมเป็นพระนวกะไม่กี่คนที่ใช้คอม และพิมพ์ดีดได้ในเวลานั้น ผมโชคดีที่ได้อ่านบันทึกต่างๆ ที่เป็นลายมือหลวงพ่อ โดยเฉพาะ ที่เรียกว่า เป็นบันทึกลับ ที่เกี่ยวกับ อดีตชาติของท่าน ซึ่งไม่มีเผยแพร่่ต่อสาธารณะ เพราะเกรงว่า จะมีคนอีกมาก อาจตกนรกเพราะการไปปรามาส ด้วยความรู้น้อย
    จากบันทึกต่างๆ เท่าที่ผมเห็นซึ่งเป็นลายมือท่าน เห็นแค่แบบเดียวเท่านั้น ตามตัวอย่างข้างต้น

    ส่วนลายมืออื่นๆ ที่อ้างว่า เป็นลายมือท่าน ผมสันนิษฐานเอาเองว่า มีอยู่ 2 สาเหตุ
    1) ท่านอาพาทบ่อยมาก อาจมีบ้างที่ท่านนึกอะไรได้เวลานั้ และสำคัญ ที่ต้องบันทึก กันลืม ใครอยู่ใกล้ ท่านก็เรียกใช้ มาช่วยจดให้ ก็จะมีหลากหลายลายมือแน่นอน
    2) อาจมีการคัดลอกข้อความจากต้นฉบับเดิมของหลวงพ่อด้วยความเคารพ เมื่อมีการถ่ายทอดต่อๆกันไป ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนว่า เป็นลายมือหลวงพ่อ

    เล่าสู่กันฟังครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2018
  8. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    พระอาจารย์อีกท่านนึง ที่ผมมีโอกาส ได้เรียนวิชาการเดินจงกรมกับท่านโดยตรง เมื่อประมาณ ปี 2529 คือ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    __3_202.jpg

    ขณะนั้น ผมยังทำงานธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ พี่ท่านนึงที่สาขาเซียงกง ที่สนิทกัน ท่านบอกว่า วันหยุด เสาร์อาทิตย์ จะมีพระราชาคณะ มาสอนทำสมาธิ ที่วัดเซียงกง ซึ่งอยู่ใกล้กับสาขา ถ้าว่างก็ให้มาเรียนดู

    ผมได้มีโอกาสเรียนกับ ท่านเจ้าคุณโชดก สองครั้ง และก็ไม่ได้มีโอกาสได้พบกับท่านอีก จนได้ข่าวว่าท่านมรณภาพในปี 2531

    ท่านเจ้าคุณโชดกท่านนี้ พระพระเถระ ที่มีผลงานอยู่มาก และเป็นวิปัสนาจารย์ที่สำคัญองค์หนึ่งของไทย ยังเป็นพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และ หลวงพ่อจรัญอีกด้วย

    สาธุ สาธุ สาธุ

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=19975
     
  9. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ท่าเจ้าคุณโชดกสอนเดินจงกรม

    ท่านสอนแบบ ใช้สติจับกิริยาอาการ อยัยวะแต่ละส่วน ทีละขั้นตอน แบบเดียวกันกับ ที่หลวงพ่อจรัญสอนทุกอย่าง
    คือ แบบ ย่างหนอ
    แบ่งออกเป็น อย่างหลาบ จนละเอียดขึ้นไป
    คือ เริ่มจาก ซ้ายหนอ ขวาหนอ หยุดหนอ กลับตัวหนอ ฯลฯ
    ถัดไป ก็ ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ฯลฯ
    ประมาณนี้
    ท่านเมตตาสอนอย่างละเอียด และใจเย็นมาก คอยมากำกับดูทีละคน
    ท่านสอนองค์เดียว ไม่มีพระผู้ช่วยมาด้วย
    ญาติโยม ที่มาก็ ประมาณ 10 คน ส่วนใหญ่ ก็อาซิ้ม อาแปะ แถวๆนั้ มีผม เป็นคนหนุ่ม ในวงคนสูงวัยอยู่คนเดียว

    ทุกวันนี้ ยังจำภาพการสอนกับท่านได้อย่างชัดเจนครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. ไพรี พินาศ

    ไพรี พินาศ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +7
    รออ่าน ประสบการณ์พระคาถาเงินล้านครับ
     
  11. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ขอบคุณมาก ที่สนใจติเตามรออ่าน ประสบการณ์จริงของผม

    ขอเกริ่นไว้ก่อนว่า
    กว่าจะได้ทรายถึงอานิสงค์คาคานี้ ผมท่องมาตั้งแต่ อายุ 20 ผมสัมฤทธิ์ของพระคาถา มาช่วยให้ผมรอดพ้นวิกฤตชีวิต ก็เข้าวัย 50 แล้ว
    ผมกำลังเรียบเรียงอยู่ จะทะยอยลงนะครับ
     
  12. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ในปัจจุบันพระคาถาเงินล้านของท่านได้แพร่หลายและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก มีความเชื่อกันว่ายิ่งสวดมากยิ่งได้ลาภมาก ตามความศรัทธาของแต่ละคน สวดอย่างน้อยวันล่ะ 9 จบ แต่จะให้ดี อย่างน้อย 30 จบ และทำทานทุกวันสม่ำเสมอด้วยความเต็มใจอย่างแท้จริง ถ้าทำได้ว่างเมื่อไหร่ก็ให้สวดเมื่อนั้น ก่อนสวดพระคาถาให้ตั้งจิตให้นิ่ง

    - ถ้าติดขัดการเงินแบบหนักหนาสาหัสสากรรจ์เจียนจะตายเสียให้ได้ให้ตั้งใจท่อง พระคาถาวันละ 108 จบ


    (ตั้ง นะโม 3 จบ )

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
    วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ

    ( บูชา 9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)


    เคล็ดวิชานี้ใช้ได้ผลมามากมาย ทั้งคนที่ตกงานหางานทำไม่ได้ คนที่เป็นหนี้สิน สิ้นหวังในชีวิต หากท่านทำได้ครบถ้วนทุกประการที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำแล้ว รับรองว่าจะได้รู้ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วยตัวเอง
    FB_IMG_1537947305761.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2018
  13. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    คาถาเงินล้าน หรือคาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า หลวงพ่อท่านยืนยัน ในผลลัพท์ ว่า จะได้ผลจริง ถ้า
    1) ท่องด้วยความศรัทธา
    2) ไม่มีความโลภ
    3) ช้าๆ ชัดๆ โดยเฉพาะ ช่วงต้น นาสังสิโม ท่องภาวนาตรงคำนี้ จนอารมณ์สงบ เย็น แล้วว่าต่อ
    4) ใช้ภาวนา เป็นอารมณ์ได้ ตลอดวัน เช่นที่ท่านสั่งให้หลวงตาวัชรชัย ใช้ภาวนาเป็นอารมณ์ตลอดชีวิต
    5) ครั้งหนึ่งภาวนาให้ได้อย่างน้อย 9 จบ

    ผมเองในช่วงแรก ก็ไม่ได้ทรายถึงเคล็ดดังกล่าวข้างต้น ก็จะใช้ท่องเฉพาะในช่วง ไหว้พระ สวดมนต์ ก่อนนอนเท่านั้น

    จนมาช่วงหลังๆ เริ่มมาอ่านหนังสือเก่าๆ ฟังเสียงเทศน์สอนของท่าน ในยูทูบบ่อยๆ จึงหันมาใส่ใจในรายละเอียด เคล็ดเล็ก เคล็ดน้อยต่างๆมากขึ้น

    เมื่อผมจบจากมหาวิทยาลัยมา ก็เริ่มทำงาน แรกที่ธนาคารกสิกรไทย หลังจากนั้น ก็ย้ายงานตามโอกาสความก้าวหน้าในวิชาชีพ เรื่องของการทำงานผมทำงานด้วยความทุ่มเท ซื่อสัตย์สุจริต แต่ก็ไม่พ้นวิบากกรรม ที่พอเราอายุมากขึ้น ปัญหาและอุปสรรค ในการทำงานสนองนโยบาย ผู้บริหารระดับสูงก็ยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น มีความกดดันในการทำงานมากขึ้น การเป็นเบอร์หนึ่งของสายงาน จึงท้าทาย และ เหมือนกับคำที่ว่า ยิ่งสูง ยิ้่งหนาว

    การลาออก กาตรองาน การตกงาน จึงเกิดขึ้น หลังจากที่ผม อายุ 45 ปี เป็นต้นมา หลายหน

    ถ้าตัวคนเดียว ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ก็แค่กลับบ้าน ไปอยู่กับ พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง สบายๆ รองานใหม่ แต่ผมมีครอบครัว มีภรรยา มีลูก ภาระ ความรับผิดชอบ จึงต้องดิ้รน เพื่อประคองให้รอดพ้นอุปสรรคชีวิตไปให้ได้

    ในช่วงแรก เรามีเงินออม ที่เก็บไว้บ้าง ก็ใช้ไปเรื่อยๆ ค่ากินอยู่ ค่าเช่า ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าเทอมลูก จิปาถะ มันพุ่งมาที่เราหมด

    ครั้งหลังสุด ผมตกงาน 4 ปี ซึ่งยาวนานที่สุด และ เป็นช่วงที่ผมได้บทเรียนชีวิตที่สุด
    ที่ว่า โลกธรรมแปดนั้นไม่เที่ยง เป็นอย่างไร มันเห็นชัดในช่วงนี้
    มิตรที่แท้ไม่มีอยู่จิง ก็ทำให้ผมเห็นในช่วงนี้
    คนที่ห่วงเราที่สุด ไม่พ้น บิดา มารดา จริงๆ แต่เราไม่อาจบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะ คำว่าศักดิ์ศรี รวมถึง คำที่ถูกดูหมิ่นถากถาง จากคนใกล้ชิด ที่ทำให้ใจผมมันปวดร้าวที่สุด มันคอยเตือนสติผมอยู่ตลอดเวลา

    ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ทุกข์มากที่สุดก็ว่าได้ เพราะทุนก้อนสุดท้าย เอาไปลงทุนอะไรก็จมหายละลายไปหมด จึงต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ คือ ย้ายกลับไปอยู่บ้านนอก ใช้ชีจิตต่างจังหวัด ที่บ้านไม่ต้องเช่า แต่ข้าวก็ยังต้องซื้อยู่ แต่ก็มีบริเวณกว้างพอ ที่จะปลูกอะไรกินเองได้ มีสระเลี้ยงปลาได้ เป็นพันตัว ค่าครองชีพจึงถูกกว่า ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวกันใหม่ทุกคน

    เมื่อเจอทุกข์มาก ผมก็มีเวลาได้ไปวัด ฟังธรรม ปฎิบัติธรรมบ่อยขึ้น มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ทบทวนความผิดพลาดของชีวิต ช่วงนี้จึงมีโอกาสได้ ปฎิบัติภาวนา ท่องบ่นคาถาทุกบทที่ศึกษามา โดยเฉพาะ คาถาเงินล้าน คาถาพระจักรพรรดิ์ คาถาอิติปิโส เป็นต้น

    เมื่อมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ใจกลับสงบเย็น ปลงต่อสิ่งรอบตัว และ ทำทุกอย่างที่เป็นรายได้ยังชีพ ให้ครอบครัว

    สี่ปีกว่า ผมมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ผมผ่านมันมาได้ ด้วยคาถาเงินล้าน มีหลายเหตุการณ์ที่จะเล่าสู่กันฟังต่อไป

    .........
     
  14. ไพรี พินาศ

    ไพรี พินาศ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +7
    รอครับบบ
     
  15. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ผมเคยมีเงินในบัญชีสูงสุด ล้านเศษ ต่ำสุด ศูนย์
    ผมเคยมีเงินเดือนสูงสุด แสนหก ต่ำสุด วันละ 300 บาท
    ตำแหน่งงานสูงสุด ผู้จัดการทั่วไป จนถึง กรรมการก่อสร้าง

    นี่แหละครับชีวิต อนิจจังจริงๆ
    บุญ และ บาป ที่เราทำไว้ ล้วนส่งผลมาที่เราอย่างแม่นยำ ในเวลาที่เหมาะสม และไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า

    โลกปัจจุบันอยู่ได้ด้วยวัตถุนิยม นั่นคือกระแส ที่เป็นมาทุกยุคสมัย ใครฝืนกระแส ก็จะดูผิดแผกแตกต่าง อาจถูกติฉินนินทา หรืออาจต้องปลีกวิเวก ไปอยู่อีกมุมหนึ่งต่างหาก
    การฝืนกระแส จึงต้องใช้กำลังใจอย่างสูงมาก ศรัทธามาก อดทนมาก และมีความเพียรอย่างมากมาย แม้ว่า จะไม่รู้ว่า จุดหมายจะอยู่ตรงไหน เมื่อไร

    ผมเองก็เช่นกัน อดทน ท่องบ่น ภาวนา ไม่สุงสิง ร่วมวงบันเทิงกับใคร จนถูกมองว่า เป็นคนแปลก คนที่เคยคบหาก็ห่างออกไป ลดน้อยลงไป

    เมื่อความสัมพันธ์ของตัวเรากับผู้อื่น สิ่งอื่น มันค่อยๆลดลง กับมีความรู้สึกว่าสิ่งที่เราแบกอยู่มันเบาลง ใจเย็นลง และมีความสงบ และสัมผัสกับความสุข บ่อยครั้งขึ้น

    และแล้ว,,, สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ในช่วงที่ลำบากที่สุด ก็ทะยอยผ่านเข้ามา อย่างไม่มีสัญญาณเตือน

    ............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2018
  16. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    อยู่ๆ คนที่ไม่เคยสนิท พูดจากัน ก็มาติดต่อให้งาน

    งานบ้านนอก ก็จะเป็นงานรับจ้างทั่วไป ไม่เหมือนงานในเมือง ที่ต้องหาทำตามคุณวุฒิ ความถนัด และประสบการณ์
    ในช่วงที่กำลังคิดหนักว่า วันนี้ พรุ่งนี้ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวสาร ซื้อหมู ซื้อกับข้าว ที่กินกันอย่างประหยัดกันอยู่แล้ว ผมเองก็เปลี่ยนจากกินวันละ 3 มื้อ มาเป็นแค่ 2 มื้อ เช้า กลางวัน มื้อเย็นงดโดยปริยาย จนถึงทุกวันนี้ วันพระเราไปทำบุญที่วัด ก็จะทานอาหาร ที่พระพระท่านให้ทานกับญาติโยมที่ไปทำบุญกัน ก็จะประหยัดได้ส่วนหนึ่ง

    เรื่องแปลก ก็คือ ญาติกันห่างๆ ไม่ค่อยจะเจอะเจอ พูดคุยกัน เขาก็มาหาคน ขับรถไป ต่างจังหวัด เขามีรถ แต่ลูกชายไม่ว่าง ต้องหาคนขับไปรับยาที่โรงพยาบาลที่พิษณุโลก ผมก็รับงานนี้ ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ค่าจ้างมากมายอะไร เมื่อกลับมาถึงบ้านเสร็จเรียบร้อย เขาก็ให้เรา 500 บาท พร้อมกับคำขอบคุณ ถ้าไม่ได้ผม ก็ไม่ได้ไปตามนัด ก็จะไม่ได้ยามากินตามกำหนดด้วย 500 บาท บ้านนอก ใช้กันได้ยาวเป็นสัปดาห์ครับ

    นอกจากนี้ ยังมีงานตัดหญ้า ซึ่งผมไม่มีประสบการณ์ใช้เครื่องตัดหญ้ามาก่อน เคยแต่ใช้ลูกน้อง หรือ จ้างผู้รับเหมามาตัดหญ้าในโรงงาน แต่ไม่นึกว่า จะต้องมาเป็นคนงานตัดหญ้าได้
    เขามีเครื่องตัดหญ้า 2 เครื่อง ตัวเขาจะตัดเครื่องนึง อีกเครื่องลูกเขยไม่ว่าง ก็ต้องหาคนช่วย เขาก็ยินดีจะสอนให้ ซึ่งไม่ยากเย็นอะไร เขาว่างั้น ผมก็ตอบตกลง เปลี่ยนชุด ให้กันแดดได้ทั้งตัว สวมรองเท้าบู้ท สวมหมวกปีกกว้าง สตาร์ทเครื่องให้ติด ปรับสายสะพายให้พอดี สะพายคล้องใหล่จากซ้ายไปขวา ตามถนัด เดินไปยังพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็น หัวคันนาที่มีหญ้ารกมาก ทำให้เดินโดยรอบไม่ถนัด ต้องคอยตัดบ่อยๆ เหวี่ยงใบมีดไปยังหญ้าที่เราต้องการตัด ซ้ายที ขวาที สลับกันไป เดินดาหน้าไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักกินน้ำ หาร่มไม้ใกล้ๆหลบแดด แล้วเริ่มใหม่ จนเที่ยงก็หยุด บ่ายโมงประมาณก็เริ่มต่อ ทำจนเสร็จ ก็เกือบค่ำ
    งานนี้ ได้มา 400 บาท แต่ก็ปวดหลัง ระบบไปทั้งตัว ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ได้เงิน ไม่เหมือนกับที่ผมเคยไปสมัครฟิตเนส คอร์สละหมื่นกว่าที่ห้างใหญ่แห่งหนึ่งที่ศรีนครินทร์เลย

    สองงานนี้ ผมยังระลึกถึงบุญคุณตลอดมา ที่ให้โอกาสเรา ในยามยาก

    ยังมีงานก่อสร้างอีกครับ

    ..........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2018
  17. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    เพื่อนร่วมงานเก่า ตามหา ให้ไปช่วยงาน

    น้องท่านนึง เคยทำงานด้วยกันมา เมื่อ เกือบสิบปีมาแล้ว ต่อมาต่างแยกย้ายกัไปตามวิถีทางของตัวเอง โดยน้องท่านนี้ ออกไปทำธุรกิจของตัวเองหาสินค้า ส่งห้างที่ขายเครื่องมืช่าง วัสดุก่อสร้าง แบรนด์ใหญ่ มีหลายสาขาใน กทม และต่างจังหวัด

    จู่ๆ มีเบอร์แปลกเข้ามา ผมก็รับ และพูดคุยจนทราบว่า เป็นน้องชายท่านนี้ที่มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคยปรับทุกข์ในเรื่องงานและผมก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถแนะนำ ช่วยเหลือให้เขาสบายใจ และมีกำลังใจในการทำงานต่อไปได้ทุกครั้ง
    เขาบอกผมว่า ตามหาเบอร์ติดต่อผมนานเป็นปี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ จนได้เบอร์จากเพื่อนร่มงานเก่าคนนึง เขาชวนให้ไปร่วมงานด้วย เป็นธุรกิจเพิ่งเริ่มต้น ช่วยกันทุกอย่าง ตั้งแต่ไปติดต่อลูกค้า ขับรถส่งของ รับของ และจัดการคลังสินค้า ดดยที่ต้องมาทำงานอยู่กับเขาที่ศรีราชา พักตึกแถวชั้นบนของสำนักงาน

    งานที่ไม่เคยทำก็ต้องฝึกทำ ใช้แรงกายในการยกของ แบกของ ในการจัดสต้อค และขนของลงจากรถเอาไปส่งลูกค้า และส่วนใหญ่ก็จะขับรถเอง เพิ่อส่งของจากศรีราชาไประยอง ชลบุรี กรุงเทพ ทุกวัน มีวันหยุดวันอาทิตย์ แบบนี้วนไป

    ผมมาช่วยงานน้องท่านนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน จนบริษัทน้องเขามีปัญหาบางอย่าง ผมจึงต้องกลับไปอยู่บ้านนอกเหมือนเดิม

    งานนี้ทำให้ผมมีรายได้ประมาณเดือนละหมื่นบาท ก็ช่วยประทังชีวิตครอบครัวไปได้พักใหญ่เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2018
  18. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ถูกตามไปช่วยงานก่อสร้าง สร้างวัดที่ อ พบพระ จ ตาก

    ผู้มีพระคุณค่อยๆปรากฎตัว ในช่วงที่ชีวิตอยู่ในจุดต่ำสุด

    เรื่องงานก่อสร้าง ผมเคยเป็น ตัวแทนบริษัท ในการซื้อที่ดิน หาผู้รับเหมา คุมงานก่อสร้าง ตั้งแต่ต้นจนจบมีการรับมอบงานทีละงาน ทีละอาคาร รายจ่ารวมๆกว่าร้อยล้าน ความยากลำบากคือ การเดินตรวจหมุดที่ดีให้ครบ คำนวนรังวัด ดูขนาดจริง ขนาดโฉนด และ ขนาดที่ทำการตกลงซื้อขาย ว่าตรงกัน หรือต่างกัน ก่อนจ่ายเงินค่าที่ดิน การหาบริษัทผู้รับเหมา ศึกษาหาข้อมูลทุกบริษัท ที่น่าสนใจ โทรหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วสรุปให้ บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเห็นชอบก่อนการเปิดประมูล และคัดเลือกรายที่มีความเหมาะสม การวางแผนการก่อสร้าง การควบคุมการก่อสร้าง การแก้ไขปัญหารายวัน เช่น ฝนตก น้ำท่วม อุบัติเหตุ การลักเล็กโขมยน้อย แคมป์คนงาน มีเรื่องต้องประชุมกันเกือบทุกวัน กว่าจะจบตามแผนหกเดือน มีความยากลำบากไม่ใช่น้อย

    ซึ่งผมก็พอจะมองเห็นว่า คนงานก่อสร้าง เขาทำอะไรกันบ้าง แต่ไม่นึกว่า วันหนึ่ง เราจะมาเป็น กรรมกรก่อสร้างเสียเอง

    พระอาจารย์หลวงพ่อที่วัดนี้ ท่านก็เป็นญาติกันกับภรรยาผม วัดก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างพระอุโบสถ และมีแรงงาน ซึ่งก็เป็นญาติพี่น้องไปช่วยกันสร้างบุญอยู่ประมาณ สิบคน ค่อยๆทำกันไป ตามปัจจัย และตามสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ถ้าฝนตกบ่อย งานกลางแจ้งก็ต้องงด

    ช่วงนั้น เป็นฤดูทำนา แรงงานที่ไปช่วยงานก่อสร้างต้องกลับไปทำนาที่ภูมิลำเนา ทำให้แรงงานขาดแคลน ท่านจึงให้ญาติพี่น้องช่วยกันหาคนที่สู้งาน และไว้วางใจได้ ผมจึงได้มีโอกาสถูกทาบทามว่า ว่างมั้ย จะไปช่วยกันสร้างบุญใหญ่ด้วยกันมั้ย ผมเองก็ตอบตกลงทันที

    ความเมตตาของหลวงพ่อท่านผมจะไม่ลืมพระคุณท่านเลย ท่านเองก็จัดค่าตอบแทนให่แรงงานทุกคนอย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม โดยเฉลี่ย ท่านจะให้คนละ 400 บาทเศษ ที่พัก อาหารฟรี แต่ท่านก็กล่าวไว้ทุกครั้งกับพวกเราว่า อย่าคิดว่า เป็นค่าจ้างเลย เพราะ ถ้าวัดไม่มีโยมมาช่วย บุญก็ไม่เกิด งานก็ไม่สำเร็จ ปัจจัยที่หลวงพ่อให้ ถือเสียว่า เป็ค่าตอบแทนที่จากครอบครัวมาด้วยความเสียสละ ถือว่า ต่างฝ่ายต่างได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป

    งานที่ผมต้องหัดทำ จนมีความชำนาญในระดับหนึ่งของงานก่อสร้างคือ งานไม้ งานปูน งานเหล็ก งานขนของ งานทำความสะอาดสถานที่หลังจบงาน ท่ามกลางแดดร้อนระอุ บางวัน ฝนตก แต่งานต้องเสร็จ ก็ต้องตากฝนทำงานบ้าง มือไม้ แตกหมด จนด้าน พองแล้ว พองอีก จนหาย ดดนตะปูตำ ตอกตะปูดดนนิ้งตัวเอง งานแกะไม้แบบต้องปีนขึ้นที่สูง ในมุมแคบ ก็เจออุบัติเหตุกันบ่อยๆ ทำให้ทราบดีว่า กรรมกรก่อมร้างนั้น สู้ชีวิตกันอย่างไร กว่าจะได้เงินมาในแต่ละวัน

    ผมทำงานนี้ประมาณ 4 เดือน ก่อนจะได้ข่าวดี ได้กลับไปเป็นผู้บริหารโรงงานที่ระยองอีกครั้ง

    .........
     
  19. thitiwatyu

    thitiwatyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2010
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +333
    ติดตามอ่านครับพี่
     
  20. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ผมตกงาน เพราะ บริษัทฯบอกว่า เป็นบริษัทฯเปิดโรงงานใหม่ ยังไม่ได้กำไร จึงต้องลดอัตรากำลังคน โดยเฉพาะ คนญี่ปุ่น และ คนไทยที่เงินเดือนสูงออก

    ผมอึ้ง อยู่หลายวัน แม้จะได้เงินชดเชยตามกฎหายมา แต่ไม่มีความดีใจเลย
    เพราะ อายุ 51 จะไปหางานแบบนี้ไดอีกหรือป่าวก็ไม่รู้ ลูกเรียนโรงเรียนเอกชนชั้นนำ ที่ศรีราชา อนาคตจะทำอย่างไร ได้ทุนก้อนนี้มา จะคิดทำอะไรให้มาสาถเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว ได้อย่างมั้่นคง คำถาม และปัญหามันรุมเร้าเข้ามาตลอด

    ผมสมัครงานไปหลายที่ แต่ไม่มีที่ไหนตอบรับสัมภาษณ์เลย ช่วงหลังมีนัดสัมภาษณ์บ้าง ผลที่ได้รับคือ คุณเป็นคนเก่ง มีฝีมือ แต่ โครงสร้างเรารับไม่ได้ หรือที่เขาเรียกว่า Over Qualify นั่นเอง

    ผมจึงตัดใจไปแล้วว่า คงจะไม่ได้กลับมาทำงานบริษัท หรือโรงงานอีก เพราะอายุเราเยอะแล้ว

    ขณะที่ผมทำงานก่อสร้างอยู่ที่วัด ก็มีโทรศัพท์ จากเพื่อนคนนึง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ในบริษัทฯชั้นำหลายแห่ง โดยเฉพาะในกลุ่มยายยนต์ ก็ติดต่อมาหาผมว่า ทำอะไร อยู่ที่ไหน ให้เตรียมตัวให้พร้อม แล้วนัดวัน ไปสัมภาษณ์งาน กับ ประธานบริษัทฯ โรงงานที่ จ ระยอง ผมก็เตรียมตัว รื้อฟื้น ความรู้ต่างๆ ประสบการณ์ที่เคยทำ เพื่อเตรียมตอบคำถาม ให้มีความมั่นใจ ส่วนความคาดหวัง ผมไม่ได้คาดหวังไว้สูงเลย เพราะ เคยผิดหวัง ถูกปฎิเสธงานมาแล้ว และโอกาสก็แทบจะมีน้อยเต็มที

    แต่แล้ว คราวนี้ผิดคาดมาก

    ท่านประธาน ชาวญี่ปุ่น ไม่ได้ถามรายละเอียด เรื่องประสบกาารณ์อะไรเท่าไรนัก แค่ถามว่า ตอนนี้ทำอะไร อยู่ที่ไหน เพราะเขาบอกว่า ได้อ่านประวัติเราหมดแล้ว เขาชมผมว่า เป็นคนเก่ง แล้วก็มีคำถามที่ทำให้ผมตกใจ และดีใจไปพร้อมๆกัน คือ คุณพร้อมจะเริ่มเงานกับเราเมื่อไร

    ตั้งแต่นั้่นมา ผมก็ได้ร่วมงานกับบริษัทนี้ จนถึงทึกวันนี้ เป็นคนไทยคนเดียวที่มีอายุมากที่สุดในบริษัท และ เกินกว่าที่ระบุไว้ในระเบียบ เรื่องการเกษียณอีกด้วย

    ทั้งหมดนี้ เป็นวิบากกรมของผม ในช่วงอายุหลัง 50
    และจะยังสู้ต่อไป ไม่ย่อท้อ

    อย่างที่ผมกล่าวไว้ ในตอนแรกๆ ผมเชื่อมั่น ในคาถาเงินล้านเป็นอย่างมาก ถึงจะไม่ได้ทำให้ผมร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมถึงกับยากจนอดอยาก แม้เงินในกระเป๋า ในบัญชีไม่มีเลย แต่ผมก็มีกิน มีใช้ ได้ไม่อดอยาก

    สาะุ สาธุ สาธุ

    ยังมีเกล็ดเล็ก เกล็ดน้อย เตรียมเขียนมาให้อ่านกันต่ออีกนะครับ
    FB_IMG_1538029356092.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2018

แชร์หน้านี้

Loading...