ลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 149 ของข้าพเจ้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย montrik, 1 กันยายน 2018.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    จะอ่าน หรือฟังธรรม
    ให้ทะลุถึงใจ

    พระอาจารย์หลายท่านกล่าวไว้

    ,..,,.....,.....,................
    เรื่อง หลวงปู่ตื้อ ท่านเมตตาจนวินาทีสุดท้าย

    (จากประวัติ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ตอนที่ ๑๓)

    หลวงปู่มรณภาพ

    วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้นำคณะสงฆ์จากวัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เข้ากราบขอโอวาท และมาทำวัตรหลวงปู่ตื้อ ตามประเพณีปฏิบัติ หลวงปู่ได้แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ เมื่อแสดงพระธรรมเทศนาจบสังเกตเห็นว่าหลวงปู่มีอาการเหนื่อยมาก
    วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ พระอาจารย์อุ่น อุตโม วัดอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร เข้ากราบขอโอวาท และมาทำวัตรหลวงปู่ หลวงปู่ได้แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ เย็นวันนั้นสังเกตเห็นหลวงปู่ท่านเหนื่อย พูดเบา บางครั้งก็พักหายใจยาวๆ แล้วจึงพูดสอนลูกศิษย์ต่อ
    วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ พอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จท่านเข้าไปพักผ่อนเล็กน้อย แล้วแสดงธรรมโปรดศิษย์และญาติโยมตลอด
    หลวงปู่พูดธรรมะสอนลูกศิษย์ไปเรื่อยๆ จนประโยคสุดท้ายท่านได้พูดว่า “ ธาตุลมในหลวงตาวิปริตแล้ว ”
    จากนั้นท่านไม่พูดอะไรอีก สังเกตดูอาการเคลื่อนไหวทุกอย่างหยุดสนิท ทุกคนจึงแน่ใจว่า หลวงปู่ได้ละวางขันธ์แล้ว เมื่อเวลา ๑๙.๐๕ น.
    แทบไม่ต้องนัดแนะกัน ศิษย์ทุกคน ณ ที่นั้นก้มลงกราบท่านพร้อมกัน ด้วยความรัก ความศรัทธา และความเคารพ ในองค์ท่านอย่างสุดจิตสุดใจ
    สิริรวมอายุของท่านได้ ๘๖ ปี ๕ เดือน ๑๖ วัน อายุพรรษาเฉพาะธรรมยุติกนิกาย ๔๖ พรรษา

    ปล. อ่านแล้วน้ำตาแทบไหล เพราะซาบซึ้งในความเมตตากรุณาอันล้นเกล้าล้นจิตใจ ที่หลวงปู่ตื้อมีต่อศิษย์ เพราะถึงแม้ท่านจะป่วยและธาตุขันธ์อ่อนกำลังมาก แต่ภายในคือ ใจท่าน ไม่อ่อนแอท้อถอยเลยสักนิด ก่อนท่านจะละสังขารไม่กี่ชั่วโมง ท่านยังอุตส่าห์พยายามเทศนาอบรมศิษย์ด้วยความเมตตากรุณา ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาปุถุชนก็คงไม่อยากยุ่งกับใคร แต่ใจปุถุชนกับพระอรหันต์ย่อมแตกต่างกันมากมาย นั่นคือ ใจพระอรหันต์เป็น "ธรรมธาตุ" มีความเมตตามากมายมหาศาลจนครอบทั่วทั้ง"ไตรโลกธาตุ" ครับ สาธุ
    FB_IMG_1568160455508.jpg FB_IMG_1568160453304.jpg FB_IMG_1568160451092.jpg FB_IMG_1568160448377.jpg
     
  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    FB_IMG_1568258862327.jpg
    +++ หลวงปู่ทวดเป็นพระนิรันตราย +++

    โยมเอาวัตถุมงคลมาถวาย "นี่ขนมาหมดบ้านเลยหรือ ? ถ้าไม่มีความห่วงใยกังวลกับของแล้วก็เอามาทำประโยชน์ให้พระศาสนา ของนี่ประเภทของติดตัวทั้งนั้นเลย สละมาทำบุญเสียแล้ว

    #หลวงปู่ทวดเป็นพระนิรันตราย #ก็คือด้วยความที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์กำลังบารมีสูง #ก็เลยช่วยคนได้มาก ผู้ที่เคารพนับถือท่านส่วนใหญ่ก็อยู่รอดปลอดภัย คนจึงยกให้เป็นพระนิรันตราย

    จริง ๆ แล้วอาตมาเองมีหลวงปู่ทวดอยู่หลายองค์ แต่ขายกินหมด วันก่อนก็เลยไปอธิษฐานขอกับท่านว่า “#หลวงปู่ #ผมไม่มีหลวงปู่แล้วรู้สึกโหวงเหวงอย่างไรก็ไม่รู้ #ขอคืนสักองค์หนึ่งเถิดครับ” อีก ๒ วันให้หลังได้คืนมาองค์หนึ่ง อาตมาเองขอพรหลวงปู่ไว้นานแล้ว"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒
     
  3. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ดูลายมือหลวงพ่อกวย
    และเอกสารสำคัญของท่านครับ

    ขอบคุณข้อมูลภาพจาก คุณแป๊ะ ปากช่อง ครับ

    "ลายมือหลวงพ่อกวย ล้วนๆ โหลดเก็บไว้เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังๆ ได้รับความรู้อย่างแท้จริงๆ...หมายเหตุ..ต้นฉบับตัวจริงๆ ให้น้องๆพี่ๆ ไปหมดแล้ว..นะครับ.."

    หมายเหตุ ภาพอาจไม่เรียงหน้า
    FB_IMG_1568341284164.jpg FB_IMG_1568341286676.jpg FB_IMG_1568341289278.jpg FB_IMG_1568341232846.jpg FB_IMG_1568341256359.jpg FB_IMG_1568341292379.jpg FB_IMG_1568341236593.jpg FB_IMG_1568341294891.jpg FB_IMG_1568341239317.jpg FB_IMG_1568341297598.jpg FB_IMG_1568341241796.jpg FB_IMG_1568341299745.jpg FB_IMG_1568341244039.jpg FB_IMG_1568341246914.jpg FB_IMG_1568341249889.jpg FB_IMG_1568341251888.jpg FB_IMG_1568341254320.jpg FB_IMG_1568341258859.jpg FB_IMG_1568341261067.jpg FB_IMG_1568341227615.jpg FB_IMG_1568341229834.jpg FB_IMG_1568341263448.jpg FB_IMG_1568341265739.jpg FB_IMG_1568341267798.jpg FB_IMG_1568341270041.jpg FB_IMG_1568341272118.jpg FB_IMG_1568341274261.jpg FB_IMG_1568341276349.jpg FB_IMG_1568341278710.jpg FB_IMG_1568341224459.jpg
     
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    อดทนทำความดี ผลจะปรากฏในชาตินี้เอง
    FB_IMG_1568530317652.jpg
    ถาม :
    ทำบุญมาก็เยอะแล้ว แต่มีปัญหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ความรักหรือสุขภาพ ทำสังฆทานมาหลายปี แต่ก็ยังแย่อยู่เหมือนเดิมครับ ขอความกรุณาจากหลวงพ่อ ?
    ตอบ : สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นผลจากการกระทำในอดีต สิ่งที่เราทำในปัจจุบันจะเป็นผลสืบไปในอนาคต เพราะฉะนั้น..ต้องทนทำความดีไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ ผลก็จะปรากฏให้แก่เราในชีวิตนี้ เพราะว่าเราทำตอนนี้ พ้นจากวินาทีนี้ไปก็เป็นอดีตไปแล้ว ตรงนี้แหละที่จะตามเราไปถึงอนาคต ส่วนปัจจุบันที่เดือดร้อนอยู่เพราะว่าอดีตเราทำกรรมไม่ดีเอาไว้ ฉะนั้น..แก้ไขปัจจุบันให้ดี พยายามอดทนทำในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญาไปเรื่อย ๆ ถ้าต่อเนื่องยาวนานพอเดี๋ยวปัจจุบันชาติก็ดีเอง ไม่มีอะไรยากหรอก

    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม ๒๕๕๒
    พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
     
  5. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ท่านมักจะเล่าเรื่องทำนองนี้เป็นนิทานครับ

    ประวัติคนไทยสายใต้ (3)
    โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร (สมัยนั้น)
    พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต เรียบเรียง
    อ่านตอนที่แล้ว..ประวัติคนไทยสายใต้ (2)
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2635#30

    ไทยมีทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล
    ...ผู้เรียบเรียงขอย้อนใจความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว หลวงพ่อเล่าไว้ว่า

    " ...ถามว่า เรื่องแร่หรือเรื่องทองคำนี่รู้ได้ยังไง ว่าที่ไหนมีแร่ ที่ไหนมีทองคำ ?

    ท่านก็ยิ้ม บอกว่าเป็นของไม่ยาก เพราะว่าธรณีวิทยานี่คนไทยเก่ง เก่งมานาน เพียงแค่เดินไปดูดิน ดูมูลของดิน

    แล้วก็มองดูสีของดิน สีของดินจะบอกว่าที่ตรงนี้มีแร่อะไรบ้าง หรือจะมีทองคำ หรือจะมีเงิน หรือมีเพชรมีพลอย

    ก็เลยถามว่าวิชานี้ทำไมไม่สอนคนไทยสมัยปัจจุบัน ?

    ท่านบอกว่า ถ้าคนไทยสมัยปัจจุบันอยากจะเรียน ก็เป็นของไม่ยาก แต่ทว่าเขาไม่ได้เชื่อไทยด้วยกัน เขาเชื่อฝรั่ง

    ก็ดี..ก็ใช้ได้แล้วนี่ ก็มีความรู้ดี แต่ว่าลงทุนมากไปหน่อย ถ้าหากว่าใช้วิชาของไทยๆ ด้วยกัน จะไม่ต้องลงทุนไปเรียนถึงต่างประเทศ เมืองฝรั่งมั่งค่า

    ท่านว่ายังงั้น เป็นอันบอกว่าถ้าที่ใดมีดินสีอรุณมาก ที่นั้นจะมีแร่ที่มีค่ามหาศาลมาก เช่น ทองคำและอย่างอื่น ท่านพูดยิ้มๆ ทิ้งไว้เท่านี้ บอกให้ดูดินสีอรุณ

    แต่ว่าต้องดูให้ดีน่ะ สีอรุณจริงๆ แล้วมีเกล็ดพิเศษ บอกลักษณะว่าจะมีทองหรือมีอะไร ทองมากหรือทองน้อยจะดูที่เกล็ดพิเศษของดินสีอรุณ เลยไม่รู้เรื่องกัน..เสร็จ !

    ถามว่าเวลานี้ ทอง แร่ สิ่งที่มีค่ามีมากหรือมีน้อย ?

    ท่านบอกว่าประเทศไทยนี่มหาศาล ทรัพยากรนี่มีมากกว่าชาวโลกทั้งโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้านำทรัพยากรขึ้นมาได้แล้ว ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มั่งคั่งสมบูรณ์ที่สุดในโลก

    แต่ทว่าเรายังไม่รักไทยกัน ว่าส่วนใหญ่รักกระเป๋าตนเองแล้วก็ชอบให้คนอื่นเขามาทำ ทำแล้วก็ให้เขาร่ำรวยไป ไอ้คนไทยซีกลับจน

    ดีไม่ดีก็ไปรุกที่รุกทางของชาวบ้านที่ทำมาหากิน ถือว่าเป็นสิทธิของชาวต่างประเทศ ท่านพูดยังงี้นะ พูดแบบผีพูด ไม่ได้พูดแบบคนพูด ทีนี้คนพูดก็เลยกลายเป็นผีไปด้วย.."

    อ่านตอนต่อไปได้เลย
    "...แต่ทว่าเรายังไม่รักไทยกัน ว่าส่วนใหญ่รักกระเป๋าตนเองแล้วก็ชอบให้คนอื่นเขามาทำ ทำแล้วก็ให้เขาร่ำรวยไป ไอ้คนไทยซีกลับจน

    ดีไม่ดีก็ไปรุกที่รุกทางของชาวบ้านที่ทำมาหากิน ถือว่าเป็นสิทธิของชาวต่างประเทศ ท่านพูดยังงี้นะ พูดแบบผีพูด ไม่ได้พูดแบบคนพูด ทีนี้คนพูดก็เลยกลายเป็นผีไปด้วย

    เห็นท่านบอกว่าก่อนพุทธกาลประมาณ ๒ พันปี พวกชาวไทยเมืองปา จึงได้รวบรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน รวมตัวกันเข้าเป็นกลุ่มๆ เรียกว่าเมือง

    ตานี้พอมาตั้งเป็นเมืองแล้ว เมืองก็อยู่ในเขต ๓ เขตนั่นเอง พ่อเมือง ๓ เมือง ท่านว่ายังงั้น ตอนนี้มาเป็นพ่อเมืองแล้ว...พ่อเมือง ๓ เมือง

    พ่อเมืองเฉวีคนแรกชื่อว่า “ล่อก๊กฉิม” เฉวีก็ได้แก่เมืองกุยบุรี

    นี่ชื่อคล้ายเจ๊กเข้าไปแล้ว นี่ความนิยมชื่อเจ๊กๆ ก็ยังมีอยู่ ทีนี้พ่อเมืองปาวีหรือปาตลีบุตรทีหลัง คนแรกชื่อ “ล่อเปา” คือ เขตเมืองตะกั่วป่าหรือภูเก็ต

    แล้วพ่อเมืองฉ่อปา คือพังงากับกระบี่ มีนามว่า “ล่อเหม็ง” นี่ “ล่อ” กันดะไปเลย ล่อกันไปล่อกันมา ถูกใครเขาล่อเข้ามั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้

    ทีนี้เมื่อตั้งตนอิสระในระหว่างแดนของป่ามานาน คนป่าก็ไม่ได้รบกวน เมื่อรวมตัวกันเข้าแล้วก็อยู่ด้วยธรรมสามัคคี จะมีอะไรก็ปรึกษาหารือกัน

    ท่านว่ายังงั้น ทำแบบประชาธิปไตยมานาน ไม่ใช่ 'คณาธิปไตย' หรือ 'อัตตาธิปไตย' ถามว่าทำมาหากินทำแบบไหนกันล่ะ ?

    ก็บอกว่ามีการค้าขายทางบก ทางเรือ และหากินจากพืชไร่จากแร่ต่างๆ การค้าขายทางบกก็คือติดต่อกับพม่า ไทยเหนือ อินเดีย ทางเรือก็เกาะสุมาตรา มีการค้าหนังสัตว์ พวกแร่ แล้วก็ต่อเรือใหญ่ๆ ติดต่อกับเขตต่างๆ ในระหว่างชายทะเล

    แร่สำหรับการค้าน่ะมีอะไร มีค้าหนังสัตว์แร่แล้วเครื่องประดิษฐ์อื่นๆ ที่ทำด้วยมือ แล้วเครื่องสมุนไพร โดยมากเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน

    แล้วก็แลกเปลี่ยนทองคำ เอาของแลกกัน ยังไม่มีเงินตรา สมัยนั้นยังหาเงินตราไม่ได้ ยังไม่ได้ทำเงินตราขึ้น

    แล้วในกาลต่อมาพวกอาเมี๊ยด คือพวกคนป่าซึ่งมีจำนวนมากกว่ารวมตัวกันเข้าเป็นกลุ่มเป็นก้อน รวมกำลังกันบีบพวกไทย เพราะมีมากกว่า พวกนี้เลวๆ อยู่เสียด้วย มีนิสัยเลวๆ มาก

    ท่านบอกว่า พวกเรามีจำนวนน้อยกว่า แล้วก็ไม่อยากจะรบราฆ่าฟัน อยากจะอยู่อย่างเป็นสุขก็เลยยอมตัวเป็นบริวารเขา ทำตัวคล้ายๆ กับเมืองขึ้น เรียกว่าซูฮก ยกให้เขาเป็นพี่เอื้อย

    แล้วท่านก็คุยต่อไปว่า เรื่องสติปัญญาน่ะมันสู้เราไม่ได้ แต่ปริมาณของมันมากกว่า แต่เราก็ขี้เกียจจะไปรบราฆ่าฟันกับมัน เจ้าพวกนี้เรียกว่าจะเป็นอันธพาลมากกว่าจะเป็นพ่อบ้านแม่เมือง

    ประโยชน์ส่วนใหญ่ที่เราจะได้ก็คือ พวกเรามีรายได้ดีกว่า ก็ยอมให้เขาเป็นลูกพี่ เมื่อยอมให้เขาเป็นลูกพี่ ยกซูฮกให้เขาเป็นลูกพี่แล้ว

    สิ่งของที่ไหนเขาหาได้มาจากป่า เวลานี้เป็นสัมพันธมิตรกัน เราก็รับซื้อเขา รับแลกเขา เขาก็เอามาขายให้แก่เรา เราก็ออกค้าต่างประเทศ

    ระหว่างพวกคนไทยด้วยกันสายเหนือ หรือว่าระหว่างชาวต่างประเทศมีพวกมอญ พม่า พวกแขก แล้วก็พวกสายใต้ไปทางเรือถึงเกาะชวา เป็นต้น

    นี่ ที่เรายอมเป็นลูกน้องเขาน่ะ ความจริงไม่ได้เป็นลูกน้องจริงๆ เพราะเขาไม่มีปัญญา เรายกให้เขาเป็นลูกพี่เขาก็ทำเด่น

    แต่ทว่าผลประโยชน์จริงๆ เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหลายเรามีมาก ร่ำรวย (ท่านคุยเสียด้วย) อาณาจักรเล็กๆ ๒ อาณาจักร

    ถ้าจะรวมทองคำกันจริงๆ มีปริมาณมากกว่าทองคำที่มีไว้ในประเทศไทยนี่เยอะแยะ เพราทองคำนี่เป็นของหาง่าย ขุดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จะเอาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่เก็บต้องตั้งฉางใหญ่ๆ กัน

    ภาคใต้สมัย "พระเจ้าพรหมมหาราช" *(ประมาณปี พ.ศ.๙๐๐-๑๑๐๐ ผู้เรียบเรียง)
    ...ทีนี้ท่านคุยต่อไปว่า อยู่กันมานานแบบนั้นแหละ แล้วก็ความเดือดร้อนอะไรมันก็ไม่มีนัก เขาก็เป็นพี่เอื้อยอยู่แบบนั้น เราได้เปรียบกว่าไม่มีอะไร

    เรามีวัฒนธรรมดีกว่า เขามาปรึกษาหารือ เราก็ให้ความคิดความเห็น เพราะเราต้องการจะเอาตัวรอด และให้พวกนี้ประพฤติปฏิบัติดี

    หลังจากนั้นท่านสุภาพสตรี ผู้เป็นปู่ ย่า ตา ยายเก่าท่านก็คุยให้ฟังต่อไปว่า เมื่อสมัยหลังพุทธกาลหลังจากที่พระพุทธเจ้านิพพานแล้ว สมัยนั้น 'พระเจ้าพรหมมหาราช' มีอำนาจขึ้นในภาคเหนือ

    เมื่อทรงขับไล่ขอม เจ้าพวกขอมดำมันหนีพระเจ้าพรหมมหาราชไป มันก็ลงไปสายใต้ อาจจะกระจายอยู่แถวอยุธยาลพบุรีบ้างก็ได้ อาจจะมีอยู่เพราะพระเจ้าพรหมมหาราชไม่ได้ไล่ไปถึงตอนนั้น

    พอถึงกำแพงเพชรก็ยับยั้งอยู่ เจ้าพวกนี้ส่วนใหญ่ลงไปสายใต้ ไปรวมกลุ่มกับพวกอาเมี๊ยด ยังไม่รวมเลยทีเดียว เรียกว่าไปทำมาหากินอยู่แถวนั้น

    เจ้าพวกนี้คงจะเคยเป็นพระราชามา มีแผนการดี เคยปกครองคนมา อาจจะมีจริยาดีบ้าง สร้างความเดือดร้อนให้แกคนไทยบ้างก็ได้ นี่เข้าใจเอาเองแต่ทว่าท่านไม่ได้บอกไว้ ไม่ได้คุย

    ท่านบอกมันหนีไปตรงนั้นเป็นส่วนใหญ่ เวลานั้นเมื่อพระเจ้าพรหมมหาราชทรงมีอำนาจแล้ว ก็มีการติดต่อระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน

    เพราะว่าทราบกันมานานว่าคนไทยอยู่ที่ไหนบ้าง ทั้งนี้เพราะอาศัยภาษาพูดอย่างหนึ่ง แล้วก็ขนบธรรมเนียมประเพณี นี่เหมือนกัน พูดแบบเดียวกัน มีการค้าขายแบบเดียวกัน

    ไทยเหนือกับไทยใต้มีการติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา รู้กลุ่มของคนไทย ในเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็รู้ข่าวกันจากพ่อค้า แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะถึงกัน

    เว้นไว้แต่ไทยใกล้ส่งข่าวถึงไทยใกล้อย่างนี้ต่อๆ ไปก็ส่งข่าวถึงกันเร็วขึ้นมาหน่อย เรียกว่าการติดต่อก็เป็นแต่เพียงได้ฟังข่าว ว่าไทยเหนือเวลานี้ตั้งกลุ่มเป็นเมืองขึ้น มีอำนาจ

    เวลานี้ขอมเสียอำนาจให้แก่ไทย การจะยกมาช่วยกันก็แสนลำบาก การคมนาคมก็ไม่ดี เป็นอันว่า เป็นแต่เพียงฟังข่าวกันเข้าไว้

    ทีนี้เมื่อพระเจ้าพรหมมหาราชมีอำนาจขึ้นก็มีการติดต่อกัน อาศัยพ่อค้าเป็นสื่อ แล้วก็ใช้พ่อค้าเป็นทูตไปในตัว

    ต่อมาพระเจ้าพรหมมหาราชเองก็เสด็จไปเยี่ยมคนไทยทุกกลุ่มที่ตั้งกันอยู่ที่ไหน แนะนำให้รวมไทยให้เป็นไทย ว่าแต่ละกลุ่มๆ ที่ตั้งกันไว้นี้เป็นเขตๆ

    นี่เป็นความดีแต่ว่าขอให้คนไทยทุกคนทรงความสามัคคีเข้าไว้ อย่าทำลายไทยด้วยกัน ร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันด้วยประการทั้งปวง

    ใครมีทุกข์มีสุขเป็นประการใดก็แจ้งข่าวให้กันและกันทราบ แล้วมีศึกเสือเหนือใต้มาจากไหนก็ตาม ถ้าช่วยกันได้ก็ให้พยายามช่วย

    เพราะยังไงๆ เราก็เป็นพี่เป็นน้อง พ่อเดียวแม่เดียวกัน คนไทยไมใช่คนต่างพ่อ ไม่ใช่คนต่างแม่ จะมาตั้งแง่ทำลายกันนี่ ไม่มีประโยชน์

    ประเภทที่เรียกว่าฉันเป็นคนกลุ่มนี้ ฉันเป็นคนกลุ่มโน้น ฉันเป็นคนกลุ่มนั้น หรือที่เรียกว่าเราเป็นคนพรรคนี้ เราเป็นคนพรรคโน้น เราเป็นคนพรรคนั้น พรรคนี้

    ทำความดีแบบไหนก็ตาม เราไม่เอา เราหวังจะทำลายพรรคนี้ให้พินาศไป เราจะตั้งตัวเป็นใหญ่ พระเจ้าพรหมมหาราชทรงแนะนำว่าการทำแบบนั้นไม่สมควร

    ความเป็นใหญ่ พระเจ้าพรหมมหาราชทรงแนะนำว่าการทำแบบนั้นไม่สมควร ความเป็นใหญ่ ต้องเป็นทุกคน ต่างคนต่างใหญ่เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน

    ต่างคนต่างต้องรักษาผืนที่ ว่าผืนที่แผ่นนี้เป็นของเรา แต่ละคนถือว่าเป็นของเรา ก็ถือว่าคนไทยด้วยกันทุกคนเป็นเรา ไม่ใช่ใคร

    ถ้าใครเขามีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น เราก็ยินดี ร่วมมือกับเขาสร้างความเจริญ ไม่ใช่ทำลายเขา นี่เป็นนโยบายของพระเจ้าพรหมมหาราช

    สมัยนั้นคนไทยภาคใต้มี ๓ กลุ่ม
    ...ในสมัยที่ตั้งไทย คือไทยยุบไปแล้วตั้งไทยขึ้นมาใหม่ด้วยอำนาจปาฏิหาริย์พิเศษ เมื่อพระเจ้าพรหมเสด็จมาเยี่ยม...เยี่ยมทุกกลุ่ม

    เห็นว่าคนไทยจริงๆ ตั้งอยู่เป็น ๓ กลุ่ม มีอาณาเขตกว้างขวางดีมาก มีความสามัคคีกันดี มีการค้าขายทำมาหากิน

    สร้างความเจริญให้เกิดกับเขตของตนเป็นอย่างดี มีความสามัคคีกันดี มีการค้าขายทำมาหากิน สร้างความเจริญให้เกิดกับเขตของตนเป็นอย่างดี

    แล้วก็ทุกคน ทุกเขตมีความสามัคคีกัน ติดต่อถึงกันอยู่เสมอ พระองค์ก็ทรงปลื้มใจ จึงได้ทรงแนะนำว่าคนไทยเราน่ะเวลานี้ ชื่อมันยังไม่เหมือนกัน คนนั้นชื่อแบบนั้นคนนี้ชื่อแบบนี้

    เมื่อฟังแล้วก็ไม่มีสัญลักษณ์ว่าอะไรเป็นพวกเดียวกัน ฉะนั้นให้มาตั้งชื่อพ่อเมืองเสียใหม่ ใครจะมาเป็นพ่อเมืองกลุ่มไหนก็ตาม ให้ใช้นามว่า “พรหม” ขึ้นหน้า

    นี่แบบเดียวกับคำว่ารามา คำว่ารามาสมัยนี้ ให้ใช้คำว่าพรหมขึ้นหน้าจะได้รู้กันว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มของไทย ว่ายังงั้น ตานี้เมื่อท่านแนะนำแบบนั้น

    คนไทยทุกกลุ่มก็ เอ้า..เมื่อชื่อ 'พรหม' ก็พรหม จะได้รู้ว่าเป็นคนไทยด้วยกัน เวลาเรื่องร้ายเกิดขึ้นมาแล้วก็จะได้รู้ว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มไทย จะได้ช่วยกันกำจัดภัยที่จะบังเกิดกับกลุ่มของตน

    ตานี้ การที่พระเจ้าพรหมมหาราชทรงแนะนำแบบนั้น 'พ่อเมืองเฉวี' คือกุยบุรี ก็ตั้งชื่อของตนขึ้นมา โดยบรรดาประชาชนทั้งหลายเห็นชอบว่า เจ้าเมืองกุยบุรีนี่ควรจะมีพระนามว่า “พรหมภักดิ์”

    แล้วก็ 'พ่อเมืองปาวี' คือเขตตะกั่วป่าภูเก็ตก็มีนามว่า “พรหมมณี” แล้ว 'พ่อเมืองฉ่อปา' คือกระบี่กับพังงามีนามว่า “พรหมจักร” ไม่ยักมีพระพรหมทัตแฮะ..พรหมทัตก็อยู่แถวโน้นซิ แถวภาคอีสาน.."

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)
    FB_IMG_1568678520168.jpg
     
  6. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    FB_IMG_1568693293822.jpg

    เรื่อง ตนเตือนตน

    ศิษย์ : หมั่นดูจิตตัวเอง ถ้า โลภ โกรธ หลง ลดลง หลวงปู่บอกใช้ได้ แต่จะทำอย่างไรให้ใจมันเป็นกลางไม่เอียงเข้าข้างตัวเองครับ

    อาจารย์ : สติปัญญา มองตัวไม่ต้องดูคนอื่น มองเลวในตัวเองให้เจอ ค่อยๆลดตอนแรกๆต้องฝืนใจ เพราะนิสัยที่ทำมาจนชิน คือ สันดาน บอกตัวเองถ้าไม่แก้ไขใครจะช่วย ลป.ดู่ บอกว่า ตนเตือนตนได้ใครไม่ต้องเตือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครเขาจะเตือน สิ่งเหล่านี้มันติดจิตยิ่งกว่ากาวเป็นร้อยชาติพันชาติค่อยๆทำไป กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การรื้อขนกมลกิเลสก็เช่นกัน ถ้าเราทำจนเห็นความน่ารังเกียจของตัว ก็จะเริ่มรักษาคุณภาพของจิตเอง
    คนใกล้ตัวคือคนที่อยู่ใกล้ ร่วมจิตร่วมใจสร้างบุญกันมานาน ความชื่นบานของผู้นำ คือความสามัคคีของหมู่คณะเพราะไม่รู้จะไปวันใหน หวังแต่เพียงให้ได้ปัญญาติดปลายนวมกันมากบ้างน้อยบ้าง เท่านี้ถือเป็นความสุขใจไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านี้

    ท่านอาจารย์ศุภกฤษณชัยวงค์(ศุภรัตน์) แสงจันทร์
    บันทึกวันที่ 9 กันยายน 2562
     
  7. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ๑๔| ธรรมสาธก

    FB_IMG_1568696034153.jpg
    มนุษย์ คือผู้มีใจอันประเสริฐ์ แต่ทำไมหลายคนมี
    จิตใจเหี้ยมโหด
    เพราะว่าเขาพวกนี้มีใจเป็นสัตว์เดียรัจฉาน
    แต่มีกายเป็นมนุษย์
    ทำไมเล่าคนจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้

    นี่เแหละคือปัญหาใหม่ในโลก.

    #มั่นในธรรม หมั่นทำ #สมาธิ ศิษย์พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ห
    #ทำสมาธิ : Meditation Power : ร่วมเผยแพร่หลักสูตรการปฏิบัติสมาธิของ #หลวงพ่อวิริยังค์ I CR: Pics. จากหนังสือ ๙๙ ธรรมสาทก โดย พระพรหมมงคลญาณ วิ. (พลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
    FB_IMG_1568695948147.jpg
     
  8. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    FB_IMG_1568729716516.jpg

    " เมื่อหลวงพ่อเดิมให้คาถาเมตตามา อาตมาก็ท่องไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็ไม่ได้ใช้ เพราะไม่ได้สึก พอมาเรียนพระกรรมฐานและสติปัฏฐานสี่ในตอนหลังนี้ ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าคาถาที่หลวงพ่อให้ไม่ใช่คาถาเมตตาที่ไหนเลย แต่เป็นคำสอนของพระบรมศาสดาทั้งนั้น เช่น

    นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ
    โม กาโร โกมะนาคะมะโน นลาถิเต
    พุท กาโร กัสะโปพุทโธ จะเทวเนตรเต
    ธา กาโร ศากยะมุนีโคตโม จะเทวกัณเณ
    ยะ กาโร ศรีอริยเมตตรัยโย ชีวหาถิเต
    ปัญจะพุทธานะมามิหัง ฯ

    ให้ระมัดระวังศีรษะ ให้รู้จักน้อมคารวะผู้มีคุณธรรม,หน้าผาก ก็ให้ผ่าเผยด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม,ดวงตา ให้สำรวมระวังในการมองดู เพราะนั่นเป็นทางเกิดกิเลสต่างๆ ,หู ให้ฟังหูไว้หู ให้หูหนักเข้าไว้อย่าหูเบา ,และลิ้น นั้นให้ระวังสำรวมในรสอาหารอย่าไปติดมันเข้า เพราะมันให้เกิดกิเลส

    ดังนั้นคาถาเมตตาของหลวงพ่อเดิมจึงรวมเอาคำสอนของพระบรมศาสดาเรื่องการสำรวมระวังอินทรีย์ทั้งนั้น แต่เมื่อคนเกิดไปภาวนาด้วยความมั่นใจแล้ว ก็ทำให้ขลังได้เหมือนกัน

    [ ที่มา:เมื่ออาตมาอยู่เรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม โดย พระราชสุทธิญาณมงคล ( หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ) จากหนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม ๑๐ ]
     
  9. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    มีคาถาดีๆมาฝาก
    ผมท่องมา 30 กว่าปีแล้วครับ
    คุณปู่ก็เคยบอกให้ผมทีองคาคานี้ ว่าสำคัญมาก
    ก็ตรงกัน

    ขอบคุณภาพและข้อความจากคุณนนท์ ฯ

    #พระคาถาหนีเคราะห์

    มีใครเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างมั้ยครับ??
    เป็นพระคาถาที่องค์หลวงพ่อวัดท่าซุง
    ท่านมอบให้แก่ท่านพ่อมนัส มฺนตชาโต
    เป็นพระคาถาเฉพาะห้ามเปิดเผยครับ
    ท่านพ่อได้ใช้ทำน้ำมนต์
    อาบสงเคราะห์คนที่ไปหาท่านเรื่อยมา

    *แต่เมื่อวันก่อน ตุ๊พ่อพระมหาสิงห์ วิสุทโธ
    ได้เดินทางมาพัก++รับสังฆทานที่บ้านผม
    ท่านได้เมตตา..สอนพระคาถานี้ให้ผมครับ
    ตุ๊พ่อบอกว่าองค์หลวงพ่อให้เปิดเผยได้แล้ว
    ท่านใดต้องการหนีเคราะห์ รับโชคลาภใหญ่
    ลองจำพระคาถานี้ไปภาวนาดูนะครับ

    *อิ ติ ปา ระ มิ ตา ติง สา
    อิ ติ สัพ พัญ ญู มา คะ ตา
    อิ ติ โพ ธิ มะ นุป ปัต โต
    อิ ติ ปิ โส จะ เต นะ โม

    *อิ ติ ปิ โส วิ เส เส อิ
    อิ เส เส พุท ธะ นา เม อิ
    อิ เม นา พุท ธะ ตัง โส อิ
    อิ โส ตัง พุท ธะ ปิ ติ อิ

    *พุท ธะ มะ อะ อุ
    ทุก ขัง อนัต ตา
    สัม ปะ ติจ ฉา มิ
    ✨✨✨✨✨✨✨
    FB_IMG_1568860227350.jpg

    องค์ที่นั่งอยู่บนโซฟาทางซ้ายมือ
    *คือองค์ท่านพ่อมนัส มฺนตชาโต
    ท่านอยู่ที่จันทบุรีครับ
     
  10. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    อาจาริยวาท
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒
    “ใครเขาบอกว่า หลวงพ่อต้องการเงินมาก ๆ หลวงพ่อต้องการ ยศถาบรรดาศักดิ์ หลวงพ่อต้องการ ชื่อเสียง หลวงพ่อต้องการ อวดดี อะไรต่าง ๆนั่น ไม่มีเป็นเด็ดขาด

    หลวงพ่อตั้งใจอยู่แล้วว่า ทำยังไงความสุข จะให้เกิดแก่ชาวโลกได้ อันนั้นเป็นสิ่งที่ หลวงพ่อปรารถนาไว้ แต่เมื่อหลวงพ่อยังเด็ก ยังเด็กยังไม่ทันได้บวช ยังเป็นเด็กอยู่ แล้วก็เป็นโรคอัมพาต ไม่มีใครรักษาให้ได้

    ตาผ้าขาว มารักษาให้หลวงพ่อ เพราะอะไร เพราะว่าหลวงพ่อ อธิษฐานว่า “ข้าพเจ้า ถ้ามีใครมารักษาข้าพเจ้า ให้หายจากโรคอัมพาต ข้าพเจ้าจะอุทิศชีวิตนี้ ให้แก่ชาวโลกทั้งสิ้น ให้เขามีความสุข ด้วยการทำสมาธิ”

    เพราะว่าตอนนั้นน่ ะตอนที่หลวงพ่อป่วย หลวงพ่อได้สมาธิแล้ว หลวงพ่อเสียดายว่า สมาธิอันนี้ควรจะแผ่กระจาย ไปทั่วโลกอย่างนั้น จึงได้อธิษฐาน อธิษฐานได้ ๗ วันเท่านั้น ตาผ้าขาวก็มารักษาหลวงพ่อ หลวงพ่อหายก็ต้องทำตามสัญญา เพราะฉะนั้น ความตั้งใจของหลวงพ่อ ไม่ได้ตั้งใจอย่างอื่น ตั้งใจด้วยความบริสุทธิ์”

    พระพรหมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
    ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ
    อนุโมทนาขอบคุณ ผู้มีส่วนในธรรมะสาระ และภาพประกอบนี้
    จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่ม ๒ หน้า ๑๗๓
    w.i.f.18 huahin
    ธัมม์นิยม...แบ่งปัน
    FB_IMG_1568863374858.jpg
     
  11. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ท่านอาจารย์เล่าเรื่อง มาอีกครั้งหนึ่งครับ

    เรื่อง ผ้าห่อพระศพ และ คำว่า ผีตายโหง เพี้ยนมาจาก....คำว่า....

    อาจารย์ : เมื่อได้ผ้าทีพลีมาแล้วถือว่ามีเบญจภูติ เหมือนชนวนสร้างพระ แต่นี้พร้อมที่จะใช้ทำแหวนพิรอดต่อไป ทำไมต้องเป็นผีตายโหง ลป.ดู่ เคยบอก “ลป.ทิม วัดละหารไร่ ท่านเอาภูติจากพรายกุมารที่ไม่ใช่วิญญาณตายโหง” ลป.ดู่ บอกตายหงส์ คือ นกที่รู้ว่าจะตายจะบินสูงสุดแล้วปล่อยตัวลงมา นกเมื่อตกมาส่วนใหญ่คนจะไม่รู้ แต่ผีตายหงส์ร่างกายจะต้องโดนการกระแทกอย่างแรง เฉกเช่นการระเบิดจนจิตอาศัยไม่ได้ ผู้ที่เรียนรู้มาด้านพลังจิตจึงใช้เคล็ดตรงนี้
    ลป.ดู่ บอกการเสกของให้ครบต้องมี 5 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ เหมือนกับ ลป.เทียม วัดกษัตราฯบอกไว้เช่นกันตามแบบวัดประดู่ โดยมีพระนั่ง 4 กับอาจารย์ 1 ถือเป็นอากาศธาตุ อาจารย์จะคอยควบคุม แต่ยกเว้นผู้ที่ได้ภูติพระเจ้าทำได้เลย เพราะมีแต่พระพุทธเจ้าที่อธิษฐานได้ครบ 5 ธาตุ และลป.เทียม บอกของที่เสกจะมีอาณุภาพมาก ตอนเด็กๆ พ่อได้แหวนพิรอดของ ลพ.ไห วัดบางทะลุ มอบให้ท่านบอก 1 วง กันคนได้ถึง 7 คน

    ท่านอาจารย์ศุภกฤษณชัยวงค์(ศุภรัตน์) แสงจันทร์
    บันทึก วันที่ 4 ก.ย.2562 เวลา 19:09 น.
    FB_IMG_1568863592009.jpg FB_IMG_1568863737190.jpg
     
  12. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำยืนยันกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า “มาเกิดครั้งนี้เพื่อจรรโลงให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข และบำเพ็ญบารมีปรารถนาพุทธภูมิ”
    171003-1.jpg
    ในครั้งหนึ่งที่ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้เข้าเฝ้าแสดงธรรมเทศนาและสนทนาธรรมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2520 หลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้เมตตาเล่าเรื่องราวการสนทนาธรรมในครั้งนั้น ซึ่งต่อมาได้พิมพ์ลงในหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ฉบับที่ 212 ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2541 บทสนทนาธรรมดังกล่าวมีเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้
    171003-2.jpg
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : เขาพูดกันว่า “ผมปรารถนาพุทธภูมิ” เป็นความจริงไหมครับ ?
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : เรื่อง “ปรารถนาพุทธภูมิ” นี่ พระองค์ปรารถนามานาน แต่เวลานี้ บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” แล้ว ก็เหลืออีก 5 ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระองค์เป็น “วิริยาธิกะ” วิริยาธิกะนี่ต้องบำเพ็ญบารมีถึง 16 อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว แสนกัปอาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก 5 ชาติ
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ : พระเจ้าอยู่หัวก็ดี หม่อมฉันก็ดี ก็มีความเคารพในพระคุณพระราชวงศ์จักรีอยู่ตลอดเวลาที่ท่านทรงสามารถจะทรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็อยากจะทราบว่า ทั้งสององค์นี่จะทรงชาติกับศาสนาไว้ได้ไหม ?
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : ก็ได้ ประเทศเราไม่มีเกณฑ์จะต้องตกเป็นเหยื่อคอมมิวนิสต์
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ : ฉันทั้งสององค์นี่ ทั้งพระเจ้าอยู่หัวด้วยและฉันด้วย จะต้องตายเพราะการที่เขาจะมุ่งร้ายไหม ?
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : ก็เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่เป็นนักรบฝีมือดีมาจากสุโขทัย และมาเกิดคราวนี้ต้องการจะเกิดเพื่อจรรโลงให้คงอยู่ให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วเรื่องอะไรที่ต้องตายเพราะคมอาวุธล่ะ ถ้าจะเจ็บตายเองเป็นเรื่องธรรมดา และต้องตายด้วยเรื่องคมอาวุธ...อันนี้ไม่มี

    171003-3.jpg
     
  13. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    "การนอน การสงบเข้าฌาณ เป็นอาหารของจิตและร่างกายอย่างหนึ่ง สมถะ ต้องพักจิตสอบอารมณ์ ส่วน วิปัสสนา จิตเดินไตรลักษณ์ให้รู้อริยสัจ เหนื่อยแล้วเข้าพักจิตพักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีกดังนี้ ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิต การเดินจิต ทั้งวิปัสสนาและสมถะ พระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้ ชำนิชำนาญทั้งสองวิธี จึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้ เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิ เป็นมหาปัญญา มีศีลทั้งอย่างหยาบอย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิตเจตสิก พร้อมทั้งกรรมบถ ๑๐ ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้ง สว่างทั้งภายในและภายนอก มีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์ วิมุติ อกุปธรรม จิตบริสุทธิ์ จิตปกติเป็นจิตพระอรหันต์ สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ ปุถุชนติเตียนเกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์ กายเป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็นชาตินิพพาน นิพพานมี ๒ อย่าง นิพพานยังมีชีวิตอยู่ ๑ นิพพานตายแล้ว ๑ พระอรหันต์ขึ้นรถขึ้นเรือไปนิพพานฉะนั้น"

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    FB_IMG_1569032459853.jpg
     
  14. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    FB_IMG_1569104498234.jpg
     
  15. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    บันทึกไว้ ให้คงอยู่ ชั่วลูกหลานสืบไป

    บทกวดน้ำใหญ่แล้ว หลวงปู่ท่านจะใช้
    บทอนุญาตเวร(อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร)
    เวรานิปิ นะภันทันติ
    เวลังเตสุง ปะสัมปะติ
    เวรังเวเร นะเวรานิ
    เวระสันตัง นะมามิหัง
    กัมมัสสะโตเมตัง
    กัมมัสสะวะนัง
    อะหัง จุติ จุตัง จุภาวัง มะระณังจุติ
    ประมาณว่า ขอให้เวรกรรมทั้งหลายที่ทำมาอย่าได้มาเบียดเบียนบีฑา อันเป็นเครื่องริดรอนในการจะสร้างบุญกุศลจนกว่าจะได้ถึงธรรมเป็นการแปลโดยอรรถคือแปลโดยใจ_ความ
    เป็นอีกบทหนึ่งที่หลวงปู่ใช้ทุกครั้ง ทุกวันหลังจากแผ่เมตตาใหญ่ บทนี้น่าจะอยู่ในบทพระธรรมคุณ

    แชร์ไว้ครับ คาถาหลวงปู่จะได้คงอยู่
    FB_IMG_1569231081618.jpg
     
  16. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    บทกรวดน้ำใหญ่
    วันนี้จะมาสอนคาถา กรวดน้ำใหญ่ นอกจากคาถา บทสั้นคือ พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักวารัง สังฆัง นิพพานะปัจจะโยโหตุ บทกรวดน้ำใหญ่นี้เป็นบทเต็ม ให้ทุกท่านที่อ่าน แชร์เป็นธรรมทาน ขอให้ท่านตั้งใจ
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา
    อาจะริยูปะการา จะ มาตา ปิตา จะ ญาตะกา ปิยา มะมัง
    สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ
    พรัมมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา
    ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ
    สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม
    สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โวมะตัง
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ
    ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง
    เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง
    นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว
    อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา
    มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม
    พุทโธ ทีปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม
    นาโถ ปัจเจกกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง
    เตโสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มาฯ
    ต่อด้วย
    ขอเชิญ พระเสื้อเมือง หลักเมือง ทรงเมือง พระภูมิเจ้าที่ เจ้ากรุงพาลี นางพระธรณี นางพระคงคา พระยายมราช พระแม่โพสพ พระเพลิง พระพาย มหาราชิกา ฝ่ายบนจนสิ้นสุดแห่งพรหมมา ฝ่ายใต้ตั้งแต่อเวจีแต่เพียงมนุษา โดยรอบสุดขอบจักรวาลและอนันตจักวาล ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ที่ได้สุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเดชะผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศกรวดน้ำไป ณ บัดนี้
    พุทธัง อนันตัง
    ธัมมัง จักวารัง
    สังฆัง นิพพานะปัจจะโยโหตุ
    FB_IMG_1569232063276.jpg
     
  17. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    #ฆราวาสทรงพลังจิต

    พระพุทธเจ้า ทรงบัญญัติวิชชา ให้ บริษัท๔ ปฎิบัติตามศีลตน และ ปฎิบัติภาวนาเพื่อให้เกิด วิชชาความรู้ยิ่งเกิดขึ้นมา มี หลักสูตร ได้ โดยไม่ต้องบวชพระ เช่น กุลบุตร ก็สามารถ ปฎิบัติ ภาวนาให้มี พลังจิตสูง จนเกิด อภิญญา ๕ ได้ หรือ เป็น พระอริยเจ้าเบื้องต้น เช่น พระโสดาบัน พระสกทาคามี หรือแม้ผู้หญิง สามารถออกบวช เป็นชี บรรลุ พระอนาคามี ถึง พระอรหันต์ก็สามารถทำได้ เพราะ จิต สามารถฝึกได้ ขณะเราเป็น มนุษย์ แม้กระทั้ง พระเจ้าสุทโธทนะ ก็บรรลุ พระอรหันตผลใน เพศฆราวาส ฉนั้น ขึ้นชื่อว่า มนุษย์ พบพระพุทธศาสนา พระธรรมวินัยมี เราก็ทำตามหน้าที่ เรา ตามพระธรรมคำสอน ก็สามารถเข้าถึงความดีได้ ไม่ ต้องนัอย อก น้อยใจ ว่า ไม่ได้บวชพระ เพราะหน ทางการปฎิบัติ ปฎิปทามี ตามหน้าที่บริษัท๔ จะเห็น ฆราวาสชี ที่ท่านสามารถ ทำ สมาธิเข้าถึงเช่น ปู่ก๋ง จ๋าบ สุวรรณ ครูสอนกรรมฐานวัดประดู่ ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา แม้หลวงพ่อปาน บางนมโค ยังยอมรับ และ เป็น ครูแนะ พระกรรมฐาน พระสุปฎิปันโน กรุงเก่า มีชื่อมากมาย เเม่บุญเรือน แม่ชีแก้ว แปะโรงสี ปทุมธานีเป็นต้น ท่านเหล่านี้ต่างผ่านการ ฝึกสมาธิชั้นสูงทั้งนั้น
    FB_IMG_1569335943858.jpg FB_IMG_1569335948591.jpg FB_IMG_1569335946124.jpg FB_IMG_1569335955388.jpg FB_IMG_1569335951330.jpg
     
  18. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    .
    #ธรรมะจากใจ
    .
    ตอน #ผล ๑๐ ประการของพลังจิต
    โดย #พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์
    .
    .
    ...คนเราเนี่ยถ้า หากว่ามีสมาธิหรือเรียกว่า
    มีพลังจิตแล้วผลที่จะเกิดขึ้นจากพลังจิตนั้นน่ะ
    เขาเรียกว่า #ผลที่เกิดขึ้นจากพลังจิต
    .
    .
    ผลเกิดขึ้นจากพลังจิตนั้นมันเกิดขึ้น
    ในอับดับแรกคือการรับผิดชอบ การรับผิดชอบสูง
    การรับผิดชอบสูงนั้นน่ะมัน จะเกิดตามพลังจิตมา
    อันดับแรกคือจะเกิดผล ๑๐ ประการ
    .
    .
    ผล ๑๐ ประการ นั้นคือ
    ๑.ความรับผิดชอบสูง
    ๒.ความมีเหตุผล
    ๓.ทำให้หลับง่าย
    ๔.ความมีเมตตา
    ๕.ความมีความสุข
    ๖.สามารถควบคุมจิตใจได้
    ๗.พัฒนาสมองและปัญญาให้กว้างขวางกว่านี้
    ๘.การทำงานได้สม่ำเสมอแล้วก็ทำได้นานกว่าปกติ
    ๙.การเปลี่ยนใจจากชั่วเป็นดี
    ๑๐.การตัดสินใจที่ถูกต้อง
    .
    .
    ๑๐ อย่าง ถ้าหากว่าจำไม่ได้มาจดเอาว่าเวลาที่เรา
    ทำสมาธิแล้วผลมันจะออกมา ๑๐ อย่างนี่โดยที่เรา
    ไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่ว่าเราสะสมพลังจิตแล้วผล
    ๑๐ ประการนี้จะออกมาให้เราเป็นอัตโนมัติ
    .
    .
    เพราะฉะนั้นโอวาทานุสาสนี คำสอนขององค์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นของดี
    เป็นของวิเศษ นับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลของโลก
    .
    .
    ...เราจึงมาเข้าวัดแล้วก็มาทำสมาธิ มันเป็นการ
    ถูกต้องที่สุดสำหรับชีวิตของคนเรา เพราะว่ามันมี
    ข้อนึ่งบอกว่าสามารถพัฒนาสมองเนี่ยดีกว่าคนที่
    ไม่ได้ทำสมาธิอีก ๕๐% อะไรอย่างเนี่ย
    .
    .
    คนที่ไม่ได้ทำสมาธิได้แค่เนี่ยแต่เราจะต้องได้มาก
    กว่า เพราะอะไร เพราะว่าหัวสมองของเราเนี่ยมันมี
    อารมณ์ อารมณ์มันจะเข้ามาทางสมองอันดับแรก
    พออารมณ์เข้ามาเนี่ยมันจะผ่านคลื่นเขาเรียกว่า
    คลื่นสมอง
    .
    .
    อย่างนี้ พอผ่านคลื่นสมองแล้วมันจะผ่านไอ้ความ
    สั่นสะเทือนของสมอง เดี๋ยวพูดภาษาอังกฤษให้ฟัง
    หน่อย คลื่นสมองนี้ คลื่นเขาเรียกว่าเวฟ (wave)
    มันจะผ่านแล้วผ่านเวฟมาแล้วมันจะผ่านไวเบรชั่น
    (Vibration) ไวเบรชั่นนี้ มันคือการสั่นสะเทือนพอ
    การสั่นสะเทือนนี้แล้วมันก็ไปทำงานที่สมอง
    .
    .
    เหมือนกันกับน้ำ น้ำที่มันติดพร้อมไปด้วยเชื้อโรค
    ที่ไม่ได้กลั่นกรองอะไรเข้ามา พอเข้ามาถึงคลื่นแล้ว
    เข้ามาถึงไอ้การสั่นสะเทือนของสมองนี้ สมองมันก็
    ทำงานหนัก พอทำงานหนักแล้วเหมือนกับคนแบก
    ของหนักๆ
    .
    .
    เนี่ยจะเอาไปให้อะไรก็ลำบากอย่างนี้ พอเวลาเรา
    ทำสมาธิแล้วเนี่ยเรามีพุทโธ เรานึกพุทโธ พอเรานึก
    พุทโธได้แล้วนี่อารมณ์ต่างๆมันก็ผ่านเวฟ ผ่านคลื่น
    พอผ่านเวฟแล้วไวเบรชั่น ไอ้แบคทีเรีย ไอ้เชื้อโรค
    มันก็จะต้องถูกกรองหมดแล้วก็ผ่านสมองเราเข้ามา
    ที่นี่สมองของเราก็โปร่ง มันก็เก่งกว่าคนอื่น
    .
    .
    .
    คัดมาจากส่วนหนึ่งในหนังสือ "ธรรมะจากใจ"
    หน้าที่ ๒๔๓ ย่อหน้าแรก

    .
    #พระพรหมมงคลญาณ วิ.
    #พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์สิรินฺธโร
    .
    #ด้วยความเคารพในพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูง
    .
    #กราบนมัสการพระอาจารย์
    ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง
    ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง
    ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
    FB_IMG_1569367542374.jpg
     
  19. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    (หลวงตาม้า).. กล่าวไว้ว่า...
    เช้าสวด เย็นพิจารณาอารมณ์ ความคิดไปทางไหน
    ดีมาก ไม่ดีมาก ถ้าอารมณ์ไม่ดีมาก บุญจะไม่รับ ถ้า
    อารมณ์ดี บารมีก็เกิด แสงสว่างก็เกิด สวดมนต์ให้ดีต้องว่ากันเป็นปี ว่ากันเป็นหลายปี อย่าเลิกสวดละกัน
    มันต้องต่อเนื่อง สวดแค่สองทุ่มครึ่ง มันน้อยไป

    "มันไม่ยากหรอก ไอ้ที่ยากน่ะ มันไม่ทำ"
    FB_IMG_1569371171260.jpg
     
  20. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    .
    #ธรรมะจากใจ
    .
    ตอน #การต่อชีวิต
    โดย #พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์
    .
    .
    ...การที่เราจะต่ออายุ ต่อชีวิตนี่
    หลวงพ่อว่าทำสมาธิจะเป็นการต่อชีวิตได้
    มากกว่าอย่างอื่น
    .
    .
    เพราะได้แก่ตัวของหลวงพ่อเองนั้นได้ประสบ
    โรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนหลายครั้งแต่ก็ผ่าน
    มาได้ด้วยสมาธิ เพราะว่าเวลาเราทำสมาธินี้มัน
    ไม่เกิดการฟุ่งซ่าน ไอ้การฟุ้งซ่าน ไอ้การกังวล
    เนี่ยมันบั่นทอนชีวิตของเรา
    .
    .
    สมาธิเนี่ยมันทำให้เกิดความสุข นอกจากทำให้
    เกิดความสุขแล้วก็เป็นการรักษาโรค นอกจาก
    รักษาโรคมันก็ทำกระชุ่มกระชวยชีวิต
    แล้วก็นอกจากนั้นก็
    #เป็นบุญ #เป็นวาสนา #เป็นบารมี พร้อมเลย
    มีพร้อม
    .
    .
    สำหรับ #การทำสมาธิ เนี่ยมันจะ
    .
    #ทำให้ชีวิตของเรามีค่าแล้ว
    #ทำให้ชีวิตของเรากระชุ่มกระชวย
    #ทำชีวิตของเราให้เกิดความสุข
    #ทำชีวิตของเราให้ได้รับประโยชน์มีคุณค่า
    .
    พัฒนาให้เกิดคุณค่าขึ้นมา แล้วก็การทำสมาธิก็
    ไม่ยากด้วย ไม่ใช่ของยากที่เราจะต้องไปลงทุน
    อะไรมากมายเพียงแต่เรามี #กาย กับ #ใจ
    เราก็สามารถทำสมาธิได้
    .
    .
    การที่เรามี #ศรัทธา เนี่ยจะเป็นตัวนำอันดับแรก
    ศรัทธาคือความเชื่อ เชื่อมั่นว่าการทำสมาธินี้
    ได้บุญจริงคือเสียสละร่างกายและจิตใจของเรา
    เพื่อตัวของเราเองแต่กลับได้บุญเยอะ
    .
    .
    .
    คัดมาจากส่วนหนึ่งในหนังสือ "ธรรมะจากใจ"
    หน้าที่ ๗๑ ย่อหน้าแรก
    .
    .
    #พระพรหมมงคลญาณ วิ.
    #พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์สิรินฺธโร
    .
    #ด้วยความเคารพในพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูง
    .
    #กราบนมัสการพระอาจารย์
    ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง
    ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง
    ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    FB_IMG_1569452729211.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...