ลักษณะที่เกิดเวลาสวดมนต์และนั่งสมาธิ

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ton2648, 29 พฤษภาคม 2008.

  1. TripleXNeo

    TripleXNeo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +99
    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมสวดมนต์ตามปกติ ปกติจะสวด ยอดพระกัณพระไตรปิฏก พาหุงมหากา ชินบัญชร แต่ที่ไม่ปกติก็คือวันนั้นผมตั้งใจจะสวด คาถายอดพระกัณพระไตรปิฏกให้ครบ 3 จบ แล้วพาหุงมหากา ชินบัญชรอย่างละจบ แต่ในขณะสวดยอดพระกัณพระไตรปิฏกจบที่ 3 ก็เกิดอาการที่ขนลุก เข้ามา ซึ่งปกติไม่เคยเป็น เลยบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใดที่รู้สึกอย่างนั้น จิตใจผมตั้งใจจะสวดให้ครบ 3 จบเพียงอย่างเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  2. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    เมื่อปี 48 ครั้งแรกที่ผมขึ้นไปลงลักปิดทองที่พระอุโบสถ วัดพระบาทสี่รอยพอลงรถขนของลงรถเสร็จจึงขึ้นไปพระอุโบสถ เพื่อไปกราบพระประธาน แต่พอเห็นพระอุโบสถ ก็ขนลุก ขึ้นบรรไดก็ขนลุกตลอดเวลา (ขนลุกแทบทุกเส้นขน)ไม่ทราบเพราะอะไรครับ แต่พอเข้าพระอุโบสถก็ไม่เห็นขนลุกอีกเลย
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    การที่เรามีอาการ ขนลุก เพราะ จิตสัมผัส กับ จิต

    ดังนั้น เมื่อเรา แผ่เมตตา อุณหภูมิรอบตัวเรา

    จะ ปรับไปตาม สภาวะของจิตที่เข้ามาคะ

    ดังนั้น หาก เป็น จิตที่สูง หรือ จิตที่ ละเอียด มาก อุณหภูมิ จะเป็น พลังงาน อุ่น

    หรือ หากเป็น อุณหภูมิที่ต่ำ ก็ จะ เป็น พลังงาน เย็น หรือ จิตที่เย็นสงบ

    ดังนั้น จิตที่เป็น รูป ของ เทพ จะ ทำให้ เรารู้สึก อบอุ่น เพราะ พวกท่าน ยังล่อเลี้ยง จิตด้วย บุญ

    แต่ หากเป็น เทพ ที่อยู่ ชั้น สูงขึ้นไป ในรูป ของ พระโพธิสัตว์ จะ รู้สึกเย็นคะ

    เพราะ จิต ที่เราสัมผัส ไม่ได้ ปราถนาสิ่งใด อีกเเล้ว

    ความเย็น จะ ค่อยๆ สัมผัส กับร่าง เเต่ ถ้าเป็น เทวดา จะ รู้สึกอุ่นคะ

    เพราะ เป็น เพราะ จิตของ เทพ ยัง คงมี บุญยังคง เป็น ตัวกำหนด รูปจิต

    ถ้าหาก เรารู้สึกขนลุก และ อุ่น อันนี้ เทพ ชั้น ทั่วไปคะ

    ถ้าเย็น เป็น ดี คะ เพราะ จิตเรา สงบ มาก จนไม่รู้สึก ถึงอุณหภูมิ ภายนอกอีกต่อไป

    ขอให้ ปฏิบัติ ไม่ต้องสงสัยนะคะ เพราะ ถ้ายิ่งถาม จะยิ่ง ฟุ้งซ่านอีกคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  4. Roma

    Roma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +26
    สวัสดีค่ะคุณ สันโดษ ดิฉันเป็นสมาชิกใหม่ รบกวนสอบถาม คุณ สันโดษ หน่อยค่ะ
    จะสอบถามเรื่องการรู้เหตุการณ์ ล่วงหน้าได้นะค่ะ พอดีว่า ประสบการณ์ หลายครั้งของดิฉัน มักจะคาดการณ์ แล้ว และเกิดเป็นเรื่องจริงเสมอ ช่วยตอบด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    กรณี ของ คนที่ของคนที่ คาดการณ์ ล่วงหน้าได้ เป็น เพราะ จิต มี การปฏิบัติมาดี

    คุณเป็น คนที่ ชอบ อ่านหนังสือมากๆ จึง ทำให้ จิต มี สภาวะ ความนิ่ง กว่ามนุษย์ปกติ

    ที่นี้ เมื่อ จิต นิ่ง สภาวะ ที่เกิด เกิดจาก ตัวเรา ไม่เป็น ไปตาม สิ่งเร่งเร้าเรา จาก ภายนอก

    เเต่ เรา จะ เห็น สถานการณ์ล่วงหน้า โดย ที่เรา ไม่ รู้ ตัว แล้ว เกิด ขึ้นจริง

    เพราะ เรา จิต นิ่ง และ ไม่ได้ ปัก ใจ เชื่อ กับเหตุการณ์ที่เกิด สักแต่ ว่ารู้

    แต่ ทีนี้ คุณสงสัย เพราะ คุณมาอ่าน กระทู้นี้

    แต่ จำเอาไว้นะคะ คุณ ไม่ต้อง สงสัย ค่ะ เพราะ จะทำให้ คุณ ติด อีก

    ดังนั้น จิตคุณ จะ ไม่อยู่ กับ ปัจจุบัน เเต่ จะ ย้อน กลับไป ในอดีต ทบทวน

    2 เหตุการณ์ 1 สถานการณ์ ก่อน เกิด 2. สถานการณ์ ที่ เกิดเเล้ว

    นั้น ก็ เลย ทำให้ คุณ ไป ไม่ได้ ไกล

    เอา เป็น ว่า คุณ เเค่ จบ ตรงที่รู้ เเล้ว จด เอาไว้ ใน สมุดบันทึก

    ส่วน สาเหตุ อะไร ห้าม สงสัย คะ ให้ รู้ เเค่ว่า จิตเรานิ่ง

    เเล้ว ก็ ปฏิบัติ ทำตาม ที่ สันโดษ แนะนำ เพราะ คนที่จิตนิ่งอยู่เเล้ว

    ไม่จำเป็น ต้อง รู้ ลึก เพราะ จะ ตัด สิ่งที่เรา มี เพราะ ความคิดมาก จิตจะไม่ว่าง

    รู้นะคะ ว่า การปฏิบัติธรรม เพื่อ การ หลุดพ้น เพื่อ จิตว่าง

    หากจิตไม่ว่างคิดมาก อยากได้ ฤทธิ์

    เมื่อไม่ได้ จึง ทุกข์ จึงกลายเป็นตัวขวางทางบรรลุธรรม

    จำแค่ว่า เราเป็นอย่างไรดีอยู่เเล้ว ไม่มี อะไรที่คุณติดขัด จะ ติด ถ้าคุณ สงสัยเท่านั้นนะคะ

    คนที่ จิตว่าง สว่าง อย่างคุณ หายาก

    ดีใจ คะ ที่ คุณ จิตบริสุทธิ์ (ถ้าสงสัยมากๆ ลอง ย้อนกลับไปอ่านหน้าเเรกๆ ให้ละเอียดนะคะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ท่องเเค่ ว่า........... "รู้เเล้ว" กับ "ดูอยู่" นะคะ

    อยู่ กับ ตัวเรา ณ ปัจจุบัน เเล้ว อย่าคิดตามสิ่งที่เรา รู้ และ ได้ยิน

    สักแต่ ว่า รู้ เเล้ว ปล่อยวาง อย่า ยึดติด ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง

    ทุกอย่างไม่มีจริงเป็นเพียงแค่ ภาพมายา ของ จิต ในร่างคะ

    กายไม่ใช่ของเรา และ จิตไม่ใช่ของเรา คะ
     
  7. svpfe

    svpfe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +155
    ผมติดตามอ่านมาหลายหน้าเหมือนกัน
    ในที่สุดก็ถึงคิวของผมที่จะถามบ้างแล้วขอรับ

    ผมนึกว่าอาการง่วงเป็นเพราะง่วงนอน บางทีสวดๆไปวูบไปซะเฉยเลย (ส่วนใหญ่จะสวดประมาณหกทุ่มหรือตีหนึ่ง) ส่วนอาการอื่นๆ คงไม่มีครับนอกจากรู้สึกเมื่อยขา รู้สึกตัวเองอ้วนขึ้นอาจจะนั่งไม่สะดวกนัก ^^ ผมนั่งขัดสมาธิสวดมนต์ได้มั๊ยครับ นั่นเป็นท่าที่จะนั่งได้นานที่สุด รวมๆบทสวดก็ประมาณสองชั่วโมงได้ บางวันง่วงก่อนพอสวดๆไปรู้สึกหายง่วง เพราะต้องมีสมาธิกับตัวหนังสือ แต่บางวัน ง่วงตลอดเวลา

    สิ่งที่อยากทราบมากที่สุดคงเป็นเรื่องกรรม ในอดีตเราเคยมีกรรมอะไร ตอนนี้กำลังใช้กรรมอะไร มีทางผ่อนหนักเป็นเบามั๊ย จะต้องทำบุญยังไงบ้าง ญาติๆ หรือสัตว์เลี้ยงที่ตายไปเวลาเราอุทิศบุญให้มีอะไรเป็นสัญญาณว่าเขาเหล่านั้นได้รับบุญแล้ว ซึ่งจากที่ได้อ่านมาจากหลายๆกระทู้ก็พอจะเข้าใจครับ แต่มันก็เป็นแค่การฟังๆต่อๆกันมา หรือฟังท่านผู้รู้ที่มาแชร์ประสบการณ์ แต่สิ่งที่ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมันไม่มี ^^ เช่น อยากรู้ว่าท้องรึเปล่า ก็ไปซื้อชุดตรวจครรภ์มาตรวจ สองขีดแดงแสดงว่าท้อง ประมาณนี้ขอรับ

    แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ก้ยังคงเชื่อว่า ปฏิบ้ติไปเรื่อยๆก็ดีเอง ยังคงมีศรัทธา


    มีเรื่องเล่าแทรกขอรับ ก๊อปมาจากอีกกระทู้นึง
    เมื่อเย็นวันก่อน ผมขี่แมงเอาผ้าไปปั่น ขากลับมืดแล้วสองทุ่มนิดๆ (บ้านนอกครับไฟส่องสว่างข้างทางมีเป็นระยะ) เห็นหลวงปู่รูปนึงกำลังเดินดุ่มๆ หอบของพะรุงพะรัง โห้ ทางข้างหน้าไม่มีบ้านคนเลยจะเดินทางไปไหนหนอ
    ถามท่านว่าหลวงปู่จะไปไหนครับ
    ไปวัดป่า....โน่นน่ะโยม
    ไกลมั๊ยครับหลวงปู่
    ก็ประมาณ 4-5 กิโลน่ะแหละ
    ไปครับผมไปส่ง
    แล้วก็นั่งแมงกะไซค์ปุเลงๆ ไปเรื่อย ไกลออกไป ไกลออกไป ^^ เอ๊ะ ไกลจังล่ะ ระหว่างทางก็ได้สนทนากับท่านไปเรื่อย ได้ความว่า ไปเยี่ยมเพื่อนมาจากหล่มสัก บวชมา 22 พรรษาแล้ว กลัวแม่ตกนรกก็เลยบวชแล้วก็ไม่ได้สึกอีกเลย ธุดงค์ไปเรื่อย ตอนนี้มาสร้างวัดอยู่ขอนแก่นได้ห้าปีแล้ว ผมรู้สึกขนลุกเป็นระยะๆ ดูท่านเป็นพระปฏิบัติดี

    คุยกันไปเรื่อยจนถึงเสียที โอ้วระยะทาง 11 กิโล ^-^^-^ สงสัยหลวงปู่จะไม่เคยดูหลักกิโลหน้าวัด หรือไม่ก็บอกหวย พอดีซื้ออาสนะมาผืนนึงตั้งใจจะเอาไปถวายพระ ก็เลยถือโอกาสถวายท่านซะเลย ^-^^-^ รู้สึกดีใจที่ได้ไปส่งท่าน แล้วก็ได้ทำบุญกับพระปฏิบัติดี

    วันนี้หวยออก 111
    ไม่ได้ซื้อ อึ้งขอรับ ^^


    อยากขอคำชี้แนะดว้ยขอรับ ^^
    ขอบคุณครับ
     
  8. Roma

    Roma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +26
    สวัสดีค่ะ

    ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะคุณสันโดษ หนูก็ไม่เคยคิดว่าจะรู้เหตุการณ์อะไรได้ล่วงหน้าเพียงแต่หนูเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ หนูสวดมนตร์ตลอดตั้งแต่จำความได้ เพราะคุณยายสอนให้สวดทุกคืนจนเป็นความเคยชิน

    พอโตขึ้นก็ฝันเห็นผู้ชายคนนึงมาตลอด หนูจำรูปร่างเค้าได้ดีแต่เห็นหน้าไม่ชัดตอนนั้นหนูอายุ 15 หรือ16 เห็นจะได้ ยังคิดขำๆสงสัยเนื้อคู่ เวลาผ่านไปขึ้นมหาวิทยาลัยหนูก็ฝันเจอเค้าอีกเป็นผู้ชายคนเดิมแต่หน้าเห็นชัดขึ้น คิดว่าคงเป็นเจ้ากรรมนายเวร มันจะไม่คิดอะไรเลยถ้าหนูไม่ได้เจอเค้าจริงๆเมื่อหนูได้ไปทำงานที่ประเทศอิตาลี ก่อนหน้าที่จะเจอตัวเป็นๆของเค้า หนูฝันติดกัน 3 วัน และหนูก็ได้เจอเค้าจริงๆ จนทุกวันนี้เราก็เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือกันมาโดยตลอดและสนิทกันมากๆ จนใครๆบอกว่าเราเป็นแฟนกัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่หนูมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านี้ แล้วจะเล่าให้ฟังใหม่ค่ะ เพราะอยากเล่าให้ใครซักคนฟังคลายเครียด เพราะคิดว่าตังเองบ้า แต่หนูไม่สนใจหรอกเพราะชีวิตหนูทำแต่ความดีมาตลอดชีวิตโดยเฉพาะพระในบ้าน คือ พ่อ แม่ และยาย

    บางอย่างการที่หนูรู้ล่วงหน้าได้กลับกลายเป็นประโยชน์ เพราะจะคอยเตือนเพื่อนและคนรอบข้างเสมอให้ระวังตัวไม่ประมาทกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และจะคอยแนะนำการทำบุญการอ่านหนังสือธรรมะ แก่ทุกคนเสมอ

    หวังว่าพี่คงไม่ว่าหนูบ้านะคะ หนูเป็นคนดีที่ไม่เคยเบียดเบียนใคร แต่ก็ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ เป็นคนดีที่มองโลกในแง่ดีเสมอแต่ไม่ใช่คนโง่ค่ะ
     
  9. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    คุณสันโดษครับผมเป็นโรคตาแห้ง แต่ถ้าผมสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ หรือแผ่เมตตา หรือฟังพระสวดจะมีน้ำตา แต่มันมาก(ไหลเป็นทางเลย) ผมทำกรรมอะไรไว้หนอ ตอนนี้ผมรักษาอยู่ ร.พ.รามา หมอนัดตรวจอยู่ทุก 6 เดือน คุณหมอก็ตรวจโดยส่องกล้องแล้ว ก็ให้น้ำตาเทียมมาหยอด แต่คุณเชื่อไหมผมไม่ใช้เลยเกือบ 2 ปีแล้ว เว้นแต่ผงหรือแมลงเข้าตาเท่านั้น จะแก้กรรมอย่างไรครับ
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    svpfe<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1283596", true); </SCRIPT> อาการง่วงของคุณ เกิด จาก การ เข้า ภวังค์ ซึ่งดีเเล้วคะ

    เพราะ ยิ่งจิตเราสงบมากเท่าไร เรา จะรู้สึก ว่า ตัวเรา ไม่มี มากเท่านั้น

    แต่ สิ่งที่จำเป็นมากๆ ที่จะประคอง ร่าง ที่ ง่วงคือ สติ

    หากคุณหลับ นั้น จิต ดับ หมดเลย คะ ไม่เหลือ สติ

    ดังนั้น จึงไม่ใช่ ฌาน เเต่ เป็นการ นอนหลับ อย่าง สงบ ถ้าตายตอนนี้ ดีนะคะ


    แต่ อย่า รู้ เลยคะ เพราะ คุณ มีศรัทธา มากเกินไป เชื่อง่าย และ งมงาย

    ดังนั้น จึงทำให้ คุณ ติด ไม่สามารถเข้าถึง จิตพุทธะได้

    คุณ ต้อง ระลึก รู้เสมอว่า เทพ และ มาร ก็ เป็น เพียงเเค่ จิต

    ไม่ได้ มีผลทำให้ ชีวิตเรา ดี หรือ ร้าย

    ทุกอย่างเป็น ไปตาม กระเเส ของ กฎแห่งกรรม

    สิ่งที่คุณ ต้อง ทำให้ ได้ คือ ตั้ง สติ ให้ เป็น เพียงแต่ ผู้รู้ วาระจิต ที่เข้ามากระทบ หรือ ผ่านร่าง

    อย่างมงาย ยิ่งคุณ ไป เข้าทาง องค์ เทพ คุณ จะ ออกมา จากวัฎจักร นั้น ยาก เพราะศรัทธา ของคุณเองคะ
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สันโดษ ไม่สอนให้ ใคร แก้กรรมนะคะ

    สันโดษ สอน มนุษย์ ทุกคนว่า เป็นภพภูมิเดียวที่นิพพานได้

    หากคุณ คิด ใช้ กรรม ก็ ไม่ต้องมาถามอีกนะคะ

    เพราะ คุณ ดูถูก จิต ในร่างของตนเอง และ ไม่ยอมรับกรรมในอดีต ของตนเอง เเละรังเกียจตัวเองในอดีต

    อดีต เรา ทำไม่ดี เราต้องยอมรับคะ เพราะ เรา ได้ทำไปเเล้ว

    สิ่งที่เราต้องทำคือ สร้างปัจจุบันกรรมให้ดี และ ปฏิบัติตนให้ เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ

    อยู่ในศีลธรรมอันดี และ รักตนเอง ให้ มากๆ ณ ตอนนี้

    สร้าง บารมี เเละ ลืมอดีตซะนะคะ

    ขอให้ ทำดี ตั้งแต่บัดนี้ เป็น ต้นไป จนวาระสุดท้าย ของ ชีวิตตนเอง

    ถ้า ทำได้ เเค่ ปัจจุบัน ทุกอย่างที่คุณ ถาม จะ หาย ดี ขึ้น ตามลำดับ

    จำเอาไว้นะคะ แก้กรรม สร้างบุญ ช่วยได้ คือ ตนเอง

    แต่ สร้างบุญเป็น ประจำ จะกลาย เป็น บารมี เเล้ว คุณ จะ ช่วยผู้อื่นได้

    ตามลำดับ ขั้น ของบารมี ที่เราสะสม

    เมื่อ เรา หวังในมรรคผลนิพพาน แม้ แต่ บาป บุญ ใด เรา ก็ ปล่อยวางได้

    เพราะ ทุกอย่าง ไม่มี จริง
     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    J.Sayamol<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1284182", true); </SCRIPT> ขออย่างเดียวเลยคะ เรื่อง ศรัทธา ตัดทิ้ง อันดับเเรก

    จงอย่าศรัทธา อะไร นอก จาก สติ ของตนเอง

    เพราะ ตัวจิต มี มากมาย แต่ ใจ พุทธะ มี เพียง ดวงเดียว

    คนที่ปฏิบัติ ทราบว่า ใจ คือ จิตผู้รู้ หรือ ภาษาง่ายๆคือ สติสัมปะชัญญะ

    คุณ ต้อง นับถือ ตนเอง มากกว่านี้ อย่ากราบไหว้ ไปทั่ว เหมือนที่เป็น เพราะ คุณ กลายเป็นคนมีหลายจิต

    ตัวคุณ เลยมีสภาวะ โอนเอียงง่าย และ เชื่อคนง่าย คุณ ถูกหลอกง่าย

    เพราะ ศรัทธา และ ความไว้ใจ คนอื่นมากเกินไปคะ

    คุณ ต้องเคารพตนเองให้ มากกว่านี้ จำเอาไว้นะคะ

    การเป็น คนดี ต้องดี ให้ ตน เอง ก่อนอันดับเเรกคะ

    คนอื่น เเม้ แต่ ผู้ ทรงศีล ก็ ไม่สำคัญ เท่า ใจ ของตน

    ใจ ไม่ใช่ จิตนะคะ ใจ คือ สภาวะ ผู้รับรู้ ความสุข ทุกข์ เศร้า เหงา ของเรา

    แต่ ใจ ไม่เคยทำอะไร นอกจากดู มนุษย์ หลงผิด คิดว่า จิต คือ เรา แต่ไม่ใช่คะ


    เราต้อง เรียนรู้ พฤติกรรม ของ จิตตนเองให้ ว่า ชอบ อะไร ไม่ชอบอะไร

    คนอื่นไม่สำคัญเลยนะคะ หากเรา ไม่พอใจ ก็ ไม่ต้องฝืน จิตใจตนเอง

    อย่าอยู่ในกรอบของสังคม วัฒนธรรม เพียงเขาบอกว่า ไม่ดี

    จง ทำให้ จิต ตนเอง พึงพอใจ แล้ว คุณ จะ เข้าถึง จิตใจของตนเอง

    การปฏิบัติ ของผู้มีธรรม จะเป็น ไปตาม ทางที่คุณ ตั้งจิต อธิษฐานเองคะ

    จงเชื่อ ใน พระพุทธองค์เเล้ว คุณ จะ พบ ทาง สว่าง ด้วย ปัญญา แห่งธรรม ใน ตน

    ปัญหา ของ คนปฏิบัติ คือ ยึดถือครูบาอาจารย์ มากเกินไป และ ไม่รู้จักการปล่อยวางคะ

    ท้ายที่สุด ก็ ตกเป็น ทาส ของ ความกลัว การไม่ได้ หลุดพ้น ด้วย กิเลสของตนเองในที่สุด

    ทั้งๆ ที่ ทางเดิน มันมี ทางเดียว คือ จิตที่ว่าง ปราศจาก ซึ่ง สิ่งใดในอารมณ์ แม้ คำนิยาม ก็ หามีไม่คะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  13. svpfe

    svpfe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +155

    อืมมม ผมชอบคุณสันโดษจังเลยครับ ลึกซึ้งและตรงดี จากที่คุณสันโดษตอบของผมมา คุณสันโดษไม่ธรรมดาครับ ^^ ขอบคุณมากสำหรับคำชี้แนะ และขอรบกวนต่อไป ไหนๆก็เคยรบกวนแล้วถือว่าทำบุญครับ ^^

    เรื่องศรัทธาที่มีมากเกินไป ไม่ดีเหรอครับ
    เดิมทีผมคิดอย่างนี้ สมมุติเราเป็นสักเรียนสักคน แล้วก็มีอาจารย์สอนหลายๆวิชา แต่ละคนก็จะสามารถแตกต่างกันไป จึงไม่แปลกที่เราจะศรัทธาครูสอนศิลปะหนึ่งคน ครูสอนภาษาไทยหนึ่งคน คณิตศาสตร์หนึ่งคน ^^ ซึ่งทุกคนสอนเพื่อให้เรียนจบและนำไปใช้งานได้มีชีวิตที่ดีในอนาคต

    ซึ่งถ้าคิดแบบนี้ผิดในการปฏิบัติก็ชี้แนะได้ทุกอย่างเลยนะครับ ^^
    ถ้าสิ่งที่ผมทำอยู่เป็นส่ิงไม่สมควร ก็รบกวนชี้ทางที่ถูกต้องให้ด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ ^^
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    แท้จริงเเล้ว ความศรัทธา คือ จุดเริ่มต้น เเห่งจิตที่ว่าง

    เมื่อเรา ศรัทธา สภาวะของเรา จะ ไม่มี ตัวบล็อกหรือ อัตตา มากั้น จิตของเรา

    ดังนั้น เมื่อคุณ ศรัทธา สภาวะจิตของคุณ ก็ ย่อม มี การ ไหลเวียนผ่านเข้าร่าง อย่างสบาย

    นั้นคือ สภาวะธรรมของ ร่างทรง องค์เทพ หรือ จิตที่ใช้ร่างอื่นๆ

    สามารถ นำพาร่างไป ไหน เมื่อไร ทำอะไร ได้ เพราะคุณ เชื่อไปทุกอย่าง

    น้อยคนที่จะมีสติ และ ใช้ สติ หรือวิจารณญาณในการตัดสินใจ

    เพราะ ความเชื่อที่มี มากเกินไป จึง ทำให้ ร่าง ได้ ก่อกรรมดี หรือ ชั่ว แตกต่างไป

    ตามจิตที่ใช้ร่างอยู่ ณ ขณะนั้น โดย ตัวจิตดั้งเดิมของคุณ ได้ อนุมัติ ในการคิดกระทำดังกล่าว

    สิ่งที่คุณต้องระลึกอยู่ เสมอ คือ ปัญญา และ สติ ในการกระทำตามจิต

    ศรัทธามากเกิดเป็นความไว้ใจ แต่บางครั้งความไว้ใจ ในจิตที่อยู่ภายใน ไม่ใช่ดีเสมอไป

    หากเราเเยกให้ ออกระหว่างเหตุการณ์ที่ คิด และ จิต ที่ปรถานาที่จะกระทำ

    ถ้าสิ่งนั้น ดี กระทำ เรียกว่า บุญ หากสิ่งใด ไม่ดี ย่อมกายเป็นบาป

    เเละ ติดตามเราไปทุกชาติ

    หากคุณ ปราถนามรรคผลนิพพาน คุณ ต้อง ไม่ปราถนาในมรรคผลนิพพาน

    ปฏิบัติ เพียงเพื่อ จิตสงบไม่ใช่ เพื่อ นิพพาน

    ปฏิบัติ เพียงเพื่อ ตอบสนองความต้องการของจิต ณ ปัจจุบัน

    แล้วคุณ จะ เห็นว่า ไม่มี อำนาจใดเหนือกว่าอำนาจ ของ พุทธคุณ

    จง ตั้งจิตอธิษฐานเสียใหม่ ขอทาง สู่ นิพพาน และ ความสงบ ในกาลปัจจุบัน

    แล้วต่อไป ชีวิต ของคุณ จะ ไม่ลำบาก และ ทุกข์ อีก ต่อไป ด้วย จิตที่ตั้งมั่น

    และ รู้สึก อิ่มเอมใจ ในการ เป็น ตัวของตัวเอง ที่รู้จิต ของ ตนเองคะ


    การดูจิต ไม่ต่างจาก รับขันธ์ คะ เพียงแต่ ดูจิต คือ สักแต่ว่ารู้

    เเละใช้ ปัญญา ในการ ดู เลือกและตัดสินใจ ได้ว่า ทำดีหรือได้ เชื่อหรือไม่เชื่อ

    ส่วนร่างทรง เชื่อ ในจิต ด้วยความไว้ใจ จนขาด ปัญญาคะ......จิตไม่ได้ ดีทุกจิต จำเอาไว้นะคะ

    ถ้าเราไม่มั่นดูจิตเรา จะ ไม่ทราบว่า มี จิตเกิด-ดับอยู่ในร่างตลอดเวลา ตามสิ่งที่เข้ามากระทบผัสสะทั้ง 5

    หรือ ตา หู ปาก จมูก ลิ้น กาย คะ จำเอาไว้ ใจ คือ ผู้รับรู้ ไม่ได้ คิดนะคะ

    สิ่งที่ คิด ก็ คือ จิต นั้นเองคะ.....ง่ายๆนะคะ เราไม่ได้คิดอะไรคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2008
  15. svpfe

    svpfe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +155

    ขอบคุณคุณสันโดษครับ ^^
    มีข้อสงสัยต่อไปตามที่ทำเป็นตัวสีแดงนะครับ

    จิตที่ใช้ร่างอยู่ขณะนั้น ในขณะที่เรายังรู้สึกตัวเราเป็นปกติสามารถมีจิตอื่นอยู่ในกายเราเหรอครับ หรือจิตที่ว่านั้นคือจิตเราเอง เพียงแต่เปลี่ยนอารมณ์ไปตามสถาณการณ์เท่านั้น

    ความไว้ใจในจิตที่อยู่ภายใน หมายถึงเราไม่ควรไว้ใจแม้แต่จิตของเราเองใช่หรือไม่ครับ

    ตั้งจิตอธิฐานเสียใหม่ การอธิฐานก่อนการปฏิบัติมีผลเหมือนการยื่นความจำนงว่าจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไรใช่หรือไม่ครับ การปฏิบ้ติทุกอย่างเหมือนกันผลอาจต่างกันแล้วแต่การอธิฐานเบื้องต้นใช่หรือไม่ครับ

    การดูจิต ไม่ต่างจากการรับขันธ์ ตรงนี้ทำให้ผมคิดว่า สิ่งที่เราศรัทธา สามารถนำพาให้เราทำสิ่งใดก็ได้ ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดี คำว่าจิตตรงนี้ของคุณสันโดษ หมายถึงสิ่งอื่น เช่น เทพ เทวดา มาร ยักษ์ ฯลฯ ใช่หรือไม่ครับ

    จิตเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา เดิมทีผมคิดว่า ในตัวเรามีจิตเดียวยาวตลอดชีวิตคือจิตของเราเอง แล้วจิตที่เกิดดับตลอดเวลานี่คืออะไรครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ ^^
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จิตเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา คือ จิตที่เกิดจาก ผัสสะ ทั้ง 5 คะ ตา หู จมูก ปาก ลิ้น กาย เช่น

    กระทบตา จิต เกิดเป็น เห็น

    กระทบหู จิตเกิด เป็น ได้ยิน เป็นต้น

    และ การดูจิต คือ ใช้ "วิจารณญาณใน การ พิจารณาคิด" คะ

    ที่ คุณกำลังสงสัย รู้ตัวหรือ เปล่า?

    ว่า.... คุณแปลการอ่าน เป็น ความคิด อยู่

    และ คุณได้ปรุง เเต่งเป็น ความสงสัย ออกมา

    ต้องดับด้วย คำตอบ จิตนั้นจะ ดับ เป็น การรู้

    ตัวรู้นั้นละคะ คือ ใจ

    ถ้าคุณไม่ทราบว่า ตอนนี้ จิตคุณติดสงสัย นั้นแสดงว่า....

    คุณ ไม่รู้ ว่า จิตตัวเอง กำลังคิดอะไร

    เพราะ มี อัตตา เป็น ตัวตน ยิ่งคุณ ถาม คุณ จะ ไม่มีวันหายสงสัย

    เพราะ คุณ ไม่สามารถ หยุดความคิด ของ จิตดวงนี้ ได้

    เมื่อไร ที่เรามีความรู้สึกว่า รู้ หรือ ไม่รู้ ก็ ได้ เเสดงว่า....

    จิตเรา อยู่ในฌานสูงสุด คือ อุเบกขา

    คือ ไม่ได้ รู้สึกว่า อยากรู้ หรือ ไม่อยากรู้

    มันจะ รู้สึก แค่ว่า อืมมม เเล้วไงต่อ.....เฉยๆ...คะ


    เนื่อง จาก จิต มันไม่ได้ มี กิเลส ของ ความอยากรู้อะไร มา สร้าง คิดให้ เราอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2008
  17. odie

    odie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +84
    สวัสดีค่ะคุณสันโดษ
    มีเรื่องมาเรียนถามนิดหนึ่งค่ะ คือว่าเมื่อคืน ดิฉันสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยก็พยายามนั่งสมาธิดู
    ปรากฏว่านั่งๆ ไปมันเหมือนว่าเราง่วงจนจะหลับ แล้วก็นิ่งไปเหมือนหลับ แต่ว่ารู้ว่าไม่ได้หลับ
    เพราะหูยังได้ยินเสียงเพลงสวดมนต์ที่เปิดคลอไปด้วยตลอด แต่ปัญหาคือว่าพอคิดว่าเอาล่ะพอ ลืมตาได้
    เท่านั้นแหละ ปวดหัวข้างซ้ายมากๆ ก็เลยนั่งฟังเพลงสวดมนต์ แล้วก็พุทธ โธ โดยไม่หลับตาไปสักพัก ค่อยดีขึ้น
    แต่ปัญหาก็คือว่า นอนไม่หลับ ทำยังไงก็ไม่หลับ เลยลุกมานั่งภาวนา นับประคำไปได้ 108 จบ 3 รอบ ก็ยังไม่ง่วง
    เลยคิดว่า งั๊นนอนหลับตาในความมืดอาจจะช่วย จำได้ว่านานมากๆ กว่าจะหลับไป
    อันนี้มีผลจากการปฏิบัติอะไรผิดขั้นตอน หรือว่าการนั่งไม่ถูกวิธีหรือเปล่าคะ ชอบพระคุณค่ะ
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คุณ odie ทำดีเเล้วคะ จิตเเยกจากกาย ลักษณะ จะเป็น เเบบนี้คะ

    คือ เราจะรู้ตัวตลอด เพียง เเต่เราสักเเต่ว่า รู้ แต่ ไม่ได้ คิด

    ร่างจึง เปรียบเสมือน รถ ที่ คนขับออกมานอกตัวรถ

    จอดรถเอาไว้ พอกลับเข้ามา จึงรู้ว่า เกิด ความบกพร่องตรงส่วนไหน ของ เครื่อง

    เพราะ เรา ขับรถคันนี้ มานาน

    การปฏิบัติ จะ เป็น ไป ตาม จิตที่เขา มา ผลัดเวรสอนคะ

    ก็ คอยดู พฤติกรรม อารมณ์ และ ความรู้สึก ที่เปลี่ยนแปลงนะคะ

    เพราะ การที่เราดูจิต และ มุ่งมั่น ด้วย ใจ บริสุทธิ์เเท้จริง

    จิตพุทธะ จะ ออกมา ทำงาน อย่างสมบูรณ์ที่สุด

    และนั้น คือ จิตผู้รู้ หรือ พหูสูตรนะคะ

    แต่จำเอาไว้ว่า อย่า สงสัย ดูไป เหตุการณ์ ร้าย เกิด เพราะ กรรม

    เหตุการณ์ ดี เพราะ บุญ หากเรา ปล่อยร่าง ไม่เอาสังขาร

    สละ ร่างให้ พระพุทธองค์ ร่าง จะ มี เเต่ จิต อริยะ มา สอน ด้วยตนเอง

    ที่เสียงสวดมนต์ เปลี่ยนแปลงหรือ ร่าง ขยับนั้นละคะ คือ จิต ที่ มาสอนร่างคุณ

    แต่ จำเอาไว้ ว่า สักแต่ว่า รู้

    อย่า ฮึกเหิม, อย่ากลัว, อย่าดีใจ, อย่าตกใจ เเค่รู้ เท่านั้น ......เเค่รู้ เท่านั้นคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2008
  19. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    อนุโมทนาสาธุ ทุกข้อความที่คุณสันโดษช่วยเหลือผู้อื่น คุณสันโดษครับขอบพระคุณทุกข้อความที่ตอบ ครับ หลายข้อความที่คุณสันโดษเขียนก่อนหน้านี้ ผมไม่เข้าใจคำว่าข่มจิต บังคับจิต ดูถูกจิตตนเอง แต่ข้อความเมื่อวานนี้ ผมอ่านจนเข้าใจแล้วและใช่เลย ผมนั่งสมาธิผมตั้งเป้า 1วันต้องได้เท่าไร 1ปีต้องได้เท่าไร ผมบังคับจิตตนเองอย่างมาก ฝืนจิตจริงๆ ตอนเช้า ถ้าไม่ได้ 1 ชม.ผมจะไม่เลิกนั่ง และผมได้หลักว่าต้องปล่อยวาง นั่งสมาธิทำใจให้สบาย ลืมอดีต ผมเปรียบเทียบกับกับบางอารมณ์ที่ผมทำใจสบายๆ (เป็นบางอารมณ์คื่อช่วงที่จิตนิ่งๆ)มองไปที่หน้าต่าง จะเห็นหน้าต่างซ้อน มองจุดช่องละบายลมช่องกลมๆ เมื่อผมมองไปที่พื้นห้องบริเวณอื่นๆ ภาพกลม ๆยังจะติดตาผมไปอีก อย่างชัดเจนเป็นสามิติมีความลึก เหมือนกับภาพที่เราเห็นครั้งแรก ผมนึกถึงประสบการณ์การทำอารมณ์แบบสบายๆ แล้ว จึงเห็นว่าถ้าคุณสันโดษไม่แนะนำผมคงไม่รู้ชัดอย่างนี้ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขอขอบคุณ ในไมตรี จิต ของคุณ สันโดษ ที่ตอบคำถาม ต่อหลายๆคน
    ขอขอบคุณ ที่ มีส่วนร่วม ในกระทู้ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD width="100%">วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ > ภัยพิบัติและการเตรียมการ </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] เสียงเตือน </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ปัญหาโลกร้อน สิ่งที่ใกล้ตัวของเรา มากที่สุด
    การปรารถนา ช่วยเหลือ ซึ่งกัน ลักษณะ ของพระโพธิสัตว์ ที่ยอม....
    การ ยอมรับ วิบากกรรม ของหลายๆ คน (ที่สุด คือ พระอรหันต์ ในบ้าน ที่ท่านเลี้ยงดู เราให้ กระทำ กรรม ดี หรือ กรรม ลบ สุดที่ จิต เราจะเดินทางไปทางไหน )

    โมทนา ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...