ลป.สุภา๑๑๑ปี พระสมเด็จ๙อรหันต์ สายกรรมฐาน เหรียญรุ่น๒ลพ.ตั๋ง วัดโพธิ์เอน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อแนม-วัดเขาหน่อ-อ-บรรพตพิสัย-จ-นครสวรรค์.198576/
    เข้าไปอ่านประวัติท่านดูก่อนครับ
    กวักไพลินหลวงพ่อแนมวัดเขาหน่อให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231110_175658.jpg IMG_20231110_175715.jpg IMG_20231110_175627.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    _2_763.jpg
    https://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-poot/lp-poot_hist.htm
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน รุ่นผงพุทธสังเวชนียสถานมวลสารเพียบติดจีวรโรยผงตะไบ หายากครับ แบบนี้ ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231110_175745.jpg IMG_20231110_175809.jpg
    IMG_20231110_183501.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    index-1-jpeg.jpg
    หลวงพ่อฟุ้ง เป็นเกจิเก่าในสายหลวงพ่อศรี ที่ผมเคยอ่านประวัติของท่าน ที่ตีพิมพ์ในหนังสือลานโพธิ์เมื่อปี ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นเวลาที่ผมยังเด็กเเต่เริ่มมีความสนใจพระเครื่องเเละเครื่องรางของขลัง ต่อมาหลังเลิกเรียน ผมมักไปยืนตามเเผงหนังสือ เพื่อเปิดดูหนังสือพระต่างๆ จนวันนึง ทำให้ผมได้มาพบกับคอลัมน์หลวงปู่กวย ที่เขียนโดยคุณเฒ่า สุพรรณในหนังสือนะโม เเม้กระนั้น เวลาจะผ่านมานาน เเต่ก็ยังไม่ลืมเกจิที่เก่งๆ ที่ชื่อหลวงพ่อฟุ้ง วัดสะเดาองค์นี้

    นับเป็นโอกาสดีที่ศิษย์หลวงปู่กวยที่ผมรู้จักท่านนึงที่เชียงราย ยังเก็บต้นฉบับที่ลงเรื่องราวของหลวงพ่อฟุ้งไว้ ได้มีน้ำใจส่งต้นฉบับเก่า มาให้ทางเวป ได้ลงเรื่องราวเเละข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุมงคลเเบบต่างๆของท่าน เพื่อเป็นประโยชน์ในการอนุรักษ์เเละเทิดทูน คุณครูบาอาจารย์ ศิษย์ในสายคุณพ่อศรี ต่อไปครับ



    ประวัติวัดสะเดา

    วัดสะเดา ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตก ของลำแม่ลาในเขตหมู่ 1 ตำบลแม่ลา อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี จะสร้างขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. เท่าไหร่ไม่ปรากฏเพียงแต่ได้รับคำบอกเล่าจากชาวบ้านในท้องถิ่นว่า ประชาชนในท้องถิ่นนั้นเดิมเป็นคนอินเดียอพยพมาประกอบอาชีพจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำนาและประมงในลำแม่ลา เพราะในสมัยนั้นปลาชุกชุมมาก และเป็นปลาที่มีรสดี สีสวยจึงเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นของดีเมืองสิงห์บุรีทีเดียว
    ดังคำพังเพยว่า “ปลาแม่ลา น้ำยาบางเลา สาวงามบ้านแป้ง แตงบ้านไร่”

    ส่วนใหญ่ของประชาชนที่อพยพ มานี้นับถือพุทธศาสนา ในสมัยที่ไม่มีวัดจะบำเพ็ญกุศล ต่างก็พากันไปบำเพ็ญกุศลในท้องถิ่นเดิมของตน เป็นเช่นนี้มาเป็นเวลานาน จึงได้ปรึกษาหารือกันเพื่อจะสร้างวัดไว้บำเพ็ญกุศลในบริเวณนี้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาส ต่อมามีพระภิกษุรูปหนึ่ง เดินธุดงค์มาจากที่อื่น(ไม่ทราบว่ามาจากไหน) มาถึงป่าสะเดาริมฝั่งลำแม่ลา ทิศตะวันตกและปักกลดพักแรมที่นั่น ประชาชนที่เห็นและทราบข่าวต่างก็ดีใจมาก ด้วยใจศรัทธาและนานๆ จะพบพระสักครั้งหนึ่ง ชาวบ้านได้ปรึกษาหารือกับพระธุดงค์รูปนั้นถึงการสร้างวัด ซึ่งท่านก็ยินดีสนับสนุน จึงได้ตกลงสร้างเป็นวัดขึ้น โดยระยะแรกสร้างเป็นกุฏิเล็กๆ 1 หลังก่อน เพื่อให้พระอยู่อาศัย และสร้างเป็นศาลาเล็กๆ ไว้ประกอบการกุศล พร้อมกับอาราธนาพระธุดงค์รูปนั้นอยู่จำพรรษาเสียที่นั่น ชาวบ้านเรียกพระธุดงค์รูปนั้นว่า “หลวงพ่อนิล” วัดที่สร้างขึ้นใหม่ให้ชื่อว่า “วัดแม่ลา” เพราะตั้งอยู่ริมฝั่งลำแม่ลา หลวงพ่อนิลเป็นพระที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ท่านได้ร่วมมือกับชาวบ้านจัดการก่อสร้างวัดนี้ให้เจริญสืบมาจนถึงทุกวันนี้
    วัดนี้มีเจ้าอาวาส ปกครองมาแล้วหลายองค์ แต่มีรายงานปรากฏบ้างไม่ปรากฏบ้าง เรียงตามลำดับเจ้าอาวาสดังนี้
    1. หลวงพ่อนิล (ริเริ่มสร้างวัดประมาณ พ.ศ. 2415)
    2. หลวงพ่อเลี้ยง
    3. หลวงพ่อศรี
    4. หลวงพ่อจับ
    5. หลวงพ่อฟุ้ง (พระอธิการฟุ้ง อุตฺตโม)
    วัดนี้มีพระจำพรรษาปีละไม่มากนัก เพราะหมู่บ้านที่อยู่ใกล้วัด และบำเพ็ญกุศลวัดนี้มีน้อย ทั้งการคมนาคมไปมาไม่สะดวกในสมัยก่อนถ้าถึงฤดูน้ำต้องอาศัยเรือพายตามลำน้ำแม่ลา หรือตัดผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน ดูแล้งก็ต้องอาศัยลำแม่ลาเช่นกัน
    ต่อมาวัดแม่ลาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสะเดา” มีเรื่องเล่าว่ามีพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง (เข้าใจว่าจะเป็น พระครูสิงห์ราชมุณี วัดระนาม อ.อินทร์บุรี) ได้การตรวจการคณะสงฆ์ถึงวัดนี้ และเห็นสภาพวัดมีต้นสะเดาใหญ่ (วัดโดยรอบต้น 8 เมตร สูงประมาณ 1 เส้น) และต้นเล็กอีกเป็นจำนวนมากขึ้นอยู่ในบริเวณวัด จึงได้ปรารภกับเจ้าอาวาสในสมัยนั้น (หลวงพ่อฟุ้ง) ว่าควรจะถือเอาต้นสะเดานี้เป็นสัญลักษณ์ของวัดและขนานนามวัดนี้ว่า “วัดสะเดา”
    เจ้าอาวาสและประชาชนเห็นด้วย จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดแม่ลา มาเป็นวัดสะเดา



    ประวัติหลวงพ่อฟุ้ง

    หลวงพ่อท่านเกิด ในตระกูล นิลวัฒนา เมื่อวันอาทิตย์ แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง หรือตรงกับวันที่ 18 กันยายน 2435 โยมบิดาของท่านชื่อ หลง โยมมารดาชื่อ ฉ่ำ ท่านเกิดที่บ้านตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี มีพี่น้องร่วมบิกามารดาเดียวกัน 5 คน ดังนี้
    1. หลวงพ่อฟุ้ง
    2. นายสุก โตเสม
    3. นายสอน โตเสม
    4. นายสี โตเสม
    5. นางโต๊ะ ยิ้มจันทร์
    เมื่อเยาว์วัยได้เข้าเรียนหนังสืออยู่กับพระที่วัดบางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม มีความรู้พอแก่วิชาที่เรียนแล้วได้ออกจากวัดมาอยู่ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพตามตระกูลเดิมคือ ทำนา และการประมงในลำแม่ลา อันเป็นถิ่นที่มีปลาชุกชุม รสดี สีสวย ของจังหวัดสิงห์บุรี ท่านได้ช่วยบิดา-มารดา ประกอบอาชีพทำมาหากินด้วยความอุตสาหะมานะบากบั่นเป็นอย่างดีมาจนอายุได้ 19 ปี ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหารเป็นรั้วของชาติ (เป็นทหารช่างอยู่อยุธยา) อยู่ 2 ปี ครั้นปลดประจำการแล้วบิดามารดาประสงค์จะให้บวชเรียนสืบอายุพระศาสนา ซึ่งเรื่องนี้หลวงพ่อเคยเล่าว่าตรงกับความใฝ่ฝันของท่านคืออยากบวชเป็นทุนเดินอยู่แล้ว จึงยินดีตอบรับเพื่อตอบแทนสนองคุณของพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกตเวที



    เป็นลูกศิษย์พระครูศรี

    เมื่อตกลงที่จะบวชแล้วบิดาก็ได้นำไปฝากอยู่กับพระอาจารย์ที่วัดบางกระบือ อันเป็นวัดที่ใกล้บ้าน และได้เข้าบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่..........มิถุนายน พ.ศ.2457 ณ พัทธสีมาวัดสิงห์ ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยมีท่านพระครูศรีวิระยะโสภิต (หลวงพ่อพระครูศรี) วัดพระปรางค์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระใบฎีกาบัตรกับ พระอาจารย์จับ เป็นกรรมวาจาและอนุสาวจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วอุปัชฌาย์ใต้ตั้งนามให้ว่า อุตฺตโม เมื่อออกจากพระอุโบสถแล้วก็เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์บำรุง ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ทั้งนี้ด้วยความประสงค์ของเจ้าอาวาสวัดมีศักดิ์เป็นปู่ของท่านซึ่งประสงค์จะให้พระหลานได้อยู่ใกล้ชิดเพื่อสะดวกแก่การอบรมสั่งสอน ในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ของสัทธิวิหาริกที่ดีอีกพึงปฏิบัติพระอุปัชฌาย์ของตน จึงเป็นที่รักเป็นที่วางใจแก่พระอุปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อพระครูศรี ขณะนั้นหลวงพ่อพระครูศรีฯ ท่านเป็นเถระคณาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม มีเวทมนตร์คาถาอาคมในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อนี้มีเรื่องเล่าเอาไว้มากมาย แต่จะขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง คือ มีเด็กวัดซุกซนเที่ยวปีนต้นไม้เล่น หลวงพ่อเผลอปากทักไปว่า “จะปีนขึ้นไปทำไม เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก” เมื่อสิ้นคำพูดของหลวงพ่อ ปรากฏว่าเด็กคนนั้นตกลงมาจริงๆ เดชะบุญที่ปีนขึ้นไปไม่สูงมากนักจึงตกลงมาไม่ได้รับบาดเจ็บ และหลังจากนั้นหลวงพ่อจะระมัดระวังไม่ทักไม่ดุเด็กอีกเลย หลวงพ่อศรีท่านเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังในสมัยนั้น โดยชื่อเสียงของท่านดังไปทั่วทั้งภาคกลาง โดยเฉพาะแถบสิงห์บุรี, อ่างทอง, ชัยนาทและนครสวรรค์ เมื่อหลวงพ่อฟุ้งท่านใกล้ชิด และเป็นศิษย์ที่ท่านอุปสมบทให้ด้วยตัวของท่านเอง ย่อมเป็นโอกาสดีที่จะได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อศรีและทราบว่า หลวงพ่อฟุ้งได้รับ การถ่ายทอดมาจนครบทุกวิชาของหลวงพ่อศรี ศิษย์ของหลวงพ่อศรี อีกรูปหนึ่งที่ยังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ขณะนี้ เมื่อเอ่ยชื่อเสียง ทุกท่านต้องรู้จักดี คือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อแพท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อศรีรุ่นหลังหลวงพ่อฟุ้งมาก เพราะพรรษาต่างกันประมาณ 20 พรรษา หลวงพ่อฟุ้ง จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ที่วัดราษฏร์บำรุงเป็นเวลา 5 พรรษา ต่อมาหลวงปู่ท่านมีความประสงค์จะให้ไปจำพรรณรอยู่ที่วัดแม่ลา(วัดสะเดา) ต.แม่ลา เพราะเป็นวัดที่ท่านอุปการะแต่ก่อนทั้งเป็นความประสงค์ของเจ้าอาวาสและบรรดาญาติ ๆ แถวแม่ลานั้นด้วย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมาอยู่วัดแม่ลา(วัดสะเดา) ในขณะที่มีหลวงพ่อ........เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อท่านเป็นพระที่ใฝ่ใจศึกษาหาความรู้พระธรรมวินัย และตั้งใจปฏิบัติสม่ำเสมอ ด้วยดีเสมอมา เป็นผู้ประกอบด้วยอินทรีย์สังวรสำรวมและมีอิริยาบถอันนิ่มนวล สงบเสงี่ยมเรียบร้อย



    ในปี พ.ศ. 2467 วัดสะเดาว่างเจ้าอาวาสลงคณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้หลวงพ่อฟุ้งท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน เมื่อเป็นเจ้าอาวาสแล้วหลวงพ่อท่านก็ริเริ่มดำเนินการพัฒนาวัด ด้วยการซ่อมแซมปรับปรุงเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมให้มีสภาพมั่นคงขึ้น และจัดการสร้างเสนะที่สำคัญและ.......เป็นขึ้นมาใหม่ด้วยความอุตสาหะอันแรงกล้ายอมสละกำลังกาย สติปัญญา และความสามารถทุกอย่างเพื่อความเจริญของวัด และโดยเหตุที่ท่านมีความรู้ในทางช่างเป็นอย่างดี การก่อสร้างภายในวัดจึงจัดทำเอง โดยขอแรงชาวบ้านในท้องถิ่นบ้าง ต่างถิ่นบ้างมาช่วยกันโดยไม่ต้องเสียค่าจ้าง ท่านรับภาระหนักในการพัฒนาวัดเป็นอย่างมากแทบจะกล่าวได้ว่าวัดสะเดายิ่งใหญ่ขึ้นมาในยุคสมัยที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสอยู่




    แม้ว่าท่านจะเป็นนักพัฒนาทางด้านวัตถุชั้นแนวหน้า ถึงกระนั้นท่านก็สนใจในการพัฒนาทางด้านจิตใจด้วย ข้อนี้จะเห็นได้จากการที่ท่านประกอบไปด้วยคุณธรรมความดี เป็นที่ประทับใจแก่ศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั้งหลาย คุณธรรมความดีของหลวงพ่อมีดังนี้

    1. อินทรีย์สังวร ท่านสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้มีความยินดียินร้ายเพราะเห็นรูป ฟังเสียงดมกลิ่น ลิ้มรส และสัมผัสเข้าครอบงำจิตใจได้ ท่านวางใจเป็นอุเบกขาในอารมณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ไม่ฟูขึ้นเพราะอิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่ชอบมีลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ไม่แฟบลงเพราะ อนัฏฐารมณ์ คือ ความไม่ชอบมีความเสื่อมจากลาภ ยศ เป็นทุกข์เพราะถูกนินทา คุณธรรมพวกนี้หลวงพ่อท่านถือเคร่งครัดมากดังจะเห็นได้ว่าท่านไม่ทะเยอทะยานในเรื่องเหล่านี้เลย แม้บางครั้งศิษยานุศิษย์บางคน ปรารถนาให้ท่านมีสมณศักดิ์ เพื่อเป็นเกียรติประวัติบ้าง ได้มาปรารภกับท่าน แทนที่ท่านจะสนใจ กลับถูกท่านสั่งสอนเป็นคติเสมอว่า ลาภ ยศ อันเป็นสิ่งที่คนอื่นปรารถนานั้นล้วนเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งสิ้น และเวลาตายแล้วก็เอาติดตัวไปไม่ได้ จะมีก็แต่บุญกุศล หรือคุณธรรมความดีที่เราสร้างไว้เท่านั้น
    2. เมตตาธรรม ความรัก ความเห็นใจ ความปรารถนาดี ซึ่งเป็นคุณธรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ คุณธรรมข้อนี้หลวงพ่อมีบริบูรณ์จริง เพราะท่านมีความรัก ความปรารถนาดี ความเห็นใจแก่ศิษยานุศิษย์และคนทั่วไป ดังจะเห็นได้ว่าท่านมีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงต่อบุคคลทั้งที่เป็นญาติมิตร ศิษยานุศิษย์ และคนอื่นๆ เสมอกัน มีความรู้สึกที่เป็นความปรารถนาดี ปรารถนาสงเคราะห์ต่อกัน แสดงความยินดีต่อบุคคลที่ได้ดี แสดงความเห็นอกเห็นใจเมื่อยามเดือดร้อน วางตนเป็นที่พึ่งต่อบุคคลทั่วไปเหมือนพ่อแม่เป็นที่พึ่งแก่ลูก หรือเหมือนร่มโพธิ์ ร่มไทร ให้ความร่มเย็นแก่วิหคทั้งหลาย เมตตาธรรมของท่านนั้นครอบคลุมถึงสัตว์เดรัจฉาน ดังจะเห็นได้ว่าท่านเลี้ยวแมว หมาเอาไว้มากมาย ความดีของหลวงพ่อยังมีอีกมากมายกว่านี้ ที่นำมาแจ้งแก่ท่านผู้อ่านก็เพื่อเป็นแบบอย่างแบบฉบับแก่ผู้ที่ใฝ่ดีทั้งหลาย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับเวปวัดโฆสิตาราม

    รูปหล่อหลวงพ่อฟุ้งวัดสะเดาเสาร์๕
    ให้บูชา
    120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231111_011405.jpg IMG_20231111_011428.jpg IMG_20231111_011324.jpg
     
  4. Nantana

    Nantana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +212
    รูปหล่อหลวงพ่อฟุ้งวัดสะเดาเสาร์๕
    ขอจองค่ะ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    จัดสร้างโดยพระครูสมานคุณากรหรือที่ชาวสงขลาเรียกและรู้จักท่านในนามว่า “ หลวงพ่อจันทร์ “ โดยจัดพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๓๗ อันตรงกับวันเสาร์ห้า เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ซึ่งโบราณถือว่าเป็นวันมหาอุด มหาโชคและเป็นวันที่กล้าแข็ง สามารถบันดาลให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
    ก่อนที่จะสร้างพระหลวงพ่อปานลิ้นดำนี้ หลวงพ่อจันทร์ได้เก็บรวบรวมผงต่าง ๆ ว่านเก่า ตลอดจนวัตถุธาตุอันเป็นมงคลต่าง ๆ นำมารวบรวมเอาไว้เป็นเวลาหลายปี นอกจากนี้แล้ว ยังมีดอกไม้ ดอกมะลิอันเป็นมงคลในพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถวัดโคกสมานคุณนำมาเป็นส่วนผสมอีกด้วย โดยในขณะนั้น หลวงพ่อจันทร์ยังมีศักดิ์เป็นพระครูสังฆรักษ์อยู่ พร้อมกันนั้น หลวงพ่อจันทร์ยังได้นำเอาผงว่านที่แตกหักของพระเครื่องหลวงพ่อปานที่สร้างเมื่อปี ๒๕๐๖ และนำทูลถวายพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวมาเป็นส่วนผสมหลักในการสร้างครั้งนี้ด้วย
    สำหรับผงว่านมงคล ที่นำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างพระผงเนื้อว่านหลวงพ่อปานรุ่นนี้ ประกอบด้วย :-
    - ว่านชนิดต่าง ๑๐๘ ชนิด
    - กำยาน ๕ กิโลกรัม
    - ผงขี้ธูปวัดพะโคะ
    - เปลือกไม้ยางที่หลวงปู่ทวดเคยวางไม้เท้า
    - ผงตะไบเงินยวง
    - ผงใบต้นสังกรณี
    - ผงใบยอที่งอกบนต้นไม้อื่น เรียกว่า “ ยอไม่ตกดิน “
    - ผงปูนที่สกัดจากยอดพระธาตุ จ.นครศรีธรรมราช
    - ดอกสวาท
    - ดอกใบรักซ้อน
    - กาฝากรักซ้อน
    - กาฝากรักป่า
    - ดินกากยายักษ์
    - ดินโป่งปูที่ปิดรูปู ๑๐๘ รู
    - ดอกไม้บูชาพระค่ามพระอารามต่าง ๆ ในกรุงเทพ ฯ
    - ผงเก่าที่เก็บไว้จากหลวงพ่อปานลิ้นดำที่เหลือมาจากการสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖
    - ดอก / ใบ / ต้นพุทธรักษา
    - ดอกสายหยุด
    - ใบเสียบต้นใหญ่ที่ฝังรกหลวงปู่ทวด
    - ไข่หินถ้ำพระธาตุเขาสายร้อยยอด จ.ประจวบ ฯ
    - ข้าวสารหิน จ.ลพบุรี
    - ดอกพญางิ้วดำ
    - ธาตุแร่เหล็กน้ำพี้ จ.อุตรดิตถ์
    - เพชรเขาพระงาม จ.เพชรบุรี
    - ขี้ธูปเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี
    - ขนมปังหรือขนมโคคนธรรพ์ในถ้ำอุตรดิตถ์
    - ดินกรุพระนางตราท่าศาลา นครศรีธรรมราชอายุกว่า ๘๐๐ ปี
    พระผงเนื้อว่านหลวงพ่อปาน ลิ้นดำที่สร้างในครั้งนี้มีพระเกจิอาจารย์จากทั่วทั้งภาคใต้ก็ว่าได้ ที่ไปร่วมกันปลุกเสกในครั้งนี้ อาทิ ....
    - หลวงพ่อแดง วัดควนนางพิมพ์ จ.พัทลุง
    - หลวงพ่อร่วง ปกาสิทธิ์ วัดศาลาโพธิ์ ( ดับเทียนชัย )
    - หลวงพ่อล้วน วัดน้ำน้อยใน
    - หลวงพ่อเรือง วัดประตูชัย
    - หลวงพ่อบุญ วัดคลองแห
    - หลวงพ่อรื่น วัดช่องเขา
    - พระครูประภัสสรธรรมคุณ วัดทรายขาว
    - หลวงพ่อเอียด วัดบางกล่ำ
    - หลวงพ่อจันทร์ วัดเจริญราษฎร์
    - พระครูโกวิทธรรมสาร วัดห้วยลาด
    - พระครูมนุญธรรมานุวัตร วัดหูแร่
    - หลวงพ่อจำเนียร สำนักสงฆ์ต้นเลียบ
    - หลวงพ่อพราง วัดโคกทราย
    - หลวงพ่อจันทร์ วัดโคกสมานคุณ
    - หลวงพ่อปรีชา รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
    - พระอาจารสมนึก วัดหรงบล จ.นครศรีธรรมราช
    ในการสร้างพระเนื้อว่านหลวงพ่อปาน ลิ้นดำนี้ หลวงพ่อจันทร์ท่านมีความประสงค์ที่จะบูชาคุณของหลวงพ่อปานซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน ทั้งนี้ เมื่อตอนหลังจากที่หลวงพ่อจันทร์ได้บวชแล้วท่านก็ได้ร่ำเรียนพระธรรมวินัยกับหลวงพ่อปาน ตลอดจนคาถาอาคมอยู่เป็นเวลานานหลายปีจนกระทั่งหลวงพ่อปาน มรณภาพ
    สำหรับรูปลักษณ์ของพระเนื้อว่านหลวงพ่อปานลิ้นดำนี้ จะมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มีขนาดความสูง ๓ ซม. ฐานล่างกว้าง ๒ ซม. ตรงกลางจะเป็นรูปองค์หลวงพ่อปานลิ้นดำ ห่มจีวรเฉวียงบ่า พาดสังฆาฏิในท่าจับหัวเข่า นั่งอยู่บนฐานเขียง ด้านหลังองค์พระจะนูนคล้ายหลังเบี้ย มีอักษรภาษไทยปั๊มอ่านว่า “ หลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ “ สีเนื้อออกดำอมเทาหรือดำอมเขียว
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงหลวงพ่อปานลิ้นดำให้บูชา 120บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231111_095430.jpg IMG_20231111_095449.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    1699673570554.jpg

    ประวัติหลวงพ่อเฒ่าปั้น วัดคังคาว
    ประวัติหลวงพ่อเฒ่าปั้น วัดคังคาว ซึ่งถ่ายทอดมาจากพระอาจารย์จิ๊ วัดคังคาว ว่าคนเก่าๆเล่าสืบทอดกันมาว่าท่านเป็นชาวบางปลาสร้อย จ.ชลบุรี เกิดในสมัยอยุธยา เคยเป็นทหารของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายหลังสงครามได้บวชเรียนที่จ.อยุธยาแล้วเดินรุกขมูลไปเรื่อยๆกับสหธรรมิก อีกหนึ่งรูปชื่อหลวงพ่อแป้นรูปร่างขาวสูง ส่วนตัวหลวงพ่อปั้นนั้นรูปร่างล่ำแบบมะขามข้อเดียวผิวคล้ำ โดยร่วมกันบูรณะวัดวาอารามไปทั่ว และเมื่อตอนที่ท่านมาถึงบริเวนแม่น้ำน้อยที่สร้างวัด ก็ได้อธิษฐานด้วยการโยนผ้าอาบไปกระทั่งผ้าอาบปลิวตามลมมาตกในบริเวนดังกล่าว ซึ่งเป็นวัดร้างมาก่อน หลวงพ่อเฒ่าปั้นจึงเริ่มรวบรวมศรัทธาก่อสร้างวัดคังคาวขึ้น ส่วนหลวงพ่อแป้นก็ล่องเรือต่อไปทางทิศเหนือแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
    ตอนที่พ่อเฒ่าปั้นท่านล่องเรือมา ท่านมีลิงตัวผู้มาด้วย๑ตัวชื่อ เจ้าหอย ต่อมาคงได้แพร่พันธุ์กับลิงป่าแถววัดจนกลายเป็นฝูงลิงของหลวงพ่อเฒ่าที่ไม่ มีใครกล้าทำอันตรายจวบจนกระทั่งปัจจุบัน หลวงพ่อสวัสดิ์อดีตเจ้าอาวาสท่านก็รักลิงเหล่านี้มาก และเมื่อไม่นานมานี้เจ้าลิงก็ทำแสบแอบขโมยใบลานเทศน์ที่มีลายมือชื่อหลวงพ่อ เฒ่าปั้นไปเล่นฉีกขาดหลุดหายไป ทำให้ขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไปอีกชิ้น
    นอกจากพ่อเฒ่าปั้นจะเลี้ยงลิงแล้วท่านยังมีช้างอีกสามเชือกช้าง ๓ เชือกนี้ ชื่อ บุตร ทรัพย์ และ กระสอบ เป็นช้างแสนรู้ มีความกตัญญูสูง นอกจากจะช่วยชักลากไม้และเป็นพาหนะในการเดินทางให้หลวงพ่อเฒ่าแล้ว ทั้งสามยังได้ช่วยกันไปหาฟืนนำมาให้หลวงพ่อเฒ่าและพระในวัดใช้ โดยมิต้องสั่งหรือบังคับแต่อย่างใด โดยภายหลังได้มอบให้ลูกศิษย์เอกคือหลวงพ่อสงฆ์ วัดสว่างอารมณ์ ไปหนึ่งเชือกคือ พังกระสอบ หลวงพ่อสงฆ์นี้เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่เมฆ วัดท่าอิฐ หลวงปู่เมฆ วัดท่าอิฐนี้เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่เชิญ
    ท่านพระอาจารย์จิ๊ยืนยันว่า แต่ก่อนท่านเคยเห็นที่วัดมีตำราคาถาอาคมของหลวงพ่อเฒ่าที่คัดโดยหลวงพ่อสงฆ์ แล้วเขียนระบุไว้เลยว่าหลวงพ่อสงฆ์ท่านเป็นคนคัดแต่ปัจจุบันหายไปบ้างลาง เลือนไปบ้าง
    วัดธรรมิกาวาส (วัดค้างคาว) ตำบลโพงาม เป็นวัดที่มีป่ายางสูงสลับซับซ้อน มีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บริเวณหน้าวัดมีแม่น้ำน้อยไหลผ่านทำให้บรรยากาศร่มรื่น และมีรูปหล่อหลวงพ่อเฒ่า เป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านเคารพนับถือ มากๆสวนลิงอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอสรรคบุรีประมาณ 16 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-ชัยนาท เลียบถนนคลองชลประทาน (สายใน) จะมีทางแยกเข้าวัดธรรมิกาวาส ประมาณ 500 เมตร
    สภาพเป็นยางสูงสลับซับซ้อนมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากโดยแยกกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ไม่รวมกัน ลิงเหล่านี้มีนิสัยเชื่องและใกล้ชิดกับคนมาก นอกจากนี้ บริเวณหน้าวัดธรรมมิกาวาส ยังมีแม่น้ำน้อยไหลผ่านทำให้บรรยากาศร่มรื่นและสวยงาม และยังมีรูปหล่อของ
    หลวงพ่อเฒ่าซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ เชื่อกันว่าถ้าใครมีเรื่องเดือดร้อน หากไปเคารพสักการะหลวงพ่อเฒ่าแล้วก็จะพ้นจากความทุกข์ร้อนได้ ปัจจุบันมีประชาชนไปเยี่ยมชมสวนลิงเพื่อเพลิดเพลินกับธรรมชาติ
    กล่าวถึงหลวงพ่อเฒ่าวัดคังคาว หรือวัดค้างคาว ที่ตั้งอยู่ในเขต อ.สรรคบุรี ริมแม่น้ำน้อย บารมีความยิ่งใหญ่เปรียบเสมือนหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หาได้กล่าวเกินจริงไม่จากความศรัทธาของสาธุชนที่มีต่อท่านจากชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง บนบานสารกล่าวสำเร็จดังหวัง วัตถุมงคลไม่ว่ารุ่นไหน เก่า ใหม่ มีรูปเคารพตัวท่านก็ประสปการณ์มากมายอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ ขอได้ อยู่คง แคล้วคลาด มหาอุตม์ โชคลาภ เมตตา มหานิยม สารพัด
    ประวัติหลวงพ่อเฒ่า ท่านเก่ามาก เก่าจนเกินกว่าจะสืบค้น รูปถ่ายท่านก็ถ่ายมาจากรูปปั้นที่ปั้นจากคำบอกเล่าของคนที่อาวุโสที่สุดในย่านวัดที่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าท่านในยุคหลวงพ่อสอนเป็นเจ้าอาวาส ประมาณปี ๒๔๗ กว่าๆ ท่านน่าจะมีชีวิตอยู่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินท์ หรือปลายกรุงศรีอยุทธยา เคยมีคนกล่าวถึงหลวงปู่ศุข วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่าได้มาเรียนและต่อวิชาจากหลวงพ่อเฒ่าและมีการคาดคะเนกันต่างๆนาๆซึ่งขัดแย้งในบางกรณี จนผมมีโอกาสได้สืบค้นประวัติในสายหลวงปู่ศุขจากตำราที่บันทึกโดย พระอาจารย์ บุญยัง ศิษย์เอกหลวงปู่ศุขคู่กับสมุห์กลับ กล่าวไว้ว่า หลวงปู่ศุขได้ต่อวิชาสร้างตะกรุดใต้น้ำ และวิชาบางอย่าง จากหลวงพ่อเฒ่า ซึ่งคำว่าเฒ่าในภาษาคนชัยนาทและละแวกใกล้เคียงจะหมายถึงพระแก่ พระที่อาวุโสมากๆ และในความหมายที่ อ.ยัง บันทึกนั้นหมายถึงหลวงพ่อเฒ่า วัดจำรัง ท่านนี้คือหลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ ต่อมาเปลี่ยนชื่ออีกครั้งว่าวัดคงสวัสดิ์ ซึ่งหาได้เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อเฒ่า(ปั้น)ไม่ และชื่อปั้นนั้นหมายถึงนามท่าน หรือ รูปปั้นอาจเป็นได้ มีคนเคยตั้งข้อสังเกตุว่าหลังจากที่ค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านหายไปไหน อาจมรณะภาพในสงคราม หรือ ไปจำวัดที่ไหนหลังสงครามสงบ เป็นไปได้หรือไม่ถ้าท่านจะเป็นหลวงพ่อเฒ่า เป็นข้อสันณิษฐานเท่านั้น ผมขอรับผิดชอบข้อมูลแต่ผู้เดียวครับ
    ในสายวิชาหลวงพ่อเฒ่า วัดคังคาวถือเป็นตักศิลาในลุ่มแม่น้ำน้อย มีตำราคัมภีร์ที่พระเกจิในย่านนี้เรียนต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย เป็นเอก หนึ่งเดียว เอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำกับสายอื่นคือ หัวใจพระกรณีย์ อะปะจะคะ แค่อักขระ ๔ ตัว สำเร็จสามารถกระทำสิ่งใดได้ต่างๆนานา ทั้งผ้ายันต์ ปลุกเสก ลงวัตถุมงคล สารพัด
    วัตถุมงคลในรูปหลวงพ่อเฒ่าสร้างครั้งแรกสมัยหลวงพ่อสอน ต่อมาก็สมัยหลวงพ่อสวัสดิ์ หลวงตาวิเชียร จนสมภารรูปปัจจุบัน การออกวัตถุมงคลของวักคังคาวแทบทุกครั้งจะต้องนิมนต์เกจิที่สืบสายวิชามาร่วมนั่งปรกด้วยทั้งนั้น เช่น หลวงพ่อกวย หลวงพ่อเจ้ย และหลายท่านในลุ่มน้ำน้อย มีทั้งเหรียญ พระสมเด็จ พระดิน ชิน ผง ผ้ายันต์ มีดหมอ และวัตถุมงคลที่เก่าแก่ที่สุดก็คือพระโคนสมอขนาดเล็กมีทั้งชินและดินเผา บรรจุอยู่ในกรุของวัดคังคาว สันณิษฐานว่าหลวงพ่อเฒ่าท่านสร้างและบรรจุกรุไว้ถือเอาวัตถุมงคลชุดนี้เป็นพระที่ทันหลวงพ่อเฒ่าครับ
    ส่วนมากประวัติที่เราท่านทราบกันจะสืบค้นจากหลวงตาเชียร ท่านนี้จัดเป็นพระอาคมกล้าของวัดคังคาวเลยศรัทธาหลวงพ่อเฒ่ากันมาตั้งแต่สมัยปู่ของท่านพระเครื่องที่เป็นรูปเคารพหลวงพ่อเฒ่าส่วนมากหลวงตาเชียรจะเป็นผู้สร้าง และเสก ส่วนหลวงพ่อสวัสดิ์ท่านเป็นเจ้าอาวาสมีบทบาทเรื่องพิธีกรรมและประสานงานครับ
    สร้างแต่ละครั้งถือเป็นการชุมนุมเกจิในเขตลุ่มน้ำน้อยที่เก่งกล้าสามารถทุกครั้งครับ
    ขอบคุณที่มา
    http://www.marnburapha.com/kangkav.html
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครั

    พระสรรค์พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเฒ่าวัดค้างคาวให้บูชายกชุด 3 องค์ 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231111_101925.jpg IMG_20231111_101950.jpg IMG_20231111_102008.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2023
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    · 1i21.jpg
    พระครูมงคลวรสิทธิ พ่อท่านทอง ถิรจิตโต อดีตเจ้าอาวาสวัดหลักห้า อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ศิษย์สายสำนักเขาอ้อ
    เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของเมืองยะลา เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยก ย่องว่าเคร่งครัดพระธรรมวินัย ใส่ใจวัตรปฏิบัติของสงฆ์
    ชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วถึงประสบการณ์ที่เล่าขานด้านวัตถุมงคล
    หลังอุปสมบท ท่านไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลักห้า ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา วัดที่ท่านสร้างขึ้นมาเองบนที่ดินของท่านเองตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ด้วย พร้อมทบทวนวิทยาคมและเรียนพระปริยัติธรรม มุมานะ ศึกษาเล่าเรียนจนสามารถสอบได้
    ท่านยังให้ความสนใจด้านวิทยาคม เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อร่ำเรียนจากตำราเก่าแก่ที่สมัยนั้นพระสงฆ์ภาคใต้นิยมศึกษา และยังศึกษาวิชาสมาธิกรรมฐานกับพ่อท่านวัดป่าศรี ปัตตานี พ่อท่านแดง วัดหลักห้า พ่อท่านดำวัดหลักห้า (สองรูปนี้ท่านได้นิมนต์มาให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหลักห้า รูปที่สามและรูปที่สี)อาจารย์ชุม ไชยคีรี คุณแม่บุญสืบ ไชยคีรี รวมถึงไปขอฝากตัวเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม.
    ในช่วงเวลาว่าง ท่านมักเดินทางไปสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้าคุณพ่อท่านฉิ้นวัดเมืองยะลาและพ่อท่านแสงวัดบ้านตรัง ปัตตานี (เครือญาติ)
    ในปี พ.ศ.2501 พ่อท่านทองจึงได้สร้างวัดหลักห้า ขึ้นบนที่ดินของท่าน ในขณะที่เป็นผู้ใหญ่บ้านหลักห้า พร้อมทั้งรับตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อครั้งอุปสมบทรอบสอง ชาวบ้านแถบนั้นเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้ เพื่อใช้เป็นที่เจริญสมณธรรม
    จากเริ่มแรกวัดหลักห้า ยะลา มีเพียงกุฏิไม้หลังเดียว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาขึ้น เพียบพร้อมด้วยเสนาสนะ อุโบสถ, ศาลาการเปรียญ, หมู่กุฏิสงฆ์, เมรุ ฯลฯ
    ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย และมีคาถาขลัง ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
    ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย
    สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคศรัทธาก็นำมาพัฒนาวัด สร้างสาธารณู ปโภค สาธารณูปการ รวมทั้งบริจาคสาธารณกุศลช่วยชุมชน
    ท่านปรารภเสมอว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่มีความจำเป็นต่อสมณเพศ เพราะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยศรัทธาของญาติโยม
    ส่วนหลักธรรมที่ท่านพร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด คือ การรักษาศีล 5 ให้มุ่งทำดีละชั่วแล้วชีวิตจะพานพบแต่สิ่งดีๆ
    ....เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย มักจะพร่ำสอนญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้เสมอๆ ว่า
    "คนเราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล 5 เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยากหรือขัดกับชีวิตประจำวัน เพราะจิตใจของเราเป็นสำคัญ"
    กล่าวขวัญกันว่า พ่อท่านทองเก็บตัวเงียบมานาน แต่คน ยะลา รู้จักดี ด้วยความที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก จึงได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญพระ พระผง รูปหล่อ พระกริ่ง ฯลฯ เพื่อมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์และเสนาสนะภายในวัด
    ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านที่ได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม โดยเฉพาะ "พระผงพระเจ้าห้าพระองค์" ซึ่งสร้างจากตำราเขาอ้อโบราณ จากนั้นก็ลองทำออกมาหลายรุ่น ทั้งตะกรุด สีผึ้ง ผ้ายันต์ และปลุกเสกด้วยคาถาที่ระบุไว้ในตำรา
    ชื่อเสียงของท่านโด่งดัง เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ชาวเมืองยะลาเป็นยิ่งนัก
    เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีบารมีทางกระแสจิตแก่กล้า ระดับแนวหน้าของจังหวัดยะลาอีกรูปหนึ่ง
    ท่านมรณภาพเมื่ออายุ108ปี หลังจากเข้าสมาธิอดอาหารถึง32วัน ในวันที่25พฤษภาคม 2551

    พระเจ้าห้าพระองค์หลังพระพรหม ตาหลวงทอง วัดหลักห้า ให้บูชา 250 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    1699757532747.jpg 1699757543900.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2023
  10. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    unnamed (2).jpg
    ลานโพธิ์ฉบับเดือนกุมภาพันธ์2558 นี้ ได้ลงเรื่องราวเหตุการณ์ที่หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน ซึ่งได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลวัดไก่จ้น ปี2521 แล้วในระหว่างพิธีได้เพ่งพานแตกซึ่งเรื่องราวในเหตุการณ์ น่าอัศจรรย์มาก โดยคุณเก่ง รางน้ำ น้องที่สนิทกัน ได้เขียนเรื่องราวดังนี้
    """ เหตุใดเหรียญหลวงปู่ลำภู จึงนิยมรุ่น 3 มากที่สุด ผมเคยนำเสนอท่านผู้อ่านกันไปแล้วถึงประวัติหลวงปู่ลำภู คงฺคปญฺโญ และพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี พ.ศ. 2502 ของท่าน เลยมีหลายท่านอยากทราบถึงเหรียญของหลวงปู่ลำภู กันบ้างว่ามีกี่รุ่นและรุ่นไหนนิยมมากที่สุด เพราะเหตุใด ผู้เขียนเก่งรางน้ำ เลยรวบรวมข้อมูลมาเขียนให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันถึงเหรียญที่หลวงปู่ลำภูสร้างนั้นมีอยู่4รุ่นและเหรียญรุ่น3นั้น นิยมมากที่สุด ผมจะเขียนแบบเจาะลึก กันอย่างละเอียดเลยทีเดียว ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ หลวงตาประยูร เจ้าอาวาสวัดไก่จ้นองค์ปัจจุบัน (ท่านเป็นศิษย์เอกและลูกบุญธรรม) ที่ช่วยชี้แจงข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ของเหรียญรุ่น 3 นี้ ว่าทำจำนวนทั้งหมด 3 พิมพ์ คือ 1. เหรียญสี่เหลี่ยมหลวงพ่อโตนั่งฐานสิงห์เต็มองค์ รุ่นนี้สร้างแค่เนื้อนวะเท่านั้นสร้างจำนวน 200 เหรียญ แจกให้เฉพาะผู้ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์วัดไก่จ้น ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป 2. เหรียญกลมหน้าหลวงพ่อโต พิมพ์ใหญ่-เล็ก โดยมีเนื้อเงิน พิมพ์ใหญ่จำนวน 200 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 200 เหรียญ เนื้อนวะ พิมพ์ใหญ่จำนวน 800 เหรียญ เนื้อนวะนี้ไม่มีเหรียญเล็ก เนื้อทองแดง พิมพ์ใหญ่จำนวน 1,500 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 1,000 เหรียญ และเนื้อกะไหล่ทองพิมพ์เล็กจำนวน 1,000 เหรียญ 3. เหรียญกลมหน้าหลวงพ่อลำภู พิมพ์ใหญ่เนื้อเงินจำนวน 300 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 500 เหรียญ เนื้อนวะไม่มีทั้งใหญ่-เล็ก เนื้อทองแดง พิมพ์ใหญ่จำนวน 2,000 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 2,500 เหรียญ พระภปร (* ส่วนเหรียญที่มีผิวไฟนั้น ผมถามหลวงตาประยูรท่านถึงเหรียญรุ่นนี้ว่าทำไมมีผิวไฟ ก็ได้ความว่า เหรียญที่จัดทำนั้นทางโรงงานปั๊มกันเกินไว้เผื่อเหรียญชำรุด เมื่อทางโรงงานคัดเหรียญที่ดีแล้วตามจำนวนจึงนำไปรมดำและทำกะไหล่ทองเหรียญเล็ก
    ส่วนเหรียญที่เกินนั้นทางโรงงานได้นำมาถวายหลวงปู่ลำภู รวมทั้ง 2 พิมพ์ ใหญ่-เล็ก แล้วก็ประมาณเกือบ 500 เหรียญ หลวงปู่ลำภูท่านก็รับไว้ แล้วนำมาแจกจ่ายในตอนหลัง ทั้งนี้จึงต้องแจ้งให้ทราบเพื่อจะได้ไม่เกิดการเข้าใจผิดกัน ส่วนเหรียญพิมพ์ใหญ่กะไหล่ทองนั้นทางวัดไม่ได้ทำครับ)นอกจาเหรียญแล้วยังมีสมเด็จปี พ.ศ.2521โดยมีทั้งหมด6พิมพ์2เนื้อ(1.พิมพ์ใหญ่พิเศษ2.พิมพ์ใหญ่3.พิมพ์เส้นด้าย4.พิมพ์เจดีย์5.เพิมพ์เจดีย์มีหู6.พิมพ์สังฆาฏิ)และยังมีพิมพ์พิเศษโรยผงตะไบอีก3พิมพ์2เนื้อ(มีเนื้อผงน้ำมันและผงใบลานมีพิมพ์ใหญ่.พิมพ์เส้นด้าย.พิมพ์เจดีย์) ซึ่งรวมพระทั้งหมดแล้วจำนวน 84,000 องค์พระเกจิที่มาร่วมปลุกเสกนั้นล้วนสุดยอดเกจิทั้งนั้น 1. ประธานนั่งปรกคือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี(ประธานจุดเทียนชัย) 2. หลวงปู่ลำภู วัดบางขุนพรหม 3. หลวงปู่ย้อย วัดอัมพวัน (หลวงปู่ย้อยเนี่ยแหละที่ทำให้เหรียญรุ่นนี้มีชื่อว่ารุ่นพานแตก ส่วนรายละเอียดต้องติดตามคับ ผมเขียนในฉบับนี้เลย) 4. หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ 5. หลวงปู่พริ้ง วัดโบสถ์ 6. หลวงปู่สิมมา วัดบ้านหมอ 7. หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง 8. หลวงปู่ถิร วัดป่าเลไลย์9. หลวงปู่บาง วัดหนองพลับ 10.หลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ 11.หลวงปู่พล วัดหนองคนที 12.หลวงปุ่แพ วัดพิกุลทอง และเจ้าพิธีคือ หลวงตาประยูรเจ้าอาวาสวัดไก่จ้นองค์ปัจจุบัน แค่เห็นรายชื่อพระที่มาร่วมปลุกคงรู้กันแล้วสิครับว่าดีขนาดไหน ปลุกเสกกันตอนกลางคืนวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 และวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2521
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินวัดไก่จ้น ทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถทรงตัดหวายลูกนิมิต ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เกตุพระประธาน หลวงพ่อแสนสุขในอุโบสถ จึงทำให้เหรียญรุ่นนี้ทุกพิมพ์ จะมีอักษรพระปรมาภิไธย่อ ภปร ด้วยความที่ผมได้คบกับพี่ต่อเสาไห้ จึงทำให้ได้รับรู้เรื่องราวในครั้งนี้ พี่ต่อเล่าว่า คุณทองสุข ได้ติดตามพระอุปัชฌาย์ของท่านคือหลวงพ่อสิมมา วัดบ้านหมอ สระบุรี โดยไปกับคุณสิงห์ชัยเพื่อนสนิท เข้าไปในโบสถ์ แต่เนื่องจากอยู่ไกลและที่คับแคบประกอบกับคุณสิงห์ชัยได้ชวนนั่งหลังหลวงพ่อย้อย ห่างเพียงศอก ระหว่างพิธีพุทธาภิเษก คุณทองสุขได้สังเกตขณะหลวงพ่อย้อยนั่งปลุกเสกที่ศีรษะท่านมียุงตัวหนึ่งกัดท่านอยู่นานจนเลือดแดง ตัวอ้วนเปล่ง หลวงพ่อย้อยท่านนิ่งเฉย มีสมาธิแน่วแน่ในการตั้งใจปลุกเสกไม่สนใจยุงตัวนั้น ไม่ตบจนยุงตัวนั้นกินเลือดอิ่มแล้วก็บินไป คิดอยู่ในใจว่าท่านเป็นพระที่ประเสริฐเหลือเกิน มีเมตตาจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นยุงตัวนั้นคงตายไปนานแล้วต่อมาได้ยินเสียงเหมือนระเบิดตึ้งดังสนั่นโบสถ์เหมือนเสียงปืน ทุกสายตามองที่พานแก้วที่วางหน้าหลวงพ่อย้อย สำหรับวางหญ้าคาเพื่อพรมน้ำมนต์ ระเบิดออกแล้วไปรวมกองที่เดียวกันแบบน่าอัศจรรย์ที่ระเบิดแล้วไม่กระจายออกไปที่ไหนเลยรวมตัวกันเป็นกองกระจุกที่เดียว ภาพและเสียงนั้นทำให้ทุกคนในโบสถ์อยู่ในอาการที่นิ่งด้วยความประหลาดใจ แต่ในใจทุกคนทราบว่าต้องมีปาฏิหาริย์เกิดจากการปลุกเสกของหลวงพ่อย้อยแน่นอน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าคุณทองสุข อ่อนละมัยและคุณสิงห์ชัย แก้วจินดา ก็นึกแปลกประหลาดใจ ปรึกษาคุยกันถึงเรื่องหลวงพ่อย้อยท่านเก่งจริงและมีอะไรดีที่น่าศรัทธามากแน่ๆ เลย ด้วยความสนใจจึงได้ถาม “คุณลุงเลี้ยม” ลูกศิษย์ติดตามพระรูปนี้ว่าท่านชื่ออะไรอยู่วัดไหนทำไมเก่งจัง จนได้ความว่าพระรูปที่ตนศรัทธาชื่อ หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน เสาไห้ สระบุรี เมื่อพิธีเสร็จเทียนชัยดับลง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ประธานในพิธีเดินทางกลับ ระหว่างทางเดินผ่าน คุณสิงห์ชัย ได้ยินหลวงปู่โต๊ะ ได้กล่าวชมกับหลวงพ่อย้อยอีกว่า “ท่านเก่งน้อ” แล้วหลวงปู่โต๊ะเดินทางกลับ ด้วยเหตุการณ์นั้นยังอยู่ในความทรงจำที่ประทับใจและความศรัทธาเป็นอันมาก หลังจากเหตุการณ์ไม่กี่วันท่านพระครูประจักษ์จริยะคุณ (สุนทร สุนฺทโร) ผู้ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ง่ายๆ ได้ชวนพระครูวิสุทธิธรรมากร(หลวงตาประยูร)มาหาหลวงพ่อย้อยเพื่อสอบถามว่าพานแก้วสำหรับวางหญ้าคาไว้พรมน้ำมนต์ วางอยู่เฉยๆ แตกได้ยังไง วันหนึ่งความที่คุณทองสุข สงสัยเหตุการณ์ที่วัดไก่จ้นนั้นมานานจึงได้เขียนเป็นตัวหนังสือ (ตอนนั้นหลวงพ่อย้อยท่านได้มีอาการ “หูตึง”) เขียนถามท่านหลวงพ่อย้อยว่า “หลวงพ่อครับทำไมพานแก้วที่วางหน้าหลวงพ่อย้อยตอนปลุกเสกที่วัดไก่จ้นถึงได้แตก” หลวงพ่อย้อย พูดตอบว่า “มีคนลองของเรา ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก เสียดายที่ทำพานเขาแตกไป” ด้วยคำตอบสั้นๆ อย่างนี้ทำให้คุณทองสุข เห็นว่าหลวงพ่อย้อยท่านมีความเก่งในวิทยาคมกระแสจิตที่แรงมากๆ และมีความดีจริงๆ ชนิดแบบไม่ทำร้ายใครตอบ เพียงแค่สอนมวยให้รู้ว่าเราก็มีดีมีวิชากับเขาเหมือนกัน อย่ามายุ่งมารังแก อย่ามาลองของ แต่ไม่ทำร้ายใคร ไม่โอ้อวดใคร ชอบสงบ หลังจากพิธีนี้หลวงพ่อย้อยไม่รับนิมนต์ไปปลุกเสกที่อื่นอีกเลย (ข้อมูลเหล่านี้ขอขอบคุณพี่ต่อ เสาไห้สายตรงหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวันด้วยครับ) ผมจึงขอแนะนำเหรียญดี พิธีใหญ่ครับ เหรียญสมเด็จโต วัดไก่จ้น รุ่นพานแตกครับ เป็นเหรียญสมเด็จ (โต) ที่แกะบล็อกได้สวยที่สุดเท่าที่เคยพบมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันครับ เป็นเหรียญกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม. ออก ณ วัดไก่จ้น อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เหรียญนี้สร้างเมื่อปี 2521 เนื่องในงานปิดทองฝังลูกนิมิตวัดไก่จ้น มีอายุการสร้าง 36 กว่าปีแล้วครับ ผมเล่นพระมา 13 ปีเศษ ไม่เคยเห็นเหรียญสมเด็จ (โต) ไม่ว่าจะออกที่ใดก็ตาม จะมีความงามเท่าเหรียญที่ออกวัดไก่จ้นปี 21 ท่านลองพิจารณาจากภาพแล้วนึกดูว่าใช่หรือไม่? ยามหยิบเหรียญขึ้นมามองใบหน้าสมเด็จโตในเหรียญ รู้สึกให้ความสงบสุขอย่างประหลาด เหรียญสมเด็จโตวัดไก่จ้น ปี 21 นี้ เป็นเหรียญดีมีประสบการณ์มาก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้กันเพราะขาดแรงเชียร์... ผมจึงหยิบขึ้นมาแนะนำครับ ---ข้อดีประการแรกคือเป็นเหรียญรูปพระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ---ข้อดีต่อมาเป็นเหรียญที่สร้าง ณ วัดซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของเจ้าประคุณสมเด็จเอง (สมเด็จพระพุทธาจารย์โตท่านถือกำเนิดที่ท่าน้ำวัดไก่จ้น อ.ท่าเรือ ท่านจึงมาสร้างพระนอนองค์ใหญ่ สร้างวัดขึ้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตรงข้ามวัดไก่จ้นซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามพระพุทธไสยยาสน์วัดสะตือครับ ---เป็นเหรียญที่มีพิธีพุทธาภิเษกดี มีประวัติถูกบันทึกไว้เป็นที่แน่นอน เนื่องจากเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ในงานครานั้นด้วยพระเกจิที่เข้มขลังในพุทธาคมที่ร่วมปลุกเสกเท่าที่ผมรู้จักและจำได้มี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อถิรวัดป่าเลไลย์ หลวงพ่อสิมมาวัดบ้านหมอ หลวงพ่อย้อยวัดอัมพวัน และอีกหลายองค์ หลังจากพุทธาภิเษกแล้วหลวงพ่อแพได้ปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้งด้วย ---อภินิหารเป็นที่ประจักษ์เริ่มตั้งแต่พิธีพุทธาภิเษกกันเลยทีเดียว คือในขณะที่พระผู้เรืองอาคมกำลังปลุกเสกกันอยู่นั้น พานแก้วหน้าหลวงพ่อย้อยวัดอัมพวันขยับลั่นแล้วลอยขึ้นระเบิดเปรี้ยงเสียงดังสนั่น เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นเศษแก้วที่ควรกระจายจากการระเบิดนั้น กลับร่วงลงมากองรวมอยู่ที่เดิมไม่ได้กระจายออกไปให้เป็นอันตรายแม้แต่ชิ้นเดียว อัศจรรย์ครั้งนั้นเป็นที่เล่าลือเล่าขานทราบกันดีทั่ว อ.ท่าเรือ เหรียญรุ่นนี้ชาวท่าเรือจึงเรียกกันว่าเหรียญหลวงพ่อโตรุ่นพานแตก หลังจากเหรียญออกมาราว 10 ปี มีการไปลองยิงปรากฏว่านัดที่ 1 ไม่ออก นัดที่ 2 ไม่ออก คนที่ยิงก็เกิดป๊อดขึ้นมา (หลวงพ่อโตนั้นชาวท่าเรือนับถือกันมาก คนทำผิดปากแข็งให้สาบานอย่างอื่นเขาอาจจะยอมสาบานแต่ถ้าให้สาบานกับหลวงพ่อโต ไม่มีใครกล้าครับ) เมื่อคนที่ลองยิงกดไปสองนัดไม่ออกเกิดกลัวขึ้นมา บอกว่ากูไม่เอาแล้ว เพื่อนอีกคนก็ด่าว่า...ป๊อดไปได้ ว่าแล้วคว้าปืนจากมือเพื่อจ่อเข้าไปใกล้ๆ เหรียญแล้วเหนี่ยวไก...ตูม! ...ลำกล้องแตก กระดูกข้อมือแตก เมื่อข่าวนี้ถูกเล่าขานกันออกไป เหรียญรุ่นนี้ก็ถูกเรียกว่าเหรียญรุ่นปืนแตกมาตั้งแต่ราวปี 30 กว่าๆ เป็นต้นมา เมื่อมาถึงราวปี 50 หลวงพ่อย้อยวัดอัมพวัน สระบุรี ซึ่งปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้จนพานแก้วแตกระเบิด เริ่มโด่งดังขึ้นมามาก พระเครื่องของท่านราคาขยับขึ้นมากและเป็นที่ต้องการของนักสะสม ก็เป็นเหตุให้เหรียญหลวงพ่อโตวัดไก่จ้นนี้มีผู้หันกลับมาเรียกว่าเหรียญรุ่น “พานแตก” เหมือนเดิมอีก ---ดีอีกประการคือมีขนาดพอเหมาะและความสวยงามเป็นเลิศ ---อีกประการคืออายุการสร้างผ่านมา 36 กว่าปีแล้ว แต่ท่านอาจจะพบเจอในราคาเช่าหาอาจจะถูกกว่าพระที่เพิ่งสร้างใหม่ เพราะคนรู้จักกันน้อยครับ ไม่มีคนเชียร์ ทั้งๆ ที่ประสบการณ์เพียบครับ นี่ถึงเป็นสาเหตุที่เหรียญรุ่นนี้ได้รับความนิยมทั้งพื้นที่และคนที่ทราบประวัติครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพานแตกหลวงปู่ลำภูพิมพ์เล็ก บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231112_120345.jpg IMG_20231112_120405.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2023
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    budd1970.jpg
    budd1988.jpg
    สำหรับ ประวัติของ "หลวงปู่ลำภู" นั้น ท่านนามเดิมว่า "ลำภู เรืองนักเรียน" เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2444 ตรงกับวันพุธ แรม 2 ค่ำ เดือน 12 ปีฉลู ณ บ้านไก่จ้น ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายคง นางผิว เรืองนักเรียน มีพี่น้องรวม 10 คน

    อุปสมบทเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2465 ณ วัดไก่จ้น หลังจากบวชแล้วท่านได้ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมจนสามารถอ่านออกเขียนได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาขอม ต่อมาปี 2469 ท่านย้ายจากวัดไก่จ้นไปอยู่วัดช่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่ออยู่ศึกษาและปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นเวลา 7 ปี สอบนักธรรมชั้นตรี ได้เมื่อปี 2473 ที่วัดหนองเขื่อนช้าง จ.สระบุรี


    จากนั้นปี 2477 ก็ย้ายจากวัดช่างทอง ไปอยู่วัดบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาต่อ ได้รับตำแหน่งรองเจ้าอาวาส เมื่อปี 2502 ทั้งที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ลำภูบอกว่า "ผมแก่แล้วไม่สามารถทำหน้าที่เจ้าอาวาสได้ ขอให้พิจารณาพระที่มีอายุพรรษาสมควรแก่หน้าที่ต่อไป" การสละสิทธิ์ที่จะพึงได้ของหลวงปู่ลำภูได้ประกาศในที่ประชุมคัดเลือกเจ้า อาวาสในครั้งนั้นเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ปี 2510 ท่านได้เป็นพระครูสังฆรักษ์ ตำแหน่งฐานานุกรม


    ต่อ มาได้รับตำแหน่ง รักษาการแทน เจ้าอาวาสเมื่อปี 2512 หลวงปู่ลำภูมรณภาพด้วยโรคชราที่กุฏิของท่านในวัดใหม่อมตรส เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2533 เวลา 20.15 น. สิริอายุ 88 ปี 9 เดือน 4 วัน

    คำระลึก อนุสรณ์กถาถึงหลวงพ่อลำภู (พระครูอมรคุณาจาร) ของพระครูพิพัฒนานุกูล เจ้าอาวาสวัดใหม่อมตรส บางขุนพรหม ความว่า "หลวงพ่อเป็นพระมหาเถระสำคัญรูปหนึ่งของวัดใหม่อมตรส ท่านเป็นพระเถระผู้รัตตัญญู ผู้มีคุณูปการสำคัญต่อวัดเป็นเวลายาวนาน คณะสงฆ์วัดใหม่ฯ ให้ความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่งมาโดยตลอด พระสงฆ์-สามเณรได้รับการอุปถัมภ์บำรุงอย่างทั่วถึง โดยทุกท่านผู้อยู่ทันสมัยหลวงพ่อมีชีวิตอยู่จะได้พึ่งบารมีของหลวงพ่อทั้ง วัด ตอนหลวงพ่อลำภูเป็นรองเจ้าอาวาสและเป็นพระอาจารย์พระครูบริหารคุณวัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เมื่อเจ้าอาวาสวัดใหม่ฯ ว่างลงท่านไม่รับตำแหน่งเจ้าอาวาส ยกให้พระครูบริหารเป็น เพราะเห็นว่ายังหนุ่มกว่า ด้วยความที่ท่านมีอัธยาศัยไมตรีจิตที่ดีต่อทุกคน เมื่อได้พบท่านกราบท่านแล้วดูจะเอิบอิ่มใจ เพราะหลวงพ่อมีดีกับตัวที่หายาก และท่านก็ศักดิ์สิทธิ์มีมนต์ขลังจริง มีผู้ศรัทธาเลื่อมใสมาอาบน้ำมนต์รักษาโรคจำนวนมาก พระสงฆ์สามเณรอบอุ่นมาก คราวที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ยิ่งกว่าร่มโพธิ์ร่มไทร


    ถึง ปัจจุบันนี้ก็ยังมีหลายท่านรำลึกเสมอในบุญหลวงพ่อพระครูอมรคุณาจาร (ลำภู คังคปัญโญ) หลวงพ่อท่านสร้างความดีไว้มากเพื่อต้องการให้อยู่เลยตาย ตามคำนิยมที่รู้กันว่า อยู่แค่ตายอยู่ได้ทุกคน อยู่เพื่อปวงชนอยู่ได้เลยตาย หรืออยู่เพื่อตัวอยู่ได้แค่สิ้นลม อยู่เพื่อสังคมอยู่คู่ฟ้าดิน"
    "พระครูอมรคุณาจาร" หรือ "หลวงปู่ลำภู คังคปัญโญ" อดีตรองเจ้าอาวาสวัดใหม่อมตรส บางขุนพรหม กรุงเทพ มหานคร ศิษย์ต่างก็นิยมเรียกกันติดปากว่า "หลวงพ่อ" ท่านอยู่วัดใหม่อมตรส จนถึงวินาทีสุดแห่งชีวิตท่านได้จากศิษยานุศิษย์ไปด้วยความชราของสังขารและ กาลเวลา สรีระของท่านไม่เน่าไม่เปื่อย ได้จัดงานพระราชทานเพลิงไปแล้ว เป็นเวลานานถึงวันนี้ร่วม 20 กว่าปีที่ท่านมรณภาพ คณะศิษย์ก็ยังตามเคารพกราบไหว้บูชาอยู่ ทุกวันที่ 1 กันยายนของทุกปี
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปแขวนคอขนาดประมาณ1นิ่วครึ่งหลวงปู่ลำภูวัดใหม่อมตรสวัดไก่จ้น
    กระดาษหนังไก่ ให้บูชา
    300 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231112_120427.jpg IMG_20231112_120450.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    พระผงหลวงปู่ทวดวัดประสาทบุญญาวาสรุ่นศิริมงคลสร้างศาลาการเปรียญให้บูชา 2 องค์คู่กัน 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    1699767807524.jpg 1699767805989.jpg 1699767802606.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    1699770621635.jpg

    (หลวงพ่อคอน สุทธิญาโณ)วัดชัยพฤกษ์มาลา เขตตลิ่งชัน จังหวัดพระนครหลวงกรุงเทพ เนื้อทองแดงรมดำ ปี๒๕๓๒ ท่านเป็นลูกบุญธรรมของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยาครับ ตอนหลวงพ่อกลั่นใกล้จะมรณะภาพสั่งไว้ว่าหลังจากท่านละสังขารแล้ว ให้นำตำราทั้งหมดไปมอบให้ท่านคอน ซึ่งตอนนั้นท่านคอนยังอายุน้อยอยู่มากๆครับ ท่านก็ได้เล่าเรียนจากตำราหลวงพ่อกลั่น(พ่อบุญธรรม)ของท่านครับ ในบั้นปลายชีวิตหลวงพ่อคอนได้เลื่อนยศเป็นเจ้าคุณคอน
    ประวัติพระราชมงคลมุนี(หลวงปู่คอน)วัดชัยพฤกษมาลา
    สถานะเดิม ชื่อ คอน นามสกุล ตรีหิรัญ เกิดวันเสารที่ 20 กรกฏาคม พ.ศ.2455 (ขึ้น8ค่ำเดือน8ปีชวด) ที่ ต.ข้าวเม่า อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    เป็นบุตรคนหัวปี โยมบิดาชื่อ โคน โยมมารดาชื่อแผ้ว
    อุปสมบท เมื่อวันศุกร์ที่28 เมษายน พ.ศ.2476 (ขึ้น5ค่ำเดือน5ปีวอก)
    ณ.วัดสะแก ต.ตำบลธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระครูอุทัยวุฒิกร(รอด)วัดสะแกเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระโบราณคณิสสร(ใหญ่)สมัยเป็นพระครูอุทัยคณารักษ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระครูสุนทรธรรมนิวิฐ(ชื่น)วัดภาชีสมัยเป็นพระปลัดชื่น อยู่วัดสะแกเป็นพระอนุสาวนาจารย์(พระปลัดชื่นรูปนี้เดิมอยู่วัดสะแกต่อมาได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดภาชีเป็นเจ้าคณะอำเภอภาชีเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อรวย วัดตะโก)ได้รับฉายาทางพระว่า (สุทธิญาโณ)
    หลวงปู่คอนจำพรรษาอยู่สะแก3พรรษาสอบได้นักธรรมเอกจึงย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพที่วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ พ.ศ. 2516ได้ย้ายมาดำแหน่งเจ้าอาวาสวัดชัยพฤกษมาลาเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
    อันนี้เล่าที่มาของหลวงปู่คอนเกร็ดรายละเอียดอย่างอื่นเดี๋ยวจะเล่าในตอนต่อไป
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสังกัจจายน์มหาเศรษฐีหลวงปู่คอนวัดชัยพฤกษมาลาให้บูชา
    100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    1699770397323.jpg 1699770399205.jpg 1699770395341.jpg
     
  16. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอจองครับ
     
  17. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอจองครับ
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  19. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +1,190
    โอนแล้วครับ 13/11/66 จำนวน 150 บ.เวลา 08.05 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,342
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...