ลป.สุภา๑๑๑ปี พระสมเด็จ๙อรหันต์ สายกรรมฐาน เหรียญรุ่น๒ลพ.ตั๋ง วัดโพธิ์เอน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1695299210862.jpg
    ประวัติหลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ ลพบุรี
    สถานะเดิม
    เดิมชื่อ พิเชฐ นามสกุล วัฒนจันทร์ เกิดเมื่อ วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2504 ปีฉลู ที่ จังหวัดนครสวรรค์ บนเรือนแพ ตรงที่แม่น้ำ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบกัน เขาเรียกแพแควใหญ่ พื้นพเดิมพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นคน ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีพี่น้องทั้งหมด 12 คน ผู้หญิง 4 ผู้ชาย 8 ถึงแก่กรรมไป 2 โดยท่านเป็นคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
    การศึกษาในวัยเด็ก
    อาตมาเริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดป่าตะแบก อำเภอเมือง สมัยนั้นด้วยความยากจนก็ต้องทำงานเลี้ยงตัวเอง ต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะทางบ้านมีเชื้อจีนและประกอบอาชีพค้าขาย ขายพวกผัก กับข้าว ตื่นแต่เช้ามืดไปตลาด ช่วยทางบ้านก็เลยทำให้ไปโรงเรียนสาย พอจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 สมัยก่อนก็ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนให้ได้ เมื่อสอบเข้าได้ก็เรียนต่อชั้น ม.ศ.1 (สมัยนั้น) เรียนกระทั่งจบ ม.ศ.3 ตอนนั้นพ่อแม่ก็แก่มากแล้ว ทำงานไม่ไหว พี่น้องก็แยกย้ายกันไปทำมาหากิน แต่ครอบครัวของอาตมาอาศัยอยู่ที่แพ ซึ่งมักจะมีปัญหาก็คือเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ต้องไปถอยแพเข้า-ออก ก็เลยคิดว่าจะขึ้นมาอยู่บนบก จึงอพยพจากจังหวัดนครสวรรค์ไปอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร และได้เข้าเรียนต่อในชั้น ม.ศ.4 พอเรียนจบก็เข้ามาหาที่เรียนต่อในกรุงเทพฯ เพียงคนเดียว เพราะมีคนเคยบอกว่าถ้าเรียนที่กรุงเทพฯ จะทำให้เรียนเก่ง แต่ความเป็นจริงแล้วต่างจังหวัดก็ไม่ได้น้อยหน้ากรุงเทพฯ หรอก เพียงแต่ขาดอุปกรณ์ ขาดหนังสือเรียน ขาดแหล่งค้นคว้าแหล่งเรียนรู้ที่ดี ความเชื่อมันอยู่ที่คน พอจะเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ ก็มีปัญหาตามมาคือตัวเราก็เรียนไม่เก่ง เพราะมัวยุ่งกับงาน แต่ตอนที่เรียนอยู่กำแพงเพชร อาตมาก็โตมาท่ามกลางพี่น้องที่ชอบหนังสือพระ ในบ้านมีแต่หนังสือพระเครื่อง หนังสือโลกทิพย์ หนังสือโลกทิพย์นี่อ่านประจำ เพราะชอบอ่านประวัติครูบาอาจารย์ และชอบศึกษาตำราเกี่ยวกับคาถาอาคมและพวกยันต์ต่าง ๆ จึงทำให้ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยที่เรียนอยู่กำแพงเพชรไปเรียนสายเป็นประจำ ไปเรียนไม่ค่อยทันหรอก ต้องแอบไปหลบในห้องน้ำ สมัยก่อนฝ่ายปกครองดุ ไม้เรียวนี่ยาว แอบกัน 10 กว่าคนกับพวกเพื่อน ๆ ครูปกครองก็เรียกให้ออกมาหมดเลย อาตมาก็กลัวโดนตี ก็เลยไม่ยอมออกไป แต่ด้วยความเชื่อมั่นในคาถาอาคมของตัวเอง และพระเครื่องที่ห้อยอยู่เต็มคอ นอกจากนั้นในกระเป๋ายังม้ายันต์อีก จึงร่ายคาถาแล้วนึกถึงคุณครูบาอาจารย์ให้ช่วยบังตาครูด้วยเถอะ จากนั้นก็เดินเข้าห้องไป พวกเพื่อน ๆ โดนครูตีหมด ยกเว้นอาตมาคนเดียวที่รอดมาได้ทุกครั้ง ตอนนั้นจึงทำให้เชื่อมั่นในคาถาอาคมของตัวเองเป็นอย่างมาก
    ใฝ่ฝันอยากทำงานในสนามบิน
    พอเรียนจบแล้วก็เข้ามาหาที่เรียนในกรุงเทพฯเมื่อได้ที่เรียนก็ค่อย ๆ เรียนไป แต่ใจมันรักเครื่องบิน ไปยืนมองที่สนามบินดอนเมือง ยืนเกาะลูกกรงมองเครื่องบิน ชอบภาษาอังกฤษ อยากทำงานเป็นไกด์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอะไรพวกนั้น ทุก ๆ วันต้องไปยืนมองเครื่องบินและใฝ่ฝันว่าจะต้องเข้าทำงานสนามบินให้ได้ ตอนนั้นเรียนชั้น ปวส. จบ แล้วก็ไปสมัครเรียนต่อด้านเทคนิคการบิน อยู่ 2 ปี จบมาก็ไปสมัครทำงานในสนามบิน ก็ได้ทำงานสมใจอยาก แต่เขาให้ไปเป็นผู้ช่วยช่าง เป็นลูกมือช่าง ซึ่งมันก็ไม่ตรงกับที่เราถนัด แต่ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ เพราะเงินเดือนดี ตัวเองก็ยังครองโสดอยู่ ไม่มีพันธะใด ๆ ทางครอบครัว
    เกิดความเบื่อหน่ายต่อทางโลก
    ทีนี้ด้วยความที่เราชอบอ่านหนังสือธรรมะ อย่างที่เล่าให้ฟังว่าหนังสือโลกทิพย์นี่อ่านประจํา ชอบอ่านประวัติของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทีนี้มี อยู่วันหนึ่งเปิดหนังสือโลกทิพย์ดู เจอรูปพระแบก กลดออกธุดงค์ ความรู้สึกมันหยุดชะงักแล้วเกิด ประกายความคิดว่า พระธุดงค์นี้ดีเนอะ ท่านแบกกลดไปไหนมาไหน ไม่ต้องมีบ้าน ค่ำไหนก็นอนนั่น ฝนตกฟ้าร้อง ก็ไม่ต้องมาตากมาเก็บเสื้อผ้าอิสระดี พอเห็นภาพพระธุดงค์แบกกลดในหนังสือโลกทิพย์ ก็เกิดความเบื่อหน่ายเอาดื้อๆ มองสิ่งที่ทําอยู่ในตอน นั้นว่าไม่ดีเสียแล้ว ก็กลับมาถามตัวเองว่า เรา ทํางานกินเงินเดือนไปทําไม ตัวคนเดียว พอทํางาน เดียวก็มีเมีย มีครอบครัว แล้วก็ต้องเก็บเงินไปซื้อ บ้าน แล้วก็ต้องมีลูกเลี้ยงลูก แล้วก็แก่ แก่แล้วก็ ตาย แค่นั้นหรือชีวิต พระท่านทําไมมีชีวิตอิสระล่ะ ไม่ต้องมีบ้าน ไม่ต้องมีภาระอะไร เที่ยวไปได้ทั่วทุกที่ เอาธรรมะไปเผยแพร่ไม่ดีกว่าเหรอ ก็คิดอย่าง นั้น เพราะมันเกิดความเบื่อหน่ายอย่างรุนแรงเลย เบื่ออย่างมาก จนงงตัวเอง ไม่เอาแล้ว อยากบวช มันถึงเวลาหรือไงก็ไม่รู้ ก็ลาออกจากงานสนามบิน ตอนนั้นสมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เงินเดือนก็ถือว่า เยอะนะได้ 8,000 บาท เขาหาว่าเราบ้า เงินเดือน ดีๆ และเข้ายาก กลับลาออก มีแต่คนเขาอยากเข้า พี่น้องเขาก็บอกว่าไปบวชตอนนี้แล้วใครเขาจะ ใส่บาตร เศรษฐกิจก็ไม่ดี อาตมาก็ไม่ฟัง ก็เลยบอกว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ขอบวชสักพรรษาหนึ่ง ก่อน หน้านั้นเคยลางานไปบวชตามประเพณีบ้างแล้ว แต่ บวชไม่นาน เพียง 15 วันเท่านั้น แต่ครั้งนี้มันอยาก บวชอย่างรุนแรง ก็ไปลาออกดื้อๆ เลย มีเงินที่เก็บ สะสมได้ประมาณ 7,000 บาท ก็ขึ้นไปที่จังหวัด นครสวรรค์บ้านเกิดเลย ไปขอบวชกับ เจ้าอาวาส วัดเขื่อนแดง (วัดศรีสุวรรณ) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นี่เคยเป็นแดนประหาร โดยมีประวัติปรากฏ อยู่ อาตมาเห็นว่าวัดนี้เงียบสงบดี จึงเข้าไปกราบ เรียนท่านเจ้าอาวาสว่าอยากจะบวช แต่มีเงินน้อย ทั้งตัวมีอยู่เพียง 7,000 บาท เท่านั้น และขอบูชา ผ้าไตรกับท่านขอร้องให้ท่านช่วยจัดให้ด้วยพร้อม ถวายปัจจัยสําหรับใส่ซองถวายพระ ซึ่งหลวงพ่อ เจ้าอาวาสท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เสร็จแล้วก็โกนหัว เข้าโบสถ์บวชแบบง่ายๆ เลย
    คิดอยากออกจาริกธุดงค์
    พอบวชเข้าไปพรรษาแรก อาตมายังเป็น พระใหม่อยู่ พอไปรู้ไปเห็นอะไรเกี่ยวกับพระเข้า ก็มานึกทบทวนว่า โอ้ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด พระมาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างอาชีพ ต่างการศึกษา ต่าง ความรู้มาอยู่รวมกันแล้วปัญหามันก็เกิดแต่ละวัน ไม่ได้ทําอะไรกัน พระบวชใหม่ก็ต้องมานั่งล้างชาม วันโกนวันพระนั่งล้างชามกองพะเนินบนศาลา พระรูปอื่นที่บวชก่อนเขาก็ไม่มาช่วย ตีระฆังทําวัตร แต่เช้ามืด เมื่อไปรู้ไปเห็นอะไรแล้ว ก็เกิดความเบื่อ หน่ายอีก ตอนนั้นอาตมาเป็นพระผู้น้อย บวชใหม่ ไปว่าอะไรเขาก็ไม่ได้ เราไม่มีอํานาจไปแก้คนอื่น เขาไม่ได้ ต้องแก้ที่ตัวเราเอง คิดว่าไม่มีใครทําถูกใจ ใครได้หมด และตัวเราก็ไม่สามารถทําให้ถูกใจคน ได้หมด สุดท้ายจึงตัดสินในว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เมื่อแก้คนอื่นไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเราละกัน เราเพียงมา อาศัยที่เขาอยู่ สิ่งแวดล้อมเป็นแบบนี้ เมื่อเราไม่ชอบ เราก็ต้องไปจากที่นี่ ก็คิดจะออกธุดงค์ก่อนออกธุดงค์ก็ศึกษาอ่านหนังสือรวดเลยทั้ง นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก อ่านหลักการธุดงค์ ทั้ง 13 ข้อ เพราะเรามีพื้นฐานอยู่บ้างแล้วในด้าน ธรรมะ ด้านคาถาอาคมเราก็พอมีอยู่ เพราะได้ ศึกษามาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น, เมื่อคิดได้ดังนั้น ครั้นออกพรรษา ก็เข้าไปกราบลาท่านเจ้าอาวาสว่า ขอลาไปธุดงค์ ท่านก็งง เพราะเพิ่งบวชได้เพียง พรรษาเดียวเท่านั้น ยังเป็นพระใหม่อยู่
    หลังจากนั้น ก็เข้าไปในโบสถ์จุดธูปบอกกล่าว ต่อองค์พระประธาน ขอยึดไตรสรณะคมน์คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอาศัย และขอถวายชีวิตไปตายเอาดาบหน้า เมื่อกราบพระ ประธานเสร็จแล้วก็ออกธุดงค์แบกกลดเดินจาก จังหวัดนครสวรรค์ไปเรื่อย ตอนนั้นอาตมาใจร้อน ไปนิดหนึ่ง คือเดินเร็วไปหน่อย ใหม่ๆ วันหนึ่งได้ เดินตั้ง 25 กิโลเมตร โอ้โห เหนื่อย ด้วยความยังหนุ่มยังแน่น ใจร้อนเดินเร็วตั้ง 25 กิโลเมตรแรก ก็ดีอยู่หรอก แต่พอหลายวันเข้าไปมันก็เมื่อยล้า เพราะต้องเดินตากแดด จนผิวหนังไหม้เกรียม โดย ตั้งใจว่าจะไปจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่เดินธุดงค์ ปวารณาจะไม่จับปัจจัยและฉันมื้อเดียว แต่อนุโลม ว่าถ้ารถจอดรับก็ขึ้น เขาส่งไปแค่ไหนก็ไปแค่นั้น
    เข้าใจในจุดประสงค์จริง ๆ ของ “การเดินธุดงค์”
    ทีนี้ถึงเวลาปักกลดมันเหนื่อย มันล้า บางที เดินนี้หลอนเลย คล้ายๆ เดินอยู่ในทะเลทราย คอแห้งผาก พอยามค่ำคืนเราปักกลด สวดมนต์ เจริญสมาธิดีแล้วก็จําวัตร มันก็เกิดความรู้สึกหดหู วังเวง เหงา นึกสงสารตัวเอง สมเพชตัวเองว่าเรา มีกรรมอะไร เหมือนถูกทอดทิ้งนะ มันเดียวดาย มองออกนอกกลดไปมีแต่ฟ้า มองข้างๆ มีแต่ป่า เหมือนนอนกลางดิน มันทําให้ทั้งเหนื่อยทั้งล้า เกิดความทุกข์ พอเกิดความทุกข์จิตมันก็คิดไปเห็นกุฏิที่วัด ว่าเรานอนอยู่วัดยังมีกุฏิ มีพัดลม มีหมอน เมื่อ แสนสบายแล้วเรามาลําบากทําไม
    คิดไปคิดมาอยู่อย่างนี้ ปรากฏว่ามันเกิด ความเข้าใจในธรรมะเกิดขึ้น โอ้ จุดประสงค์ของ การเดินธุดงค์จริงๆ พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้ เห็นตัวทุกข์ ถ้าเรามัวอยู่แต่ในวัดเราก็จะเกิด ความเคยชินและติดอยู่ในความสุขสบายและอาจ จะดําเนินชีวิตด้วยความประมาท เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะไม่รู้เลยว่าความทุกข์มันเป็นอย่างไร
    พอออกเดินธุดงค์ก็พบกับความทุกข์ยาก ลําบากต้องนอนบนพื้นดินกลางป่าเขาลําเนาไพร มันทําให้เกิดการเปรียบเทียบกับสถานที่ที่เราเคยอยู่ มาก่อนและเข้าใจในสัจธรรมว่าพระพุทธเจ้า ต้องการให้เราเห็นตัวทุกข์ เข้าใจในตัวทุกข์ อยู่ใน วัดมันสุขสบาย แต่อยู่ข้างนอกมันทุกข์ยากลําบาก ฉันอาหารคาว-หวานรวมกันในบาตรเพียงมื้อเดียว
    “คิดไปคิดมาอยู่อย่างนี้ ปรากฏว่ามันเกิดความเข้าใจในธรรมะเกิดขึ้น จุดประสงค์ของการเดินธุดงค์จริงๆ พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้เห็นตัวทุกข์ ถ้าเรามัวอยู่แต่ในวัดเราก็จะเกิดความเคยชินและติดอยู่ในความสุขสบายและอาจจะดำเนินชีวิตด้วยความประมาท เพื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จะไม่รู้เลยว่าความทุกข์มันเป็นอย่างไร”
    ไม่จับปัจจัย ไม่มีสมบัติพัสถานอะไรทั้งสิ้น ทําให้ได้รับประสบการณ์ หลายอย่าง มีโยมบางคนมาขอหวยบ้าง เราก็พยายามบ่ายเบี่ยงและ บอกเขาไปว่าไม่มีหรอกหวย เขาบอกมี พระธุดงค์มาทีไรก็ให้ถูกทุกที ก็จะเจอแบบนี้ จึงออก ธุดงค์ไปเรื่อย บางที่เขาก็บอกว่าท่านตรงนี้ปักกลดไม่ได้หรอก ผีดุ ไม่มี ใครอยู่ได้หรอก นิมนต์ท่านไปทางอื่นเถอะ อาตมาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกโยม อยู่ได้ ทีนี้เวลาปักกลดก็ต้อง ใช้วิธีแผ่เมตตาเอา ไม่ไปสวดมนต์หรือคาถาอะไรขับไล่เขา เพราะถือว่า เราไม่ได้มาเบียดเบียนใคร เมื่อเจริญจิตแผ่เมตตาให้เขาดู ก็สงบดีไม่มี เหตุการณ์เลวร้ายอะไรเกิดขึ้น พอธุดงค์ผ่านไปถึงเขื่อนภูมิพล ซึ่งเคย ได้ยินคนเขาพูดกันว่าเขื่อนภูมิพลเป็นเกาะ คิดอยากจะไปหาที่เงียบๆ เพื่อนั่งสมาธิ จึงนั่งเรือเข้าไป เรือเขาก็พาไปปล่อยเกาะ ไกลเหมือนกันนะ มีบ้านคนอยู่เพียง 8 หลัง ยุงตัวเบ้อเร่อ ถ้าโดนมันกัด ก็เป็นไข้มาลาเรียเลย อีกอย่างถิ่นนั้นมันเข้าไปลึกและมีอาถรรพ์ ขึ้นอยู่ต้อง เป็นไข้มาลาเรียเพราะยุงตัวใหญ่มาก จึงมานั่งทบทวนว่ามันคงตึงเกิน ไป ต้องผ่อน จึงจําใจถอยออกตั้งต้นใหม่
    ทีนี้พระที่ท่านจะมาส่งท่านมีเรือหางยาว ใช้เครื่องยนต์ลําเล็กๆ ต้องออกมากันตั้งแต่เช้ามืด เพราะถ้า 6 โมงฟ้าสางแล้วมันจะมีลม ภูเขา ลมมันแรง เรือมีสิทธิ์จะพลิกคว่ำได้และอาจจะอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากเขื่อนมันกว้างและไม่มีสิ่งอื่นให้ยึดเกาะ นอกจากเกาะพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เท่านั้น นั่งเรือไปก็ภาวนาไปด้วย เอาไตร สรณคมน์เป็นที่พึ่ง “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉา มิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” (ภาวนาไปตลอดทางเพื่อให้จิตนิ่งและไม่ เกิดความกลัว ตอนนั้นนั่งเรือเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงฝั่ง จะเป็นด้วยเดชะ บุญหรืออะไรก็ไม่รู้ที่ทําให้รอดพ้นจากพายุช่องลมนั้นมาได้อย่าง ปลอดภัย
    พอกลับขึ้นฝั่งก็ไปอยู่ที่ถ้ำตับเตา จังหวัด เชียงใหม่ เพราะเคยอ่านเจอในหนังสือโลกทิพย์ถึง กิตติศัพท์ของท่านพระอาจารย์บุญช่วย ทําให้เกิด ความศรัทธาเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน จึงเดิน ธุดงค์ไปที่ถ้ำตับเตาแล้วพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นซึ่งมี ความเงียบสงบ แต่หนาวจนเสียดกระดูกก็ได้ฝึกจิต อยู่ตามลําพังรูปเดียว ฉันมื้อเดียว ฝึกอย่างหนักจน จิตเริ่มแก่กล้าขึ้นตามลําดับ
    อาตมาพักอยู่ที่ถ้ำ
    https://palungjit.org/threads/เรื่องราวหลวงพ่อพิเชฐ-วัดโคกหม้อ.253268/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญ ริปู พ่าย ปี 39
    พุทธคุณเด่น ท่านใดที่มี ศัตรู ไม่ควรพลาด
    พระดี พิธีใหญ่ ยุคต้น จำนวนสร้างน้อย
    อธิษฐานจิตโดย......พระเกจิดังทั่วประเทศไทย
    หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
    หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง
    หลวงปู่มี วัดมารวิชัย
    หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ
    หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า
    หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ
    ฯลฯ
    เหรียญริปูพ่ายวัดโคกหม้อให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20230921_194048.jpg IMG_20230921_194120.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    3c9191f9786f8fde2047cacf8c49b201_small.jpg
    ศิษย์อาลัย หลวงปู่นะ เกจิชื่อดังจังหวัดชัยนาท เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ละสังขาร สิริอายุ 103 ปี

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ (10 มี.ค.63)

    หลวงปู่นะ ฐิตปัญโญ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ศิษย์พุทธาคมสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท มีนามเดิมว่า โฉม เหล่ายัง เกิดเมื่อวันพุธที่ 6 ธันวาคม 2459 ที่บ้านขุนแก้ว ต.ดงขวาง อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 9 คน ของนายแจก และ นางตี่ เหล่ายัง ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

    ในวาระแรกเกิด บิดา-มารดา ตั้งชื่อให้ว่า “โฉม” ต่อมาเมื่ออายุ 5-6 ขวบ หมอเป้ซึ่งเป็นหมอแผนโบราณ และเป็นผู้มีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ด้วย เห็นว่า ด.ช.โฉม เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นประจำ จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “นะ” อันเป็นมงคลนาม ส่วนนามสกุล “เหล่ายัง” ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็น “นาคพินิจ”

    อายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมา วัดราษฎร์นิธิยาวาส (ดอนปอ) ต.บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2480 โดยมี พระครูวิจิตรชัยการ (หลวงพ่อเคลือบ) วัดบ่อแร่ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ชั้น เป็นพระกรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สำเนียง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    พ.ศ.2493 เป็นเจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม พ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะตำบลบ่อแร่-หนองขุ่น เขต 2 พ.ศ.2501 เป็นพระอุปัชฌาย์ ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2501 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ในราชทินนามที่ “พระครูปทุมชัยกิจ” พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    ด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จัดเทศนาธรรมเป็นประจำในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชักชวนประชาชนให้ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ เวียนเทียนรอบอุโบสถ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อีกทั้งเป็นครูสอนพระธรรมวินัย นำนักเรียนวัดปทุมธาราม (หนองบัว) เป็นครูสอนการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากัมมัฏฐานแก่พระภิกษุ-สามเณร ตลอดจนประชาชนทั่วไป
    FB_IMG_1695300509998.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลังรูปเหมือนหลวงปู่นะวัดหนองบัวให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20230921_195250.jpg IMG_20230921_195322.jpg IMG_20230921_195225.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    282864-1176x1536.jpg
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    อายุสิริ 93 พรรษา
    ท่านเป็นพระเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผง พระนิรภยันตราย
    ได้มวลสารจากดินสังเวชนียสถาน และมวลสารจากพระสมเด็จที่แจกหักได้มาจากวัดระฆังมาผสมเข้าไปในพระนิรภยันตราย ได้เกิดศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ผู้ที่ได้ครอง ไปแขวนคอเหมือนห้อยสมเด็จวัดระฆัง
    ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ
    เช่นท่านปลุกเสกเดี่ยวนายวิหารหลวงพ่อโต วัดเสาธงทอง ลพบุรี เป็นเวลา 2 พรรษาเต็ม เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขึ้นมาทันที ท่านนั่งสมาธิได้เกิดลมพายุสีฟ้าร้องสนั่นไปทั่ววัด
    ได้มีประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง ตอนผมไปร่วมงานพิธี
    อายุวัฒนมงคล 90 ปี พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ผมได้มาก็พกติดตัวไว้เกิดปาฏิหาริย์ แม่ถูกลอตเตอรี่เกือบ 10 คู่
    นั่นแหละนั่นแหละผมเชื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระนิรภยันตราย ให้โชคลาภผมให้ผมถูกลอตเตอรี่ 10 คู่ได้เงินมาจำนวน 1 และถูกเลขหน้า 3 ตัวอีก 5 คู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระ
    พระนิรภยันตราย มีจริงครับทั้ง
    มีแคล้วโชคลาภเมตตาเงินทองไหลมาเทมารวมรวมอยู่ในพระองค์นี้องค์เดียว
    ใครได้ไปก็สมปรารถนานะใครมีไว้ก็แขวนคอได้เลยการันตีว่าศักดิ์สิทธิ์จริงขอได้สมปรารถนาทุกประการ ใครยังไม่มีก็ลองไปหาดูหรือไปไปหาพระเดชพระคุณ
    พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ไปทำบุญกับท่านขอบอก ตั้งปลุกเสกเดี่ยวหลายวาระหลายพรรษานะ ท่านมีพลังจิตแน่วแน่กล้า ปลุกเสกมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนมีชีวิต
    รีบหากันนะเดี๋ยวหมดไปท้องตลาดนะอาจจะมีหลงเหลืออยู่
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    พรรษานะ ท่านมีพลังจิตแน่วแน่กล้า พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    อายุสิริ 93 พรรษา
    ท่านเป็นพระเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผง พระนิรภยันตราย
    ได้มวลสารจากดินสังเวชนียสถาน และมวลสารจากพระสมเด็จที่แจกหักได้มาจากวัดระฆังมาผสมเข้าไปในพระนิรภยันตราย ได้เกิดศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ผู้ที่ได้ครอง ไปแขวนคอเหมือนห้อยสมเด็จวัดระฆัง
    ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ
    เช่นท่านปลุกเสกเดี่ยวนายวิหารหลวงพ่อโต วัดเสาธงทอง ลพบุรี เป็นเวลา 2 พรรษาเต็ม เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขึ้นมาทันที ท่านนั่งสมาธิได้เกิดลมพายุสีฟ้าร้องสนั่นไปทั่ววัด
    ได้มีประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง ตอนผมไปร่วมงานพิธี
    อายุวัฒนมงคล 90 ปี พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ผมได้มาก็พกติดตัวไว้เกิดปาฏิหาริย์ แม่ถูกลอตเตอรี่เกือบ 10 คู่
    นั่นแหละนั่นแหละผมเชื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระนิรภยันตราย ให้โชคลาภผมให้ผมถูกลอตเตอรี่ 10 คู่ได้เงินมาจำนวน 1 และถูกเลขหน้า 3 ตัวอีก 5 คู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระ
    พระนิรภยันตราย มีจริงครับทั้ง
    มีแคล้วโชคลาภเมตตาเงินทองไหลมาเทมารวมรวมอยู่ในพระองค์นี้องค์เดียว
    ใครได้ไปก็สมปรารถนานะใครมีไว้ก็แขวนคอได้เลยการันตีว่าศักดิ์สิทธิ์จริงขอได้สมปรารถนาทุกประการ ใครยังไม่มีก็ลองไปหาดูหรือไปไปหาพระเดชพระคุณ
    พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ไปทำบุญกับท่านขอบอก ตั้งปลุกเสกเดี่ยวหลายวาระหลายพรรษานะ ท่านมีพลังจิตแน่วแน่กล้า ปลุกเสกมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนมีชีวิต
    รีบหากันนะเดี๋ยวหมดไปท้องตลาดนะอาจจะมีหลงเหลืออยู่
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)เสกมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนมีชีวิต
    รีบหากันนะเดี๋ยวหมดไปท้องตลาดนะอาจจะมีหลงเหลืออยู่
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    พุทธคุณ
    พระผงของขวัญ พระนิรภยันตราย ของ พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์) วัดเสาธงทองพระอารามหลวง ลพบุรี
    เชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูงในด้านเมตตามหานิยมมหาลาภแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน จึงได้บอกเล่ากันถึงอานุภาพความขลังนี้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กันมาก เชื่อกันว่าถ้ามีพระนิรภยันตราย
    อยู่กับตัวแล้ว จะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองภัย และมีเงินทิงใช้ตลอดไม่ขาดมือกันเลยล่ะ
    https://www.5forcenews.com/?p=333303
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระหูยานลพบุรีพระครูสุทัศน์ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20230921_200425.jpg IMG_20230921_200452.jpg IMG_20230921_200405.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2023
  5. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  6. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  7. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +1,190
    โอนแล้วครับ 22/09/66 เวลา 10.04 น.จำนวน 360 บ.จัดส่งที่เดิมครับ ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รับทราบการจองทั้ง2รายการครับ ขอบคุณครับ
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ จัดส่งตามแจ้ง ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2023
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    ราชบุรี
    นครปฐม
    1695366911036.jpg 1695366907727.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    chjlmotx1457.jpg
    เมื่อวานนี้ (19 มีนาคม 2561) เวลาประมาณ 19.19 น. พระครูมงฺคลนวการ หรือหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล พระเกจิแห่งเมืองสิงห์บุรี พระอริยสงฆ์สุปฎิปันโนผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบมีชื่อเสียงปฎิปทาเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิชน ได้ละสังขารลงที่วัดอย่างสงบ สิริอายุ 89 ปี 7 เดือน ท่ามกลางความเศร้าสลดของศิษยานุศิษย์
    โดยในเวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โดยมีนายสุทธา สายวานิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานในพิธี และจะมีพิธีสวดอภิธรรมศพ เป็นเวลา 9 วัน ณ ศาลาการเปรียญหลังใหญ่

    ไม่มีอีกแล้ว ครูบาอาจารย์ผู้เปี่ยมเมตตา... เปิดประวัติ "หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล" พระสุปฎิปันโนผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ภิกษุผู้ไม่ลงกุฏิกว่า 30 ปี
    พระครูมงคลนวการ (หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล) หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล มีนามเดิมว่า ฉาบ ด้วงดาราถือกำเนิดวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2471 เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 7 คน หลวงพ่อ ฉาบ มงฺคโล ในวัยเด็กตอนยังเป็นฆาราวาส เป็นคนถือสัจจะเป็นใหญ่มีความตั้งใจพูดจริงทำจริงและสนใจในเวทย์มนต์คาถา มักชอบไปกราบนมัสการหาพระอยู่เสมอ ในปีพ.ศ.2485 หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต แห่งวัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ท่านได้สร้างเหรียญรุ่นแรกของท่านขึ้น ได้แจกให้คณะศิษยานุศิษย์ ทายกทายิกาที่ร่วมทำบุญมาทำการทอดกฐินยังวัดศรีสาครและได้มาพำนักอยู่ที่วัด ศรีสาครเป็นเวลาถึง 6 เดือน เพราะท่านขอบพอสนิทกับหลวงพ่อดี เจ้าอาวาสวัดศรีสาคร
    ในสมัยนั้น หลวงพ่อฉาบ ในวัยเด็กขณะนั้นอายุได้ 14 ปี มีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อแช่มมาก ได้มากราบนมัสการหลวงพ่อแช่มบ่อยครั้ง และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ขอเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ในลำดับแรกหลวงพ่อแช่มได้สอนให้เรียนรู้ทางด้านการปฏิบัติจิต สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ให้จิตนิ่งเป็นสมาธิก่อน และหลังจากทำกรรมฐานและวิปัสสนาอยู่ 3 เดือน หลวงพ่อแช่ม ก็ได้สอนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ให้ ในปีพ.ศ.2486 หลวงพ่อแช่ม ก็ได้กลับไปวัดตาก้อง หลังจากนั้นในปีพงศ.2488 หลวงพ่อแช่มได้มาพำนักที่วัดศรีสาครอีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา 25 วัน หลวงพ่อฉาบ ตอนนั้นอายุได้ 17 ปี ได้เข้าพบรับใข้และเล่าเรียนสอบถามวิชาไสยเวทย์พร้อมให้หลวงพ่อแช่มช่วย ทบทวนวิชาคาถาที่เล่าเรียนจนสามารถปฏิบัติได้ตามคำสอนอย่างดี แล้วหลวงพ่อแช่มก็เดินทางกลับวัดตาก้อง ต่อมาในปีพ.ศ.2490 หลวงพ่อแช่ม ท่านก็ได้ละสังขารมรณภาพลงในปีนั้น
    ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดศรีสาคร เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2491 โดยมีพระครูเกศิวิกรม (หลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสังฆราชาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ประทุม เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉ่ำ เจ้าอาวาสวัดตึกราชาวาสเป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้รับฉายาว่า มงฺคโล เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้ตั้งจิตมั่นได้กล่าวคำสัจจะวาจาบอกกล่าว ต่อโยมบิดามารดาของท่านว่า เมื่อฉันได้บวชเรียนเป็นภิกษุแล้วจะขอรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต โยมพ่อและโยมแม่ก็ไม่ได้ทักทวงแต่ประการใด เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีสาคร 2 พรรษา ได้เรียนพระธรรมวินัยไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมจากหลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ ซึ่งองค์นี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพูล (เจ้าอาวาสองค์ก่อน) วัดสังฆราชาวาส ซึ่งเป็นสหายธรรมของหลวงพ่อเชย วัดท่าควาย และหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก เหรียญรุ่นแรก
    เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อพูล วัดสังฆราชาวาสเป็นเหรียญยอดนิยมของชาวเมืองสิงห์บุรีมีค่านิยมหลักหมื่น ถือว่าเป็นสุดยอดเหรียญที่ศักดิ์สิทธิ์และคงกระพัน หลังจากหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อทรัพย์แล้ว ก็ได้ปรึกษาหลวงพ่อทรัพย์ในการปฏิบัติกิจแห่งธุดงค์วัตร ก็ได้รับการแนะนำสั่งสอนอย่างดี
    ในปีพ.ศ.2493 โดยมุ่งสู่จังหวัดลพบุรีดินแดนซึ่งเคยเป็นอาณาจักร ลวปุระ (ละโว) อันรุ่งเรืองเกรียงไกรมาแล้ว หลวงพ่อฉาบได้เดินธุดงค์ไปยังถ้ำตะโก เพื่อจะไปหาความสงบวิเวก เมื่อถึงถ้ำตะโกมาทราบว่าหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา ท่านได้ละสังขารมรณภาพไปแล้ว ก็ได้พบกับหลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก ศิษย์เอกหลวงพ่อเภา ซึ่งได้รับสืบทอดวิชาวิปัสสนากรรมฐานและไสยเวทย์ต่าง ๆ จากหลวงพ่อเภาทั้งหมด หลวงพ่อฉาบจึงได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาต่าง ๆ ของหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จากหลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโกพุทธโสภา จากนั้นหลวงพ่อฉาบก็เดินทางมุ่งไปสู่วัดเขาสาริกา เพื่อจะไปศึกษาธรรมกรรมฐานจากหลวงพ่อกบ ก็ปรากฎว่าได้มรณภาพไปแล้วเช่นกัน จึงได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎ
    หลวงพ่อฉาบได้มาปฏิบัติธรรมได้พบกับ พระมหาชวน มลิพันธ์ (หลวงพ่อโอภาสี) หลวงพ่อฉาบได้พบหลวงพ่อโอภาสี เล่าเรื่องมีความศรัทธาหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา แต่มารู้ภายหลังว่าท่านได้มรณภาพไปแล้วด้วยความตั้งใจมุ่งหวังจะศึกษาวิชา ต่างๆ จากท่าน ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเป็นศิษย์ที่รับการถ่ายทอดวิชามาหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา หลวงพ่อฉาบจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี ขอศึกษาวิชากสิณต่าง ๆ และไสยเวทย์ หลวงพ่อโอภาสีได้ฝึกสอนวิชาต่าง ๆ ให้เช่นกสิณไฟ และคาถาอาคมต่างๆ ให้หลวงพ่อฉาบจำนวนมากและยังได้ชักชวนนิมนต์ให้หลวงพ่อฉาบเดินทางไปพบท่าน ที่อาศมบางมดกรุงเทพฯ
    ในครั้งนั้นที่วัดเขาวงกฎหลวงพ่อฉาบยังได้พบปะรู้จักเป็นสหายธรรมกับหลวงพ่อ ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ด้วย ได้ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ขอศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ กับหลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงพ่อชาเกิดปีพ.ศ.2471 ปีเดียวกับหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล หลวงพ่อชาท่านได้ละสังขารไปแล้วเมื่อปีพ.ศ.2536 ร่วมสิริอายุได้ 65 ปี หลวงพ่อฉาบอยู่ปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 45 วัน ก็ได้เดินทางกลับไปยังวัดถ้ำตะโกอีกครั้งหนึ่ง ได้พำนักอยู่ที่วัดถ้ำตะโกพบปะใกล้ชิดกับหลวงพ่อคงอีกครั้งก็มาศึกษาพบว่า ที่วัดถ้ำตะโกแห่งนี้อยู่ในบริเวณดอยเขาเทือกเขาเดียวกับวัดต่าง ๆ อีกถึง 3 วัดรวมดอยนี้มีวัดถึง 4 วัดคือ วัดเขาสมอคอน วัดถ้ำช้างเผือก วัดถ้ำตะโก และวัดบันไดสามแสน ในอดีตตั้งแต่ยุคสมัยทวาราวดีเป็นต้นมา ดอยเทือกเขานี้มีความสำคัญมากมีถ้ำใหญ่น้อยเป็นร้อย ๆ ถ้ำ เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล สมณะ ฤาษี พราหมณ์ เป็นแห่งกำเนิดของวิชาไสยเวทย์มนต์คาถาแหล่งรวมวิชาไสยศาสตร์ เช่นวิชาขอมดำดิน ก็ก่อเกิดในที่แห่งนี้เป็นตรรกศิลาแห่งไสยศาสตร์และเวทย์มนต์ วัดเขาสมอคอนเป็นวัดอยู่ต้นดอย มีถ้ำพระนอนและที่พำนักของฤาษีสุกกะทันตะและ ถ้ำพราหมณี พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยก็มาศึกษาที่แห่งนี้ นับว่าเป็นแหล่งรวมศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ หลวงพ่อฉาบ ก็ได้เดินทางมาที่วัดเขาสมอคอน เข้ากราบนมัสการฝากตัวขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาจากหลวงพ่อบุญมี อิสสรโร ศิษย์ผู้รับการสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อพระครูปัชฌาย์ก๋ง จฺนทสโร พระอุปัชฌาย์ก๋ง มีวิชาไสยเวทย์มากมายได้จากตำราเก่าอักขระยุคขอม
    หลวงพ่อฉาบ ได้เข้าจากธุดงค์ครั้งที่ 2 แล้ว ก็อยู่แต่ภายในวัดศรีสาครไม่ได้เดินทางไปไหนอีกเลยท่านปิดกุฏิเป็นเวลานาน มุ่งบำเพ็ญกรรมฐานและสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอยู่เป็นเวลาหลาย 10 ปี ในแต่ละวันจะเปิดกุฎิรับญาติโยมและพุทธศาสนิกชนเพียงบางเวลาเท่านั้นท่านไม่ มีโทรทัศน์, วิทยุปิดกุฎิไม่รับรู้เรื่องภายนอกแต่ท่านก็รอบรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี ท่านจะเน้นเรื่องกรรมบางครั้งสิ่งที่เป็นกรรมเหตุจะเกิดก็ไม่อาจเลี่ยงได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมคุณสุนทร คนที่ดูแลหลวงพ่อคุยให้ฟังว่าหลวงพ่อจะพูดถึงหลวงพ่อชา สุภัทโท อยู่เสมอ เหมือนท่านได้นั่งสมาธิส่งกระแสจิตถึงกันเหมือนติดต่อกันทางจิตในวันที่หลวง พ่อชาได้ละสังขารลง หลวงพ่อฉาบได้รีบเดินทางล่วงหน้าไปยังวัดหนองป่าพงและหลวงพ่อฉาบได้ไปร่วมใน งานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนั้นด้วยหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาไสยเวทย์และคาถาต่าง ๆ จากพระเกจิอาจารย์และพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากอีกทั้งท่านได้ ปฏิบัติดีและประพฤติชอบตามพระธรรมวินัยคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวพุทธและชาวจังหวัดสิงห์บุรีอีกทั้งจังหวัด ใกล้เคียงอีกจำนวนมาก


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนเคลือบหลวงปู่ฉาบวัดศรีสาครให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20230923_152830.jpg IMG_20230923_152852.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2023
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    IMG_20230923_154856.jpg IMG_20230923_154919.jpg

    get_auc1_img (3).jpeg

    ใบฝอยกระดาษไม่มีนะครับ เหลือแต่องค์พระผม ไปโหลดมาจากเวป
    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2023
  12. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  13. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +224
  14. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +224
    จองครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    P1010036.JPG
    หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม มรณภาพ แล้ว วันที่ 14 สิงหาคม 2556 เวลาประมาณ ตี 5.30 น. รายละเอียดหมายกำหนดการ คร่าว ๆ สวดอภิธรรมเป็นเวลาติดต่อกัน 10 คืน ต่อจากนั้น สวดอภิธรรม ทุกคืนวันอาทิตย์ ครบร้อยวัน ****
    "หลวงปู่ปัญญา ปัญญาธโร" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังชลบุรี เชี่ยว ชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือทั่วสารทิศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิเรืองวิทยาคมด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม การเสริมต่อเส้นวาสนา
    สืบสานวิทยาคมจากพระเกจิดังหลายรูปภาคอีสาน รวมไปถึงพระเกจิทางฝั่งประ เทศลาว อีกทั้งท่านยังเป็นสหธรรมิก หลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย พระเกจิชื่อดังเมืองอุบลราชธานีด้วย
    เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อให้หลวงปู่ปัญญา คือ เหรียญต่อเส้นวาสนา เหรียญใบมะขามรูปฤๅษี ตะกรุดสาริกาแดง เป็นต้น
    หลวงปู่ปัญญาบำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย ปฏิปทางดงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็น
    ปัจจุบัน หลวงปู่ปัญญา สิริอายุ 108 พรรษา(100 วัน โดยคร่าว) 68พรรษา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองผักหนาม อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
    อัตโนประวัติ มีนามเดิม ปัญญา พลราษฎร์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2448 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ร.ศ.124 ตรงกับรัชสมัยของพระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ ต.ตะบ่าย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
    เมื่อช่วงวัยเยาว์ เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งเป็นวัดภายในหมู่บ้าน โดยมีครูที่สอนเป็นทั้งพระและฆราวาส จนกระทั่งจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนั้นอายุ 12 ปี ได้ออกมาช่วยครอบ ครัวทำนาทำไร่
    จนกระทั่งอายุครบ 20 ปี ได้พบรักกับสาวในหมู่บ้าน แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงมีข้อแม้ว่าจะต้องให้ฝ่ายชายออกบวชตามประ เพณีเพื่อให้เป็นคนสุกครบ 3 ปีก่อน ได้รับทราบดังนั้น ท่านจึงไม่รอช้า ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดตะบ่าย ต.ตะบ่าย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
    เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและศึกษาด้านการก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด จนเป็นที่ไว้วางใจของพระอุปัชฌาย์
    ในพรรษาที่ 2 ท่านได้หันมาสนใจในด้านการปฏิบัติกัมมัฏฐาน จึงเดินทางเสาะแสวงหาพระอาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยว ชาญในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน
    ในห้วงดังกล่าว เป็นเวลาที่กองทัพธรรมฝ่ายวิปัสสนาจารย์กำลังเผยแผ่ธรรมอยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนยิ่ง คือ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    หลวงปู่ปัญญาในวัยหนุ่มจึงได้เดินทางไปกราบพระอาจารย์มั่น เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์เรียนกัมมัฏฐาน แต่การเดินทางในสมัยนั้นต้องใช้การเดินเท้าเพียงอย่างเดียว เมื่อทราบว่าพระอาจารย์มั่นเดินทางไปจำพรรษา ที่ใด ท่านก็จะเดินทางไปสถานที่แห่งนั้น แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงสถานที่นั้นๆ จะได้ทราบจากพระภิกษุในท้องที่แจ้งว่าพระอาจารย์มั่นได้ออกเดินทางไปที่อื่นแล้ว เป็นเช่นนี้ถึง 5-6 ครั้ง
    ท่านจึงดำริว่า คงเป็นด้วยตนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ บวชพระเพียงเพื่อต้องการแต่งงานกับหญิงสาวที่หมายปองเท่านั้น ไม่ได้บวชเพราะเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
    ระลึกได้ดังนี้ ท่านจึงล้มเลิกติดตามพระอาจารย์มั่นเพื่อขอศึกษากัมมัฏฐาน ออกเดินทางกลับวัดตะบ่ายทันที
    พรรษาที่ 3 พระปัญญาได้ใช้เวลาเดินทางไปท่องธุดงค์ในป่าดงพงไพร ได้มีโอกาสพบ หลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย ที่มีความสนใจด้านวิทยาคม
    จึงได้ขอศึกษาการเขียนอักขระทั้งภาษาขอม ภาษาล้านนา ภาษาธรรมะ นอกจากนี้ ยังได้เดินทางข้ามไปฝั่งลาว ได้กราบฝากตัวกับพระเกจิดังฝั่งลาวหลายรูป เพื่อขอศึกษาวิทยาคม จนมีความชำนาญในระดับหนึ่ง
    หลังจากนั้น ท่านเดินทางกลับวัด เมื่อออกพรรษาที่ 3 รับผ้ากฐินแล้วได้ลาสิกขาทันที
    เมื่อกลับคืนสู่เพศฆราวาส ทิดปัญญาได้เดินทางไปยังบ้านสาวคนรัก แต่ครั้นเมื่อไปถึงพบว่าพ่อแม่ของหญิงสาวได้จัดงานแต่ง งานสาวคนรักกับชายหนุ่มในหมู่บ้านอีก คนไปแล้ว
    ทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงเห็นเช่นนั้นก็ตกใจไม่รู้จะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ทิดปัญญาได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว จากนั้นท่านได้เดินทางออกจากหมู่บ้านเงียบๆ เนื่องจากกระทบกระเทือนจิตใจ โดยออกท่องเที่ยวไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออก ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองไปตามยถากรรม
    กระทั่งเดินทางมาอยู่ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ขณะนั้นอายุครบ 40 ปี จึงตัดสินใจละเพศฆราวาสคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง ได้เข้าพิธีอุปสมบทใหม่ เป็นครั้งที่ 2 โดยมีหมอสมพงษ์ เนื่องจำนงค์ แพทย์แผนโบราณในอำเภอบ้านบึง รับเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2488 ที่วัดบึงบวรสถิตย์ มีพระครูประภัศร์พุทธิคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระใบฎีกาฮง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุรินทร์ พระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ปัญญาธโร
    แต่ศิษยานุศิษย์เข้าใจผิดเขียนว่า "ปัญญธโร"
    หลังจากที่อุปสมบท พระปัญญาอยู่คอยอุปัฏฐากรับใช้พระอุปัชฌาย์ตามหน้า ที่ อยู่จำพรรษาที่วัดบึงบวรสถิตย์เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดหนองผักหนามราษฎร์บำรุง ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
    ซึ่งที่วัดหนองผักหนามราษฎร์บำรุง ในขณะนั้นมีพระอธิการเทียบ รตโน เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ต่อมา พระอธิการเทียบได้มรณภาพ หลวงปู่ปัญญาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ของวัดแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน
    หลวงปู่ปัญญาได้นำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมตามที่ได้เล่าเรียน จัดสร้างวัตถุมงคล โดยเฉพาะเหรียญต่อเส้นวาสนา ที่หลวงปู่ได้เขียนเป็นรูปลายมือที่มีเส้นสมบูรณ์พร้อมอักขระขอมล้อมรอบ เรียกว่า "ลายมือพระโพธิสัตว์" เสริมดวงชะตา กลับจากร้ายกลายเป็นดี แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ
    ความโด่งดังของวัตถุมงคลหลากหลายชนิด กอปรกับวัตรปฏิบัติ ทำให้ญาติโยมศรัทธาเลื่อมใส เป็นที่มาของการยกย่องให้เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง
    แม้จะได้รับการยกย่องเช่นนั้น แต่หลวงปู่ปัญญายังคงดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่าย ยึดหลักธรรมเป็นที่ยึดเหนี่ยว พร้อมกับหมั่นสวดมนต์ภาวนาทำจิตสมาธิให้มั่นและแน่วแน่ นึกถึงครูบาอาจารย์ที่พร่ำสอนมา
    เป็นพระเถระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาและน่ากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจอีกรูป
    เนื่องจากเป็นผู้เจริญอายุยืนถึง ย่างเข้า 109 ปีแล้ว จึงถือเป็นพระเกจิรัตตัญญูผู้มีรู้โลกมาถึง 5 แผ่นดิน
    https://palungjit.org/threads/ประสบการณ์จากการกราบหลวงปู่ปัญญา-วัดหนองผักหนาม-ชลบุรี.244160/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญเสาร์ 5 ปี 2539 หลวงปู่ปัญญาวัดหนองผักหนามให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20230924_185339.jpg IMG_20230924_185410.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2023
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    หลวงปู่ฤทธิ์-รตฺนโชโต-2.jpg
    หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
    บางท่านยังอาจจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์หรือแม้กระทั่งชื่อของหลวงปู่ฤทธิ์มาก่อน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์กับผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ท่านมีชาวบ้านชาวช่องนับถือและรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นำวัตถุมงคลของท่านมาบูชา ติดตัว ติดบ้าน ติดร้านกันมาก วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แพร่หลายมานับสิบปีโดยเฉพาะ :
    - ผ้ายันต์ต่างๆ เช่น ผ้ายันต์สิงห์ 7 เศียร ผ้ายันต์กิ่งแก้ว ผ้ายันต์ฉิมพะลี(ศิวลี) และผ้ายันต์นางกวัก ขนาดต่างๆกันตั้งแต่พกติดตัวจนถึงขนาดใหญ่ติดร้าน
    - ตะกรุดหลากหลายแบบ ทั้งตะกรุดคู่แบบห้อยคอ ตะกรุด 3 กษัตริย์แบบคาดเอว ตะกรุดโทนแบบ 7 ดอก ม้วนซ้อนเป็นดอกเดียว/คาดเอว ตะกรุด 9 กษัตริย์แบบคาดเอว ซึ่งมีทั้ง เนื้อทองแดง เนื้อทองเหลือง เนื้อเงิน และเนื้อตะกั่ว
    - เหรียญแบบรูปไข่ เสมาและหยดน้ำ เท่าที่ทราบมีสร้างตั้งแต่ปี 2514
    รูปเหมือนขนาดเล็กมีทั้งกริ่งและไม่กริ่ง รูปเหมือนขนาดเล็กเนื้อว่าน
    รูปเหมือนขนาดบูชาตั้งแต่ขนาด 3 , 5 , 7 และ 9 นิ้ว
    กริ่งพระพุทธ รุ่น ปี 40 มีทั้งเนื้อทองคำ เงิน และทองแดง
    - พิมพ์เจ้าสัวรูปหลวงปู่ พิมพ์พระนาคปรกเนื้อว่าน สมเด็จไม้งิ้วดำ เป็นต้น
    กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือ ไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น :- ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ
    หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆไปกราบ ท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะ ปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น
    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อ ศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนัง จนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทำบุญและรับวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือ ท่านได้จริงๆ ในยุคไอเอ็มเอฟ โปรดอย่าลืมนึกถึง หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต พระเกจิชื่อดังชาวเขมรแห่งวัดชลประทานราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์
    ประสบการณ์ของวัตถุมงคล
    ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว
    ผ้ายันต์กิ่งแก้ว เป็นผ้ายันต์ที่มีผลในหลายๆด้าน ตามลักษณะการพับผ้ายันต์ ซึ่งรวมทั้ง เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆอีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภ และ เมตตา/มหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่ามีคนมาติดพันมากมายเป็นต้น
    ผ้ายันต์ฉิมพะลี เป็นผ้ายันต์ที่เน้นทางด้านการค้าขายโดยเฉพาะ ซึ่งในผ้ายันต์รุ่นนี้ (โดยเฉพาะ) รุ่นพิมพ์เปื้อน (ใส่หมึกพิมพ์มากไปหน่อย -ผู้เขียน) มีรูปนางกวักและนางฟ้าซึ่งช่วยดลบันดาลให้ค้าขายดีขึ้น เช่น ร้านอาหารมีลูกค้า เพิ่มขึ้นมากผิดจากแต่ก่อนซึ่งไม่ค่อยจะมีลูกค้ามากนัก เมื่อค้าขายดีจึงช่วยปลดหนี้สินไปจนเกือบหมด , ร้านทำซอฟแวร์ ทางด้านคอมพิวเตอร์ พกผ้ายันต์ฉิมพะลีไปพบลูกค้า รายไหนรายนั้นไม่เคยพลาด ทำให้กิจการดีขึ้นโดยตลอด ทั้งๆที่ ยุคไอเอ็มเอฟซึ่งจะมีผลกระทบกับร้านเหล่านี้โดยตรง
    สำหรับวัตถุมงคลอื่นๆ เช่น เหรียญเสมา , ตะกรุด ที่ผู้บูชาติดตัวหรือติดรถ ต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดมาโดยตลอด

    ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว
    ผ้ายันต์กิ่งแก้ว เป็นผ้ายันต์ที่มีผลในหลายๆด้าน ตามลักษณะการพับผ้ายันต์ ซึ่งรวมทั้ง เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆอีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภ และ เมตตา/มหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่ามีคนมาติดพันมากมายเป็นต้น
    ผ้ายันต์ฉิมพะลี เป็นผ้ายันต์ที่เน้นทางด้านการค้าขายโดยเฉพาะ ซึ่งในผ้ายันต์รุ่นนี้ (โดยเฉพาะ) รุ่นพิมพ์เปื้อน (ใส่หมึกพิมพ์มากไปหน่อย -ผู้เขียน) มีรูปนางกวักและนางฟ้าซึ่งช่วยดลบันดาลให้ค้าขายดีขึ้น เช่น ร้านอาหารมีลูกค้า เพิ่มขึ้นมากผิดจากแต่ก่อนซึ่งไม่ค่อยจะมีลูกค้ามากนัก เมื่อค้าขายดีจึงช่วยปลดหนี้สินไปจนเกือบหมด , ร้านทำซอฟแวร์ ทางด้านคอมพิวเตอร์ พกผ้ายันต์ฉิมพะลีไปพบลูกค้า รายไหนรายนั้นไม่เคยพลาด ทำให้กิจการดีขึ้นโดยตลอด ทั้งๆที่ ยุคไอเอ็มเอฟซึ่งจะมีผลกระทบกับร้านเหล่านี้โดยตรง
    สำหรับวัตถุมงคลอื่นๆ เช่น เหรียญเสมา , ตะกรุด ที่ผู้บูชาติดตัวหรือติดรถ ต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดมาโดยตลอด


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหล่อฉีดหลังพญานาคหลวงปู่ฤทธิ์ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ เลี่ยมอัดพลาสติค เหรียญสวยเดิมๆ ถ่ายรูปออกมาอาจจะไม่ชัดครับ

    IMG_20230924_190800.jpg IMG_20230924_190858.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2023
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1695558317858.jpg
    หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ท่านเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด ท่านถือกำเนิดในพื้นที่บ้านสระพัง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โดยหลวงพ่อเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ โยมบิดาชื่อนายฉลู ตรีเพชรคง โยมมารดาชื่อนางแป้น ตรีเพชรคง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกัน ๖ คน โดยหลวงพ่อเก๋ ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓
    ปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ขณะนั้นหลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ ท่านมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้ทำการอุปสมบถ ณ พัทธสีมาวัดวชิรคาม ตำบลท้ายหาด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับฉายาว่า "สุนันโท" โดยมี
    พระครูธรรมวิถีสถิต (หลวงพ่อโต) วัดคู้ธรรมสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระครูสุตาภิรัต (หลวงพ่อรอด) วัดบางขันแตก เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    หลวงพ่อทองอยู่ วัดแม่น้ำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลังจากอุปสมบทแล้วท่านก็ได้อยู่จำพรรษาที่วัดวชิรคามเรื่อยมาเพื่อศึกษาวิชาการต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อเก๋ นั้นมีความสามารถโดดเด่นในเชิงช่างไม้ พอสอบนักธรรมตรีได้
    หลวงพ่อทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ จึงขอตัวท่านให้มาช่วยงานที่วัดแม่น้ำ หลวงพ่อทองอยู่ท่านมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมทำตะกรุดใต้น้ำและแพทย์แผนโบราณ เก่งสมุนไพร ว่านยา ทำให้หลวงพ่อเก๋ได้ศึกษาวิชาการต่างๆเหล่านี้จากหลวงพ่อทองอยู่ไว้จนหมดสิ้น
    ต่อมาหลวงพ่อทองอยู่ได้นำท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ”หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต” และ “หลวงพ่อรอด วัดบางขันแตก” ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมขลัง
    นอกจากนี้ท่านยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนกรรมฐานและพุทธาคมกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงปู่บ่าย วัดช่องลม
    โดยในเวลากลางวันท่านจะไปเรียนกับหลวงปู่บ่าย พอตกเย็นท่านก็จะเดินทางไปจำวัดที่วัดบางกะพ้อม เพื่อเรียนวิชากับหลวงพ่อคง ในเวลากลางคืน โดยร่ำเรียนแบบนี้อยู่หลายปี นอกจากนี้ท่านยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่อแก้ว วัดหัวนา อีกด้วย
    ในพรรษาที่ ๖ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๗๙ หลวงพ่อเก๋ ท่านได้เริ่มเดินธุดงค์วัตร โดยท่านได้ธุดงค์ไปที่จังหวัดอุตรดิตร์ พิษณุโลก และเลยขึ้นไปทางภาคเหนือ
    ซึ่งในสมัยนั้นเป็นบ้านป่าบ้านดง รกร้าง ไม่ค่อยมีผู้คนอยู่อาศัย โดยท่านจะเดินธุดงค์ทุกปี แต่เมื่อถึงเวลาอันสมควรท่านก็จะเดินทางกลับมาที่วัดแม่น้ำ เพื่อให้ทันเข้าพรรษาเนื่องจากท่านเป็นพระที่สวดปาฏิโมกข์ เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
    จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ซึ่งปีนั้นหลวงพ่อเก๋ บวชเรียนได้ ๑๑ พรรษา หลวงพ่อทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ มรณภาพลง ชาวบ้านและบรรดาศิษย์วัดแม่น้ำเห็นพ้องกันนิมนต์หลวงพ่อเก๋ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน
    กล่าวถึงวัดแม่น้ำ เดิมมีชื่อว่าวัดบางนางจีนนอก พื้นที่บริเวณนี้มีวัดอยู่ติดกันถึงสามวัด โดยปรากฏหลักฐานเป็นซากของพระอุโบสถเก่าๆ อยู่ในบริเวณนี้ถึงห้าหลัง กาลเวลาต่อมาเนินนานเข้าจึงได้ยุบมารวมกันเป็นวัดเดียวและเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า "วัดแม่น้ำ"
    วัดแม่น้ำ เป็นวัดที่มีความสำคัญมาแต่อดีต ภายในวัดมี “หลวงพ่อวิหาร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด สอบถามจากชาวบ้านได้ความว่า หลวงพ่อวิหารเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ปางอุ้มบาตร แต่จะมาอยู่ที่วัดแม่น้ำแห่งนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครสามารถตอบได้ บางคนบอกว่าเกิดมาก็เจอท่านอยู่ในวัดแล้ว ขณะที่บางคนก็บอกว่าลอยน้ำมา บ้างก็ว่าปั้นจำลองมาจากหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    ความน่าสนใจเกี่ยวกับ ”หลวงพ่อวิหาร” คือ หลวงพ่อวิหาร(องค์จริง) ถูกเก็บรักษาไว้บนกุฏิ มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรเหมือนหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    แต่หลวงพ่อวิหาร(องค์จำลอง) ที่อยู่ในวิหาร มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร ส่วนเหรียญหลวงพ่อวิหาร(รุ่นแรก) ซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ ก็เป็นรูปแบบเดียวกับองค์จริงที่อยู่บนกุฏิ.
    เมื่อหลวงพ่อเก๋ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ภาระสมภารมีมากมาย จึงหยุดการศึกษาจากอาจารย์ต่างๆ ลง และทำหน้าที่เจ้าอาวาสสืบต่อมาโดยหลวงพ่อได้พัฒนาวัดแม่น้ำ ให้มีความเจริญรุ่งเรืองและยังได้สร้างเสนาสนะ
    หลวงพ่อเก๋ ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ นับรวมสิริอายุได้ ๙๐ ปี ๖๙ พรรษา โดยหลังจากที่ท่านมรณภาพลงแล้ว ปรากฏว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย.
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ
    เหรียญหลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ รุ่นแรก
    สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ลักษณะเป็นเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ คนสมัยก่อนมักเรียกว่าทรงเรือบด โดยเป็นเหรียญที่มีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดง และทองแดงกระไหล่เงิน จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
    เหรียญหลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ รุ่น ๔
    สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ลักษณะเป็นเหรียญทรงกลม มีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้ออัลปาก้าเพียงอย่างเนื้อเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
    ด้านหน้า จำลองรูปหลวงพ่อเก๋เต็มองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ รัดประคต นั่งสมาธิบนตั่ง ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อเก๋"
    ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ใต้ยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดแม่น้ำ
    ๒๕๒๙"
    หลวงพ่อเก๋ ท่านเป็นพระที่เก่งกาจ ใครยิงฟันกันถ้ามีของดีของหลวงพ่ออยู่ในคอรับรองว่าไม่เสียเลือด ขนาดที่มีศิษย์ของท่านโดนยิงตกคลองร่องสวน ยังลุกขึ้นมาเดินปร๋อ จนเป็นที่ฮือฮา นอกจากนี้ท่านยังมีอุปนิสัยรักความเป็นระเบียบและรักความถูกต้อง ท่านจะไม่ออกเลี่ยไล่ให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน ท่านสร้างและบูรณะวัดของท่านไปเรื่อยๆ รวมทั้งท่านยังไม่รับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ ด้วยท่านเบื่อหน่ายกับคนที่จะมาบวชที่ท่องบทขอบวชได้มั่งไม่ได้มั่ง ต้องบอกต้องสอนกันตอนบวช เป็นที่น่าเบื่อหน่าย
    ท่านจะสอนศิษย์เสมอๆว่าให้ละเว้นความชั่วต่างๆ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องกลัวภัยอันตรายใดๆ เพราะความดีจะเป็นเกราะคุ้มกันเอง.
    https://palungjit.org/threads/ใครพอรู้จักและมีประสบการณ์-หลวงพ่อเก๋-วัดแม่น้ำ-แม่กลอง-บ้างครับ.337096/



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญหลวงปู่เก๋ วัดแม่น้ำ รุ่น๔ ปี๒๕๒๙
    สภาพสวยเดิมๆ เลี่ยมพร้อม ให้ บูชา
    170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20230924_193018.jpg IMG_20230924_192934.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2023
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้จัดส่ง
    1695630469753.jpg

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2023
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,738
    ค่าพลัง:
    +21,341
    images(201).jpg
    พระครูวิชัยบุญสาร นามเดิม บุญมี (เม็ด) นามสกุล จันทรสุวรรณ์ เกิดวันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๔๙ ที่บ้านบึงกระจับ หมู่ที่ ๑๐๐ตำบลหนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บิดาชื่อ เฉย มารดาชื่อ ชม นามสกุล จันทรสุวรรณ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวม ๔ คนคือ ๑ นางเหลี่ยม ทัพมงคล ๒. นายล้วน จันทรสุวรรณ์ ๓. พระครูวิชัยบุญสาร (บุญมี หรือ เม็ด) ๔ นายหนู จันทรสุวรรณ์ ในวัยเด็กหลวงพ่อได้ศึกษาหาความรู้จนอ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุครบเกณฑ์ได้เข้าอุปสมบท ที่วัดบึงกระจับในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๖๙ พระสมุห์ก้อย วัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วได้เริ่มการทำวัติปฏิบัติ ฝึกการเจริญสมาธิ ใช้จิตภาวนาและเรียนวิปัสสนากัมมัฎฐานได้ออกธุดงค์วัตรเพื่อเสาะแสวงหาอาจารย์และสถานที่อันสงบวิเวก
    จวบจนกระทั่งปี ๒๔๘๐ ได้รับอาราธนาให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบึงกระจับ ซึ่งขณะนั้นจัดได้ว่าวัดกำลังอยู่ในช่วงต้องการผู้ดูแล เนื่องจากทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก เมื่อท่านได้เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแล้ว ได้สร้างผลงานเอาไว้เป็นอันมาก
    เป็นพระดังแบบเงียบๆไม่มีนักเล่นพระมาเชียร์ เพราะวัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยมีไม่กี่สิบรุ่น ไม่มีนายทุนที่เป็นพุทธพาณิชย์มาจัดสร้างพระของท่าน หลวงพ่อเม็ด หรือ หลวงพ่อบุญมี ถ้าท่านเป็นพระไม่ดีจริง เชื่อว่า หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร คงไม่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านแน่ โดยเฉพาะหลวงพ่อจำเนียร ไปที่วัดนี้บ่อยมากเพื่อขอเรียนวิชา ในสมัยที่ท่านมีชีวิต หลวงพ่อเม็ด ก็มักจะได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมปลุกเสกพระเครื่องตามวัดต่างๆโดยเฉพาะในเขตตะวันออก เช่น พิธีปลุกเสกพระกริ่งพุทธวิชิตมาก ของวัดท่าเกวียน ปี ๒๕๑๔ พิธีปลุกเสกเหรียญนวมหาราชปี๒๕๓๐ เป็นต้น

    สำหรับวิชาลูกอมนี้ นอกจากจะมีพุทธคุณทางคงกระพันแคล้วคลาดกันเขี้ยวงาแล้ว อาถรรพ์ในป่าลึกหรือสถานที่มีวิญญาณมาก ยัง กันพรายน้ำ และ กันสิ่งแปลกปลอมอาถรรพ์ที่ปะปนมากับสายน้ำด้วยการทำวิชาทำคุณไม่ได้ทำกันมาตามอากาศทางเดียว ใครที่ว่าแน่ๆเสร็จทางน้ำกับพวกพรายและวิชาที่ทำมาทางน้ำทั้งนั้น เพราะเมื่อหมดสติก็จมน้ำ ขาดอากาศหายใจน้ำแค่คืบก็ตาย



    เรื่องพรายน้ำหลวงพ่อเม็ดดังมาก มีหนังสือพระรายเดือนหลายปีก่อนเขียนประวัติท่านไว้ด้วย ว่าท่านสามารถจับ พรายน้ำ ขึ้นมาได้ โดยนำสายสิญจน์มีดินเหนียวเป็นลูกตุ้มหย่อนลงน้ำ ท่านอยู่บนแพแล้วลากแพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายสิญจน์ มีอาการเหมือนปลาติดเบ็ด เมื่อดึงขึ้นมาปรากฏ มีสิ่งมีชีวิตตัวใสเหมือนแมงกะพรุน หน้าตาเหมือนเด็กเหี่ยวๆมีฟันแหลม ดิ้นไปมาปรากฏพ่อเด็กที่ถูกพรายน้ำตัวนั้นเล่นงานตรงเข้ามากระทืบเละคาเท้าเลย อาการเมื่อโดนพรายน้ำทำร้ายคือ ขาจะชาไม่มีแรงจมน้ำเข้าใจว่าพรายน้ำพวกนี้จะดูดเลือดเป็นอาหาร เพราะใครจมน้ำเสียชีวิตถ้าไม่นานตัวจะไม่ซีดมาก แต่ถ้าโดนพรายน้ำเล่นงานว่ากันว่าเลือดไม่รู้ไปไหนหมดไม่มีเอาเสียเลย ตัวจะซีดและเขียวมากทั้งที่จมน้ำไปไม่เกิน ช.ม. (ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) สาเหตุที่ท่านเชี่ยวชาญวิชานี้เป็นพิเศษ เพราะหลังวัดท่านเป็นบึงชื่อ บึงกระจับ

    วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ตรงกับวันขึ้น ๗ ค่ำเวลา ๒๒.๒๐ น. ท่านได้มรณะภาพลง สิริอายุรวมได้ ๘๗ ปี พรรษานับได้ ๖๗
    ที่มา : ศรัทธา หลวงพ่อเม็ด (บุญมี) วัดบึงกระจับ / g-pra.com
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ลูกอมหลวงพ่อเม็ด วัดบึงกระจับ ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20230925_212014.jpg IMG_20230925_212055.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2023
  20. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอจองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...