ยอดขุนพล ลพ.เอีย วัดบ้านด่านเสก เสมาหลวงปู่สายดอนกระต่ายทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญหลวงพ่อสร้อยวัดเขาแก้ว เหรียญที่ 2
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221027_114757.jpg IMG_20221027_114807.jpg

     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญสมเด็จสังฆราช สุก ไก่เถื่อน วัดราชสิทธิธาราม(วัดพลับ) ปี2516 พิธีใหญ่ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายๆรูป ฯลฯ ร่วมปลุกเสกเมื่อวันที่15มีนาคม2516 ในพิธีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดราชสิทธาราม หรือวัดพลับ บางกอกใหญ่ กทม. เพื่อประกอบพิธีเททองหล่อพระประธาน ประดิษฐานไว้ในพระวิหาร วัดพลับ แห่งนี้ ในโอกาสนี้นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 ได้พระราชทานพระประธานองค์นั้นว่า "พระพุทธสิทธิมงคล" นับเป็นมงคลยิ่งแก่ วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) อันเป็นวัดที่รัชกาลที่๑ ได้สร้างถวายสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร สุก ไก่เถื่อน พร้อมกันนั้ทางวัดได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก อย่างยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับโบราณกาล ที่วัดแห่งนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ศิริมงคลแก่พุทธศานสนิกชน วัตถุมงคลที่จัดสร้างและนำเข้าพิธีมหาพุทธาภิเษก ประกอบด้ว เหรียญรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน รูปเหมือนหล่อโบราณ พระสมเด็จเนื้อผง และพระบูชา เพื่อนำรายได้จากการนี้ไปเป็นค่าก่อสร้างและบูรณะถาวรวัตถุ รวมทั้งเสนาสนะต่างภายในวัดราชสิทธิ สืบต่อไปภายหน้าฯลฯ
    เหรียญกะไหล่ทอง ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
    IMG_20221027_224736.jpg IMG_20221027_224753.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2022
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่งflash
    TH57063CHHTW1A บ้านไร่ อุทัยธานี
    ขอบคุณครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่ไม-อินทสิริ-วัดป่าเขาภูหลวง.jpg ตะกรุดน้องแมวนี้ถือเป็นวัตถุมงคลที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งขององค์หลวงปู่ ตะกรุดสร้างจากรกแมวแห้งแท้ๆ ผสมกับผงมวลสาร เกศาจีวรหลวงปู่ แผ่นจารยันต์ พอกด้วยครั่งหรือวัสดุอื่นๆที่ใช้สำหรับอุดล็อคเก็ต ปั้นเป็นตะกรุดและถักเชือก ดังนั้นตระกรุดนี้จึงไม่ควรที่จะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือวางไว้ในที่ไม่สมควร เพราะไม่ใช่เป็นแค่เพียงเครื่องราง แต่ได้ผสมเกศาจีวรของหลวงปู่เข้าไปด้วย
    ตะกรุดนี้ได้รับการอธิษฐานจิตจากพระอริยเจ้า ด้วยความเมตตาที่จะให้ลูกศิษย์มีความคล่องตัว เจริญก้าวหน้าในการงาน โดดเด่นมากทางเมตตามหานิยม เมตตาค้าขาย เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง และยังสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ตามแต่จะอธิษฐานเอา
    หลวงปู่ไม อินทสิริ พ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ศิษย์ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ องค์ท่านมีบารมีเกี่ยวข้องกับองค์พระอุปคุต ท่านเทศน์ว่าท่านบวชป็นเณรและเป็นไข้ป่าสิ้นในสมัยพระอุปคุต วัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณทั้งเมตตาและมหาปราบ ดังเช่นบารมีแห่งองค์พระอุปคุต คือทั้งมหาลาภ และ ทรงฤทธิ์ปราบมาร ประสบการ์เรื่องกันผี ไล่ผี มีอยู่มากมาย สมัยก่อนท่านว่า หากผีเข้าให้นำรูปถ่ายท่านอธิษฐาน ใช้ไล่ผีได้

    ประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดนั้นก็มีอยูมากมาย เมื่อเสร็จจากเทศนาแล้วหากมีเวลา หลวงปู่มักจะเล่าเรื่องที่ลูกศิษย์ที่ห้อยเหรียญท่านแล้วแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุให้ฟังอยู่หลายครั้ง
    หลวงปู่ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ไว้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นพวกไม่ชอบวัตถุมงคลนะ ไม่ชอบเลยของพวกนี้ แต่ทีนี้มันมีเหตุให้ต้องทำ คือชาวบ้านเขาเดือนร้อนมีผีเข้าปอบเข้า ก็เลยต้องทำของพวกนี้เพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์เขา เลยเป็นเหตุให้ได้ทำของพวกนี้

    "ของหลวงตาไมมีรัศมีแสงออกมาเป็นเจ็ดสี"
    หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไมในงานพุทธาภิเศกที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงตาไมมากองวัตถุมงคล ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    หลวงปู่ไม อินทสิริ พ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ศิษย์ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ องค์ท่านมีบารมีเกี่ยวข้องกับองค์พระอุปคุต ท่านเทศน์ว่าท่านบวชป็นเณรและเป็นไข้ป่าสิ้นในสมัยพระอุปคุต วัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณทั้งเมตตาและมหาปราบ ดังเช่นบารมีแห่งองค์พระอุปคุต คือทั้งมหาลาภ และ ทรงฤทธิ์ปราบมาร ประสบการ์เรื่องกันผี ไล่ผี มีอยู่มากมาย สมัยก่อนท่านว่า หากผีเข้าให้นำรูปถ่ายท่านอธิษฐาน ใช้ไล่ผีได้
    หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไมในงานพุทธาภิเศกที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงตาไมมากองวัตถุมงคล ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    "สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น

    ขอบคุณที่มา: จากกระทู้ ช้างเผือกในป่าอีสาน อภิญญาหลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส อุดรธานี
    ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    "สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ตะกรุดรกแมวหลวงพ่อไม อินทสิริวัดป่าเขาภูหลวง ดอกนี้ไม่ได้ถักหุ้มนะครับผมได้มาตอนทำบุญค่ารักษาพระอาพาธ
    ให้บูชา
    500 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry
    ถ่ายภาพให้ดูทั้ง 2 ด้าน
    IMG_20221028_165644.jpg IMG_20221028_165702.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2022
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    04_ลป_หนู.jpg
    นมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ขอศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อแช่มได้เมตตาสอนสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานให้เป็นอันดับแรก และได้สอนพระคาถากำบัง วิชามหาอุด และคงกระพันชาตรีให้อยู่เป็นเวลา 1 ปีและในพรรษาที่7 ตรงกับปีพ.ศ.2492 ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม ได้เข้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอศึกษาเรียนไสยเวทย์พุทธาคม หลวงพ่อเงิน ได้รับเป็นศิษย์ได้ให้หลวงปู่หนู มาขึ้นครูที่วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเงิน ได้สอนวิชาสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานให้เช่นกัน และได้สอนคาถาอาคมต่าง ๆ ให้เช่น คาถาเสกหุ่น หนุนธาตุ คาถามหาอุด และการทำกสิณต่าง ๆ เช่น กสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ และปัฐวีธาตุ จนสามารถบรรลุกสิณ10 และหลวงปู่หนู ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อเต๋ คงทอง ที่วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ซึ่งหลวงพ่อเต๋ คงทอง ท่านก็ได้เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องเช่นกัน ได้เข้าขอศึกษาและปรึกษารับการแนะนำในการใช้วิชาต่าง ๆ จากหลวงพ่อเต๋ คงทอง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่และเป็นทั้งพระอาจารย์ หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้เดินทางไปมาหาสู่ทั้ง 3 พระอาจารย์อยู่อย่างต่อเนื่องตลอดมาจนมาในปีพ.ศ.2490 หลวงพ่อแช่ม วัดตากล้อง ได้ละสังขารลง สำหรับหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อเต๋ หลวงปู่หนู ได้เดินทางไปหาอย่างต่อเนื่องตลอดมาและได้เรียนวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ จากหมอไสยศาสตร์ ชื่อโยมเปลื่องหมื่นภูผา เรียนวิชาทำตะกรุด วิชาขับคูณไสย เมตตามหานิยม ได้เรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อกล่อม วัดขนอม ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งหลวงพ่อกล่อม ท่านเป็นศิษย์สืบสายวิชามาจากหลวงพ่อแทน ธรรมโชติ วัดธรรมเสน ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาคาถาอาคม อักขระเลขยันต์จากพระอาจารย์อู๋ วัดใหม่สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อาจารย์อู๋ องค์นี้ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบสายวิชาสายหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เหรียญติดอันดับ 1 ใน 5 ในทำเนียบเบญจภาคีเหรียญยอดนิยมของเมืองไทย หลวงปู่หนู ได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาไสยเวทย์พุทธาคม จากท่านพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาไสยเวทย์พุทธาคมเข้มขลังและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งสิ้น ฉะนั้น หลวงปู่หนู จึงเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญและแตกฉานในไสยเวทย์มนต์คาถา จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือ
    อภินิหารประสบการณ์เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๑๕
    นายนิเวศ กล่อนคง อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่6 บ้านมาบแค ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้บูชาเหรียญรุ่นแรกปีพ.ศ.2515 เลี่ยมทองห้อยคอบูชาอยู่บนสร้อยทอง ได้ไปเที่ยวงานที่วัดหนองกลางดง ขากลับได้มีคนร้ายดักจี้เอารถและสร้อยทองของนายนิเวศ แต่นายนิเวศได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์หนีไม่ยอมหยุด โดนคนร้ายยิงถูกกลางหลัง 2 นัดแต่ไม่เข้ารถมอเตอร์ไซค์ได้เสียหลักล้มลง คนร้ายได้ตามเข้ามายิงซ้ำอีกหลายนัดก็ยิงไม่เข้า นายนิเวศลุกขึ้นต่อสู้จนคนร้ายเห็นท่าจะสู้ไม่ได้จึงได้วิ่งหนีไป
    อภินิหารประสบการณ์เรื่องอุบัติเหตุ นายทัศ เกตุกมล ชาวบ้านเขาขลุง ได้ขับรถไปทำธุระที่จอมบึง รถยางแตกเสียหลักไหลไปประสานงากับรถสิบล้อบรรทุกลูกลังจนรถปิกอัพของนายทัศ พังยับเยินใช้งานไม่ได้แต่ตัวของนายทัศ ได้กระเดนออกจากรถไปตกลงข้างทางไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ภายหลังได้ทราบว่า นายทัศ นั้นได้ห้อยคอบูชาเหรียญรุ่นแรกปีพ.ศ.2515 ของหลวงปู่หนูในคอเพียงเหรียญเดียว
    นายสมจิต โมคสิต เป็นชาวหนองพังตุ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มากราบนมัสการหลวงปู่หนู ได้ถามหาจะขอบูชาเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หนู แล้วได้กรุณาเล่าให้ทราบว่าเมื่อปีพ.ศ.2515 เค้าได้มาในงานปิดทองฝังลูกนิมิต วัดไผ่สามเกาะ ได้มาบูชาเหรียญทองแดงกะไหล่ไฟ ไป 2 เหรียญ ให้ภรรยาเค้าใช้ 1 เหรียญเค้าเองได้บูชาติดตัวอยู่ 1 เหรียญ นายสมจิต ทำอาชีพขับรถส่งผักจากชาวสวนไปส่งในเมืองอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเดือนกันยายนปีพ.ศ.2521 ได้เกิดอุบัติเหตุรถของเค้าถูกชนจนพลิกหงายลงผักหล่นกระจัดกระจายเต็มถนน ส่วนตัวของนายสมจิต ถูกประตูรถหนีบร่างจนสลบไป ผู้คนเห็นเหตุการณ์ต่างก็วิ่งเข้าดูและช่วยงัดตัวของนายสมจิตออกมา พอฟื้นขึ้นปรากฏว่าผิวหนังของนายสมจิต มีรอยช้ำเขียวถึง 8 แห่งแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีบาดแผลแม้แต่น้อย ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตรวจเช็คร่างกายแล้วผลปรากฏว่าแพทย์ให้กลับบ้านได้เลย เหตุการณ์ครั้งนี้ นายสมจิตรอดพ้นจากอันตรายได้ด้วยพุทธคุณอันศักดิ์ศักดิ์ของเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หนูช่วยชีวิตไว้อย่างแน่นอน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่หนูวัดไผ่สามเกาะ
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221028_165718.jpg IMG_20221028_165734.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2022
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง 1667039137588.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1667162125242.jpg

    ประวัติหลวงพ่อทวีวัดโรงช้าง จ.พิจิตร
    ... หลวงพ่อทวีหรือพระครูพิลาศธรรมกิตต์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2454 ตรงกับวันอังคาร แรม 3 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน ณ บ้านโรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร..
    ... อุปสมบทเมื่อายุครบ 21 ปี ตรงกับวันที่ 26 มีนาคม 2475 ได้เดินทางไปศึกษาเล่าพุทธาคมที่วัดพระเชตุพนฯ กับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม) หลวงพ่อทวีได้เป็นผู้ริเริ่มจารึกพระไตรปิฏกลงบนแผ่นอิฐ จำนวน 1,500 คัมภีร์ ทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์ เก็บรักษาบรรจุไว้ในพระเจดีย์ของวัดโรงช้าง เจตนารมณ์ของท่านที่จารึกพระไตรปิฎกลงบนแผ่นอิฐก็เพราะเนื่องจากหลวงพ่อทวีกลัวระเบิดนิวเคลียร์ทำลายพระไตรปิฎกที่เป็นใบลาน อันนี้เป็นความคิดของท่าน (ความคิดที่แปลกของหลวงพ่อทวีรายการเกมทศกัณฑ์ยังเคยนำไปออกเป็นคำถามเลยครับ)..
    ...หลวงพ่อทวีมรณะภาพในปี พ.ศ. 2530 รวมศิริอายุได้ 76 ปี สังขารของหลวงพ่อทวีได้ถูกบรรจุลงในโลงไม้ธรรมดานานหลายปีเพื่อรอการพระราชทานเพลิง เป็นระยะเวลา 23 ปี ศิษยานุศิษย์ได้ทำการเปิดโลงออก ปรากฏว่าสรีระของหลวงพ่อทวีไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา ศิษยานุศิษย์จึงร่วมทุนทรัพย์สร้างวิหารเพื่อนำสรีระหลวงพ่อทวีบรรจุลงในโลงแก้วแล้วนำประดิษฐานไว้ในวิหารหลวงพ่อทวีในวันที่13 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา..
    .. ส่วนวัตถุมงมลที่หลวงพ่อทวีท่านจัดสร้างนั้น ในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลยังมีพระเกจิอาจารย์ร่วมยุคสมัยของหลวงพ่อทวีมาร่วมปลุกเสเด้วย อย่างเช่น
    -พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์หรือหลวงพ่อไป๋ วัดท่าหลวง พิจิตร ผู้สร้างเหรียญหล่อหลวงพ่อเพชร พิมพ์สามเหลี่ยมหน้าจั่ว และตะกรุดกระดูกแร้ง อันโดงดัง
    -หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง พิจิตร ศิษย์หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ผู้สร้างตะกรุดคู่ชีวิตอันลือลั่น
    -หลวงพ่อแวว วัดคลองคู้ ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อแววเป็นผู้ที่นำพระขรรค์โสฬสเล่มในตำนานของหลวงปู่ศุขติดตัวมาด้วยหลังจากที่หลวงปู่ศุขมรณะภาพ และเป็นพระขรรค์ที่ท่านขุนพันฯ ตามหามาตลอดชีวิต ขุนพันฯได้ขอพระขรรค์กับหลวงพ่อแวว แต่หลวงพ่อแววขอผลัดผ่อนไม่ยอมให้ไป จนกระทั่งหลวงพ่อแววมรณะภาพ พระขรรค์โสฬสก็สืบทอดไปอยู่กับศิษยาณุศิษย์แล้วก็สูญหายไปในที่สุด และหลวงพ่อแววยังเป็นสหายของหลวงพอทวี เคยมาจำพรรษาที่วัดโรงช้าง ช่วยหลวงพ่อทวีจารพระไตรปิฎกลงแผ่นอิฐ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระพิมพ์ท่ามะปรางเนื้อดินเผาปี 2499 หลวงพ่อทวีวัดโรงช้าง ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบแฟลชหรือเคอรี่
    IMG_20221031_033415.jpg IMG_20221031_033427.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ครูบาสมจิต_จิตคุตโต.jpg
    ครูบาสมจิต จิตตคุตโต
    เกิดเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ.2484
    อุปสมบท : 14 มีนาคม พ.ศ.2506
    สภาณภาพ : มรณภาพ(เมื่อ 14 มกราคม พ.ศ.2560
    วัดสะแล่ง ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ เป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ อันเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นความภาคภูมิใจสืบทอดมาจนถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ปัจจุบัน เป็นสถานที่มีความสำคัญทางด้านศิลปวัฒนธรรมล้านนาไทย ครูบาสมจิตทั้งนี้ ผู้ที่พลิกฟื้นสภาพวัดสะแล่ง จากเดิมที่มีความชำรุดทรุดโทรม เหมือนกับสถานที่ไร้คุณค่าจนกลายเป็นพระอารามที่มีความสำคัญทางด้านศิลป วัฒนธรรมล้านนาไทยและของจังหวัดแพร่ คือ "พระครูวิจิตรนวการโกศล" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "ครูบาสมจิต จิตตคุตโต" สิริอายุ 68 ปี พรรษา 48 อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สมจิต วงศ์แสนศรี เกิดวันพฤหัสบดี ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 15 มีนาคม 2485 โยมบิดา-มารดา ชื่อนายชื่น และนางคำมูล วงศ์แสนศรี เกิดที่ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ เส้นทางสู่ ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ หลังจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ประมาณ 3 ปี ท่านได้เข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2505 ณ วัดศรีดอนคำ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ มีพระครูเกษมรัตนคุณ เจ้าคณะอำเภอลอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2506 ณ วัดศรีดอนคำ ภายหลังอุปสมบท ได้ใช้ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาที่โรงเรียนพิริยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนชายประจำจังหวัดแพร่ในการพัฒนาชุมชน อีกทั้งยังได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ ในปี พ.ศ.2506 ครูบาสมจิต ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าคณะอำเภอลอง ให้ไปดูแลฟื้นฟูวัดสะแล่ง จากผลงานที่ได้รับมอบหมายและปฏิบัติจนสำเร็จลุล่วง พ.ศ.2527 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสะแล่ง พ.ศ.2528 เป็นเจ้าคณะตำบลห้วยอ้อ เขต 1 เป็นเลขานุการเจ้าคณะอำเภอลอง ครูบาสมจิต ได้ให้ความสำคัญต่อการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณรและเยาวชน เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 จัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมและโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดสะแล่ง จัดตั้งมูลนิธิการศึกษามอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากจนที่มีผลการเรียนดี เป็นประจำทุกปี ผลงานด้านเผยแผ่และงานสาธารณูปการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 ครูบาสมจิต ได้ออกปฏิบัติธรรมอบรมสั่งสอน ทั้งในอำเภอลอง ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ครูบาสมจิต ได้ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานตามรอยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากครูบาอาจารย์สายวิปัสสนาคอยชี้แนะ จนมีความชำนาญ นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนช่วยเหลือวัดต่างๆ ในจังหวัดแพร่ เช่น สร้างเจดีย์หล่ออนุสาวรีย์ครูบามหาเถร วัดสูงเม่น หาทุนให้วัดศรีดอกสร้างอุโบสถหลังใหม่ สร้างบันไดนาคขึ้นวัดพระธาตุเขาน้อย จ.น่าน สร้างวิหารวัดต้าผามอก บูรณะพระธาตุพระพิมพ์วัดบางสนุก อ.วังชิ้น สร้างเจดีย์พระกัปป์ในหมู่บ้านกะเหรี่ยง สร้างอุโบสถวัดแม่ปาน อุโบสถวัดสร่างโศก อุโบสถวัดดอนชัย วัดศรีสุทธาราม วัดปากจอก จ.แพร่ อุโบสถวัดกลาง จ.ลำปาง ท่านยังจัดสร้างวัตถุมงคลในโอกาสต่างๆ เพื่อให้คณะศรัทธาได้สั่งจองเช่าบูชา เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนช่วย เหลือก่อสร้างสาธารณประโยชน์ วัตถุมงคลครูบาสมจิตแต่ละรุ่น ล้วนได้รับความนิยมจากบรรดาเซียนพระเครื่องและนักสะสมนิยมวัตถุมงคล อาทิ เม็ดหยกหัวแหวน พระพุทธรูปหยกห้อยคอ รูปเจ้าแม่กวนอิมหยก ตะกรุดมหานิยม ตะกรุดกันผี เงินท๊อก หนังเสือ (เงินตระกูลล้านนา) พระผงรูปเหมือนครูบาสมจิต วัตถุมงคลของครูบาสมจิต จะมีพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังแห่งภาคเหนือ เข้าร่วมพิธีปลุกเสกมากมาย อาทิ ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า, หลวงพ่อแก้ว วัดเขื่อนคำลือ อ.สูงเม่น จ.แพร่, หลวงพ่อกุ วัดศรีชุม จ.แพร่ เป็นต้น ส่งให้วัตถุมงคลของครูบาสมจิต ได้รับความนิยมจากศิษยานุศิษย์ ด้วยมีพุทธคุณโดดเด่น เมตตามหานิยม มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย รวมถึงเรื่องการสยบสิ่งอัปมงคล
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หนังเสือไฟลงยันต์ครูบาสมจิตรวัดสะแล่ง จ.แพร่ ให้บูชา 4,500 บาทครับ บูชาเก่าเก็บมาร่วม 30 ปีขนาดประมาณกว้าง ยาว 1*1นิ้ว
    IMG_20221031_035353.jpg IMG_20221031_035407.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2022
  9. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,983
    ค่าพลัง:
    +5,390
    ขอจองครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่ขันตี-ญาณวโร.jpg
    หลวงพ่อขันตี เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะแม เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด

    เกิด ณ บ้านเลขที่ ๑๓๖ หมู่ ๘ ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ของแก่น (ปัจจุบันคือ บ้านหนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น)

    บิดาชื่อ นายชัย แสนคำ มารดาชื่อ นางแพง แสนคำ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด ๗ คน โดยหลวงพ่อขันตี ญาณวโร ท่านเป็นลูกคนโต หลวงพ่อทวี ปุญฺญปญฺโญ เป็นลูกคนเล็กสุด (ชื่อเดิมนายทวี แสนคำ)
    ในวัยเด็กของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านเป็นคนขยันขันแข็น ช่วยงานพ่อแม่ทำไร่ ทำนาและดูแลน้องๆ แทนพ่อแม่อยู่เสมอๆ เป็นคนที่มีความอดทน อ่อนน้อม และหลวงพ่อท่านในวัยเด็กยังเป็นคนสนใจ ใฝ่ธรรมะ ชอบไหว้พระสวดมนต์อยู่เป็นประจำ หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า “สมัยตอนท่านเด็กๆท่านเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงนัก เจ็บป่วยออดๆแอดๆ อยู่เสมอบางทีก็เกือบถึงแก่ชีวิตหลายต่อหลายครั้ง โยมแม่ของหลวงพ่อ จึงได้ไปฝากให้หลวงพ่อขันตีเป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่คำดี ปภาโส อาการเจ็บป่วยต่างๆก็ค่อยๆหายไป” เมื่อหลวงพ่อท่านเรียนจบชั้น ป.๔ ท่านก็ขออนุญาตโยมพ่อโยมแม่เพื่อขอบวชสามเณร โยมพ่อแม่ก็เห็นดีด้วยและอนุญาตให้หลวงพ่อบวชเณรได้..


    หลวงพ่อขันตีท่านได้บวชเณรครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๒ ปี ในปี พ.ศ.๒๔๙๙ ณ วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีท่านพระครูพิศาลสารคุณ เป็นผู้บรรพชาให้ในปีนั้น เมื่อบวชเณรแล้วหลวงพ่อขันตีก็อยู่ดูแลอุปัฏฐาก ท่านพระครูเจ้าอาวาสอย่างใกล้ชิตและมีความขยันอดทนหมั่นเพียรในการศึกษาธรรมะ ท่านพระครูพิศาลสารคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ จึงได้เรียกชื่อหลวงพ่อขันตีใหม่ จากเดิมชื่อตรีเฉยๆ เรียกใหม่ว่า “ขันตี” หรือ ขันติ แปลว่า ผู้มีความอดทน


    ท่านได้บวชเณรมาเรื่อยๆ จนท่านมีอายุครบบวชพระ อายุ ๒๐ ปี ท่านจึงได้รับการอุปสมทบในวันอังคาร ขึ้น ๘ ค่ำ ปีมะโรง โดยได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗ ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีท่านพระครูพิศาลสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีธรรมาลังการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “ญาณวโร” แปลว่า ผู้ปรีชาหยังรู้สูง


    ในพรรษาที่ ๑ ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ในปีแรกนี้หลวงพ่อขันตีท่านได้ไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ณ วัดป่าคีรีวัน จ.ขอนแก่น ในพรรษาแรกนี้ หลวงปู่บุญเพ็ง ท่านจะสอนพระเณรในพรรษานั้น ในเรื่องการพิจารณาการ มีสติเป็นไปในกาย ขอวัตรปฎิบัติต่างๆ ในส่วนของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านก็เป็นพระบวชใหม่หลวงปู่บุญเพ็งท่านจะเน้นสอนการภาวนา และ ข้อวัตรต่างๆในเบื้องต้นกับหลวงพ่อขันตี
    หลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านก็ให้ความเมตตาหลวงพ่อขันตี โดยสอบถามหลวงพ่อขันตีครั้งมาอยู่จำพรรษาวัดถ้ำผาปู่ครั้งแรกว่า

    “ท่านใช้อะไรภาวนา”

    และสอบถามถึงเรื่องจริตต่างๆ ครั้งหลวงพ่อขันตีก็กราบเรียนหลวงปู่คำดีตามความรู้ ความเข้าใจแล้ว หลวงปู่คำดีก็บอกสอนเกี่ยวกับจริตภาวนา แจกแจงความเป็นมาและความเหมาะสมของจริตพร้อมอธิบายหลักการภาวนาให้หลวงพ่อขันตีฟังอย่างละเอียดลึกซึ้งจนเข้าใจ

    ในปีดังกล่าวที่ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำผาปู่ มีพระเณรทั้งหมด ๔๐ รูป หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า “ในปีนั้นจิตใจท่านฟุ้งซ่าน วุ่นวายเป็นอย่างมาก” ซึ่งหลวงปู่คำดีท่านก็ทราบดี ท่านจึงแนะนำให้หลวงพ่อขันตีมีความอดทน ปรารบให้เร่งความเพียรมากยิ่งขึ้น ให้หลีกเร้นจากหมู่คณะ ให้หาที่สงบภาวนาให้มาก ให้ละความกังวนต่างๆ กลับมาตั้งสติตั้งใจภาวนาเร่งให้เกิดความสงบ

    จนในพรรษาที่ ๓ ปี พ.ศ.๒๕๐๙ หลวงปู่คำดี จึงพาหลวงพ่อขันตีไปจำพรรษา ณ วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี กับ หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น เมื่อไปถึงที่วัดหลวงปู่บัวท่านก็ให้โอวาทธรรมว่า

    “เรื่องจิตใจที่หลอกลวงตลอดเวลานั้น เป็นเพราะการขาดสติ ขาดปัญญา จึงกลายเป็นตัวกิเลสทำให้เกิดทุกข์ หรือพาไปหาความทุกข์ไปที่ไหนถ้าใจไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ความศรัทธาความเชื่อความ เลื่อมใสในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังไม่มีหลักสรณะทางจิตใจ หากมีแต่ปล่อยจิต ปล่อยใจไปตามสัญญาแห่งอามรณ์ทั้งวัน ทั้งคืนไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีแต่ความทุกข์ร้อนเป็นไฟ เพราะใจได้ถูกแผดเผาด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ดังนั้นควรที่จะมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดไป จะมานั่งมานอนรอความตาย ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ จะต้องหมั่นภาวนาศึกษา ให้จิตให้ใจมีที่พึ่ง ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้เสียไปวันๆ”

    เป็นโอวาทสำคัญที่หลวงปู่บัว ท่านอบรมณ์สั่งสอนหลวงพ่อขันตี ในพรรษที่มาจำที่วัดป่าหนองแซงนี้
    ครั้งพอออกพรรษาในปี พ.ศ.๒๕๐๙ นั้นหลวงปู่คำดีท่านก็กลับไปอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่ โดยหลวงพ่อขันตีกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงปู่คำดี ไม่กลับไปวัดถ้ำผาปู่ด้วย แต่จะอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่บัวนี้ก่อนสักระยะหนึ่ง หลวงปู่คำดีท่านก็เมตตาอนุญาต ในระหว่างที่อยู่วัดป่าหนองแซงนี้ หลวงพ่อขันตีท่านก็อยากเที่ยวไปกราบครูบาอาจารย์ในที่อื่นๆ หลวงปู่บัวท่านก็ทราบว่า หลวงพ่อขันตีท่านตอนนี้ มีจิตใจที่ยังวุ้นวายอยู่ท่านจึงให้โอวาท หลวงพ่อขันตีเตือนใจว่า

    “การที่เราจะเที่ยวไปหาครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้น ต้องพิจารณาดูว่าไปด้วยเหตุผลอันใด การปฏิบัติทำความเพียรนั้นล้วนเกิดแต่ตัวเราทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ท่านจะปฎิบัติแทนเราไม่ได้ การบำเพ็ญเพียรภาวนา เราต้องทำด้วยตัวเราเองเท่านั้นผลจึงจะเกิดกับตัวเรา ครูบาอาจารย์จะมาทำแทนเราได้หรือ ท่านเป็นแต่เพียงผู้บอก ผู้สอนเราเท่านั้น”

    ต่อมาในพรรษาที่ ๑๓ ปี พ.ศ.๒๕๑๙ ท่านได้จาริกธุดงค์ไปจำพรรษา ปรนนิบัติ และอยู่ปฎิบัติกับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ณ วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย โดยหลวงพ่อขันตี ท่านได้มีโอกาสอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ และ ได้รับอุบายธรรมกับหลวงปู่ชอบ เพื่อนำไปปฎิบัติ ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงที่หลวงปู่ชอบ ท่านมาสร้างวัดใหม่ชื่อว่าวัดป่าสานตม หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า

    “ในช่วงนี้ลำบากมาก เพราะที่นี้อากาศหนาวมาก หลวงปู่ชอบท่านก็ไม่ให้พระที่มาอยู่ด้วยก่อไฟผิง เพราะจะมีแต่มาสุมหัว พูดคุยกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่หลวงปู่ชอบจะให้พระเดินจงกรมแทน เพื่อเป็นการกระตุ้นธาตุไฟให้เกิดความอบอุ้นภายใน”
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อขันตีวัดป่าม่วงไข่รุ่นเมตตาเจริญลาภยศให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221101_122032.jpg IMG_20221101_122049.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงพ่อบุญรัตน์.jpg
    เหรียญ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ วัดโขงขาว จ.เชียงใหม่ ปี2538
    จัดสร้างโดย หลวงพ่อบุญรัตน์ วัดโขงขาว จ.เชียงใหม่ความผูกพันระหว่างลพ.ฤาษีลิงดำ กับ หลวงพ่อบุญรัตน์
    บรรดลูกหลาน และศิษย์ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ต่างรับรู้กันดีว่า หลวงพ่อตอนมีชีวิตอยู่ ได้แนะนำพระสุปฏิปัณโณ ให้บรรดาลูกหลานไปร่วมทำบุญ กัน หลายแห่ง หนึ่งในนั้น ก็มี วัดโขงขาว อ.หางดง จ.เขียงใหม่ ซึ่งหลวงพ่อได้นำพาลูกหลาน ไปทำบุญโดยเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีให้แก่วัดโขงขาวเป็นประจำทุกปี โดยหลวงพ่อเดินทางไปด้วยตนเอง และไปจนกระทั่งถึงปีสุดท้ายก่อนมรณภาพ
    จากคำบอกเล่าของท่านลพ.ฤาษีลิงดำเอง ได้เคยเล่าให้บรรดาลูกศิษย์ ที่ได้เดินทางไปทอดกฐินด้วย ว่า...หลวงพ่อบุญรัตน์ ในอดีตชาติ เคยเป็นบุตรแท้ๆของท่าน
    ซึ่งหลังจากท่านลพ.ฤาษีลิงดำมรณภาพแล้ว ทางวัดได้จัดสร้างรูปหล่อหลวงพ่อพระราชพรหมยานยืนถือไม้เท้าประดิษฐานที่พระอุโบสถ และทางวัดก็ยังจัดทอดกฐินเป็นประจำทุกปีเหมือนเช่นเคย บางปีหลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ก็เดินทางไปเป็นประธานด้วย ซึ่งลูกหลานหลวงพ่อก็ยังไปทำบุญกันทุก เหรียญกรมหลวงชุมพรหลวงพ่อบุญรัตน์วัดโขงขาวปี 2538 ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&ptหรือเคอรี่
    IMG_20221101_115118.jpg IMG_20221101_115132.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อผินะวัดถ้ำท่าเกยหลังหลวงพ่อผองวัดพรหมยาม ออกปี ๒๕๕๑
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry
    IMG_20221103_124416.jpg IMG_20221103_124431.jpg IMG_20221103_124450.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1667458210543.jpg
    ชีวประวัติ หลวงปู่ริม รตฺนมุนี (แก้วกมล)
    พระสงฆ์ผู้นำพัฒนาชุมชนและที่พึ่งของชุมชน
    อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทุมพร ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
    พระอธิการริม รตฺนมุนี เจ้าอาวาสวัดอุทุมพร ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๕๒๘ ผู้สร้างมหาคุณูปการแก่ชุมชน ท่านได้ยึดมั่นในประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์สังคม นานานับประการ เช่น การพัฒนาวัดอุทุมพร สร้างวัดสะเดารัตนาราม และวัดอื่น ๆ เป็นผู้นำศรัทธาสร้างโรงเรียนบ้านทุ่งมน (ริมราษฎร์นุสรณ์) ศูนย์พัฒนาตำบลทุ่งมน สถานีอนามัยตำบลทุ่งมน สะพานข้ามแม่ชี สระน้ำ บ่อน้ำ ถนนหนทาง และสถานที่อื่น ๆ ให้เป็นสาธารณะประโยชน์จำนวนหลายแห่ง สูงยิ่งด้วยการเป็นแบบอย่างและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของศิษยานุศิษย์ หมู่คณะ มวลชน
    หลวงปู่ริม รตฺนมุนี บุพพการีผู้นำจิตวิญญาณ ผู้นำศรัทธา เป็นบุพพการีคือผู้กระทำอุปการะก่อน ของเหล่าศิษยานุศิษย์และชุมชนสังคมทั้งปวง ศิษยานุศิษย์ ทั้งมวลตลอดอนุชนรุ่นหลังและชุมชนในยุคสมัยเห็นสมควรร่วมมือสามัคคี ถือปฏิบัติบูชาคุณ สืบสานปณิธานหลวงปู่ และสร้างชุมชนเก่าแก่นี้ให้เข้มแข็ง สานงานให้บ้าน วัด โรงเรียน น่าอยู่ รวมพลังใจยกย่องประกาศคุณงามความดีของหลวงปู่ให้ปรากฏแก่สังคมประเทศชาติต่อเนื่องตลอดไป
    ชาติภูมิ เกิดวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๖๔ วันพุธ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา บ้านติดทางตะเลีย ณ บ้านทุ่งมน หมู่ ๑ ตำบลทุ่งมน ( สถานที่ที่ท่านเกิด ปัจจุบันอยู่ตรงจุดของบ้านนายเทียน อย่านอนใจ หรือ ติดด้านตะวันตกของบ้านยายเสาะ สร้อยสุวรรณ บ้านหนองโบสถ์ หมู่ ๙ ตำบลทุ่งมน ) เป็นบุตรของคุณปู่ทวดเชด แก้วกมล กับย่าทวดลม แก้วกมล ซึ่งมีพื้นเพอยู่บ้านทุ่งมน เป็นบุตรคนสุดท้อง มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน คือ (๑) ปู่รึม แก้วกมล (๒) ย่าจุล เงินเก่า (๓) ย่าจีน อย่านอนใจ (๔) ปู่เคน แก้วกมล แฝดกับ(๕) ปู่โคน แก้วกมล และ (๖) หลวงปู่ริม รตฺนมุนี(แก้วกมล)
    ลักษณะ อุปนิสัย วัยแรกเกิด ตัวผอมบอบบาง กระเสาะกระแสะ ป่วยบ่อย คุณย่าทวดลมจึงฝากย่าทวดนิว ซึ่งเป็นคุณแม่ของลูกสะใภเน็บ(ตะลอง)เลี้ยงให้และก็ได้อยู่อาศัยด้วยตลอดมา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์ ท่านเป็นพระเกจิดังในช่วงยุคปี2500ต้นๆ สมัยก่อนนั้นยุคที่บ้านเมืองยังไม่ค่อยสงบ ยังมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และโจรชุกชุมต่างจากสมัยนี้มาก อันตรายยังมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ยิ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา อย่างสุรินทร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันตรายมากๆ พวกทหารตำรวจได้อาศัยบารมีท่านและเครื่องรางของขลังของท่านไว้คุ้มครองป้องกันภัยกันทั้งนั้นครับ หลายคนมีประสบการณ์เจอกันมาเองจนมั่นใจเลยครับ บางคนเคยเห็นท่านแสดงอภินิหาร จนมีการสร้างเหรียญกายทิพย์แยกร่างของท่านถวายให้ท่านเสกแจกกันเลยครับ พวกทหารแถบนั้นนิยมกันมากๆ แถมยังไปช่วยท่านสร้างสำนักสงฆ์บนเขากันเลยครับ
    เหรียญหลวงพ่อริมวัดอุทุมพรทหารบกสร้างปี 2521 ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่

    IMG_20221103_133449.jpg IMG_20221103_133501.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง flash
    TH01393D6ZDP6F ลาดกระบัง
    ขอบคุณครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1667540206117.jpg
    29 ธันวาคม น้อมรำลึก พระครูพิมลศาสนกิจ (หลวงพ่อละม่อม ฐิตาโภ) วัดย่านขาด
    ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
    ***พระเถราจารย์เสือซ่อนเล็บ สมญานาม “มหากระดอนบ้านย่านขาด” ผู้สืบสายวิทยาคมครูบาอาจารย์
    ***สายวัดมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเกตุ วัดศรีเมือง จ.สุโขทัย หลวงพ่อพุฒิ วัดเขาไม้แดง เมื่อครั้งอยู่ที่วัดอินทรีศรีสังวร จ.สุโขทัย
    ***สายหลวงพ่อโพธิ์วัดวังหมาเน่า(หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก) จากหลวงพ่อแจง วัดเกาะแก้ว จ.พิษณุโลก
    ***หลวงพ่อฝ้าย วัดสนามไชย จ.พิษณุโลก
    ***หลวงพ่อเถ้า วัดคลองตาล จ.พิษณุโลก
    ***หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
    ***เจ้าคุณแพ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
    นามเดิม นายละม่อม ปานกลิ่น (สกุลเดิม คร้ามสมอ)วิทยฐานะ ประถมศึกษาปีที่ 4 อาชีพ ทำนา โยมบิดา ชื่อ นายฉาบ คร้ามสมอ โยมมารดา ชื่อ นางพัด คร้ามสมอ เกิด วันพุธ ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2465 แรม 2 ค่ำ เดือน 9 ปี จอ ณ บ้านดงสมอ ในตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ท่านมีพี่น้องทั้งหมด รวมท่านด้วยจำนวน 9 คน ได้แก่
    1.พระครูพิมลศาสนกิจ (หลวงพ่อละม่อม ฐิตาโภ)
    2.นางผัน คร้ามสมอ
    3.นายรวม คร้ามสมอ
    4.นายรวย คร้ามสมอ
    5.นายผิน คร้ามสมอ
    6.นายเสาร์ คร้ามสมอ
    7.นางประทุม คร้ามสมอ
    8.นางบุญธรรม คร้ามสมอ
    9.นางประทิน คร้ามสมอ
    ช่วงชีวิตในวัยหนุ่มของท่านนั้น ไม่ต่างไปจากชาวบ้านชนบททั่วไป ท่านเคยมีครอบครัวมาแล้ว โดยภรรยาของท่านทราบชื่อว่า นางชิด ท่านมีบุตรสาวจำนวน 2 คน คนโตชื่อ นางสมัย คนที่สอง ชื่อนางสมาน ยามที่ท่านยังดำรงอยู่ในสถานะหัวหน้าครอบครัว ท่านก็ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีโดยตลอด ประกอบอาชีพ ทำนา และขึ้นตาลเพื่อปาดน้ำตาลขายหารายได้อีกทางหนึ่ง ท่านมีนิสัยประหยัดไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย อยู่มาไม่นาน นางชิด ผู้เป็นภรรยาได้ถึงแก่กรรม และต่อมา นางสมัย บุตรสาว ก็ถึงแก่กรรมอีกคน เหตุการณ์นี้ยังให้เกิดความเสียใจแก่ท่านอย่างมาก จึงตัดสินใจออกบวช โดยไปฝากตัวรับการอบรมสั่งสอนด้านบาลี และการไล่เจ็ดตำนาน จากหลวงพ่อเถ้า วัดคลองตาล หลวงพ่อท่านมีความเกรงอกเกรงใจในหลวงพ่อเถ้ารูปนี้มาก ด้วยว่าหลวงพ่อเถ้าท่านเป็นพระที่มีความเคร่งครัด ในพระธรรมวินัย ยิ่งถ้ามีใครมาฝากตัวปรนนิบัติเพื่อเตรียมตัวบวชด้วยแล้ว ถ้าไม่ได้เจ็ดตำนานไม่มีทางได้บวชแน่นอน หลวงพ่อละม่อม ท่านมีความรู้ติดตัว อ่านออกเขียนได้ ทั้งยังติดตามคลุกคลีอยู่กับสมภารวัดย่านขาดมาตลอด ในสมัยก่อน ใครอยากมีความรู้ก็นิยมเข้าวัดติดตามพระเถระสมภารวัด ก็จะได้รับการแนะนำสั่งสอนให้อ่านออกเขียนได้และรวมถึงพื้นฐานวิทยาคมอีกด้วย เมื่อศึกษาฝึกฝนจนท่านมีความชำนาญดีแล้วจึงเดินทางไปอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดใหม่อภัยยาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อมีอายุได้ 32 ปี มีพระพิษณุบุราจารย์ (เจ้าคุณแพ)วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวรญาณมุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูนิยมศีลาจาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ทำการอุปสมบท วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2496 เวลา 14.45 น. ได้รับฉายาว่า***ฐิตาโภ***สังกัดมหานิกาย และกลับมาจำพรรษาที่วัดย่านขาดบ้านเกิดของท่าน ภายหลังจึงได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดย่านขาด จวบจนปัจจุบัน เกี่ยวกับนามสกุลของท่านนั้น เดิมที่เดียวท่านใช้สกุล คร้ามสมอ แต่ด้วยท่านนั้นก็มีศักดิ์เป็นหลานของท่านพระพิษณุบุราจารย์ (เจ้าคุณแพ)โดยท่านเจ้าคุณแพ ท่านมีนามสกุลเดิมว่า ปานกลิ่น ในขณะที่บวชและจัดทำสูติบัตรประจำตัว ท่านเจ้าคุณแพ ก็ลงนามสกุลเป็น ปานกลิ่น จึงทำให้นามสกุลที่ปรากฏในเอกสารของท่านเป็นปานกลิ่น จนปัจจุบัน การดำรงตำแหน่งของท่านมีลำดับ ดังนี้
    ***1.วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2509 อายุ 43 ปี พรรษา 13 ได้รับการแต่งตั้งเป็น พระกรรมวาจาจารย์
    ***2.วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2510 อายุ 44 ปี พรรษา 14 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดย่านขาด วิทยฐานะ นธ.โท
    ***3.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2521 ได้รับพระราชทานแต่งตั้ง ให้พระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดย่านขาด ในฐานะวัดราษฎร์ชั้น ตรี
    ***4.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานแต่งตั้ง ให้พระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดย่านขาด ในฐานะวัดราษฎร์ชั้น โท
    ***5.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2537 ได้รับพระราชทานแต่งตั้ง ให้พระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดย่านขาด ในฐานะวัดราษฎร์ชั้น เอก
    ***6.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2548 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ สัญญาบัตร พัดยศ เป็นเจ้าอาวาส เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้น เอก
    พระครูพิมลศาสนกิจ(หลวงปู่ม่อม ฐิตาโภ) มรณภาพลง เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2560 สิริอายุ 95 ปี พรรษา 63

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    สมเด็จปรกโพธิ์หลวงพ่อขาววัดย่านขาดหลวงปู่ม่อมอธิษฐานจิตให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบแฟลชหรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221104_123244.jpg IMG_20221104_123257.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2022
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1667431896997.jpg
    ความเคารพเชื่อถือใน “หลวงปู่พล” เป็นอย่างยิ่ง สาเหตุนั้นมีอยู่ กล่าวคือ ท่าน พล.อ.ท.ลิขิต สุวรรณทัต (ยศ น.ท. สมัยนั้น) ญาติของท่านและภรรยา ได้ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับ “หลวงปู่พล” อยู่เสมอ ๆ
    1667431883447.jpg
    สมัยนั้นทราบว่า หลวงปู่พลฯ ท่านมักจะมาสอนกรรมฐานอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งแถวๆ บางแค ท่านลิขิตฯ กับภริยาก็มักจะหาโอกาสไปฝึกเสมอ และได้นำบุตรชายของท่าน ๒ คนติดตามไปด้วย คือ คุณจักรฯ กับ คุณศาสน์ฯซึ่งเมื่อท่านบิดามารดากำลังฝึกกรรมฐาน คุณจักรฯ กับ คุณศาสน์ฯ ก็เล่นกันอยู่ข้างนอกตามประสาเด็ก

    ครั้นเล่นจนเหนื่อยอ่อนจึงมานั่งคอยบิดามารดา และได้ยินการสอนของ หลวงปู่พลฯ ไปด้วยโดยบังเอิญ และก็ตามประสาเด็กอีกนั่นแหละ คุณจักรฯ กับ คุณศาสน์ฯ ก็ชวนกันเล่นนั่งสมาธิเลียนแบบผู้ใหญ่ตามที่ได้ยินคำสอนของหลวงปู่พลฯ นั้น

    ปรากฏว่า ทั้ง คุณจักรฯ และ คุณศาสน์ฯ นั้น พอจิตเป็นสมาธิก็ได้ทิพจักขุญาณทันที สามารถเห็นเทวดา เห็นพรหม เห็นพระ และไม่ใช่เพียงแต่เห็นอย่างเดียว ยังสามารถติดต่อพูดคุยด้วยได้อีก สิ่งของต่างๆ ที่บ้านใคร คุณจักรฯ และ คุณศาสน์ฯ บอกได้หมดว่า...อะไรวางอยู่ตรงไหน ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปที่บ้านนั้นมาก่อน

    และได้แวะไปเยี่ยมคนไข้ในวันต่อๆมา อีก 1 สัปดาห์ให้หลังคนไข้ก็มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับแพทย์เจ้าของไข้ตรวจแล้วพอใจ ให้เธอกลับบ้านได้ โดยไม่ทราบว่าเธอหายเป็นปกติรวดเร็วได้อย่างไร ด้วยไม่เห็นหลวงปู่ฯไปรักษาคนไข้ที่ห้องผู้ป่วยแต่อย่างใด และศิษย์ของหลวงปู่ฯก็ไม่ได้บอกให้แพทย์ที่โรงพยาบาลทราบเรื่องที่เธอได้ขอหลวงปู่ฯเอาไว้ นี่เป็นอีกเรื่อง ที่ลูกศิษย์ของหลวงปู่ฯเล่าให้ฟังต่อหน้าหลวงปู่ฯ ในวันหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้ไปร่วมทำบุญกับหลวงปู่ฯ เวลานั้นก็ยังไม่เฉลียวใจ เรียนถามขั้นตอนรายละเอียดเรื่องนั้นเป็นอย่างใดกับหลวงปู่ฯ (จิตของเรายังไม่รู้จักหยิบฉวยโอกาสทองขณะนั้น)
    1667431813250.jpg
    หลายปีต่อมาหลวงปู่มรณะภาพแล้ว ได้ทราบจากลูกศิษย์ของหลวงปู่ฯอีกคนหนึ่ง รายนี้มีรุ่นคุณพ่อเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด ไปพบหลวงปู่ฯเป็นประจำเมื่อหลวงปู่ฯเดินทางมาสงเคราะห์ญาติโยมที่บางแค พูดคุยกันใกล้เพล หลวงปู่ฯก็ถามบรรดาลูกศิษย์ว่าเที่ยงนี้อยากกินแกงอะไรบ้าง หลวงปู่ฯจะหุงข้าว และเตรียมทำกับข้าวให้รับประทานกัน วิธีเตรียมอาหารเที่ยงของหลวงปู่ฯก็ง่ายๆนำเอาหม้อข้าวเล็กๆ หม้อแกงใส่น้ำขึ้นตั้งบนเตาไฟประมาณนั้น ที่ไม่มีไฟหรือใส่ถ่านใส่ฟืนในเตาอะไรทั้งนั้น

    นั่งคุยกันกับลูกศิษย์ซักครู่หนึ่งหลวงปู่ฯก็บอกให้ลูกศิษย์ยกลงมารับประทานกันตามปกติทั่วไป อิ่มอร่อยกันไปตามๆกัน กับการเลี้ยงข้าวมื้อเที่ยงของหลวงปู่ฯ และหลานศิษย์คนนี้ยังได้เล่าเกี่ยวกับหลวงปู่ฯอีกหลายๆเรื่อง เหตุการณ์สมัยนั้นหลวงปู่ฯยังหนุ่มอยู่มาก ซึ่งตอนหลวงปู่ฯมีวัยใกล้ 80 ปี นั้น หลวงปู่ฯไม่มีโอกาสได้สงเคราะห์บรรดาศิษย์ใกล้ชิดเป็นพิเศษเหมือนตอนหนุ่มๆ ศิษย์รุ่นท้ายๆจึงไม่มีโอกาสทราบเรื่องที่ดูลึกลับแต่ไม่ลับของหลวงปู่ฯ โดยหลวงปู่ฯจะทำตน เป็นพระสงฆ์ประเภท ดังบ่ดี ดีบ่ดัง ประเภทนั้น เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมได้รับนิมนตร์ไปที่ไหนหลวงปู่ฯก็เมตตาไปสงเคราะห์ทั้งคณะ พร้อมกับรถตู้เก่าๆคันหนึ่งเสร็จแล้วจึงจะเดินทางกลับวัดหนองคณฑี ที่สระบุรี ลูกศิษย์รุ่นท้ายๆจึงไม่ค่อยทราบคุณวิเศษในด้านอภิญญาของหลวงปู่ฯมากนัก ทราบแต่เพียงว่าหลวงปู่ฯจะช่วยแนะนำอบรมกรรมฐาน ภาวนา 'สัมพุทโธ' ให้แก่ผู้สนใจทุกๆวันอังคาร ที่ท่านมาบางแคเท่านั้น
    1667431863939.jpg
    ตอนหลวงปู่ฯยังมีชีวิตอยู่ หลวงปู่ฯได้บอกบรรดาศิษย์ไว้ว่า ใครที่มาหาหลวงปู่ฯไม่สะดวก ให้จุดธูป อยู่ที่บ้าน และบอกเรื่องราวรายละเอียด ที่ต้องการให้หลวงปู่ฯช่วยสงเคราะห์ก็ได้ หลวงปู่ฯยินดีให้การช่วยเหลือ ที่นำเรื่องความเมตตาของหลวงปู่ฯมาเล่าสู่กันนี้ เนื่องมาจากมีเพื่อนผู้โดยสาร ที่ได้ไปกราบพระที่วัดพระแก้ว และพระบรมกษัตริย์ในจักรีวงศ์ได้โดยสารรถกลับมาพร้อมกัน และเล่าให้ฟังถึงพ่อของเธอป่วยไข้ไม่สบายต้องพามารับการรักษาที่โรงพยาบาลประสาททุกสัปดาห์และพ่อของเธอติดบุหรี่ เลยเล่าเรื่องการสงเคราะห์ผู้ป่วยของหลวงปู่ฯให้เธอลองนำไปช่วยสงเคราะห์แก่คุณพ่อของเธอ

    จึงถึงวาระขอนำมาบอกกล่าวแก่บรรดาคนรุ่นนี้ ที่อาจไม่เคยรู้จักหลวงปู่ฯมาก่อนให้ได้ทราบ และหากมีศรัทธาต่อหลวงปู่ฯ ก็สามารถระลึกถึงท่านและจุดธูปเทียนกราบเรียนหลวงปู่ฯขอรับการสงเคราะห์ในเรื่องต่างๆได้ ด้วยพระผู้ที่จบสิ้นเต็มองค์มรรคแล้ว จิตกลับไปสู่สภาวะเดิมแล้ว หากไม่มีเหตุปัจจัย มากระทบจิตของท่าน (เราไม่ได้ขอด้วยความเคารพ) ท่านก็จะอยู่ของท่านเฉยๆ ไม่มีหน้าที่ไปตามรู้ตามเห็นหรือช่วยเหลือความทุกข์ร้อนของผู้ใด หากเราขอและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่หลวงปู่ได้ระบุเอาไว้ในนามบัตรพิเศษ ตามในภาพที่สแกนเอาไว้นั้น เราก็อาจได้รับการสงเคราะห์จากหลวงปู่ฯทั้งทางโลก และโลกุตระ ให้เรามีโอกาสเดินอยู่บน 'ทาง' จนเต็มองค์มรรค ตามที่ปรารถนาต่อไป

    ตอนใกล้ๆที่หลวงปู่จะจากไปสู่สภาวะจิตเดิมแท้นั้น หลวงปู่ฯได้เมตตาให้สร้างรูปเหมือนลอยองค์ของหลวงปู่ฯ สำหรับบรรดาลูกศิษย์ได้กราบไหว้บูชาระลึกถึงพระเมตตาของหลวงปู่ฯ ตอนไปรับมอบรูปเหมือน หลวงปู่ฯสั่งว่านำไปบูชาถึงหลวงปู่ฯให้ดีนะ ด้วยน้ำเสียงที่เมตตาและห่วงใย (ในจิตของหลวงปู่ฯคงทราบดีว่าในอนาคตที่โลกคับขัน วิกฤตเข้ามาทุกที ก็จะได้พึ่งพาหลวงปู่ฯให้ช่วยสงเคราะห์ในเรื่องต่างๆทั้งทางโลกและทางธรรม นั่นเอง คนสายตาสั้นมองอะไรไม่ค่อยเห็นชัดในช่วงนั้น หลวงปู่ฯคงนึกเวทนาสงสารอยู่ไม่น้อย ซึ่งหลวงปู่ฯก็ใจเย็นอดทนรอคอยวาระที่ลูกๆจะเกิดปัญญา)

    หากท่านสังเกตที่ด้านหลังนามบัตรของหลวงปู่ฯจะมีคำว่าภัยพิบัติ เมื่อสมัย 50-60 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งมันอาจหมายถึงภัยพิบัติของชาวโลก ที่กำลังเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างทวีคูณในปัจจุบัน ที่ลูกหลานสามารถนึกถึงหลวงปู่ฯให้ช่วยให้เราปลอดภัย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2022
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ทิพจักขุญาณ ll►


    1667431796389.jpg 1667431804958.jpg
    ตอนที่ ๙

    คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ


    เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระเดชพระคุณพระอริยสงฆ์ ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเรียกว่า พระสุปฏิปันโน มาหลายองค์แล้ว ชักจะเบื่อ ๆ ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศติดตามเรื่องของฆราวาส ๒ ท่านดูบ้าง คือ เรื่องของ คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ เดี๋ยวพอให้คลายหายง่วงหายเหงา แล้วค่อยกลับเรื่องไปคุยถึงหลวงพ่อ ฯ หลวงปู่องค์อื่น ๆ กันอีกก็แล้วกันนะครับ

    ในสมัยที่ผมได้มาพบกับหลวงพ่อ ฯ ของเรานั้น ผมมียศเป็นร้อยตำรวจเอก แต่ได้รับเกียรติยศเป็นอย่างสูง ให้ไปช่วยราชการอยู่ที่กองยุทธการ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า (ปัจจุบันเรียกชื่อใหม่ว่า “ศูนย์อำนวยการร่วม กองบัญชาการทหารสูงสุด”)

    ทั้งนี้ เป็นความกรุณาอย่างยิ่งของท่าน พล.อ. ทวนทอง สุวรรณทัต อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งในขณะนั้นมียศเป็น พ.อ. ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองยุทธการ ท่าน พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นมียศ พล.ท. ดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการกองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า ท่าน พล.อ.อ. ทวี จุลละทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหาร และท่าน พล.อ. ทำเนียบ ทับมณี รองประธานคณะเสนาธิการ กองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ขณะนั้นยศ พ.ท. ดำรงตำแหน่งประจำกองยุทธการ

    ความจริงนอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ทางฝ่ายทหารจะได้กรุณาผมดังกล่าวแล้ว ท่านผู้ใหญ่ทางตำรวจที่ให้ความกรุณาเป็นอย่างยิ่งกับผมในครั้งนั้นก็มี คือ ท่าน พล.ต.ท. ประเนตร ฤทธิ์ฤาชัย อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ ขณะนั้นยศ พล.ต.ต. ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน และท่าน พล.ต.อ. วสิฏฐ์ เดชกุญชร ณ อยุธยา อดีต รมช. กระทรวงมหาดไทย ขณะนั้นยศ พล.ต.ต. ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ได้ช่วยเหลือและชักชวนให้ผมไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดนเช่นเดียวกัน

    ผมจำได้ดีว่า ทั้งสองท่านยังได้กรุณาพาผมไปเลี้ยงอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งแถวถนนพหลโยธิน แต่แล้วในที่สุด ด้วยความจำเป็นและความสะดวกสบายที่ได้รับมากกว่าจากทางกองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า ผมจึงจำเป็นต้องเลือกการไปช่วยราชการอยู่กับฝ่ายทหาร ทั้งๆ ที่ความผูกพันทางใจที่ลึกซึ้งนั้นอยู่กับตำรวจตระเวณชายแดนมากกว่า

    แต่ถ้าท่านเป็นผม ก็คงจะต้องเลือกเช่นเดียวกับที่ผมเลือกไปแล้ว ก็ลองคิดดูว่าจะให้ผมเลือกทางไหน ในเมื่อขณะนั้นผมยังเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เหน็บรักแร้ค้ำยันเวลาเดิน และต้องไปรักษาพยาบาลที่ ร.พ. พระมงกุฎทุกวัน ผมและภรรยาเช่าบ้านอยู่ที่ท่าดินแดงฝั่งธนบุรี ผมจะไปทำงานที่กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ซึ่งอยู่ตรงข้ามซอยสายลม พหลโยธินได้อย่างไร จะเบียดขึ้นรถประจำทางรึ ก็คงจะไปไม่รอด ครั้นจะขึ้นรถแท็กซี่อีกรึ ก็คงจะไม่มีปัญญา

    สำหรับทางฝ่ายทหารนั้นมีขีดความสามารถในการสนับสนุนและช่วยเหลือผมได้ดีกว่ามาก กล่าวคือ ได้จัดรถยนต์รับ-ส่ง พร้อมพลขับให้ อันเป็นการดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดจนบรรเทาความเดือดร้อนในการเดินทาง ทั้งการไปทำงานและการไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ

    ดังนั้น ผมจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางที่จะสามารถดำรงชีวิตได้เอาไว้ก่อน และในระหว่างที่ผมช่วยราชการอยู่ที่กองยุทธการ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้านี้นั่นเอง ผมก็ได้รับความกรุณาจากท่าน พล.อ. ทวนทอง สุวรรณทัต เป็นอย่างยิ่ง โดยท่านได้กรุณาสนใจและเอาใจใส่ ให้ความสนิทสนม ให้ความคุ้นเคยประดุจบิดาซึ่งกระทำต่อบุตร

    ท่านมักเข้ามาที่ห้องทำงานของผมบ่อย ๆ นอกจากจะเข้ามาคุยเฮฮาสัพเพเหระ หรือเข้ามาสอนเรื่องหน้าที่การงานต่าง ๆ แล้ว ยังสอบถามเกี่ยวกับสาระทุกข์สุขดิบไม่เคยขาด เพราะความดีมีน้ำใจอันสม่ำเสมอของท่านนี่เอง ทำให้ท่านได้เห็นหนังสือที่เกี่ยวกับหลวงพ่อของเรา (ประวัติหลวงพ่อปาน ฯ วัดบางนมโค) ที่ผมได้พยายามซ่อนเร้นแล้วบนโต๊ะทำงานของผม

    (ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจซ่อนให้จริงจังอะไร เพราะไม่ได้เป็นความผิดอะไร เพียงแต่อายนิดหน่อย กลัวท่านจะหาว่าบาดเจ็บแค่นี้ถึงกับเสียอกเสียใจจนต้องเข้าหาพระหาเจ้า จึงเอาหนังสือเล่มอื่นวางทับไว้ และด้วยเกรงว่าท่านจะหาว่าเอาเวลาราชการมาอ่านหนังสืออย่างหนึ่ง และงมงายอีกอย่างหนึ่ง)

    ต่อมาท่านก็คงจะสังเกตว่า เมื่อมีเวลาว่างคราใด ผมจะต้องหยิบหนังสือของหลวงพ่อ ฯ ขึ้นมาอ่านทุกที (ส่วนใหญ่เป็นเวลาหลังอาหารเที่ยง) ท่านจึงหยิบไปเปิดอ่านดูบ้าง พลิกไปพลิกมาแล้วก็คืน ผมเดาว่าท่านคงจะมีความสนใจ ดังนั้น ถ้าผมมีหนังสือเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับหลวงพ่อ ฯ ผมจะหามาเผื่อให้ท่านด้วยอีก ๑ ชุดเสมอ หลังจากนั้นเมื่อท่านพบผม ท่านถามทำนองหยั่งเชิงผมทันทีว่า

    “คุณว่าจริงเร๊อะ” (ท่านคงจะหมายถึง เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือที่หลวงพ่อเขียนเล่าเอาไว้)

    ผมก็ได้แต่มองหน้าท่านแบบยิ้ม ๆ ไม่ตอบท่านตรง ๆ ในทันที (เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจนั่นเอง) แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมได้มีโอกาสศึกษาธรรมจากหลวงพ่อ ฯ และยังได้พบเห็นสิ่งแปลก ๆ ที่น่าอัศจรรย์ของหลวงพ่อ ฯ และเมื่อสังเกตว่าท่านมีเวลาว่างพอ ผมจึงได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อ ฯ ที่ผมได้ประสบพบมาให้ท่านฟัง ซึ่งท่านก็ฟังเรื่องที่ผมเล่าอย่างสนใจ แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปจากผมว่า จริงหรือไม่จริง

    ส่วนผมเองนั้นก็ไม่ทราบว่าท่านเชื่อหรือไม่เชื่อ (บุคคลในระดับนี้นั้น เด็กระดับผมชักจูงท่านไม่ได้หรอกครับ) เพราะภูมิปัญญาและความรู้ตลอดจนประสบการณ์ของท่าน สูงกว่าผมมากมายนัก

    เวลาล่วงเลยไปอีกระยะหนึ่ง ผมจึงได้ทราบว่า ท่านนั้นมีความเคารพเชื่อถือใน “หลวงปู่พล” เป็นอย่างยิ่ง สาเหตุนั้นมีอยู่ กล่าวคือ ท่าน พล.อ.ท. ลิขิต สุวรรณทัต (ยศ น.ท. สมัยนั้น) ญาติของท่านและภรรยา ได้ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับ “หลวงปู่พล” อยู่เสมอ ๆ

    สมัยนั้นทราบว่า หลวงปู่พล ฯ ท่านมักจะมาสอนกรรมฐานอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งแถว ๆ บางแค ท่านลิขิต ฯ กับภริยาก็มักจะหาโอกาสไปฝึกเสมอ และได้นำบุตรชายของท่าน ๒ คนติดตามไปด้วย คือ คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ ซึ่งเมื่อท่านบิดามารดากำลังฝึกกรรมฐาน คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ ก็เล่นกันอยู่ข้างนอกตามประสาเด็ก

    ครั้นเล่นจนเหนื่อยอ่อนจึงมานั่งคอยบิดามารดา และได้ยินการสอนของ หลวงปู่พล ฯ ไปด้วยโดยบังเอิญ และก็ตามประสาเด็กอีกนั่นแหละ คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ ก็ชวนกันเล่นนั่งสมาธิเลียนแบบผู้ใหญ่ตามที่ได้ยินคำสอนของ หลวงปู่พล ฯ นั้น

    ปรากฏว่า ทั้ง คุณจักร ฯ และ คุณศาสน์ ฯ นั้น พอจิตเป็นสมาธิก็ได้ทิพจักขุญาณทันที สามารถเห็นเทวดา เห็นพรหม เห็นพระ และไม่ใช่เพียงแต่เห็นอย่างเดียว ยังสามารถติดต่อพูดคุยด้วยได้อีก สิ่งของต่าง ๆ ที่บ้านใคร คุณจักร ฯ และ คุณศาสน์ ฯ บอกได้หมดว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปที่บ้านนั้นมาก่อน

    แม้สิ่งของบางอย่างที่เจ้าของลืมไปแล้วว่าสิ่งของในกล่องที่เก็บเอาไว้นั้นเป็นอะไร ก็สามารถบอกได้เลยว่าสิ่งของนั้นเป็นอะไร ทีนี้ท่าน พล.อ. ทวนทอง ฯ ซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณตาท่านก็สนุกใหญ่ ท่านพา คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ไปที่บ้านของท่าน พาไปที่ห้องเก็บของ แม่จ้าวโวย...สัพเพเหระ สิ่งของกองเป็นพะเนินอยู่ในห้อง อยู่ในกล่องก็มี ห่อเอาไว้ก็มี ขี้ฝุ่นหนาปึ้ก

    ท่านเจ้าของเองก็ลืมไปหมดแล้วว่า ภายในมีอะไรบ้าง แล้วคุณตาก็ถามคุณหลานว่าห่อนั้นห่อนี้มีอะไร คุณหลานก็บอก ซึ่งเมื่อแก้กล่องหรือห่อออกมาพิสูจน์ดู ก็ตรงตามที่คุณหลานบอกเอาไว้ไม่มีผิดพลาด คุณตากับคุณหลานก็มักจะเล่นทายสิ่งของที่หมกเอาไว้จนคุณตาลืมอยู่เป็นประจำ จนคุณหลานสุดแสนจะเบื่อหน่าย แต่คุณตาไม่เบื่อเลย (สมัยนั้น คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ อายุราว ๆ ๔-๕ ขวบ)

    คุณตาอยากเล่นแบบนี้ด้วยทุกวัน เพราะการทายสิ่งของดังกล่าวนี้ คุณตาสามารถท้าพิสูจน์กับใครก็ได้ว่าคุณหลานเห็นจริง ๆ นอกจากนั้น เรื่องที่ตลกและขำขันก็คือ คราวหนึ่ง คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ นึกสนุกอยากจะรู้ใจเจ้าสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ขึ้นมา จึงได้ผลัดกันหลอกถามเจ้าสุนัขน้อยนั้นว่า ระหว่าง คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ นั้น เจ้าหมาน้อยรักใครมากกว่า

    คำตอบของเจ้าหมาน้อยทำให้ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ หัวเราะลั่นจนงอหาย ชอบอกชอบใจว่าสุนัขนั้นตอบถูกใจ แต่ก็ทำเอาคุณพ่อคุณแม่ตกอกตกใจคิดว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้มาสอบถาม และจึงพลอยได้รู้เรื่องนี้ไปด้วย

    ทั้งนี้ไม่ว่าใคร พอได้ทราบว่าเจ้าหมาน้อยตอบ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ว่าอย่างไรแล้ว ต่างก็หัวร่อกันงอหายเช่นเดียวกับ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ไปตาม ๆ กัน เพราะสำหรับสุนัขแล้ว คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าสุนัขน้อยตัวนี้ นอกจากจะฉลาดแล้วยังมีปฎิภาณไหวพริบและ IQ ไม่เบา

    อยากรู้ไหมว่าเจ้าสุนัขตอบ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ว่าอย่างไร มันตอบว่า “รักเท่ากัน”

    ผมยังจำได้ดีในขณะที่ได้ฟังเรื่องนี้จากท่าน พล.อ. ทวนทอง ฯ ท่านจะเล่าไปหัวเราะไปขบขันขนาดน้ำหูน้ำตาไหล ท่านว่า “แหม...ไอ้หมาตัวนี้มันฉะหลาด (ฉลาด)” แล้วก็หัวร่อต่อจนงอหงาย..!

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    แผ่นโลหะปั๊มรูปหลวงปู่พลวัดหนองคณฑีให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)

    IMG_20221104_134732.jpg IMG_20221104_134746.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2022
  19. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,983
    ค่าพลัง:
    +5,390
    ขอจองครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1667710068870.jpg
    พระผงรูปเหมือนสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ฟื้นวัดสามพระยาท่านเป็นพระที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำนับถือมากอีกองค์หนึ่ง
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flashหรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221106_114007.jpg IMG_20221106_114019.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...