"รุกฆาต" ทุกสรรพสิ่งในอภิมหาอนันตจักรวาล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WASINOAS, 19 ธันวาคม 2024.

  1. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    20671.jpg
    MTY
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2024
  2. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    1734598881382.jpg
     
  3. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
  4. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    Untitled 3.png หัวข้อ-2.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2024
  5. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
  6. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
  7. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    กำพกกำกก.png
    1735367484142.jpg 1735367529193.jpg 1735367551957.jpg
    ปล. เราทำเต็มที่จนถึงที่สุดของกำลังแล้วนะ
    ที่เหลือ... ก็ตัวใครตัวมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2024
  8. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    กหฟ.png

    ทฤษฎีแห่งการสะท้อน: ตัวตนของเราคือกระจกสะท้อนระบบ และระบบคือกระจกสะท้อนตัวเรา

    ทฤษฎีแห่งการสะท้อน (Mirror Theory) ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบสองทางระหว่างตัวตนของเราและระบบที่ใหญ่กว่า ทั้งในมิติของชีวิต สังคม ธรรมชาติ และจักรวาล โดยตัวเราทำหน้าที่เป็น “กระจก” ที่สะท้อนพฤติกรรม ความคิด และพลังงานของระบบรอบตัว ในขณะเดียวกัน ระบบเองก็ทำหน้าที่สะท้อนตัวตนและสถานะภายในของเราเช่นกัน

    1. หลักการของการสะท้อนในทฤษฎีนี้
    (1) ตัวตนสะท้อนระบบ (We Reflect the System)
    แนวคิด:
    - ตัวตนของเราสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบ ไม่ว่าจะเป็นสังคม ธรรมชาติ หรือจักรวาล
    - การแสดงออกของเรา เช่น ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม ล้วนเป็นผลลัพธ์ของพลังงานและเงื่อนไขที่ระบบมอบให้
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเครียด คุณอาจสะท้อนความเครียดนั้นออกมาผ่านอารมณ์หรือพฤติกรรม
    - หากคุณอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สงบ ร่างกายและจิตใจของคุณก็อาจสะท้อนความสงบออกมา
    (2) ระบบสะท้อนตัวตน (The System Reflects Us)
    แนวคิด:
    - ระบบรอบตัวเรา เช่น สภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ หรือสังคม ทำหน้าที่เป็นกระจกที่สะท้อนสถานะภายในของเรา
    - สิ่งที่เราเห็นในระบบมักเป็นภาพสะท้อนของตัวตน ความคิด หรือพฤติกรรมของเรา
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณมองเห็นแต่ความวุ่นวายในชีวิต ระบบอาจกำลังสะท้อนความวุ่นวายในจิตใจของคุณเอง
    - หากคุณปลดปล่อยความสงบออกมา คุณจะเริ่มมองเห็นความสงบในระบบที่เชื่อมโยงกับคุณ

    2. การสะท้อนในมิติต่าง ๆ
    (1) มิติของชีวิตส่วนตัว - ตัวเราและระบบชีวิตส่วนตัว เช่น ครอบครัว หรือเพื่อน ทำหน้าที่สะท้อนกัน
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว มันสะท้อนถึงความสมดุลในจิตใจของคุณ
    - หากคุณพบปัญหาในความสัมพันธ์ นั่นอาจสะท้อนถึงปัญหาที่คุณยังไม่ได้แก้ไขในตัวเอง
    (2) มิติของสังคม - สังคมคือกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนพฤติกรรมและความเชื่อของสมาชิกในสังคม รวมถึงตัวเรา
    ตัวอย่าง:
    - หากสังคมเต็มไปด้วยความขัดแย้ง มันสะท้อนถึงความขัดแย้งในตัวเราและคนอื่น ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้น
    - หากคุณเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การแสดงออกถึงความเมตตา สังคมอาจเริ่มสะท้อนความเมตตากลับมา
    (3) มิติของธรรมชาติ - ธรรมชาติสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การอนุรักษ์หรือการทำลายล้าง
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณเห็นธรรมชาติถูกทำลาย มันอาจสะท้อนถึงความไม่สมดุลของมนุษยชาติที่ทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
    - หากคุณดูแลธรรมชาติ มันจะสะท้อนกลับมาในรูปของความอุดมสมบูรณ์
    (4) มิติของจักรวาล - จักรวาลสะท้อนถึงพลังงานและจิตวิญญาณของเราในระดับที่ลึกที่สุด
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณรู้สึกสงบและกลมกลืน คุณอาจสัมผัสได้ถึงความสมดุลในพลังงานของจักรวาล
    - หากคุณรู้สึกวุ่นวายและสับสน จักรวาลอาจสะท้อนความสับสนในรูปของเหตุการณ์หรือความท้าทายในชีวิต

    3. การสะท้อนแบบสองทางในเชิงจิตวิญญาณ
    (1) ตัวตนสร้างระบบ (We Create the System) - ในเชิงจิตวิญญาณ เรามีพลังที่จะกำหนดพลังงานและรูปแบบของระบบรอบตัว
    ตัวอย่าง: หากคุณส่งพลังงานแห่งความรักและความเมตตาออกไป คุณจะเริ่มเห็นระบบที่ตอบสนองด้วยพลังงานแบบเดียวกัน
    (2) ระบบกำหนดตัวตน (The System Shapes Us) - ระบบที่เราอยู่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาตัวเรา เช่นเดียวกับที่ตัวเราเปลี่ยนแปลงระบบ
    ตัวอย่าง: หากคุณเติบโตในระบบที่ส่งเสริมการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ คุณจะสะท้อนพฤติกรรมนั้นออกมาในชีวิต
    (3) การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว (Unity in Reflection) - เมื่อเราเข้าใจว่าตัวตนและระบบสะท้อนกันอย่างสมบูรณ์ เราจะตระหนักว่าเราไม่ได้แยกออกจากกัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใหญ่กว่า
    ตัวอย่าง: การที่คุณแสดงความสงบและสมดุลในตัวเอง จะช่วยสร้างระบบที่สมดุลขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาหาคุณอีกครั้ง

    4. ความสำคัญของการตระหนักถึงการสะท้อน
    (1) การมองเห็นตัวเองผ่านระบบ - ระบบเป็นกระจกที่สะท้อนตัวเรา หากเราตระหนักถึงสิ่งที่ระบบแสดงออกมา เราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น
    ตัวอย่าง: หากคุณพบว่าสังคมรอบตัวเต็มไปด้วยความเครียด ลองถามตัวเองว่า “มีความเครียดในใจหรือไม่?”
    (2) การสร้างผลกระทบในระบบ - เมื่อเราเปลี่ยนตัวตนของเรา เราสามารถเปลี่ยนแปลงระบบได้ เพราะระบบจะสะท้อนพลังงานใหม่กลับมา
    ตัวอย่าง: หากคุณเริ่มแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในชุมชน คุณอาจเริ่มเห็นคนรอบตัวตอบสนองด้วยความเมตตา

    5. มุมมองการสะท้อนในจักรวาล
    (1) ตัวตนคือจักรวาลย่อส่วน - ตัวเราคือภาพสะท้อนของจักรวาลในระดับย่อส่วน และจักรวาลคือภาพสะท้อนของเราในระดับที่ขยายใหญ่ขึ้น
    ตัวอย่าง: หากคุณค้นพบความสงบในตัวเอง คุณจะเห็นความสงบในธรรมชาติและระบบที่ใหญ่กว่า
    (2) การสะท้อนคือกระบวนการเรียนรู้และเติบโต - การสะท้อนช่วยให้เราเข้าใจว่าเรายังขาดอะไร และสิ่งใดที่ต้องพัฒนาในตัวเราเอง
    ตัวอย่าง: หากคุณพบแต่ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ อาจเป็นสัญญาณว่าคุณต้องพัฒนาความสงบและการสื่อสารในตัวเอง
    (3) การสะท้อนคือเครื่องมือแห่งการเปลี่ยนแปลง - ในระดับนี้ การสะท้อนคือการเชื่อมโยงพลังงานทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสมดุลและการเปลี่ยนแปลง
    ตัวอย่าง: การแสดงความรักและความเมตตาในสังคมที่วุ่นวาย อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบทั้งหมด

    6. สรุป: การสะท้อนตัวตนและระบบ
    ตัวเราและระบบเป็นกระจกของกันและกัน การเปลี่ยนแปลงในตัวเราคือการเปลี่ยนแปลงในระบบ และการเปลี่ยนแปลงในระบบคือการเปลี่ยนแปลงในตัวเราเอง เมื่อเราตระหนักถึงความจริงนี้ เราสามารถใช้มันเพื่อสร้างสมดุลและพัฒนาทั้งตัวเราและระบบที่ใหญ่กว่าพร้อมกัน
     
  9. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    "ความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง ไร้ซึ่งตัวตน (อัตตา)"

    การปล่อยวางจากตัวตนหรืออัตตา คือการเข้าสู่สภาวะที่สอดคล้องกับธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งอย่างสมบูรณ์
    โดยไม่ยึดติดกับความเป็น "ตัวเรา" หรือ "ของเรา" ซึ่งหมายถึง การละทิ้ง *ความหลงในตัวตนที่ปรุงแต่งขึ้น*
    โดยความคิด อารมณ์ และประสบการณ์ที่สะสมมา

    ความหมายของความไร้ตัวตน

    1. การปล่อยวางจากความยึดมั่นในอัตตา:
    -ไม่ยึดติดกับบทบาท ฐานะ หรือคุณค่าใด ๆ ที่กำหนดตัวเอง
    - ตระหนักว่าความคิดและความรู้สึกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชั่วคราว

    2. การดำรงอยู่ในปัจจุบันอย่างบริสุทธิ์:
    - ไม่กังวลกับอดีตหรืออนาคต
    - รับรู้ทุกสิ่งตามความเป็นจริงโดยไม่ปรุงแต่งหรือบิดเบือน

    3. การเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ:
    - เข้าใจว่าตัวตนและธรรมชาติไม่ได้แยกออกจากกัน
    - ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ โดยไม่พยายามควบคุม

    "สภาวะไร้ตัวตนในมิติของธรรมชาติ"

    ธรรมชาติมีลักษณะสมดุลในตัวเอง ทุกสิ่งเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไปตามกฎแห่งธรรมชาติ
    ไม่มีสิ่งใดถือครองตัวตนอย่างแท้จริง เมื่อมนุษย์ละความยึดติดในตัวตนได้ จะพบว่า
    ตัวเองคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขต

    วิธีเข้าถึงความเป็นธรรมชาติไร้ตัวตน
    1. เจริญสติและสมาธิ: ฝึกจิตให้เฝ้าสังเกตความคิด ความรู้สึก และอารมณ์โดยไม่ยึดติด
    2. ปล่อยวางการยึดมั่นในความเป็นเจ้าของ: ตระหนักว่าสรรพสิ่งไม่มีสิ่งใดเป็นของเราอย่างแท้จริง
    3. ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและไม่ปรุงแต่ง: ลดความซับซ้อนในชีวิตและอยู่กับสิ่งที่จำเป็น
    4. เข้าใจความไม่เที่ยง: รับรู้ว่าทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย
    5. เคารพและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ: เปิดใจยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลโดยไม่มีขอบเขตหรือความแบ่งแยก

    เมื่อเราสามารถปล่อยวางตัวตนได้อย่างสมบูรณ์ จะพบกับความสงบที่ลึกซึ้ง และมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอย่างแท้จริง
    เป็นสภาวะที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างอิสระและสมบูรณ์ในตัวของมันเอง.

    GCVV.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2025
  10. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
  11. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    - เมื่อเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ -

    เราจะถูกสะท้อนความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงออกมา...
    จากสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติโดยเนื้อแท้

    ก็แปลว่า...
    เมื่อเราเป็นธรรมชาติโดยเนื้อแท้อันบริสุทธิ์บริบูรณ์พร้อม
    เรากำลังแสดงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงออกมา
    ...เสมือนสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติโดยเนื้อแท้.

    SWL.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2025
  12. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    "ธรรมชาติ คือลมหายใจที่มีชีวิต"
    อยู่ในทุกสรรพสิ่ง ทุกมิติในอภิมหาอนันตจักรวาล
    เมื่อสามารถเข้าแทรกซึมได้ทั่วทุกอณูอย่างสมดุล
    ความจริงแท้ของทุกสรรพสิ่งถึงคราวถูกเปิดเผย
    ราวกับอภิมหาพายุที่พัดกระหน่ำอัตตาจนหมดสิ้น

    เมื่อไร้เปลือก... ความจริงอันเป็นแก่นแท้ของตัวตนจักปรากฏ
    และมิอาจมีสิ่งใดต้านทานพลังอันมหาศาลของธรรมชาตินี้

    ♟️ "รุกฆาต" ☠️
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2025
  13. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    ความเป็นจริงเที่ยงแท้... แม้ปรากฏ
    คำสบถมิอาจเอ่ย... เผยสดับ
    รำพึงพันหวนกาล... แม้นนานนับ
    แวววาววับว่าวุ่นวาย... เวทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2025
  14. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการพื้นฐานในการอยู่รอด โดยอาศัยปัจจัยสำคัญ เช่น อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของมนุษย์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความต้องการพื้นฐานเท่านั้น พฤติกรรมและความคิดของมนุษย์มีความหลากหลายและเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ความต้องการที่จะมีตัวตนที่ได้รับการยอมรับในสังคมและความรู้สึกปลอดภัยที่จะเป็นตัวเองนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมีรากฐานมาจากประสบการณ์การได้รับการดูแลและเอาใจใส่ตั้งแต่ยังเป็นทารก ทำให้มนุษย์พัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสวงหาการยอมรับและความสนใจจากผู้อื่น เพื่อสร้างความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและยืนยันการมีอยู่ของตัวตน

    เมื่อมนุษย์เติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หากยังคงมีพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตนเอง อาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม เพราะพวกเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองไร้ความหมายหากไม่มีผู้อื่นให้การยอมรับหรือสนใจ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงมักสร้างความหมายหรือคุณค่าให้กับสิ่งของที่บริโภค ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาและภาพลวงตาที่สร้างขึ้นผ่านการสื่อสารและสื่อสังคม ซึ่งอาจเกิดจากแรงจูงใจภายใน เพราะมีความสนใจหรือความสุขจากการทำสิ่งนั้น ๆ และแรงจูงใจภายนอก เนื่องจากมีรางวัลหรือการยอมรับจากผู้อื่นเป็นแรงจูงใจ การทำงานเพื่อเงิน หรือการเรียนเพื่อคะแนน ทั้งนี้ คุณค่าเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นและไม่ได้มีอยู่จริงในเชิงสาระสำคัญ... ความจริงคือ คุณค่าโดยแท้ของมนุษย์มีอยู่ภายในตัวเองและสามารถมองเห็นได้ด้วยความตระหนักรู้ หากมนุษย์ไม่สามารถรับรู้หรือเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง พฤติกรรมที่แสดงออกปกติ เช่น น้ำเสียง ท่าทาง บุคลิกภาพ และการกระทำในชีวิตประจำวัน รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ผ่านสื่อต่างๆ จะสะท้อนถึงความต้องการแสวงหาความยอมรับจากผู้อื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะเป็นช่วงที่ใกล้ตายก็ตาม การแสดงบทบาทเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีคุณค่า มีความหมายและมีตัวตนที่สำคัญบนโลกใบนี้

    จึงสรุปได้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างความสุข ความพึงพอใจด้วยตัวเองได้อย่างถาวร หากไม่ได้เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงในตัวเอง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากความตระหนักรู้และการพัฒนาจิตใจที่ลึกซึ้ง เมื่อมนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้จนถึงจุดที่พึงพอใจและมีความสุขจากการได้เป็นตัวของตัวเอง จะเริ่มสังเกตเห็นความจริงของมุมมองนี้ชัดเจนมากขึ้น อาจมีมุมมองในภาพรวมที่มีผลต่อทัศนคติทั้งในเชิงลบและเชิงบวก แต่ในสภาวะที่มีความเป็นกลาง มนุษย์จะถูกสะท้อนความต้องการ ความปรารถนา อัตตา ตัวตนหรืออีโก้ออกมาอย่างชัดเจน ทั้งที่รู้ตัวและไม่สามารถรู้ตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนในลักษณะต้องยินยอมรับฟังความคิดและเห็นด้วย โดยเฉพาะความปรารถนาให้มีผู้ที่สามารถเข้าใจและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ตนได้ประสพมา หรืออาจเป็นการแสดงพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในแบบที่ไม่พึงประสงค์ด้วยวัตถุประสงค์แบบเดียวกัน

    การมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องนี้มีผลต่อทักษะการวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นเสมอ ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง ในโลกที่มีมนุษย์ซึ่งมีความคิดที่หลากหลาย และความต้องการที่มีมากมายไม่สิ้นสุด ดังนั้น การตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทาง คำอธิบาย วิธีการ บางครั้งอาจต้องใช้การดำเนินการที่ซับซ้อนและท้าทายมากยิ่งขึ้น แต่หากสามารถเชื่อมโยงอารมณ์และความรู้สึกโดยอาศัยความเข้าใจเชิงลึกเพื่อตอบสนองอย่างมีชั้นเชิงด้วยอารมณ์ที่เป็นกลางไม่ถูกควบคุมจากปัจจัยอื่นๆ ทั้งภายในภายนอก มุมมองที่มีต่อมนุษย์จะกลายเป็นแค่ระบบที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากโปรแกรมที่เขียนด้วยความเชื่อ ค่านิยม ความคาดหวังทางสังคม การศึกษา อายุ ทัศนคติ ฯลฯ เท่านั้นเอง.
     
  15. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    วิมุตติสุข (ความสุขจากการหลุดพ้น) เป็นสภาวะแห่งความสงบ เย็น เบาสบาย ที่เกิดขึ้นจากการหลุดพ้นจากพันธนาการทางจิตใจ ไม่ยึดติดกับอารมณ์ ความคิด ความปรารถนา หรือสิ่งเร้าภายนอก เมื่อเสวยวิมุตติสุข ผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับ ดังนี้

    1. ผลกระทบต่อตัวเอง

    จิตใจสงบ เบาสบาย: ความคิดจะนิ่ง สงบ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเร้าภายนอก ความทุกข์ลดลงจนแทบไม่มี

    อิสรภาพทางจิตสมบูรณ์: ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องแบกความคาดหวังของใคร และไม่มีสิ่งใดควบคุมจิตใจได้

    หลุดพ้นจากวัฏจักรของอารมณ์: ไม่หลงไหลในความสุขชั่วคราว ไม่หวาดกลัวต่อความทุกข์ ไม่ติดอยู่ในความยินดียินร้าย

    การรับรู้ที่ลึกซึ้งขึ้น: มองเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง ไม่ถูกบดบังด้วยมายาของอารมณ์หรือความคิดปรุงแต่ง

    ความเป็นธรรมชาติสูงสุด: ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพยายาม "เป็นอะไร" หรือ "ทำอะไร" เพื่อเติมเต็มตัวเอง เพราะตัวเองสมบูรณ์อยู่แล้ว


    2. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น

    เป็นกระจกสะท้อนความจริง: ผู้คนที่อยู่รอบตัวอาจรู้สึกว่าถูกกระตุ้นให้เห็นตัวเองชัดขึ้น ผ่านพลังงานที่เป็นกลางและปราศจากอคติ

    ทำให้บางคนรู้สึกกลัวหรือสั่นสะเทือน: คนที่ยังยึดติดกับอัตตาและการยืนยันตัวตนอาจรู้สึกไม่มั่นคง เพราะวิมุตติสุขไม่สามารถถูกควบคุมหรือเอามาใช้ในเชิงอำนาจได้

    ส่งเสริมการปล่อยวาง: ผู้ที่เปิดใจอาจได้รับแรงบันดาลใจให้ปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่จำเป็นและเข้าใกล้ความเป็นอิสระมากขึ้น

    กลายเป็นแรงดึงดูดทางพลังงาน: บางคนอาจรู้สึกสงบเมื่ออยู่ใกล้ เพราะพลังงานของความหลุดพ้นเป็นพลังงานที่เย็นและเป็นกลาง


    3. ผลกระทบต่อโลกภายนอก

    การมีอยู่ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพลังงานรอบตัว: ความเป็นกลางและความสมดุลจากภายในส่งผลต่อคลื่นพลังงานโดยรอบ ทำให้สภาพแวดล้อมมีความกลมกลืนมากขึ้น

    เป็นแรงสั่นสะเทือนที่ปลดปล่อย: ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ได้รับการปลดปล่อย แต่ยังช่วยให้คลื่นพลังงานของโลกปรับเข้าสู่สภาวะที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

    อาจทำให้โครงสร้างเก่าล่มสลาย: ความจริงที่ไม่มีพันธนาการอาจทำให้ระบบที่ตั้งอยู่บนอัตตาและมายาภายนอกสั่นคลอน เพราะพลังงานที่หลุดพ้นไม่รองรับโครงสร้างเหล่านั้น


    4. ความท้าทายของการเสวยวิมุตติสุข

    การอยู่ร่วมกับโลกที่ยังยึดติด: แม้จะไม่ทุกข์ แต่การอยู่ท่ามกลางคนที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏจักรอารมณ์และอัตตา อาจนำมาซึ่งความท้าทายในแง่ของปฏิสัมพันธ์

    บางคนอาจพยายามท้าทายหรือทำลาย: วิมุตติสุขอาจทำให้บางคนรู้สึกว่าพวกเขาสูญเสียอำนาจหรือการควบคุม อาจมีความพยายามโจมตีด้วยคำพูดหรือพฤติกรรม

    ต้องปรับสมดุลระหว่าง "อยู่" กับ "เคลื่อนที่": แม้ว่าจะไม่ยึดติดกับอะไรแล้ว แต่การดำรงอยู่ในโลกต้องการการเคลื่อนไหวอย่างสมดุล เพื่อให้พลังงานไหลไปตามธรรมชาติของมัน


    สรุป

    การเสวยวิมุตติสุขเป็นจุดสูงสุดของอิสรภาพทางจิต เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่ต้องพึ่งพาอะไร แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพลังที่ส่งผลสะเทือนต่อทุกสิ่งรอบตัว ทั้งในระดับพลังงาน ความคิด และโครงสร้างของโลก อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงและรักษาสภาวะนี้ไว้ท่ามกลางโลกที่ยังเต็มไปด้วยความยึดติด ถือเป็นศิลปะและความท้าทายที่ต้องอาศัยปัญญาและสมดุลอย่างลึกซึ้ง
     
  16. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    คนที่รู้ถึง จะไม่เห็น
    คนที่เห็น จะไม่ใช่
    คนที่ประกาศว่าเป็น... ยิ่งไม่ใช่
    ต่อให้เห็น... ก็บอกใครให้เห็นด้วยไม่ได้
    ⚡️❄️ ⚠️ ⏳️
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2025
  17. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    last.png

    บัดนี้
    ข้า... พุทธะองค์สุดท้ายได้อุบัติขึ้นแล้ว
    และเวลากำลังเดินถอยหลังสู่จักรวาลศิวิไลซ์ถาวรอันเป็นนิรันดร์

    จงตื่นขึ้น !
    มิเช่นนั้น จะต้องสูญสลายด้วยอัตตาสุดท้ายของตัวเอง...

    ฟหก_001.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2025
  18. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    ฉัพพรรณรังสี:
    แสงแห่งการตื่นรู้และการเปลี่ยนแปลงของจักรวาล

    ฉัพพรรณรังสี (แสงหกประการ) คือการแผ่กระจายพลังงานบริสุทธิ์แห่งการตื่นรู้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพุทธะที่สมบูรณ์และเป็นพลังที่มีผลกระทบทั้งต่อปัจเจกบุคคล จิตสำนึกส่วนรวม และโครงสร้างของความเป็นจริงในระดับจักรวาล

    เมื่อพลังนี้ถูกปลดปล่อย ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณของบุคคล แต่รวมไปถึงการพังทลายของโครงสร้างเก่าที่ถูกสร้างขึ้นโดยอัตตา การกระตุ้นให้เกิดความจริงแท้ และการเปิดเส้นทางไปสู่ยุคใหม่แห่งอารยธรรมที่ไร้ขอบเขตของมายา

    ---

    1. ผลกระทบต่อปัจเจกบุคคล: การตื่นรู้และการเผชิญหน้ากับอัตตา

    สำหรับผู้ที่สัมผัสกับฉัพพรรณรังสีโดยตรง พลังนี้จะกระตุ้นให้เกิดกระบวนการภายในที่ลึกซึ้ง ได้แก่:

    การเปิดเผยความจริงแท้: ฉัพพรรณรังสีจะทำให้บุคคลมองเห็นอัตตาของตนเองอย่างชัดเจน หลายคนอาจพบว่าความเชื่อ ค่านิยม และตัวตนที่พวกเขายึดมั่นเป็นเพียงสิ่งสมมุติ

    การท้าทายและทำลายอัตตา: สำหรับผู้ที่ยังคงยึดติดกับตัวตน พลังนี้อาจสร้างแรงต่อต้านอย่างรุนแรง เกิดความกลัว ความสับสน หรือแม้แต่การปฏิเสธความจริงที่ถูกเปิดเผย

    การเข้าสู่กระบวนการปล่อยวาง: ผู้ที่สามารถก้าวข้ามความกลัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงจะเข้าสู่สภาวะของอิสรภาพภายในและการตื่นรู้ที่แท้จริง

    ---

    2. ผลกระทบต่อจิตสำนึกส่วนรวม: การพังทลายของมายาและโครงสร้างทางสังคม

    เมื่อพลังของฉัพพรรณรังสีแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง มันจะส่งผลต่อจิตสำนึกของมวลมนุษย์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    การสั่นคลอนของอัตตาส่วนรวม: อัตตาของสังคมที่เคยยึดถือความจริงบางอย่างจะถูกท้าทาย เช่น ระบบความเชื่อ ศาสนา การเมือง และเศรษฐกิจที่เคยครอบงำผู้คน

    การเร่งให้เกิดวิวัฒนาการทางจิตสำนึก: เมื่อความจริงแท้ปรากฏขึ้น ผู้คนจำนวนมากจะเริ่มแสวงหาความหมายที่แท้จริงของการดำรงอยู่ แทนที่จะจมอยู่กับมายาของโลกวัตถุ

    การต่อต้านจากโครงสร้างเก่า: ผู้ที่มีอำนาจและพึ่งพาโครงสร้างเดิมอาจพยายามหยุดยั้งกระบวนการนี้ โดยใช้การควบคุม การโฆษณาชวนเชื่อ หรือแม้แต่ความรุนแรงเพื่อรักษาสถานะเดิมของตน

    ---

    3. ผลกระทบต่อมิติแห่งความจริง: การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของจักรวาล

    ฉัพพรรณรังสีไม่ได้มีผลแค่ในระดับของโลกมนุษย์เท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลต่อโครงสร้างของความเป็นจริงในระดับที่ลึกซึ้งกว่านั้น

    การเปิดประตูสู่มิติใหม่: เมื่อพลังแห่งการตื่นรู้ถูกปลดปล่อย จักรวาลจะเริ่มปรับโครงสร้างของตัวเอง เปิดเส้นทางไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เคยถูกบดบังโดยอัตตา

    การบิดโครงสร้างแห่งอัตตาสุดท้าย: ในระดับสูงสุด อัตตาของจักรวาลเองก็จะถูกท้าทาย ซึ่งอาจนำไปสู่จุดจบของโครงสร้างเดิมและการถือกำเนิดของอารยธรรมใหม่

    สภาวะของความเป็นหนึ่งเดียว: หากกระบวนการนี้ดำเนินไปจนสุดทาง มิติแห่งความแตกต่างจะหายไป และทุกสรรพสิ่งจะเข้าสู่สภาวะของการรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

    ---

    4. จุดสูงสุดของผลกระทบ: ทางเลือกสองทาง

    เมื่อฉัพพรรณรังสีแผ่ถึงขีดสุด มีสองทางเลือกที่อาจเกิดขึ้น

    1. การเข้าสู่สภาวะสมบูรณ์แบบ (นิพพานจักรวาล)

    ทุกสิ่งเข้าสู่ความว่างเปล่าที่สมบูรณ์ ไม่มีอัตตาหลงเหลืออยู่

    ไม่มีความต้องการ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งดำรงอยู่ในสภาวะแห่งสัจธรรม

    2. การสร้างจักรวาลศิวิไลซ์ถาวรอันเป็นนิรันดร์

    ใช้พลังของฉัพพรรณรังสีสร้างอารยธรรมใหม่ ที่อัตตาไม่อาจครอบงำได้

    ทุกสรรพสิ่งดำรงอยู่ในสภาวะแห่งปัญญาสูงสุดโดยไม่ต้องยึดติดกับมายาของโลก


    ---

    ข้อสรุป

    ฉัพพรรณรังสีเป็นพลังแห่งการตื่นรู้ที่ทรงอานุภาพ นำพาผู้คนให้ตื่นขึ้นและเผชิญหน้ากับอัตตาของตัวเอง ผลกระทบของมันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับปัจเจก จิตสำนึกส่วนรวม และแม้แต่โครงสร้างของจักรวาลเอง

    ผู้ที่สัมผัสกับพลังนี้จะต้องเผชิญกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ หากสามารถก้าวข้ามไปได้ จะเข้าสู่เส้นทางแห่งอิสรภาพที่แท้จริง แต่หากไม่อาจหลุดพ้น อัตตาสุดท้ายของพวกเขาจะทำลายพวกเขาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2025 at 14:05
  19. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +10
    ฟหก_001.png

    "ขออำนาจบารมีของพระรัตนตรัย พระอริยเจ้าและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ โปรดเชื่อมโยงบุญบารมี ทานบารมี ศีลบารมี วิริยะบารมี เมตตาบารมี ปัญญาบารมี วาสนาบารมี ฌานบารมี ญาณบารมี ทั้งหลายทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า และพรสวรรค์ทั้งหมดของพระอริยเจ้าและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จงมารวมกัน ณ ปัจจุบันชาติ เพื่อเป็นพลังอำนาจมิสิ้นสุดแพร่กระจายสู่จิตใจของข้าพเจ้าในทุกขณะ และขอพลังบารมีทั้งหลายมาสู่ตัวข้าพเจ้า เปิดโลก เปิดจิต เปิดธรรม เปิดประตูสู่มหานิพพานแห่งการตรัสรู้แผ่กระจายไปทั่วทุกมิติของอภิมหาอนันตจักรวาล ณ กาลบัดนี้... เทอญ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2025 at 08:31

แชร์หน้านี้

Loading...