ระหว่าง ภวังค์ กับ เฉยๆ ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Mdef, 7 ตุลาคม 2018.

  1. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    คำถามครับ

    1. ภวังค์กับเฉยๆนี้แตกต่างกันอย่างไรครับ ?

    2. ภวังค์นี้มีแบบเดียวหรือมีกี่แบบครับ ?
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    จิต มีธรรมชาติ ส่งออกนอก

    สิ่งที่ เกิดพร้อมจิต ทุกอย่างจึงเป็น ภวังค์ ภวังค์ชั้นสูงคือฌาณ
    ภวังค์ของคนที่ปัญญาล้ำหน้า คือ ความคิดว่าว่างอยู่แล้น!

    ปฏิภาณปัญญา คือ กำหนดรู้เห็น "จิต หรือ วิญญาณ" เป็นของไม่เที่ยง
    เป็นเพียงกองขันธ์ ไม่ใช่ตน ตัวตน เรา เขา เมื่อกำหนดรู้อย่างถูกต้อง
    ด้วย สติ และ สัมปชัญญะ จะไม่เกิดการเคลื่อนของจิต(จิตส่งออก)
    ที่ไปติด ภวังค์ ใดๆ

    ภพจึงดับ

    การพ้นภพจึงปรากฏ

    จิตจะเกิด ปราโมทย์

    มีปิติ

    มีจิตตั้งมั่น

    .............
    .............
     
  3. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    สิ่งที่ เกิดพร้อมจิต ทุกอย่างจึงเป็น ภวังค์

    มโนจิตตสังขาร อันนี้เป็น ภพ อยู่ใน ภวังค์ ประมาณนี้ใหมครับ

    ปฏิภาณปัญญา คือ กำหนดรู้เห็น "จิต หรือ วิญญาณ" เป็นของไม่เที่ยง
    เป็นเพียงกองขันธ์ ไม่ใช่ตน ตัวตน เรา เขา เมื่อกำหนดรู้อย่างถูกต้อง
    ด้วย สติ และ สัมปชัญญะ จะไม่เกิดการเคลื่อนของจิต(จิตส่งออก)
    ที่ไปติด ภวังค์ ใดๆ


    จิตไม่เคลื่อนไปไหน แต่อยู่รู้แบบเฉยๆ เฉยๆนี้จัดอยู่ในภวังค์ใหม ในความเห็นของท่าน

     
  4. หนูน้อย123

    หนูน้อย123 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    สอบถามหน่อยว่า ภพดับแล้ว แล้วขั้นตอนต่อไปอาไรจะดับตามมาหลังภพ
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ต้อง เรียนธรรมะ โดยไม่ตีความ

    หาก ยังเรียนไป ตีความไป ....จิต มันก็ส่งออก

    พอจิตส่งออก พอพูดแนะนำว่า "เห็นจิตไม่เที่ยง" ก็เลยไม่ใช่ การเห็นแจ้ง
    การประจักษ์ตามจริง กลายเป็น ด้นเด้าคาดเดา ปัญญาล้ำหน้า

    หากเห็น จิตไม่เที่ยง ตรงตามความเป็นจริง จะไม่ถามเลยว่า
    ยังเป็น ภวังค์ อยู่หรือเปล่าวะ iหนาสันติ ยันเปรี้ยง คนที่
    แนะนำให้กำหนดรู้ ธรรม

    แล้วก็ไป หาผ้าขาว มาคอยเช็ดแก้ว
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ถ้าเห็น ภพดับ

    ก็ ตามเห็น ภพดับ อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่า สติจะบริบูรณ์
    สัญญาหมายไม่เกิด(เติมคำบริกรรมใดๆ ไม่ได้อีก)

    จะ ทราบชัด ภพดับ ตรงตามจริง จิตไม่เคลื่อน

    สัมปชัญยะ สมบูรณ์ รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ จมหายไปใน ภวังค์ ฌาณ แฌณ
     
  7. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ฐานะเป็นสิ่งไม่แน่นอน ฐานะเล่าปังเกิด ฐานะหนูน้อยดับไป ฐานะหนูน้อยเกิด ฐานะเล่าปังดับ
    จิตเคลื่อนไปตามฐานะ การตกแต่งฐานะเป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นฐานะที่ไม่แน่ไม่นอน
    เป็นการแต่งตั้งจิต ให้เคลื่อนย้ายไปตามที่แต่งตั้ง บลาๆๆ




    :rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ถ้า ตรึกเอาด้วยความคิด ปัญญาเร็ว ....

    ปัญญาเร็ว จะเป็น รสของโทษะ หรือ มุขขำขัน แกล้งตลก ( ความขัดแย้งทางทิฏฐิ )

    พอ ตรึกเอาด้วย ปัญญาเร็ว เน้นมุขขำขัน

    ให้สังเกต ลงไปว่า ........

    หลักกรรม มันหาย

    จะเข้าใจว่า ผลของการกรรม มีที่เกิดขึ้นลอยๆ โดยไม่เจตนา

    พอให้เจตนา ก็จะหาว่าผิด

    พอไม่ให้เจตนา ก็ แล่นไปมุขขำขัน

    หลัก กรรมมันหาย เวทนาในการก่อนๆ ผลของกุศลในการก่อนๆ
    ให้ผล ไม่ปรากฏ คนเราไปทำงาน เดินลอยๆ ไป ไม่มี เวทนาใน
    การทำงาน พาขาเดินไปทำตามหน้าที่ ....

    การทำงานตามหน้าที่ เลยไม่เคยเห็น ผลกรรม ให้ผล

    เข้าใจไปว่า กรรมตามหน้าที่ ต้อง เจตนา จงใจ ทยานอยาก จึงจะ
    เป็นผู้เป็นคน

    ภพดับ โดยที่ อายตนะก็ยังมีอยู่ ไม่เคยเห็น

    คิดว่า นิพพาน เป็นของ มะโรงมะเส็งเคเร็ง ต้องมี แก้ว มาประดับ ถึงจะใช่
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เฉย ๆ มี 2 อย่าง คือ "เฉยรู้ VS เฉยเหม่อ"
    +++ เฉยรู้ เป็น "อุเบกขาสัมโพชฌงค์ (สติครองฌาน 4)"
    +++ เฉยเหม่อ หากปล่อยให้มันพัฒนาไปเรื่อย ๆ จะไปตก "อสัญญีภูมิ"

    +++ เฉย จัดเป็น สภาวะธรรมฝ่าย "นาม" (นามะ/รูปัง จัดเป็น ธรรมานุปัสสนา)
    +++ ภวังค์ เป็นสภาวะธรรมฝ่าย "รูป" (นามะ/รูปัง จัดเป็น จิตตานุปัสสนา)

    +++ คำตอบ คือ ภวังค์เป็นรูป ส่วน เฉยเป็นนาม (นามะรูปัง)
    +++ จะมีกี่แบบก็ตาม "ขึ้นกับบุคคลที่ บัญญัติศัพท์ ขึ้นมาอธิบาย ในขั้นตอนของมัน"

    +++ เช่น การเพ่งรูป "เป็นภาพนิ่ง 2 มิติ" (รูปเบื้องต้น) ณ ขณะเพ่ง จิตจะจ่อกับสิ่งเดียว จะได้ "นาม ธรรมารมณ์ เดียว"
    +++ การเพ่งรูป "เป็นภาพนิ่ง 3 มิติ" (รูปเบื้องกลาง) ณ ขณะเพ่ง จิตจะจ่อกับสิ่งเดียว จะได้ "สุข มากกว่า 2 มิติ" อาจมี ออร่า (เรืองแสง) ปรากฏได้
    +++ การเพ่งรูป "จนเป็นภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ" (moving picture ภวังค์จรณะ) ณ ขณะที่เกิด อาการเพ่ง จะหายไป
    +++ กลายเป็น "ความกลมกลืน กับ ภวังค์จรณะนั้น ๆ" ณ ขณะที่จิต "อยู่ ใน moving picture" ธรรมารมณ์ จะเป็น "เฉย ๆ อุเบกขา"
    +++ เป็นอาการ "มีสติ รู้เฉพาะ กับภวังค์จรณะ" บ้างก็เหมาเอาว่าเป็นการ "ถอดจิตถอดกาย ด้วย ฌาน 4" แต่ความจริง ยังไม่ใช่

    +++ อาการ "ถอดจิตถอดกาย" ที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นอาการ "ความเป็นตน ถอดออกมาจาก ความเป็นตัว (ถอดดาบออกจากฝัก)" เท่านั้น

    +++ อาการที่ ฝึกผ่านมาทาง "ภวังค์" นี้ เป็นที่ "นิยมกันแพร่หลาย" เพราะ "ส่วนใหญ่ จะเข้าใจว่า ตนมีฤทธิ์ (ริด)"
    +++ แล้ว เอาอาการของ "ภวังค์ (รูป)" มายำมั่วปนกับ "ฌาน (นาม)" โดยอธิบายแต่เพียง "ฝั่งเดียว" เท่านั้น

    +++ การฝึกแบบ "เพ่งพระ/กสิณ 10 รวมทั้งอื่น ๆ" เป็นอุบายที่ดี หากสามารถทำให้ "จิตจ่อกับสิ่งเดียวได้" ก็จะได้ "ธรรมารมณ์เดียว (ฌาน)"
    +++ เพียงแต่การฝึก ทุกชนิด "หากผู้สอน" ไม่เน้นย้ำให้ "ตั้งสติ ผ่าน อุบายนั้น ๆ มา" อุบายนั้น ๆ ก็จะเข้า "ครอบงำ ผู้ที่มาฝึกฝนได้"
    +++ กลายเป็นการ "ตกอยู่ภายใต้อุบาย ที่ผู้สอนตั้งขึ้น โดยผู้สอนอาจไม่มีโอกาสแก้อุบายให้ได้" ก็กลายเป็นเรื่อง "คาราคาซัง" กันไป

    +++ เรื่องของ "ฌาน" ต่าง ๆ นั้น หากไม่สามารถทำ "สัมโภชฌงค์ (สติครองฌาน/เหนือฌาน)" ได้ ก็จะโดน "อารมณ์ฌานนั้น ๆ" ครอบงำโดยปริยาย
    +++ จากนั้นก็จะ "ตกลงสู่ ภพ/ภูมิ" ซึ่งมี "ภพเป็นรูป มี ภูมิเป็นนาม" อันตกอยู่ภายใต้ขอบข่ายของ "นามะ/รูปัง" เป็นธรรมดา
    +++ จากนั้น "อัตตา/จุติจิต" ก็จะ Teleportation ลงไปใน "นามะรูปัง" ตาม ยถากรรมของ "อาสัญญกรรม" ที่ให้ผลก่อน ณ ปัจจุบัณขณะแห่ง การอาสัญ

    +++ เรื่องของ "ภวังค์ กับ เฉย ๆ" ก็เอาไว้แค่นี้ก่อน ก็พอได้เป็น "กระสายยา" ได้ประโยชน์บ้างพอสมควรต่อผู้ถาม นะครับ
     
  10. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869

    +++ เฉย จัดเป็น สภาวะธรรมฝ่าย "นาม" (นามะ/รูปัง จัดเป็น ธรรมานุปัสสนา)
    +++ ภวังค์ เป็นสภาวะธรรมฝ่าย "รูป" (นามะ/รูปัง จัดเป็น จิตตานุปัสสนา)


    ฝ้ายรูปนี้ จิตตสังขาร จิตตานุปัสสนา กายานุปัสสนา
    ฝ่ายนาม สัญญาอารมณ์ ธรรมานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา

    ภวังค์ จิตตสังขาร
    ฌาน สัญญาอารมณ์

    ในส่วนที่ผมกล่าวมานี้ผมพอจะเข้าใจถูกทางใหมครับ ?

    คำว่าธรรมะรวมตัวกันเป็นเนื้อเดียวคือมีสัญญาอารมณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันหมดแบบนี้ป่าวครับ ?

    ส่วนอสัญญีภูมิ มีสัญญาอยู่แบบไม่รับรู้อารมณ์ เป็นการมีที่เหมือนเหม่อ แบบนี้ป่าวครับ ?
    อสัญญีภูมิ เป็นแบบนี้ แล้วมาเกิดใหม่ได้ยังไงครับในเมื่อมีแต่สัญญาเหม่อๆ ?

    คำกล่าวที่ว่าใช้เรือแพรข้ามฟากไปหาฝั่งแล้วก็ทิ้งเรือแพร
    เรื่อแพรในที่นี้ นี่หมายถึง สัญญาอารมณ์ รึเปล่าครับ ?

    กรรมฐานนิพพานเป็นอารมณ์ นี้คือ สติที่ไม่ถูกสัญญาอารมณ์ครอบงำ
    สติเป็นดาบ สัญญาอารมณ์เป็นฝักดาบ ประมาณนี้ป่าวครับ ?

    +++ เรื่องของ "ภวังค์ กับ เฉย ๆ" ก็เอาไว้แค่นี้ก่อน ก็พอได้เป็น "กระสายยา" ได้ประโยชน์บ้างพอสมควรต่อผู้ถาม นะครับ

    ได้ประโยชน์ขึ้นเยอะครับ แต่ผมก็มีอาการของขาดเหมือนคนขาดยาเป็นช่วงๆ
    ก็แล้วแต่อาจารย์ธรรมชาติจะกรุณาครับ
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "ใช่" ใช้อีกภาษาหนึ่งก็ได้ คือ "จิต+พลังจิต (รูป+นาม)" นั่นแหละ

    +++ เกือบถูก แต่ตรง ฌาน สำหรับนักปฏิบัตินั้น จัดเป็น "ปัจจุบัณ ธรรมารมณ์" ไม่ใช่สัญญา แบบนักทฤษฏี
    +++ คำถามนี้ ถ้าพิมพ์ไม่ผิด และภาษาที่สื่อออกมาตรงตามอาการ คำว่า "ธรรมะรวมตัวกันเป็นเนื้อเดียว"
    +++ ตรงนี้ จะชี้ไปที่ "มรรคสมังคี" ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับบริเวณที่โพสท์ในขณะนี้ ให้ค้นใน กูเกิ้ล เอานะ

    +++ แต่ใน "เนื้อหา" ที่กล่าวโดยรวมในกระทู้นี้ น่าจะเป็น "ธัมมารมณ์ เป็นเอก เนื้อเดียว" มากกว่า
    +++ ซึ่งจะชี้ไปที่ "เอกัคตารมณ์" อันเป็น "ธัมมารมณ์ เด่นเฉพาะ ในกลุ่มธัมมารมณ์ทั้งหมด" ซึ่งเป็นเรื่องของ ฌาน
    +++ ป่าว
    +++ อสัญญีภูมิ "ไม่มีสัญญา (อสัญญา)" รับรู้ใน "อารมณ์เดียว"
    +++ มีอาการ "สุข+ฉ่ำเย็น+อุเบกขา" แต่ "ไร้สติโดยสิ้นเชิง"
    +++ ท่านที่ รู้จัก จะเรียกภูมินี้ว่า "โลกียะนิพพาน"

    +++ ภูมินี้มีอาการ "ละวาง/ปล่อยวาง สัพสิ่ง" ไม่สนใจอะไรเลย "เสพอยู่กับ ความเฉยฉ่ำเย็นสบาย ๆ อย่างเดียว" (เหมือนนิพพานตามตำรา)
    +++ ภูมินี้มีอาการ "ดับเย็น/เป็นสุข" ไม่รับรู้อะไรเลย "ไม่รับรู้แม้กระทั่ง รูป/สัญญา/สังขาร ตัว/ตน ทั้งหมด" (เหมือนนิพพานตามตำรา)
    +++ ภูมินี้มีอาการ "ซึม/แช่/อยู่ ในธัมมารมณ์เดียว" ปฏิเสธการรับรู้ทั้งหมด "มีบางคนในเวปนี้ เชื่อว่า เป็นนิพพาน" (เหมือนนิพพานตามตำรา)

    +++ ภูมินี้มีอาการ "เป็นธัมมารมณ์เดียว" ไม่รับรู้อะไรเลย "เหตุเพราะ ธัมมารมณ์ครอบงำจนมิด ไร้สติมิดด้าม" (ผู้ไม่รู้ ผู้หลับไหล ผู้ห่อเหี่ยว)
    +++ อาการเหม่อ เป็น ธัมมารมณ์ ไม่ใช่ สัญญา

    +++ ธัมมารมณ์ มีการแปรปรวนได้ ฌาน มีเสื่อมได้ นั่นแหละ เมื่อ "ธัมมารมณ์ เปลี่ยนไป"
    +++ ไม่ว่า กาลเวลาจะช้านานเท่าไร "ภพภูมิ ก็ย่อมเปลี่ยนตาม การเกิดใหม่ย่อมมีขึ้น นั่นแล..."
    +++ "เรือแพร" มันน่าจะแพงเกินไปนะ แต่ถ้าเป็น "เรือแพ" มันถูกกว่ากันแยะ ไม่น่าเสียดายเท่าไร
    +++ "เรือแพ" คือ "ขันธ์ 5" และ ขันธ์ 5 คือ "อัตตาจิต/ตัวดู/หลุมดำ/วิญญาณขันธ์"
    +++ หลุดพ้นจาก "ตัวดู/ตัวกู" ก็นั่นแหละ "ทิ้งเรือแพ"
    +++ ให้ระวัง "ความเข้าใจไว้ด้วย" มันก็ "อยู่ในเรือแพ" ด้วยกัน
    +++ กรรม-ฐาน หมายถึง "กรรมอยู่ส่วนกรรม และ ฐานอยู่ส่วนฐาน" เป็น วิปัสสนาญาณทัศนะ (วิมุติญาณทัศนะ)
    +++ กัมมัฏฐาน หมายถึง "ให้อยู่แต่ในส่วนของ ฐาน ไม่ให้อยู่ในส่วนของ กรรม" เป็น สมถะฌานสมาบัติ (นิโรธสมาบัติ)

    +++ นิพพานเป็นอารมณ์ ชี้ถึง "เอานิพพาน เป็น เครื่องอยู่" แบบเดียวกับ "อยู่กับรู้ (หลวงปู่ดูลย์)"
    +++ ให้เข้าใจ "เนื้อหา" ที่แต่ละครูบาอาจารย์ ที่ใช้ "รูปแบบ" ของภาษา มาด้วย

    +++ ให้แยก สัญญา (รูป) ออกจาก อารมณ์ (นาม) ด้วย
    +++ แบบเดียวกับ กสิณ (รูป) แยกจาก อารมณ์กสิณ (นาม) แบบเดียวกัน

    +++ นิพพานในขณะ ครองขันธ์ คือ สติที่ไม่ถูกสัญญาอารมณ์ครอบงำ ถูกแล้ว
    +++ นิพพานในขณะ วางขันธ์ คือ สติที่ "ทิ้งเรือแพ รวมทั้งอุปกรณ์ ทั้งหมด"
    +++ ป่าว...
    +++ เอากันจริง ๆ แล้ว "สติ เป็น จิตบริสุทธิ์"
    +++ ส่วน "สัญญา (รูป) +อารมณ์ (นาม)" คือสิ่งปิดบังจิต (กิเลส)

    +++ ก็พยายาม "กินยา (ปฏิบัติ)" ให้มากกว่าการ "อ่านฉลากยา (ปริยัติ)" มันจะได้หายจาก อาการขาดยา (ปฏิเวธ) นะครับ
    +++ การ อ่าน/เข้าใจถูก นี้ เป็นเพียงแค่ "ปริยัติ" เท่านั้น แต่ถ้า อ่าน/เข้าใจผิด เมื่อไร มันก็เป็น"ปริยัติงูพิษ" ทันที ต้องระวัง นะครับ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ภวังค์ ยกตัวอย่างง่ายๆ
    เปรียบ เหมือนเครื่องโทรศัพท์
    ที่มันแฮงค์นั่นหละ
    คือตัวฮาร์ดแวร์ไม่ทำงานชั่วคราว
    มันเลยส่งผลให้พวกโปรแกรมหรือ
    เเอพพิเคชั่นต่างๆ
    มันไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว
    โทรศัพท์มันก็เลยเหมือน
    วัสดุอย่างหนึ่งที่ประกอบขึ้นมา
    ประมานนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก

    มันเป็นกิริยาประเภทซื่อบื่อ
    ชนิดหนึ่งของจิตที่เกิดได้
    ปกติทั่วไป

    ส่วนเฉยๆ คล้ายๆฮาร์ทแวร์
    ทำงานได้อยู่
    แต่ว่าหน้าเวบมันเปิดมาอยู่
    ในหน้าโฮมเพจ ที่มันโชว์เลย
    ปกติตามแต่การออกแบบของ
    โฮมเพจนั้นๆ แต่เราแค่เหมือนดูไป
    แต่ยังไม่ได้กดเข้าไปดู ตามรายการ
    หรือเมนูย่อย ของหน้าโฮมเพจนั้นๆ
    เพราะยังไม่มีอะไรที่จะทำให้เรา
    สนใจที่จะกดเข้าไปดูเมนูย่อยนั่นเอง



     

แชร์หน้านี้

Loading...