เรื่องเด่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ กล่าวถึง พระคาถา กาสลัก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย montrik, 21 กันยายน 2021.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    โดย
    ทองแถม นาถจำนง
    (สยามรัฐ ออนไลน์ 4 ม.ค. 2561)

    เทศกาลปีใหม่ขอแนะนำ “คาถา” ดีสักบทหนึ่งครับ

    “คาถา”นี้ ชื่อว่า “คาถากาสลัก”

    เป็นคาถา ที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมกลวงวชิรญาณวงศ์ ถ่ายทอดให้ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ไว้ คาถานั้นเรียกกันว่า “คาถากาสลัก” เนื้อความว่า “จะ ภะ กะ สะ”
    %B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C.jpg

    คาถานี้วิเศษอย่างไร ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเล่าไว้ว่า

    “คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมก็นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ออกขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะขอบันทึกไว้

    ครั้งหนึ่งสมเด็จประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผมก็ไปเยี่ยมประชวรตามที่เคยมา คอนที่เยี่ยมประชวรนั้นเป็นเวลากลางวัน ผู้คนไม่มี มีแต่พระที่ไปคอยปฏิบัติสมเด็จเดินเข้าเดินออกอยู่องค์หนึ่งหรือสององค์

    สมเด็จท่านชรามากแล้ว ผมนั่งมองท่าน ก็นึกอย่างคนใจบาปว่า ท่านอาจอยู่ได้อีกไม่นาน ใจก็นึกอยากได้อะไรของท่านติดตัวไว้เป็นศิริมงคลตลอดชีวิต ขณะนั้นได้รับประทานพระกริ่งของท่านและเหรียญพระรูปไว้แล้วแต่ก็อยากได้อะไรต่อไปอีกด้วยความโลภซึ่งมีอยู่ในสันดาน แต่จะขออะไรก็คิดไม่ออก เพราะสมเด็จท่านไม่มีจะให้ แม้แต่พระกริ่งและเหรียญพระรูปที่เคยแจกกันนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาของบรรดาศิษย์ของท่านทำขึ้น สมเด็จท่านก็ไม่ได้สนพระทัยเท่าใดนัก
    B8%A4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A.jpg
    นึกอะไรไม่ออกก็เลยลองขอคาถาท่านดู เพื่อจะได้ท่องจำไว้ป้องกันตัว ผมทูลท่านว่า
    สมเด็จ มีคาถาอะไรจะแจกกันบ้างไหม ?”
    “เฮ่ย” สมเด็จรับสั่งตามธรรมดาของท่าน เหมือนทุกครั้งที่ผมทูลอะไรกับท่าน ท่านจะรับสั่ง “เฮ่ย” ก่อนทุกที
    แล้วท่านก็นิ่งอยู่นาน ในที่สุดท่านก็ถามว่า
    “เองจะเอาคาถาไปทำไม”
    “เอาไว้คุ้มกันตัว ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ตกน้ำไม่ตาย ไฟไหม้ไม่ติด” ผมตอบไปตามเรื่อง
    สมเด็จท่านหัวเราะแล้วบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นเองไปหัดวิ่งให้เร็ว ๆ ดีกว่า จะได้วิ่งหนีเขาทัน จะได้หลบเขาได้”
    “สมเด็จก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ” ผมพ้อ “ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวก็เห็นสมเด็จบวชเป็นพระ จะขอถาถาสักบท กลับบอกให้ไปหัดวิ่งเสียนี่”
    “เองอยากได้คาถาจริง ๆ หรือ ?” สมเด็จถาม
    “ก็อยากได้คาถาจริง ๆ น่ะซี ไม่งั้นจะขอทำไม”
    “จะ ภะ กะ สะ” สมเด็จรับสั่ง “ท่องจำไว้ให้ได้ ตื่นนอนขึ้นมาก็ว่าคาถานี้สามจบ ก่อนนอนสวดมนต์แล้ว.....เองสวดมนต์ก่อนนอนหรือเปล่า ?”
    “สวด” ผมตอบ
    สวดอะไร ?”
    “สวดนโมสามจบ” ผมว่า
    “เออ ก็ยังดี ต่อไปเองสวดนโมแล้วก็ว่าคาถานี้อีกสามครั้ง ทำทุกวันอย่าให้ขาด และจะไม่มีใครทำอะไรเอง เองจะอยู่เป็นสุขไปจนตาย”
    “กะ จะ สะ ภะ” ผมเริ่มท่อง

    “เฮ้ย ไม่ใช่” สมเด็จทัก “จะภะกะสะ จะภะกะสะ จะภะกะสะ ท่องไปจนจำได้”

    ผมก็นั่งท่องอยู่หน้าเตียงไข้สมเด็จจนจำได้ แล้วก้ถามท่านว่า
    “มีอะไรต่ออีกไหม ?”
    “เท่านั้นแหละว่ะ” สมเด็จท่านว่า
    “คาถาอะไรกัน มีแค่สี่พยางค์” ผมถาม
    “ท่านเรียกว่า คาถากาสลักว่ะ กันได้มาจากหลวงตาบ้านนอกองค์หนึ่ง ท่านแก่พรรษากว่ากันมาก ป่านนี้ท่านคงตายไปแล้ว”
    “คาถากาสลัก” ผมรำพึง “แปลว่าอะไร ?”
    “กันก็ไม่รู้เหมือนกัน” สมเด็จตอบหน้าตาเฉย
    “แล้วกัน !” ผมร้อง “แล้วดียังไง ?”
    “ดีมาก” สมเด็จรับสั่ง “ท่องให้จำได้ แล้วท่องเสมอ ๆ ทั้งเช้าเย็นกลางวันและก่อนนอน เพื่อเตือนใจตัวเองให้เป็นคนดี เป็นคนดีเสียอย่างแล้วจะไม่มีใครเขาคิดฆ่าคิดฟัน ไม่ต้องวิ่งหนี ไม่ต้องหลบหรอก คนที่ต้องหลบต้องหนีนั้นมีแต่คนชั่วเท่านั้น ถ้าเราดีแล้วสู้หน้าคนได้เสมอ”

    “จะภะกะสะ จะภะกะสะ ท่องได้แล้วดียังไง”
    “เองเอากระดาษมาจดไว้ จะ ภะ กะ สะ นั้นเป็นอักษรแรกของคาถาแต่ละวรรค ใครปฏิบัติตามได้ทุกวรรคก็เป็นคนดี ปลอดภัยไปชั่วชีวิต คาถาเต็มท่านว่าอย่างนี้ จดไว้ให้ดี”

    ผมก็เริ่มจดตามที่ท่านบอก ตัวคาถาเต็มนั้นมีสี่คาถา ดังต่อไปนี้

    “จช ทุชฺชนสํสคฺคํ
    ภช ปณฺฑิตเสวนํ
    กร ปุญญมโหรตฺตํ
    สร นิจฺจมนิจฺจตํ”

    จะ ภะ กะ สะ จะภะกะสะ จะภะกะสะ แล้วสมเด็จท่านก็แปลพระบาลีให้ผมฟังทีละวรรค เป็นภาษาไทยตามแบบของท่านว่า

    “อย่าไปคบคนชั่วคนโง่ คบแต่คนดีที่เขามีปัญญา ทำบุญอย่าเว้นทั้งกลางวันกลางคืน และระลึกถึงความไม่เที่ยงเป็นนิจ”

    ท่านอธิบายต่อว่า การคบคนชั่วคนโง่นั้นเป็นเหตุชักนำให้เราทำชั่วทำบาปทำกรรมได้ง่ายและได้มาก เมื่อไม่คบคนชั่วและคนโง่ คบแต่บัณฑิตย์คือคนดีคนฉลาด การกระทำของเราก็จะมีแต่บุญกุศล กุศลแปลว่ากิจของคนฉลาด คบคนฉลาดเขาจะชักนำให้กิจของคนฉลาดคือกุศลอยู่เสมอ

    คนเราจะละความชั่วมาทำความดีได้ก็เพราะความไม่ประมาท และเราจะมีความไม่ประมาทได้ก็เพราะมีสติอยู่ในความไม่เที่ยงของสังขาร ต้องนึกถึงตัวอยู่เสมอว่า เราเกิดมาแล้วจะมีแต่ความแก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา (เชื้อมะเร็งที่ทำให้คนเจ็บคนตายได้นั้น มันเกิดขึ้นในตัวเราพร้อมกับเราเกิด ส่วนเราจะเป้นมะเร็งหรือไม่อยู่ที่บุญที่กรรมเท่านั้น) นอกจากนั้นเราจะรักอะไรชอบอะไรก็จะรักษาไว้ให้อยู่กับตัวตลอดไปไม่ได้ เพราะเราไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง จะมีเป็นของตนที่ติดตามตัวไปทุกเมื่อก็คือกรรมดีกรรมชั่วเท่านั้น ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้ชั่ว

    ความจริงสมเด็จท่านยังทรงอธิบายยืดยาวกว่านี้มาก แต่ผมจำมาได้แค่นี้ ส่วนเรื่องเชื้อมะเร็งที่เกิดมากับตัวนั้น ผมมาเติมเข้าเอง ไม่ใช่ของท่าน


    รับสั่งเสร็จท่านก็หาวลึกมาก ผมก็รู้แกวว่าท่านง่วง จึงลงกราบแล้วทูลลาออกมา

    ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ท่องคาถากาสลักเรื่อยมา จะภะกะสะ จะภะกะสะ จะภะกะสะ

    จนอายุปูนนี้แล้วก็ยังไม่เคยหัวแตกหรือเป็นไข้โป้งสักที

    ผมเองก็แก่เต็มทีแล้ว จึงขอบอกคาถานี้ไว้ให้จำกันต่อ ๆ มารับรองชีวิตจะมีสุขเฮฮาเหมือนของผมนี่แหละครับ”
    ( จาก “ซอยสวนหลู” รวมอยู่ในหนังสือ “ปีนี้ไม่มีอะไรใหม่”)

    https://siamrath.co.th/n/28916

    upload_2021-9-21_10-4-36.jpeg
     
  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075

แชร์หน้านี้

Loading...