เรื่องเด่น มโนมยิทธิ : สงสัยในเรื่อง อุปทาน ~ จิตใต้สำนึก - ถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีฯ

☆☆☆☆☆
มโนมยิทธิ : สงสัยในเรื่อง อุปทาน ~ จิตใต้สำนึก
☆☆☆☆☆

ไอ้ตัวสงสัยมันมีอยู่ ๒ อย่าง ถ้าเราฝึกด้านทิพจักขุญาณและมโนมยิทธิ บางทีเราคิดว่า

○ บางทีก็มีท่านผู้มาถามว่าไอ้สิ่งที่ปรากฏขึ้น มันเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกหรือ

▪มาถามแบบนี้เราตกใจเลย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน จิตใต้สำนึกนี่ไม่รู้ว่ามาจากไหน รู้จักไหมอาจารย์ยกทรง

◇◇◇ คือจิตเราจริง ๆไม่อยู่ใต้สำนึกหรือไม่อยู่เหนือสำนึก อยู่ตรงสำนึกพอดี ใช่ไหม จิตมีสภาพคิด มันจะไปนั่งคิดอยู่ใต้ตัวนึกมันก็ไม่ได้

มันไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่ ใช่ไหมโยม ถูกไหม จิตที่มีสภาพคิด เขาไม่อยู่ใต้สำนึกหรือเหนือสำนึก อยู่ตรงสำนึกพอดี ถ้าอะไรที่จะคิดมานั้นเป็นเรื่องภาวะของจิต ◇◇◇

ทีนี้วิธีการฝึกทิพจักขุญาณ

▪ถ้าสิ่งที่ปรากฏกับจิต ไม่ใช่จิตใต้สำนึก แล้วก็ไม่ใช่จิตเหนือสำนึก และก็จงคิดว่าภาพนั้นหรือสิ่งนั้นเราคิดไว้ก่อนหรือเปล่า

○ ถ้าเราวาดภาพไว้ก่อนอันนี้อาจจะเป็นอุปาทาน ไม่เรียกว่าใต้สำนึกหรือเหนือสำนึก แต่ว่าสิ่งที่เราเคยได้ยินหรือได้ฟังมา พวกเทวดานี่ ขาเป๋บ้าง มือแปบ้าง

ถ้าบังเอิญไปเห็นแบบนั้นเข้า อย่านึกว่าใต้สำนึกหรือเหนือสำนึกหรืออุปาทาน ก็ยังไม่แน่ก็ฟังมาอย่างนั้น เป๋ๆแปๆ บางทีแกก็มาหลอกเอาเหมือนกันน่ะ

▪แต่สมัยที่อาตมาฝึกใหม่ๆ รู้สึกว่าคล่องตัวพอใช้ได้ในตอนนั้น มีอยู่คราวหนึ่งไปนั่งอยู่ที่หน้าพระจุฬามณีเจดียสถานในช่วงระหว่างกลางบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์

▪ไปนั่งดูเทวดากับพรหม ท่านเดินเข้าไปนมัสการพระจุฬามณี เห็นแต่งตัวสวยสดงดงาม ก็ดูว่าเทวดาจะมีกางเกงในไหม อยากจะรู้ว่าเทวดามีกางเกงในหรือเปล่า นั่งมองก็ไม่เห็นกางเกงในเทวดา แถมไม่เห็นข้างในเทวดาเสียด้วยสิ

▪ไอ้เรามันอยากรู้ก็ถาม เอ๊ะ ! ตอนนั้นมันหมุนๆคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขาด้วยสิ ไปดูพรหม พรหมท่านก็มีเนื้อเป็นแก้ว เครื่องทรงสีเหลืองสวยสดงดงามกว่าเทวดา แต่ความจริงเทวดานั้นท่านสวยกว่าคนธรรมดามาก ถ้าเปรียบเทียบให้ฟัง ถ้าให้ท่านเปรียบเทียบให้ดู ท่านเคยคิดท่านบอกว่า

□ เนื้อคนนี้เหมือนกับกระสอบป่าน
□ เนื้อเทวดานั้นเหมือนกับผ้าแพรเนื้อดี
□ ถ้าเนื้อพรหมนี้เป็นแก้ว เป็นแก้วจริงๆ ก็ดูท่านเพลินไป ก็เข้ากันไปเป็นแถว

▪สักประเดี๋ยวเดียวปรากฏฤๅษีโขนมาเป็นแถวเลย ไอ้ฤๅษีโขนนี้ก็คือฤๅษีลิเก มีฟันข้างล่าง ๒ ซี่ ปากก็ขยับไม่ได้ หัวแข็งแบบนั้นเดินมาเป็นแถวหมด เราก็แปลกใจ เอ้า !

▪เจ้าคนนี้มันมาอย่างไรล่ะนี่ ถามว่าฤๅษีอย่างแกขึ้นมาได้อย่างไร ก็เลยตอบว่า ผมเป็นพรหมครับ (หัวเราะ) ฮึ เขาตอบน่ะ

▪ผมเป็นพรหมครับ ถามว่าพรหมทำไมรูปร่างไม่เหมือนเขา บอกว่า เอ้า ! ก็ผมมาจากฤๅษีนี่ ถามว่าสมัยฤๅษีนี่แกมีฟันข้างบน ๒ ซี่ข้างล่าง ๒ ซี่หรือเปล่า บอกไม่ใช่ ก็ถามว่าทำไมถึงมาอย่างนี้ล่ะ

▪ท่านเคยเห็นฤๅษีโขน ฤๅษีลิเกอย่างนี้ ผมก็มาอย่างนี้ซิ นี่ถ้ามีอะไรแปลก ต้องถามกันแบบนี้นะ อย่าปล่อยส่งเดชให้มานั่งคุย แหม ฤๅษีบนพรหมนี่ พวกที่บำเพ็ญจากฤๅษีไปเป็นพรหมนี่ แหม มีฟันด้านละ ๒ ซี่แน่ะ นี่จะไปโกหกชาวบ้านเขาไป

▪ก็เลยถามว่า ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ทำไมรูปร่างเป็นอย่างนี้ บอกเอ้า ! ท่านเคยเป็นอย่างนี้ท่านเคยคิดว่าฤๅษีเป็นอย่างนี้นี่ ก็เลยถามว่าฤๅษีจริงๆในสมัยที่ท่านเป็นน่ะ รูปร่างมันเป็นอย่างไร

▪ก็เปลี่ยนจากภาพนั้นเป็นคนธรรมดา นักพรตที่เรานั่ง ๆ อยู่นี่ ผู้ชายเขาเรียกว่าดาบส ใช่ไหม ผู้หญิงเรียกดาบสสินี ฤๅษีผู้หญิงฤๅษีผู้ชายก็คือคนธรรมดา แล้วต่อไปก็ถามว่า ในภาวะที่ท่านเป็นพรหมท่านเป็นอย่างไร

ก็เป็นพรหมให้ดูก็สวยมาก

◇◇◇ นี่ต้องจำให้ดีนะ ถ้าเราเห็นอาการอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นอุปาทาน แต่ท่านแสดงออกให้เห็น อันนี้ก็ต้องสอบสวนกัน ไม่ใช่เห็นปั๊บก็จับเอามาเลย ◇◇◇

มันผิดปกติ ดีไม่ดีไปเจอะเทวดาเดินขากะเผลก ๆ ๆ นี่แบบนี้ไม่ใช่แล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องถามว่าทำไมถึงขาหัก เทวดาขาหักมีที่ไหน

เขาก็ยังตอบว่าเวลาก่อนที่ข้าจะตายนะหรือฉันจะตายนะ ขาข้างซ้ายฉันเสีย ขาข้างขวาฉันเสีย แสดงออกให้เห็นใช่ไหม

จากหนังสือ :
คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒๗ หน้าที่ ๑๓๑
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)



****************************************************************