มีปัญหากับ อารมณ์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชมทรัพย์, 8 พฤศจิกายน 2019.

  1. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อย่างไรก้อดี ตามประวัติ นัก
    ภาวนาร่วมสมัยทั่เก่งๆ ที่บอก
    ว่าจบ ส่วนใหญ่ยก "ธรรมานุ
    ปัสสนา" ไม่ขึ้น

    จะตกไปข้าง อเนญชา กสินสิบ
    ร้อยละร้อย ทำให้เมืองทอยมีแต่
    ผู้สอนอานาปานสติเปนกสิณ
    ทั้งหมดแบบส่ยบุญสายกรรม
    เปนเผ่า

    ลวกเพ่พินาความต่างด้วย ไม่งั้น
    จะเข้าใจผิดว่า .........................
    ( อย่า ลืม ที้ ปล. นะฮับ )
     
  2. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ปุกาดตะหาคนหายะ

    images?q=tbn%3AANd9GcT2yZoomOGsJmU98n5boBP6V4aOP5bw2PfTe9K1vy2e89yxyW8o.jpg

    ครายพบ นำส่งเขาแดง
    เล็กด้วย ด่วน


     
  3. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    คนที่รูปนามแยกจากกันเป็นปกติแต่ยังมีอารมณ์ไม่เป็นหนึ่งสัญญาอารมณ์สังขารยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจใจจึงแปรเปลี่ยนหมุนเวียนปรุงแต่งเป็นวัฏฏะตามสัญญาอารมณ์


    ต้องใช้กำลังทั้งสติปัญญาทั้งจี้ทั้งแยกสิ่งเหล่านี้ให้ออกจากใจให้ขาดออกจากกันใช่ไหมจึงจะเรียกว่าเจริญสติเจริญปัญญาเจริญวิปัสสนา


    หรือว่ามีข้อปฏิบัติยังไงจึงเป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ


    ขออันเชิญจอมยุทธทั้งหลายเต็มที่ฯ
     
  4. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    น่าจะต้องทิ้งโลกนะคับ สังขารจึงจะไม่เกิด
     
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    แล้วแต่ "__ นาน่วม" ....

    ถ้า จะเอาทาง มะรอด เปนนกขุนทอง
    ก้จะ "กระรอก" ให้ นิดนึง

    ที่บอกว่า ให้ สังเกต ปิติ ก้จะเหน
    มานัส มานี ชูใจ ...ซึ่ง ....

    นกขุนทอง จะร้องว่า ปัญจทวารวิถี
    นั้นอย่างหนึ่ง ส่วน มโนทวารวิถี(จิตอึ๊ก)
    มันก้อีกทางหนึ่ง

    ถ้า ปิติ ปัสสัทธิ นิรามิส ก้ ไม่ต้อง
    มี พระวงษ์วังหลังกรรมฐาน

    แต่ถ้า ปิติ มานัส มานี มโนยุกยิก
    ก้ เตรียมผ้าขาวไว้คอยเช็ดเครื่อง
    แก้ว

    ถ้า ปิติ ไม่มีเลย หลวงพ่อพุธเตือน
    ว่า "ผิดจุดนัดพบ" บัณฑิต ผลิก
    เปน bandit ไปแล้ว ก้อโปเตโต้
    กันไป......

    หลวงพ่อราชรี บอก ผ้าเหลือง
    ค้างรออยู่บนคานเหนือกระทะ
    จนแอ่น.....พุทโธ ตุ๊ก หาย
     
  6. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เปน ฆราวาส จะเสียเปรียบ
    ตรง "สัจจบารมี" เนขขัมบารมี
    อธิษฐานบารมี

    ให้ ทราบชัดไปตาม นาน่วม
    ตรงๆ อย่าไปเน้น "ปะผุ" เว้น
    แต่เจอ ประธาน กมธ เขิญตัว
    ไม่เลิก ต้องตบแต่งบุญบารมี
    บ้างจะไม่ทำไม่ได้....ซึ่ง ....
    ต้องหาอุบายในการ หยิบยืม
    บารมี เอาที่สดชื่น

    ไม่หยิบยืมเลย....ฆราวาส
    ตราหน้าอยู่ กรรมตราหน้า
    อยู่ ป้อแป้ๆ ทุกวินาที

    ถ้าจะไม่ยืม ก้ อนุปุพิกถา
    จะรักธรรม ชอบธรรม สีล
    ทาน ปัจจัตตังของตน เด่นๆ
    อะมีไหม
     
  7. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ......

    เยอะ.....

    ขอร้องเพลง สุนิสา ละนะ

    เยอะไป ต้องขอยืม รถเฟรช
    ฟรินทสะโตน......เว้นแต่....

    มี "ขาดี" มารับไปเปน อันเตวาสิก
    เพื้อ อนันเตวาสิก
     
  8. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ร้อนคับตอนนี้
     
  9. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ยังไม่ตรงตามจริง ตามจริงคือ "วิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่" แล้วแต่ว่าจะอยู่กับ "วิหารธรรมไหน"(สภาวะธรรมที่พ้นจากตนขึ้นเรื่อยๆตามการปฏิบัติที่ทำถึง) สำหรับการภาวนาแบบประคองเป็นสิ่งดีเพราะมันคือการอยู่(แต่อย่าติดจมในสภาวะจนไม่ปฏิบัติต่อ) "ขณะที่สภาวะธรรมเปลี่ยนให้รู้ไว้เลยว่าตกจากวิหาร(หรืออาจจะอยู่แต่กำลังจะตกหรืออาจจะอยู่แต่รับรู้เฉยๆก็ตามแต่)"

    หากตกจากวิหารธรรม ย่อมอยู่ใน "ธรรมฝ่ายยืดยาว"(อารมณ์และความคิดผุดขึ้นมารัวๆ) พระศาสดาจึงจบด้วยวลี เรือนว่าง ไม่อาศัยเย้าเรือน และแถมด้วยวลีว่า "อย่าประมาท" นั่นแลแก้ความเข้าใจที่ผิดให้แล้วนะครับ

    Edit : และนี่คือความอัศจรรย์ของพระพุทธองค์ ที่ใช้ศัพท์ว่า "เรือนว่าง" ซึ่งหมายถึงทั้งให้ออกจากเรือนจริงๆไปเร่งความเพียรไม่ประมาท ไม่จมกับชมหมู่มาก กับ "สภาวะธรรมที่ไม่อาศัยเรือน(ที่เป็นธรรมารมณ์หรือเจตสิก)" ไม่ว่าจะนัยไหนทุกคำพูดของท่านย่อมถูกทั้งหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2019
  10. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    เดาได้ดี

    1.แต่หาโลกเจอหรือยังถึงจะทิ้ง
    2.ถ้าเจอแล้วจะทิ้งยังไง?
     
  11. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ขณะที่เห็นก็ปรุงไม่เห็นก็ปรุงหากไม่มีวิหาร ดั่งอุปมานี้

    "เรือที่อยู่ในมหาสมุทรที่คลื่นแต่ละลูก(ทั้งใส สุข หรือ ทุกข์)ซัดเข้ามา แต่ขณะที่คลื่นซัดย่อมมีน้ำกระเซ็นเข้าเรือบางทีก็เป็นปลา(อาหาร)บางทีก็เป็นหินจึงต้องคอยวิดน้ำออกหรือจะแก้โดยการคุมหางเสือเลือกทิศทางเอาเองหรือหากไม่มีเรืออยู่ย่อมจมลงอยู่ในมหาสมุทรหรือหากจะว่ายด้วยกำลังก็ต้องเอาชีวิตเข้าแลกแต่เมื่อถึงฝั่งจึงลุกจากเรือเข้าสู่ฝั่งและไม่กลับมาอาศัย(ตั้งอยู่)ในเรือและทะเลอีก"

    นั่นแล
     
  12. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    บัณฑิตพึง รู้ธรรม ได้ด้วย อุปมา

    พระศาสดา ทรงใช้ อุปมา ทุกคำ ทุกอักขระ
    เพราะ ธรรมนั้นไม่สามารถ ชี้ตรงๆ ได้

    ดังนั้น

    อุปมา ทุกคำ ทุกอักขระ ของศาสดา เป็น
    คำตรงทั้งหมด

    การกล่าวคำอุปมาของตถาคต มีตรงบ้าง
    มีลับลมคมในบ้าง โอ้โลมไปตามคนสดับ
    ไร้ความเป็น สุญญตา ( ไม่มีใครเป็นเจ้า
    ของธรรมบท นั้นๆ ) ตามเหตุตามปัจจัย

    จัดเป็น การกล่าวตู่ ตถาคต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ไม่จริงบางครั้งท่านใช้บางครั้งท่านไม่ใช้ อย่างที่ผมยกไปตอนท่านเทศนาธรรมจักรแก่ปัจจวัคคีย์ก็มีตามความเป็นจริง ทั้งบอกในศัพท์และอธิบายคำศัพท์ เช่นสมุทัยที่ท่านกล่าวคือ(อธิบาย/แปล) ทะยานอยากเกินควร(เพ่งไปภายนอก)

    ดังนั้นบัณฑิตไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ธรรมด้วยอุปมาบัณฑิตรู้ธรรมตามความเป็นจริง(ในสภาวะที่ตนกำลังเจออยู่) ตังหาก

    ดังนั้นคำกล่าวของคุณเป็นการคิดเอาเอง ย่อมไร้ประโยชน์ที่จะกล่าว

    บัณฑิตไม่เสวนากับผู้ที่ไม่รับฟัง ดังนั้นถัาคุณยังมึนอยู่ก็ลองกินพาราซัก 3-4 เม็ดจะได้หายมึนแล้วมาว่ากันใหม่นะฮับ
     
  14. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    และที่สำคัญนั้นธรรมชี้ตรงๆได้ บางคนได้อ่าน "วิธีทำ" ก็ทำตามได้เลย ก็มีอยู่ บางคนไม่ได้ด้วยเหตุปัจจัย

    เช่นคุณ "เพราะคุณถือทิษฐิแบบนี้ทำให้ภาษาที่ตรงตามอาการและคำตรงคุณจะไม่เข้าใจและทำไม่ได้ตามการมโนของคุณเอง" ยกเว้นสิ่งที่คุณเลือกจะรับเช่นพระไตรปิฎก

    ดังนั้นตะปูตอกฝาโลงคุณแน่นขนาดนี้ควรถอนออกบ้างนะฮับ
     
  15. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    แยกรูปนาม ไม่ใช่ มานั่งแยกด้วยเจตนานะครับ มันเป็นผลงาน ด้านวิปัสนาญาน
    เหนือ เจตนาเข้าไปแทรกแซง จะเกิดก็เกิดจากเหตุใกล้เท่านั้น คือ การเจริญสติ

    ไม่ได้เข้าไปเห็นแล้วค้างเติ่ง ตลอดอะไรแบบนั้นไม่ใช่
    แค่เพียงความเข้าใจ หรือมีปัญญาอ่อนๆเกิดขึ้นที่จิต เป็นเบื้องต้น ไม่มี ตัว ตน บุคคล เรา เขา เข้าไปเป็นเจ้าของ มีแต่ รูป จิต เจต สิก ล้วนๆ

    วิธีการเจริญสติ ก็ง่าย แสนง่าย
    คนฉลาดแบบทางโลก ก็จะฝึกยากหน่อย เรียกว่า โง่มากทางธรรม
    คนโง่ทางโลก ก็จะฝึกง่ายหน่อย เรียกว่าฉลาดมากทางธรรม
    ความโง่ความฉลาด ไม่ได้หมายความว่าเป็นจิตชั่วช้าเลวทราม
    เพียงแต่อุปมาความไวความเนิ่นช้า


    ในมหาสติปัฏฐานสูตร กล่าวไว้ ทำตามได้ง่ายๆ เช่น

    [๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุเมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่าเราเดิน
    เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่าเรายืน เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่าเรานั่ง เมื่อนอนก็รู้ชัดว่าเรานอน หรือ
    เธอตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใดๆ ก็รู้ชัดอาการอย่างนั้นๆ ดังพรรณนามาฉะนี้
     
  16. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    สติปัฏฐานมีกี่บรรพ ทุกบรรพสรุปลงท้ายว่า ?
     
  17. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ไม่ว่าจะกี่บรรพ สรุปแล้วคือสติจะตั้งได้

    เช่นรู้ลมหายใจนั้นอาการจริงๆคือส่วนใหญ่ไปเพ่งลมเพื่อจะรู้สึกถึงลมหายใจ แต่ไม่ได้สติเพราะไม่รู้ถึงรูปและนาม(รู้ว่าลมนั้นมีสภาพและสภาพมันคือไหวและเบาบางแต่หนักกว่าอากาศภายนอกขณะที่เราไปเพ่งลมแต่โดยส่วนใหญ่บางคนจะรู้แค่ไหวบ้างรู้แค่เบาบางบ้างตามสติที่ยังตั้งไม่ได้)

    พระพุทธองค์ใช้คำว่ารู้ชัด ซึ่งหมายถึงต้องชัดด้วย ไม่ใช่แค่รู้เฉยๆ ถ้าแค่รู้เปิดพัดลมพัดใส่ตัวมันก็รู้ได้แต่ไม่ชัด

    ซึ่งมันจะพัฒนาไปจนถึง ญาณ 16 อะไรนั่นแหละผมอ่านผ่านๆแต่ความจริงคือถ้าทำได้ถึงจะเป็นสรรพสิ่งถูกรู้ และรู้ชัดด้วย เพราะแต่ละอย่างมันแยกกันและขณะนั้นเราเป็น/ตั้งอยู่ กับอะไรนั่นแล

    ยิ่งรู้ชัดฝึกไปเรื่อยๆจะรู้ได้ถึงทุกบรรพเองนั่นแลครับ
     
  18. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    พระอนาคามี ไม่ใช่ไม่ปรุงแต่งต่อ แต่ดึงมาพิจาณาเป็นหลักธรรมเพราะแจ้งแล้ว
    ว่าสิ่งใหนเป็นประโยชน์
    แยกออกด้วยการพิจารณณาว่าสิ่งใหนเป็นโทษ
    และเป็นความจริงแล้วใซร์
    ก็ปล่อยออกคะ
    ด้วยการใช้ปัญญาของธรรมล้วนๆคะ
    คิดว่านะคะ
     
  19. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    อาหาร


    [๒๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่อย่างไรเล่า


    ภิกษุในธรรมวินัยนี้เสวยสุขเวทนาอยู่ก็รู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนา หรือเสวยทุกขเวทนาก็รู้ชัดว่าเราเสวยทุกขเวทนา หรือเสวยอทุกขมสุขเวทนาก็รู้ชัดว่าเราเสวยอทุกขมสุขเวทนา


    หรือเสวยสุขเวทนามีอามิสก็รู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนามีอามิส หรือเสวยสุขเวทนาไม่มีอามิสก็รู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนาไม่มีอามิส


    หรือเสวยทุกขเวทนามีอามิสก็รู้ชัดว่าเราเสวยทุกขเวทนามีอามิส หรือเสวยทุกขเวทนาไม่มีอามิสก็รู้ชัดว่าเราเสวยทุกขเวทนาไม่มีอามิส


    หรือเสวยอทุกขมสุขเวทนามีอามิสก็รู้ชัดว่าเราเสวยอทุกขมสุขเวทนามีอามิส หรือเสวยอทุกขมสุขเวทนาไม่มีอามิสก็รู้ชัดว่าเราเสวยอทุกขมสุขเวทนาไม่มีอามิส


    ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายในบ้าง พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง


    พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในเวทนาบ้าง

    พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในเวทนาบ้าง

    พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในเวทนาบ้าง


    อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ ว่าเวทนามีอยู่ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น


    เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้วและไม่ถือมั่นอะไรๆในโลก


    ดูกรภิกษุทั้งหลายอย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ฯ


    จบเวทนานุปัสสนา
     
  20. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ใช้ปัญญาของธรรม คืออย่างไรครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...