มีคนเคยถามมาว่า "ผู้มีดวงตาเห็นธรรม" หมายความว่าอย่างไร คนนั้นจะเป็นอย่างไรและแตกต่างจากปุถุชนอย่างไร?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นิพพิชฌน์55, 7 เมษายน 2016.

  1. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    มีคนเคยถามมาว่า "ผู้มีดวงตาเห็นธรรม"
    หมายความว่าอย่างไร คนนั้นจะเป็นอย่างไรแตกต่างจากปุถุชนอย่างไร?
    และที่สำคัญมีอะไรเป็นข้อยืนยันต่อคนคนนั้นว่า "มีดวงตาเห็นธรรม"

    ฝากไว้ให้พิจารณานะครับทุกท่าน (- -) ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    มื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเวยยากรณ์นี้(๑)อยู่ ธรรมจักษุ(๒)อันปราศจากธุลีปราศจากมลทินได้เกิดแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นทั้งปวง มีความดับไปเป็นธรรมดา”

    พระวินัยปิฎก มหาวรรค [๑.มหาขันธกะ] ๖.ปัญจวัคคิยกถา
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สารีบุตร โมคคัลลานะปริพาชกได้ดวงตาเห็นธรรม​

    บทย่อ

    พระมหาโมคคัลลานะ มีชื่อเดิมว่าโกลิตะ ส่วนพระสารีบุตร มีชื่อเดิมว่าอุปติสสะ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และเป็นบุตรแห่งสกุลผู้มั่งคั่งเหมือนกัน ทั้งสองรู้สึกเบื่อชีวิตการครองเรือนที่วุ่นวาย จึงพาบริวารไปขอบวชอยู่ในสำนักสัญชัยปริพพาชก เรียนลัทธิของสัญชัยได้หมด จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยสอนหมู่ศิษย์ต่อไป แต่ทั้งสองยังไม่พอใจในคำสอนของสัญชัยปริพาชก เพราะไม่ใช่แนวทางที่ตนต้องการ จึงตกลงกันที่จะแสวงหาอาจารย์ที่สามารถชี้แนะแนวทางที่ดีกว่านี้ หากใครได้โมกขธรรมก่อน ก็ให้บอกแก่อีกฝ่ายหนึ่ง

    เช้าวันหนึ่ง สารีบุตรปาริพาชกเห็นท่านพระอัสสชิกำลังบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ มีมรรยาทน่าเลื่อมใส นัยน์ตาทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถ คิดในใจว่าภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์ หรือเป็นผู้ได้บรรลุพระอรหัตมรรคเป็นแน่ จึงเดินตามไปเรื่อยๆ เพื่อรอให้ท่านบิณฑบาตเสร็จ แล้วเข้าไปหาพระอัสสชิ ถามท่านว่าท่านบวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร ซึ่งพระอัสสชิตอบว่า ท่านบวชเฉพาะพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดาของท่าน และท่านชอบใจธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

    พระอัสสชิได้แสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคตามที่สารีบุตรปาริพาชกขอ ว่าธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ดวงตาเห็นธรรม ได้เกิดแก่สารีบุตรปาริพาชกว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา บรรลุพระโสดาบัน

    เมื่อสารีบุตรปริพาชกพบโมคคัลลานปริพาชก ก็เล่าเรื่องที่ได้พบพระอัสสชิ รวมถึงกล่าวธรรมที่พระอัสสชิทรงแสดงแก่ตน โมคคัลลานปริพาชกมีดวงตาเห็นธรรม บรรลุพระโสดาบัน
    อ้างอิง พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรคภาค ๑
    บุคคล พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอัสสชิ สัญชัยปริพาชก โกลิตะ อุปติสสะ
    สถานที่ นครราชคฤห์
    เหมาะกับ ผู้ศึกษาใหม่ อุบาสก-อุบาสิกา
    สถานะ พราหมณ์ ฤษ๊ ดาบส ชฏิล ปริพาชก ภิกษุในศาสนาของพระพุทธเจ้า

    สารีบุตร โมคคัลลานะปริพาชกได้ดวงตาเห็นธรรม | UTTAYARNDHAM FOUNDATION | มูลนิธิอุทยานธรรม
     
  4. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณคุณ Saber เป็นอย่างมากที่ยกพระสูตรนี้ขึ้นมาครับ เป็นประโยชน์ยิ่งนัก

    ทีนี้ผมถามต่อว่า "ทำไมยกข้อความที่ท่านทั้งสองนั้นบรรลุมาให้ชาวเรา ๆ อ่านและฟังทำไมจึงไม่บรรลุมรรคผลนิพพานบ้าง" ... หรือว่า "ใครอ่านหรือเห็นข้อความแล้วรู้สึกบรรลุตามเหมือนกับท่านบ้างหรือไม่" มีสิ่งบ่งบอกและประจักษ์แก่จิตแก่ใจดังที่ว่า "สิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป้นธรรมดา" บ้างหรือไม่ครับ ... พิจารณาดี ๆ แล้วจะมีประโยชน์
     
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ดวงตาเห็นธรรม ก็หมายว่าดวงตาเรานี้ละ ปกติดวงตาของคนเราเวลาหลับมันยังมีเยื่อเป็นดังม่านบังนัยตาบังอยู่ ไม่เป็นการหลับที่แท้จริง มีการคิดต่อ
    พระอรหันต์นั้นม่านบังนัยตานั้นไม่มี เมื่อท่านหลับตาลง เป็นหลับจริงๆไม่มีการคิดต่อ
    เจริญในธรรม
     
  6. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    อยากเรียนถามท่าน ฐสิษฐ์ ว่า พระอรหันต์เวลาท่านหลับ จะฝันไหมหนอ?
     
  7. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ใหม่ๆอาจจะมีบ้างครับ ประมาณเดือนละครั้งหรือมากกว่านั้น(หลวงปู่ท่านเทศน์)
    ผมได้แค่ฌาน8 เป็นปีมีฝันครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    การเห็นหมายถึงการเห็นด้วยปัญญา

    ปัญญาที่ว่าคือ ปัญญาในโคตรภูญาณ

    เมื่อเห็นโคตรภูญาณ จิตยอมรับ ในสภาพความจริงของชีวิต ย่อมน้อมจิตไปสู่ความไม่ปราถนาเวียนว่ายตายเกิด ปราถนานิพพานคือหลุดพ้นย่อมปรากฏ เมื่อนั้น จิตย่อมก้าวล่วงสู่ธรรม และจะพัตนาจิต มุ่งตรงต่อพระนิพพาน

    เมื่อดวงตาเห็นธรรมปรากฏแล้ว ที่เหลือคือเส้นทางแห่งการทำให้บรรลุ เมื่อปัญญาถึงพร้อมในธรรมวิมุตติ ทั้งฝ่ายปัญญาวิมุตติและเจโตวิมุตติ เมื่อนั้นคือย่อมถึงฝั่ง คือ การได้ดวงตาบรรลุธรรม นั่นเอง ดวงตาบรรลุธรรม ก็หมายถึงการที่จิตเข้าถึงธรรมฝ่ายโลกุตระธรรม คือธรรมวิมุตติ นั่นเอง ครับ สาธุ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ทุกคนมีของเก่ามากน้อยไม่เท่ากัน

    การได้ฟังประโยคสั้นๆ แต่กระแทกลงไปถึงก้นบึ้งของจิต ขุดเอาเหง้าแห่งจิต ขึ้นมา ยอมรับในความจริงทันทีไม่มีข้อสงสัย ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดแต่เหตุ เหตุ แทงทะลุถึงรากเหง้าทั้งปวงในทันที ดิ่งลึกลงในโคตรภูทันที ดวงตาแห่งธรรมปรากฏ เราเห็นแล้ว ความหลุดพ้นทุกข์เสียได้เพราะอาศัย การดับเหตุแห่งปัจจัย ผลย่อมดับ

    ในพุทธกาล จึงมีพระอรหันต์หลายท่านที่บารมีมาก เมื่อได้สดับธรรมย่อมเกิดดวงตาเห็นธรรมในทันทีก็มีมาก นี่จึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ครับ สาธุ
     
  10. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีม่านบังนัยตาที่ คุณ ฐสิษฐ์ ว่านั้นหรือป่าว จะเช็คได้อย่างไร พอจะมีวิธีแนะนำมั้ยครับ หรือว่าเช็คจากการนอนหลับแล้วดูว่าฝันมากหรือฝันน้อยรึป่าวครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ ... สาธุในพระธรรมครับผม (^ ^)
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ผู้มีดวงตาเห็นธรรมคือผู้มีความดีในตน รู้จักทำบุญให้ทาน รู้จักรัษาศีล รักธรรมะ ชอบธรรมะ คิดอย่างมีเหตุผล ชอบแสวงหาธรรมะ ปฏิบัติธรรมะ จิตใจมุ่งมั่นสู่มรรคผลที่ควรขวนขวาย เป็นท่านผู้เป็น โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหัตมรรค อรหัตผล เป็นผู้มีศรัทธา รู้อริยสัจจ์ 4 และปฏิบัติตามได้
     
  12. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    มีอยู่แล้วทุกคนเรียกว่า "ม่านบังจักษุ"
    จนกว่าจะบรรลุพระอรหันต์จึงจะว่ามีม่านบังจักษุและได้ทำลายม่านนั้นแล้ว
     
  13. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31

    แสดงว่าต่ำกว่าชั้นพระอรหันต์นั้น "ยังไม่ได้ทำลายม่านบังจักษุ" ตรงนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ หรือว่า "ได้ทำลายได้บ้าง" แล้วท่านผู้นั้นจะรู้มั้ยว่าม่านบังจักษุถูกทำลายไป (ตรงนี้หมายเอาถึงผู้ที่ต่ำกว่าชั้นพระอรหันต์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2016
  14. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    แสดงว่าต่ำกว่าชั้นพระอรหันต์นั้น "ยังไม่ได้ทำลายม่านบังจักษุ" ถูกต้องแล้วครับ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ทุกอย่างย่อมมีเหตุปัจจัยให้เกิดผลปรากฏทั้งสิ้น การเข้าไปรู้เหตุ จึงเป็นของยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่การทำได้นั้น ย่อมต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง และที่สำคัญปัจจัยที่ว่าคือจิตของท่าน เองเป็นสาระสำคัญอย่างยิ่งที่ท่านต้องไม่มองข้ามและต้องรู้เท่าทันจิตของท่านให้ได้ครับ สาธุ
     
  16. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนา

    ผู้มีดวงตาเห็นธรรมเป็นเช่นไรหนอ

    หมอที่รู้ทุกอย่างของร่างกายแม้แต่เส้นเลือดเส้นประสาทมีอยู่ตรงส่วนใดบ้าง เห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำไมจึงยังมีชู้ บ้าตัณหา ขยันหาแต่เงินทองอยู่เล่า

    เพราะเป็นผู้ที่ไม่มีดวงตาเห็นธรรม หรือไม่

    แล้วผู้ที่ปฏิบัติธรรม มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว ทำไมยังกลับไปทำผิดอีก ทำไมจึงยังสิ้นกิเลสไม่ได้เล่า

    เพราะยังไม่แจ้งในสัจธรรมรึเปล่าหนอ

    ขออนุโมทนา
     
  17. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม
    เห็นแต่กิเลส เต็มไปหมด...
     
  18. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    คำว่าดวงตาเห็นธรรม น่าจะหมายถึงการบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง ในมรรค4ผล4นิพพาน1 ไม่ใช่รู้เห็นแบบจดจำท่องจำแบบโลกๆ ผู้ที่ฟังธรรมจากพุทธองค์แล้ว ได้แค่เพียงเชื่อตาม และเลื่อมใส แต่ไม่บรรลุธรรมใดๆ ก็มีเหมือนกัน
     
  19. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ดวงตาเห็นธรรม คือ รู้เห็นตามความเป็นจริงของสังขารทั้งหลาย ทั้งปวง เป็นไตรลักษณ์ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" เรียกว่าเห็นธรรมแต่ก่อนเราไม่เห็นมัน เพราะอะไร เพราะ อวิชชา มันปิดไว้ มันบังไว้ เราจึงไม่เห็น นั้นละครับ ที่เรียกว่าดวงตาเห็น ธรรม ผู้เห็นไตรลักษณ์แล้ว ย่อม ไม่หวั่นไหว ใน โลกธรรม 8 ประการ ซึ่งแตกต่างจากปุถุชนที่ยังมากด้วยกิเลสตัณหา ย่อม หวั่นไหวไปตามอารมณ์ของโลกธรรม 8 ประการ ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป เช่นกันครับ.
     
  20. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    มีพระสูตรที่อาจจะไม่ได้กล่าวตรงตรงถึงคำว่าผู้มีดวงตาเห็นธรรม-----------------------พระวจนะ" คหบดี ในกาลใด ภัยเวรห้าประการ อันอริยสาวกทไให้สงบ รำงับได้แล้วด้วย อริยสาวก ประกอบพร้อมแล้วด้วย โสดาปัตติยังคะสี่ ด้วย อริญายธรรม เป็นธรรมอันสาวกเห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญาด้วย ในกาลนั้นอริยสาวกนั้น เมื่อหวังอยู่ ก็ พยากรณ์ด้วยตนเองนั้นแหละว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดเดรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบายทุควินิบาตนรกสิ้นแล้ว เราเป็นผู้ถึงวึ่งกระแส ที่มีความไม่ตกตำ่เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า..................คหบดี ภัยเวรห้าประการ อันอริยสาวก ทำให้สงบรำงับได้แล้ว เป็นอย่างไรเล่า คหบดี บุคคลผู้ฆ่าสัตว์อยู่เป็นปรกติ ย่อมประสพภัยเวรใด ในทิฐฐิธรรมบ้าง ในสัมปรายะบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัสทางใจบ้าง เพราะปาณาติบาตเป็นปัจจัย ผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ย่อมไม่ประสพภัยเวรนั้น ทั้งในทิฐฐิธรรม และ สัมปรายะ ไม่ต้องเสวยทุกขโทมนัสทางใจด้วย เมื่ออริยสาวกเว้นขาดจากปาณาติบาต ภัยเวรนั้นย่อมรำงับไปด้วยอาการอย่างนี้..(ในกรณ๊แห่ง อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาทา และ สุรามัชประมา ก็ มีข้อความทำนองเดียวกัน).............คหบดี ภัยเวรทั้งห้าเหล่านี้ เป็นิ่งที่สงบรำงับแล้ว..........คหบดี อริยสาวก เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยองค์แห่งการบรรลุวึ่งโสดา 5องค์ อย่างไรเล่า 1 คหบดี อริยสาวกในกรณีนี้ เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้วด้วยความเลื่อมใส หยั่งลงมั่นไม่หวั่นใหวในพระพุทธเจ้า ว่าเพราะเหตุอย่างนั้นอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป้นผู้ใกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วย วิชชาและจารณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดีเป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกคนที่ควรฝึกอย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูและเทวดาของมนุษทั้งหลาย เป็นผู้รู้ตื่นเบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ดังนี้---------------(ต่อ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...