เรื่องเด่น พึงระงับ "อุปกิเลส 16" ที่ครอบงำจิตใจ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย rachotp, 3 ตุลาคม 2021.

  1. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    D.PNG

    อุปกิเลส 16 หมายถึง ธรรมชาติที่เข้าไปทำให้ใจเศร้าหมอง เครื่องที่ทำให้เศร้าหมอง สิ่งที่ทำให้จิตขุ่นมัว ทำให้ใจหม่นไหม้ ทำให้ใจเสื่อมทราม กล่าวโดยรวมก็คือสิ่งที่ทำให้ใจสกปรก ไม่สะอาดบริสุทธิ์ รับคุณธรรมได้ยาก พึงระงับปิดกั้นเสีย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงได้ชี้แนะไว้ ดังนี้

    K.PNG

    ณ ครั้งพุทธกาล…

    พระพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่กลางป่า ช่วงปลายฝน ต้นหนาว มีชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพ เป็นคนเลี้ยงโค (นายโคบาล) ได้มาพบเข้ากับพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ทราบว่าเป็น พระพุทธองค์ จึงเข้าไปถามว่า…


    คนเลี้ยงโค: ขอโทษขอรับ ท่านเป็นใคร?
    พระพุทธเจ้า: ทรงตรัสตอบว่า “เราตถาคต”

    คนเลี้ยงโค: ตกใจ “บอกว่าพระองค์มานั่งอยู่กลางป่าได้อย่างไร พระองค์มีความสุขไหม?
    พระพุทธเจ้า: จึงทรงตรัสตอบว่า “เธอรู้ไหม ในบรรดาคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ฉันเป็นหนึ่งในนั้น” คนเลี้ยงโคได้ยินพระดำรัสเช่นนั้น ถึงกับตัวชาและมีความปิติ ด้วยอำนาจของพระพุทธองค์

    พระพุทธเจ้า: ตรัสถามต่อว่า “เธอกำลัง ทำอะไร?”

    คนเลี้ยงโค: กระหม่อมฉัน ตามหาวัว ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: วัว กี่ ตัว?
    คนเลี้ยงโค: ๑๖ ตัว ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: แล้วตอนนี้ วัว อยู่ไหน?
    คนเลี้ยงโค: วัวหาย ทั้งหมดเลยขอรับ
    พระพุทธเจ้า: เธอ คิดว่าฉันมีวัวไหม?
    คนเลี้ยงโค: ไม่มี ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: คน ไม่มีวัวอย่างฉัน มีโอกาสทุกข์เพราะ ไม่มีวัวไหม?
    คนเลี้ยงโค: ไม่มี ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: เห็นไหมว่า คนมีวัว ทุกข์เพราะวัว คนไม่มีวัว ก็ไม่ทุกข์

    C.PNG


    พระพุทธเจ้า: ตรัสถามต่อ "ในเมืองนี้ ใครมีอำนาจ มีเงินทองมากที่สุด?"

    คนเลี้ยงโค: พระเจ้าพิมพิสาร ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: พระเจ้าพิมพิสาร มีอำนาจเงินทองที่สุดในเมือง มานั่งเล่นกลางป่าอย่างฉัน ได้ไหม?
    คนเลี้ยงโค: ไม่ได้ ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: ก็มีอำนาจ เงินทองขนาดนั้น ทำไมมานั่งเล่นอย่างฉันไม่ได้?
    คนเลี้ยงโค: ถ้าพระเจ้าพิมพิสาร ออกมานั่งเล่นชายป่า อย่างพระองค์ ก็จะถูกปฏิวัติได้ขอรับ
    พระพุทธเจ้า: เห็นไหม ระหว่างฉันกับพระเจ้าพิมพิสาร ใคร มีความสุขกว่ากัน?
    คนเลี้ยงโค: พระพุทธองค์ ขอรับ

    Q.PNG
    พระพุทธศาสนาสอนว่า วิถีแห่งความสุขไม่ได้อยู่ที่ความมี หรือ ความจน อยู่ที่เรา ยินดีในสิ่งที่มี รู้จักพอดีในสิ่งที่ได้ เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว


    โค 16 ตัว ที่ทุกคนเลี้ยงไว้ มีตั้งแต่ พระราชา เศรษฐี ประชาราษฎร์ทั่วไป พ่อค้า ฯลฯ พระพุทธเจ้าไม่มี พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่มี พระอรหันต์ไม่มี พระอนาคา พระสกิทาคา พระโสดาบัน มีน้อย ปุถุชนทั่วไปมีมากหนาแน่น... เปรียบโคทั้ง 16 ตัวดังกล่าวกับ อุปกิเลส 16 ดังนี้แล


    A.PNG

    การพิจารณาจิต คือ ตามรู้จิตตลอดเวลา ทั้งเมื่ออยู่ในอิริยาบถตามปกติและเมื่อตั้งใจปฏิบัติ เมื่อเราตั้งใจพิจารณาตามดูจิตแล้ว เราจะมองเห็นอาการของจิตต่างๆ ทำให้เข้าใจ "จริต" นิสัยของตัวเองมากขึ้น เมื่อเราเข้าใจตัวเอง ยอมรับตัวเองตามความเป็นจริง ก็จะเป็นพื้นฐานในการปรับปรุงพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น คือเมื่อรู้สึกตัวแล้ว ก็จะไม่หลงไปตามกิเลสซึ่งเป็นอาคันตุกะที่จรเข้ามาครอบงำจิต ทำให้จิตเศร้าหมอง กิเลสหรืออกุศลมูล อันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ เมื่อมีเหตุปัจจัยประสมประสานกันแล้วก่อตัวขึ้นมาเป็นอุปนิสัยต่างๆ มี 16 ลักษณะเรียกว่า อุปกิเลส 16 ได้แก่


    ๑. อภิชฌมวิสมโลภะ คือความละโมภ อยากได้ อยากมี อยากเป็นอย่างไม่รู้จักพอ เห็นแก่ได้จนลืมตัว


    ๒. พยาบาท คือความคิดร้าย มุ่งจะทำร้ายเขา ใครพูดไม่ถูกใจก็คิดตำหนิเขา คิดจะทำร้ายฆ่าเขาก็มี บางครั้งทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ ก็หันมาตำหนิตัวเอง ทำร้ายตัวเอง จนฆ่าตัวตายก็มีซึ่งเป็นเพราะอำนาจพยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ


    ๓. โกธะ คือความโกรธ มีอะไรมากระทบก็โกรธ เป็นลักษณะโกรธง่าย แต่เมื่อหายแล้วก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือไม่ผูกใจเจ็บ ไม่พยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ


    ๔. อุปนาหะ คือการผูกโกรธ ใครพูดอะไร ทำอะไรให้เกิดความโกรธแล้วจะผูกใจเจ็บ เก็บไว้ ไม่ปล่อย ไม่ลืม เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น กระทบอารมณ์เมื่อไร ก็เอาเรื่องเก่ามาคิดรวมกันคิดทวนเรื่องในอดีตว่าเขาเคยทำไม่ดีกับเราขนาดไหน เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ


    ๕. มักขะ คือการลบหลู่คุณท่าน ปิดบังความดีของผู้อื่น ลบหลู่ความดีของผู้อื่น เช่น เขาให้ของแก่เรา แทนที่จะขอบคุณกลับนึกตำหนิเขาว่า เอาของไม่ดีมาให้ หรือเมื่อมีใครพูดถึงความดีของเขา เราทนไม่ได้ เราไม่ชอบ จึงยกเรื่องที่ไม่ดีของเขามาพูด เพื่อปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่คนดีถึงขนาดนั้น เป็นต้น


    ๖. ปลาสะ คือการตีเสมอ ยกตัวเทียมท่าน ไม่ยอมยกให้ใครดีกว่าตน แต่ชอบยกตัวเองดีกว่าเขา มักแสดงให้เขาเห็นว่าเราคิดเก่งกว่า รู้ดีกว่า ถ้าให้เราทำ เราจะทำให้ดีกว่าเขาได้


    ๗. อิสสา คือความริษยา เห็นเขาได้ดี ทนไม่ได้ เมื่อเห็นเขาได้ดีมากกว่าเรา เขาได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่าเรา เรารู้สึกน้อยใจ อยากจะได้เหมือนอย่างเขา ความจริงเราอาจจะมีมากกว่าเขาอยู่แล้ว หรือเรากับเขาต่างก็ได้รับเท่ากัน แต่เราก็ยังเกิดความรู้สึกน้อยใจ ทนไม่ได้ก็มี


    ๘. มัจฉริยะ คือความตระหนี่ ขี้เหนียว เสียดายของ ยึดในสิ่งของที่เราครอบครองอยู่อย่างเหนียวแน่น อยากแต่จะเก็บเอาไว้ ไม่อยากให้ใคร


    ๙. มายา คือเจ้าเล่ห์หลอกลวง ไม่จริงใจ พยายามแสดงบทบาทตัวเองเกินความจริง หรือจริงๆ แล้วเรามีน้อยแต่พยายามแสดงออกให้คนอื่นเข้าใจว่ามั่งมี เช่น ด้วยการแต่งตัว กินอยู่อย่างหรูหรา หรือบางกรณี ใจเราคิดตำหนิติเตียนเขา แต่กลับแสดงออกด้วยการพูดชื่นชมอย่างมาก หรือบางทีเราไม่ได้มีความรู้มาก แต่ของคุยแสดงว่ารู้มาก เป็นต้น


    ๑๐. สาเถยยะ คือการโอ้อวด หลอกลวงเขา ชอบอวดว่าดีกว่าเขา เก่งกว่าเขา พยายามแสดงให้เขาเห็น เพื่อให้เขาเกิดอิจฉาเรา เมื่อได้โอ้อวดแล้วมีความสุข


    ๑๑. ถัมภะ คือความดื้อ ความกระด้าง ยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ใครแนะนำอะไรให้ก็ไม่ยอมรับฟัง


    ๑๒. สารัมภะ คือการแข่งดี มุ่งแต่จะเองชนะเขาอยู่ตลอด จะพูดจะทำอะไรต้องเหนือกว่าเขาตลอด เช่นเมื่อพูดเถียงกันก็อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เพื่อเอาชนะให้ได้ ถึงแม้ความจริงแล้วตัวเองผิด ก็ไม่ยอมแพ้


    ๑๓. มานะ คือความถือตัว ทะนงตน


    ๑๔. อติมานะ คือการดูหมิ่นท่าน ความถือตัวว่าเราดียิ่งกว่าเขา ทำให้ดูถูกดูหมิ่นคนอื่น


    ๑๕. มทะ คือความัวเมา หลงว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาว ยังไม่แก่ ยังไม่ตาย หลงในอำนาจ หลงในตำแหน่ง คิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแล้วทำอะไรเกินเหตุ


    ๑๖. ปมาทะ คือความประมาท เลินเล่อ ไม่คิดให้รอบคอบ อาการที่ขาดสติ ขาดปัญญา


    ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ยังมี อุปกิเลส 16 ครอบงำจิตใจอยู่ จึงเศร้าหมอง ขุ่นมัว เข้าถึงคุณความดีได้ยาก เป็นสิ่งล้างผลาญความดี


    B.PNG

    Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก TNEWS ออนไลน์ และ ชมรมกัลยาณธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...