พลังโครงข่ายสามเหลี่ยมพุทธะไร้ประมาณ (Infinity Triangle Buddha Network)

ดังที่เราแจ้งข่าวให้ท่านทราบแล้ว เรื่อง Prism Pyramid อันประกอบไปด้วยเสาหลักแห่งธรรมสามเสา ประสานกันที่จุดยอดเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อให้เกิดรูปทรงพีรามิดฐานสามเหลี่ยม และทรงอานุภาพอย่างยิ่งในการรับพลังงานจักรวาล เพื่อให้ท่านเห็นภาพที่ชัดขึ้น เราจึงต้องขอขยายข้อมูลนั้นให้เห็นชัดเจนยิ่งๆ ขึ้นไปอีก คือ เรื่องของ Infinity Triangle Buddha Network หรือโครงข่ายสามเหลี่ยมพุทธะไร้ประมาณ ซึ่งท่านสามารถวางระบบให้เกิดขึ้นจริงได้ในจุดใดจุดหนึ่งของโลกใบนี้ และมันจะทรงอานุภาพอย่างยิ่งในการรับพลังงานใหม่จากจักรวาล แล้วกระจายออกโดยรอบไปสู่ทั่วโลก เพื่อให้ท่านเข้าใจได้ง่ายๆ ให้ท่านลองนึกถึง "รังผึ้ง" ที่เชื่อมต่อออกไปไม่มีที่สิ้นสุด จากรังผึ้งที่มีลักษณะหกเหลี่ยมห้องแรก ต่อเนื่องกันไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในรูปแบบนี้ ต่างจากรังผึ้งเพียง "เปลี่ยนจากหกเหลี่ยมเป็นสามเหลี่ยม" เพราะสามเหลี่ยมนั้น "แข็งแกร่งและไม่อาจทำลายได้ง่ายๆ" และเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เราจะอธิบายให้ง่ายๆ อย่างนี้ สมมุติผู้สำเร็จพุทธะคนแรก ทำให้เกิดพุทธะได้อีก ๒ คน (รวมเป็นสามเหลี่ยมพีรามิดแล้ว) ผู้สำเร็จพุทธะ ๒ คนที่เกิดใหม่นั้น รวมพลังกัน ก่อให้เกิดพุทธะได้อีก ๑ คน (นี่ก็สามเหลี่ยม) คนที่สำเร็จพุทธะคนใหม่นั้น ร่วมมือกับคนหนึ่งคนใด ก่อให้เกิดพุทธะอีก ๑ คน ขยายไปเรื่อยๆ ท่านพอจะมองเห็นโครงข่ายสามเหลี่ยมพุทธะไร้ประมาณนี้ได้หรือไม่?

 

ทำไมจึงต้องเป็น "พุทธะ" ใช้วัตถุเป็นสิ่งแทนเพื่อรับพลังจักรวาลไม่ได้หรือ?


นี่เป็นคำถามที่ท่านทั้งหลายอาจสงสัยอยู่ เราขออธิบายอย่างนี้ ในระดับจักรวาลแล้ว
เราให้ความสำคัญกับมิติที่ละเอียดกว่ามากกว่ามิติที่หยาบกว่า นั่นหมายความว่า เรา
ให้ความสำคัญกับ "จิตวิญญาณมากกว่าวัตถุ" ส่วนโลกของท่าน ที่มีพลังงานเก่าอยู่
จะให้ความสำคัญกับ "วัตถุมากกว่าจิตวิญญาณ" ดังนั้น ท่านจึงเห็นผลของพลังงาน
เก่าที่สร้าง "พีรามิด" ด้วยวัตถุนั้น แต่สิ่งที่เราสื่อสารแก่ท่านนี้ เป็นพลังงานใหม่จาก
จักรวาลโดยตรงเพื่อไม่ให้ท่านเดินตามหลังพลังงานเก่า ที่เรานั้นได้ทำการ "เก็บคืน"
ไปแล้ว และถ้าท่านเดินตามรอยทางเดิม พลังงานเดิมๆ ผิดเหมือนเดิม ท่านก็จะเป็น
เหมือนเขาเหล่านั้นเช่นเดิม คือ ถูกเก็บกลับคืน เราจะดึงพลังงานจักรวาลนั้นคืนกลับ
ทำให้ท่านไม่อาจใช้พลังงานจักรวาลได้อีก และแน่นอนว่ามันทำให้อียิปต์ต้องตกอยู่
ในสภาพที่ท่านเห็นนั้น คือ ทะเลทราย ท่านคงไม่อยากเป็นเช่นนั้นแน่... ใช่หรือไม่?
ดังนั้น เราจึงมาเตือนท่าน ให้ท่านที่กำลังถูก "พลังงานเก่าครอบงำ" ให้หลุดพ้น ให้
ได้รับการปลดปล่อยออกมาเสีย อย่าเดินตามสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วนั้น โลกยุคใหม่ที่
เราจะสร้างแก่ท่านเป็นโลกที่มี "จิตวิญญาณนำทางวัตถุ" ไม่ใช่ "วัตถุนำจิตวิญญาณ"
เราจำเป็นต้องเลือกใช้สมมุติที่เหมาะสมกับท่านที่รับสารเราที่สุด ดังนั้น เราจึงใช้คำ
ว่า "พุทธะ" คือ มนุษย์ผู้บรรลุธรรมได้ด้วยตนเอง ซึ่งมีพลังอำนาจในการรับพลังงาน
จากจักรวาลได้มากที่สุด และนี่คือสิ่งที่ท่านสามารถใช้รับพลังงานใหม่จากเรา ไม่ใช่
วัตถุสิ่งของใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งหยาบกว่า แม้ว่าจะสามารถรับพลังงานจากเราได้ก็ตามแต่
เราสามารถ "เก็บพลังงานคืนกลับ" ได้ทุกเมื่อ ดังที่ท่านได้เห็น ความล่มสลายที่เกิด
ที่แอตแลนติส, และอียิปต์มาแล้ว เราหวังว่าการเริ่มต้นใหม่ของท่านครั้งนี้ จะไม่เดิน
ย่ำซ้ำรอยผิดๆ ของมนุษย์โลกนี้อีกต่อไป เรามาเพื่อปลดปล่อยท่านจากสิ่งนี้โดยตรง

 

ร่างของมนุษย์ที่ใสบริสุทธิ์รับพลังจักรวาลได้ดีกว่าวัตถุต่างๆ หรือ?


ใช่ ร่างของมนุษย์สามารถรับพลังงานใหม่จากจักรวาลได้มากมายหลาย
แบบ แต่วัตถุนั้น มีขีดจำกัดในการรับพลังงาน เช่น เหล็กนำความร้อนได้
ต่างจากทองแดง และเพชรก็นำความร้อนได้ต่างจากทองแดง จริงไหม?
เห็นได้ชัดว่าวัตถุบนโลกมีขีดจำกัดในการรับพลังงานต่างๆ แต่มนุษย์นั้น
มีความสามารถพิเศษในการรับพลังงานที่แตกต่างออกไป ดังนั้น สังขาร
ของมนุษย์จึงดีที่สุด ที่จะใช้เป็นเครื่องรับพลังงาน แต่ในขณะที่มนุษย์ยัง
อ่อนแอ มนุษย์จะพึงพาวัตถุเสมอ เช่น การรับพลังงานจักรวาล มนุษย์ ก็
ยังพึ่งพาวัตถุ ใช้วัตถุเป็นเครื่องรับพลังงานก่อน จึงผ่านมาสู่ตัวมนุษย์ได้
แทนที่มนุษย์จะใช้ร่างของตน รับพลังงานจักรวาลโดยตรง แล้วแผ่ออกสู่
โลกนี้โดยรอบ จากนั้นก็ถ่ายทอดวิธีนี้ให้มนุษย์รุ่นต่อๆ ไป โดยไม่ต้องใช้
การสร้างถาวรวัตถุใดๆ เพราะถ้าถาวรวัตถุนั้นดีจริง พีรามิดที่อียิปต์ก็น่าจะ
สร้างความเจริญให้แก่อียิปต์ได้แล้วใช่หรือไม่? แล้วทำไมจึงเหลืออยู่แต่
ทะเลทราย? ก็ลองคิดดูเอง, เราเตือนซ้ำๆ อีกครั้ง อย่าหลงเดินตามสิ่งที่
ผิดพลาดไปแล้วบนโลกใบนี้ จงยกตัวเองออกจากโลกใบนี้ให้ได้แล้วท่าน
จะได้รับพลังงานจักรวาลบริสุทธิ์จากเราได้ โดยไม่ถูกพลังงานเก่าในโลก
ใบนี้ครอบงำ ให้สิ่งที่ท่านทำคลาดเคลื่อนไปจากสิ่งที่เราพยายามสื่อสาร
แก่ท่านทั้งหลาย ดังนั้น สิ่งที่ท่านควรสร้างต่อไป บนโลกใบนี้ ไม่ใช่ถาวร
วัตถุ แต่เป็น "การสร้างคน" ให้คนมีโครงสร้างภายในที่ใสบริสทธิ์ แล้วรับ
พลังงานใหม่จากจักรวาลห่อหุ้มไว้โดยรอบ นั่นคือ โลกยุคใหม่ ที่ควรเป็น

 

พลังจักรวาลที่ว่านั้น เปรียบได้กับพลังแบบใดในทางพุทธะ
มีคุณสมบัติเช่นไร เมื่อมนุษย์ได้รับพลังงานนั้น จะเกิดผลเช่นไรต่อร่างกายและจิตใจ

 

ทำไมต้องเป็นพุทธะสามองค์ เป็นจำนวนอื่นๆ ไม่ดีกว่าหรือ? ขอคำอธิบาย


การเกิดขึ้นของพุทธะบนโลก จะเริ่มจาก ๑ เรียกว่า "พระพุทธเจ้า" ใช่หรือไม่ แล้ว
จากพระพุทธเจ้าองค์นั้นเอง สามารถก่อให้เกิดพุทธะอีกสององค์ ก็ได้ ทว่า พุทธะ
ที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้านั้น กำลังจะอ่อนกว่าพระพุทธเจ้า จึงให้กำเนิดได้เพียงผู้บรรลุ
ธรรมระดับต่ำลงไป เท่านั้น เช่น อรหันตโพธิสัตว์, อรหันตสาวก, วิสุทธิเทพ ฯลฯ
เป็นต้น (อรหันตสาวก เป็นสาวกบริวารของพระพุทธเจ้าที่บรรลุอรหันต์, วิสุทธิเทพ
เป็นเทพที่บรรลุธรรม แต่ไม่ได้อยู่ในสังกัดบริวารของพระพุทธเจ้า เช่น เทพที่ประจำ
สวรรค์ชั้นที่สอง ต้องอยู่ใต้การปกครองของพระอินทร์ ส่วนพระอรหันตโพธิสัตว์นั้น
อยู่ใต้การปกครองของพระยูไลองค์อื่นๆ ต่อไปหลังละสังขารเพราะยังไม่รีบนิพพาน
เป็นต้น) แต่การจะให้เกิด "พุทธะ" ได้นั้นยากกว่า จำเป็นต้องใช้ ๒ พุทธะก่อกำเนิด
อีก ๑ พุทธะใหม่ ก็จะสามารถกำเนิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เราจึงกล่าวว่าให้ใช้โครงข่าย
สามเหลี่ยม โดยใช้พุทธะเป็นเสาหลักธรรม สร้างสามเหลี่ยมแห่งธรรมรับพลังงานที่
ส่งตรงลงมาจากจักรวาลนั้น แล้วขยายผลออกไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นระบบโครงข่าย
ไร้ประมาณในที่สุด นั่นคือ มีพุทธะ กำเนิดขึ้นมากมาย, เสาหลักธรรมจะมีมากมายที่
สามารถรับพลังงานจากจักรวาลได้ (เมื่อสามพุทธะประสานพลังงานจักรวาล ก็จะลง
มาจำนวนมากมาย ก่อกำเนิดเป็น ๙ สายธรรม ดังเคยได้กล่าวไปแล้ว) นี่คือ ระบบที่
มีทั้งความมั่นคงเข้มแข็ง, เปี่ยมพลังและสามารถขยายได้อย่างไม่มีขีดจำกัดอีกด้วย

 

พุทธะจะเข้านิพพานแล้ว ไม่อาจก่อกรรม
พลังจักรวาลเหมือนเทพที่มาคุ้มครองท่าน
ยอมก่อกรรม รับกรรมแทนท่าน เพื่อให้ท่าน
ไม่เปื้อนมือ ไม่ต้องมีกรรม แล้วเข้านิพพานไป
นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือทางโลกให้เจริญได้ด้วย

 

ระบบพุทธะสามองค์ขยายไปเรื่อยๆ กับ ๙ สายธรรม เกี่ยวกันอย่างไร?


เมื่อเกิดพุทธะสามองค์ก่อกิจประสานกันเพื่อนิพพานแล้วก่อให้เกิด ๙ สายธรรม
ตามมาเอง คือ ๑ สายธรรมที่สอบผ่านจะใส (อรหันต์), ๑ สายธรรมจะไม่ผ่าน
กลายเป็นมารไป (ดำ), อีก ๗ สายธรรมจะไม่บรรลุอรหันต์ แต่ไม่เป็นมาร แต่ก็
ได้เป็นเทพคุ้มครองแทน (มีทั้งสิ้น ๗ กลุ่ม ตรงต่อเทพเจ้า ต่างองค์กัน) ดังนั้น
ถ้าเกิดพุทธะสามองค์ทำกิจประสานกันเมื่อไร จะก่อให้เกิด ๙ สายธรรมได้ และ
ถ้าพุทธะ ๒ องค์ประสานงานกัน เมื่อไร ก่อให้เกิด "พุทธะ" องค์ใหม่อีก ๑ องค์
ได้ เมื่อได้พุทธะจำนวนมาก สายธรรมทั้ง ๙ ก็เกิดได้มาก ทั้งยังอาจก่อให้เกิดมี
พุทธะเพิ่มขึ้นอย่างไร้จำกัดอีกด้วย ทั้งหมดนี้ ยิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับพลังงานที่
ส่งตรงจากจักรวาลได้มากเท่านั้น ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรมที่
สมดุล, สมบูรณ์ทุกด้าน ก็จะเกิดขึ้นได้มากขึ้น เร็วขึ้นเท่านั้น (พอเข้าใจไหม..)

 

สามเหลี่ยมแบบนี้ใช่หรือไม่

 

ภายใต้ระบบนี้ จะขึ้นตรงต่อพระพุทธศาสนาบนโลกหรือไม่?


ไม่จำเป็นเลย อย่าติดอยู่แต่ภายใต้กรอบของโลกมนุษย์นี้ เพราะถ้า
ท่านสามารถขึ้นไปอยู่ในระดับจักรวาลได้ ท่านจะเห็นว่าพุทธะนั้นมี
อยู่ในทุกๆ ศาสนา ไม่มีจำกัด และพุทธะ (หรือพระยูไล) บางองค์ก็
ทรงแบ่งภาคส่วนพลังงานลงมาเกิดในศาสนาต่างๆ และเมื่อถึงเวลา
เขาเหล่านั้นก็สำเร็จเป็นพุทธะจากภายใน ได้ไม่ต่างกันแต่อยู่ภายใต้
วิถีของศาสนาที่ต่างกัน การที่พุทธะนอกพุทธศาสนา ไม่ได้ต่อสาย
กับพุทธะในพุทธศาสนา ทำให้เขาไม่ได้ธรรมแบบพุทธศาสนา หรือ
ไม่อาจนับได้ว่าสำเร็จตามแบบพุทธศาสนา ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
เพราะเขาสำเร็จในแบบศาสนาของเขาๆ นั้นแล้ว และสามารถจะรับ
พลังงานจักรวาลได้เช่นกัน ดังนั้น ศาสนาจึงไม่ใช่ปัญาหาในการรับ
พลังงานจักรวาลนี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย สบายใจได้ และปลดปล่อย
ตนเองออกจากกรงขังของศาสนา ซึ่งไม่ได้แปลว่าท่านจะต้องออก
จากศาสนาหรือทำลายศาสนาก็หาไม่ เพียงแต่ใจของท่านหลุดจาก
ความติดยึดและการถูกขังกรอบเท่านั้นเอง ท่านก็จะเห็นสิ่งเดียวกันนี้

 

อันนี้ผู้สื่อก็ไม่ทราบครับ
บอกได้เท่าที่ได้รับสื่อครับ

 

แล้วรูปแบบลักษณะของสามเหลี่ยมที่ว่านี้ มีรายละเอียดอย่างไร?


อย่ายึดติดกับรูปแบบมาก นั่นเป็นเพียงผลพวงของพลังงานเก่าเท่านั้น
เมื่อท่านได้ออกจากพลังงานเก่าแล้ว ท่านจะเป็นไปได้ทุกรูปแบบ ด้วย
พลังงานจักรวาลบางชนิด ทำให้ท่านมีความสามารถเหนือรูปแบบต่างๆ
ทุกรูปแบบได้ เพียงแต่ "พุทธะ" แต่ละองค์ จะมี "รัศมีการแผ่พลังงาน"
ที่แตกต่างกัน เช่น บางองค์แผ่ได้ทั้งภาค บางองค์แผ่ได้ทั้งประเทศก็มี
แล้วแต่ความสามารถในการแผ่พลังงานของแต่ละองค์ ส่งผลให้สถานที่
ตั้ง (เช่น สถานธรรมที่ท่านถ่ายทอดธรรมอยู่) ห่างกันออกไปต่างกัน ซึ่ง
ท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ และถ้าไม่ใช่กิจธุระของท่านในการสร้าง ที่จะ
จัดการในเรื่องโครงสร้างทางวัตถุนี้ ท่านก็ไม่ต้องทำ เพราะเราได้เตรียม
เอาไว้แล้ว พลังงานจักรวาลได้ขับดันให้มี "ผู้สร้าง" ในแต่ละจุดไว้แล้ว
เมื่อใดที่พุทธะนั้นพร้อม ก็จะได้รับการเลือกไปสู่จุดที่เหมาะสมเอง ท่าน
ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใดเลย เราเห็นท่านทั้งหมด และวางระบบไว้รองรับ
ท่านทั้งหมดแล้ว ที่เหลือแล้วแต่ท่านเองจะมีความสามารถระดับใด ก็จะ
ได้รับการเลือกสรรไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมนั้นๆ เอง โดยที่ท่านไม่ต้องทำ
ไม่ต้องสร้าง (สำหรับผู้สำเร็จพุทธะนั้น ไม่ต้องสร้างสถานธรรมเองครับ)
ยกเว้นพุทธะบางองค์ที่มีหน้าที่ต้องสร้าง พลังงานจักรวาลก็ประสานให้มี
การสร้างอย่างถูกต้อง ตามจุดต่างๆ ตามควรแล้ว ขอให้ท่านสบายใจได้

 

ถูกต้องตามนั้นครับ คุณ อพอลโล่

 

จบการสื่อสารจาก "สิ่งหนึ่ง" ในจักรวาล


๒๙ มิ.ย. ๒๐๑๑
รับสื่อสารโดย "อพอลโล่"

 

จริงๆ แล้วท่านและท่านอื่นๆ
ก็รับสื่อสารได้โดยตรง เพียง
แต่ผมมาทำหน้าที่อธิบายให้
กระจ่างชัดเจนขึ้นเท่านั้นครับ

 

เยี่ยมครับ ใครว่าผู้แปลไม่สำคัญ

แล้วคุณรู้ใหมครับว่าในนี้มีใครรับพลังได้บ้างแล้ว

 

สัมผัสได้ว่าเชื่อมต่อกันได้พอควรครับ
แต่ไม่ควร "ชี้ชัด" ว่าใครได้ ใครไม่ได้
ครับ จะได้ไม่เสียมารยาททางสังคม...

 

เป็นที่ทราบกันว่าคนที่รับพลังได้ เหมือนกับว่าต้องผ่านมาทางกลางกระหม่อม

ซึ่งไม่สามารถบังคับให้เปิดเองได้

แล้วมีทางรับทางอื่น ๆ ได้อีกหรือเปล่า

 

ทุกอย่างสำคัญที่ "ใจ" เราเท่านั้นเอง
เมื่อใจเราเปิดรับ-ปรับจูน ตรงกันแล้ว
พลังจักรวาลจำนวนมาก สามารถเปิด
จักระให้เราได้ง่ายดายมาก ไม่ต้องไป
นั่งฝึกเลย เพราะพลังงานนี้ มีมากพอ

 

เล่าเรื่องผู้สนับสนุนอินเตอร์เน็ตให้ผมใช้ฟรี


เขาก็ปฏิบัติตามแนวทางร่วมๆ กันมากับผม
แต่ตอนนั้นยังไม่ใช่พลังจักรวาลนี้ ก็ได้ผล
วันหนึ่ง เขานอนอยู่ กลางหน้าอกเขาหมุน
มันหมุนเอง เขารู้สึกอย่างนั้น แล้วใจเขาก็
นิ่ง, ว่าง, เบา มาก จนเหมือนใจจะหายจะ
ดับวูบไปเลย มันเป็นเอง


จากนั้นมาแล้วเขาก็เปลี่ยนไปครับ...