พระเครื่อง

ในห้อง 'ลงประกาศ ซื้อ-ขาย หรือทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย Youkai, 17 ตุลาคม 2017.

  1. Youkai

    Youkai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,683
    IMG_25601014_154255.jpg IMG_25601014_154247.jpg

    ประวัติหลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน วัดป่าโสตถิผล จ.สกลนคร ศิษย์ธรรมสาย"หลวงปู่มั่น" หลวงตาบุญหนา ธัมมทินโนพระสายวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยชื่อดังรูปหนึ่งแห่ง เมืองสกลนคร ซึ่งถือได้ว่าเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นรุ่นสุดท้ายที่ยังดำรงอยู่ ณ วัดป่าโสตถิผล บ้านหนองโดก ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    อัตโนประวัติหลวงตาบุญหนา ท่านเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่ออายุ 12 ปีได้เข้าพิธีบรรพชา ณ วัดแจ้ง บ้านหนองโดก ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่านเอง หลวงปู่บุญหนา ท่านได้ปฏิบัติอุปัฏฐากรับใช้ครูบาอาจารย์นานถึง 12 ปี ตั้งแต่ครั้งสมัยเป็นสามเณร เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นหลวงอาได้นำท่านมาอยู่ด้วย และโดยเฉพาะกับพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ศิษย์สายธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ในช่วงที่เป็นสามเณรอยู่กับพระอาจารย์อ่อนเคยไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ณ วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) บ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นประจำ โดยมีพระอาจารย์อ่อนนำพาไป สาเหตุที่ได้ปฏิบัติอุปัฏฐากรับใช้พระอาจารย์อ่อน ด้วยพระอาจารย์อ่อนเดินธุดงค์มาพำนักหาความสงบวิเวกอยู่ที่บริเวณป่าช้าบ้าน หนองโดก (ปัจจุบันคือวัดป่าโสตถิผล หรือวัดป่าบ้านหนองโดก) ตอนนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณร แต่เป็นฝ่ายมหานิกาย พักอยู่วัดแจ้ง บ้านหนองโดก เป็นวัดบ้านของท่านเอง และไม่ไกลจากป่าช้าที่พระอาจารย์อ่อนไปพักอยู่นั้นมากนัก

    หลวงปู่บุญหนาท่านบอกว่า ตอนที่ไปกราบนมัสการพระอาจารย์มั่น ณ วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) ครั้งแรกไปกับพระอาจารย์อ่อน พร้อมกับสามเณรอีกรูปหนึ่งและญาติโยม 4-5 คน เดินมุ่งหน้าสู่เทือกเขาภูพานที่อยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านหนองโดก ก่อนเดินทางถึงวัดป่าบ้านหนองผือ เวลาประมาณบ่าย 3 โมง พอเข้าไปภายในบริเวณวัด รู้สึกว่าภายในวัดร่มรื่นสงบเงียบ เหมือนกับไม่มีพระเณรทำให้ตื่นตาตื่นใจเป็นครั้งแรก เห็นพระเณรกำลังทำกิจวัตรกวาดลานวัดด้วยไม้ตาด ส่วนพระอาจารย์อ่อน พร้อมคณะ เข้าไปกราบนมัสการพระอาจารย์มั่นบนกุฏิ เสร็จแล้วก็กลับที่พัก ปัดกวาดลานวัด ตักน้ำใช้น้ำฉันจากบ่อน้ำ เสร็จจากนั้นก็เตรียมรอสรงน้ำพระอาจารย์มั่นบริเวณหน้ากุฏิ ซึ่งมีพระเตรียมน้ำสรงไว้โดยใช้น้ำร้อนผสมพอให้อุ่น เมื่อพระอาจารย์มั่นเข้ามานั่งบนตั่งแล้ว คราวนี้พระเณรทั้งหลายห้อมล้อม เพื่อเข้าไปถูหลังขัดไคลถวายอย่างเปี่ยมล้นด้วยศรัทธา ส่วนสามเณรบุญหนา มีโอกาสเข้าไปร่วมสรงน้ำท่านพระอาจารย์มั่นในครั้งนี้ด้วย

    มื่อพระอาจารย์มั่นเห็นท่านซึ่งเป็นสามเณรมาใหม่ พระอาจารย์มั่นจึงพูดสำเนียงอีสานขึ้นว่า "เณรมาแต่ไส..." แต่สามเณรบุญหนาไม่ทันตอบ มีพระอาจารย์ทองคำตอบแทนว่า "เณรมากับครูบาอ่อน ข้าน้อย" จากนั้นท่านไม่ได้ว่าอะไรต่อไป จนเสร็จจากการสรงน้ำท่านในวันนั้น นอกจากนี้ ท่านยังได้ปฏิบัติอุปัฏฐากรับใช้ครูบาอาจารย์อื่นๆ อีก เช่น พระอาจารย์ชอบ ฐานสโม พระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม พระอาจารย์ลี ธัมมธโร พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร และพระอาจารย์จาม มหาปุญโญ เป็นต้น

    หลวงตาบุญหนา ได้มาพำนักจำพรรษาอยู่ ณ วัดป่าโสตถิผล บ้านหนองโดก ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน นับได้ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ควรค่าแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจอีกรูป หนึ่งที่ยังเหลืออยู่ หลวงปู่บุญหนา ได้ให้สติแก่ญาติโยมผู้เดินทางมากราบนมัสการเสมอว่า ให้เป็นผู้มีสติ ระลึกรู้ในกาย สติระลึกรู้ในวาจาคำพูด สติระลึกรู้ในใจ เมื่อสติรู้ซักซ้อมอยู่ภายในกาย วาจา และใจแล้ว ทำ พูด คิด ถูกและผิด ก็ระลึกรู้อยู่ ปรับปรุงอยู่อย่างนี้เสมอ ซึ่งเป็นคำสอนของพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ที่ได้เล่าเรื่องของท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล เทศน์แสดงธรรมสั้นๆ ในช่วงที่เคยเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่นครั้งนั้นว่า "กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต กายบริสุทธิ์ วาจาบริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์"

    หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน วัดป่าโสตถิผล ละสังขารแล้ว วันที่ 6 เม.ย. เวลา 14.52 น. หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน เจ้าอาวาสวัดป่าโสตถิผล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 84 ปี 9 เดือน 1 วัน 64 พรรษา

    หลวงปู่บุญหนาจึงเป็นเนื้อนาบุญของชาวสกลนครเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การยกย่องโดยแท้
    ที่มา...www.khaosod.co.th


    หลวงปู่บุญหนา รุ่นสมปรารถนา ปี 2546
    800 บาท
    สนใจ 098-4731328
    พร้อมส่ง

    ธนาคารกรุงไทย
    น.ส.นฐมน เสรีลัดดานนท์
    982-6-93630-8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2017
  2. Youkai

    Youkai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,683
    IMG_25601014_154502.jpg IMG_25601014_154511.jpg

    พระครูบาธรรมรังษี นามเดิม เทวฤทธิ์ นามสะกุล สุตะวงค์
    โยมบิดาชื่อ นาย วินัย สุตะวงค์
    โยมมารดาชื่อ นาง อัมพร แก้วเลิศ
    เป็นบุตรชายคนเดียว เกิดเมือวัน อาทิตย์ ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๘ ปีฉลู ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ โยมบิดามารเป็นคนอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีอาชีพทำไร่ ทำนา ตามฤดูกาล
    โดยก่อน บิสนธินั้น โยมแม่ และ โยมย่าได้เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งหลังจากทำงานกลับมาพอถึงเวลาเย็นพลบค่ำ โยมแม่ได้ไปอาบน้ำบริเวณหลังบ้านซึ่งชนบทสมัยก่อนไม่มีห้องน้ำแบบมาตรฐาน จะมีแต่เพลิงปิดทั้ง ๔ ด้าน เรียกภาษถิ่นว่าอมอาบน้ำ โยมแม่ได้เดินไปใกล้ถึงสถานอาบน้ำนั้นพลันได้เห็นลูกแก้วสีเหลืองลอยออกมาจากไต้ต้นไม้ ซึ่งบริเวณนั้นรู้กันดีในแถบนั้นว่ามีบ่น้ำสองบ่อเป็นบ่น้ำสมัยโบราญซึ่งเป็นบ่อน้ำวัดโบราญติดอยู่กับรั้วหลังบ้านเรียกโดยทั่วไปว่าน้ำบ่อสองนาง แต่หลังมีเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในอำเภอเชียงแสน ในปีพ.ศ.๒๕๐๐ น้ำบ่ได้ก็ได้ถูกดินโคลนถมลงจนไม่เห็นร่องรอยมีแต่ก็พอเดาได้ว่าอยู่บริเวณไหน ในตำนานคนเฒ่าคนแก่กล่าวว่า น้ำบ่อนี้เป็นสถานที่ซ่อนสมบัติในสมัยที่มีสงครามกับพม่า แม่โยมแม่เห็นดวงแก้วนั้นก็ตกใจ จะวิ่งหนีแต่มีเหตุเหมือนโดนสะกดให้ต้องยืนดูอย่างนั้น จนดวงแก้วใกล้เข้ามาเรื่อยๆและลอยหายเข้าไปในท้องของโยมแม่ของพระครูบา พอโยมแม่ของท่านครูบาเห็นดังนั้นและตั้งสติได้และยกมือไหว้เพราะคิดว่าเป้นของดีมาให้โชคและเล่าให้คนเฒ่าคนแก่ฟัง พอเวลาผ่านไปไม่นานปรากฏว่าโยมแม่ของท่าพระครูบาได้ตั้งท้องจนครบถ้วน๙เดือนจึงได้กำเนิดบุตรเป็นผู้ชายเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก โยมพ่อจึงตั้งชื่อให้ว่า เทวฤทธิ์ อันหมายถึงบุตรที่เทวดาให้มาจุติ พอเวลาล่วงเลยไม่นานโยมพ่อและโยมแม่ได้แยกทางกันด้วยเหตุผลบางประการ พระครูบาจึงได้อาศรัยอยู่กับโยมปู่ และโยมย่า คือโยมปู่ จำนงค์ และโยมย่าสุทัน และเหตุนี้เองจึงเป็นเหตุให้ท่านพระครูบาได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุที่ท่านโยมปู่ และโยมย่า เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ไปวัดรักษาศีลเป็นประจำ ในช่วงชีวิตวัยเด็ก เด็กชายเทวฤทธ์ เป็นเด็กที่ ฉลาด พูดจาเหมือนผู้ใหญ่เรือนรู้อะไรง่าย เป็นที่รักของคนทั้งหลาย เวลาไปตลาดจะต้องมีมีค้าที่ขายขนมในตลาดหลายคน เอาขนมมอบให้หรือไม่ก็ฝากโยมย่ามาให้เสมอ อีกทั้งเป็นคนใจบุญสุญทานก่อนไปโรงเรียนต้องใส่บาตรก่อนทุกครั้ง และในทุกวันพระช่วงเข้าพรรษาต้องไปวัดก่อนไปโรงเรียน ถ้าถึงวันเสาร์อาทิตย์ก็จะไปฟังเทศฟังธรรม นั่งสมาธิ และทำเป็นกิจวัติประจำวันทุกวันจนเป็นที่รักและรู้จักของคนเฒ่าคนแก่ละแวกนั้นกันทั่ว จนเจ้าอาวาสวัดผ้าขาวป้านองค์ก่อนได้เอ๋ยปากขอไปบวชถึงสามครั้งสามครา แต่เพราะความห่วงหวงหลานปานแก้วตาดวงใจปู่และย่าจึงไม่ปลงใจมอบให้ มีเรื่องประหลาดอยู่เรื่องหนึ่งคือเด็กชายเทวฤทธิ์ ในวัยเยาว์มักพูดถึงเรื่องเชียงแสนในอดีตและพูดพร่ำว่าเป็นใครเมื่อชาติก่อน ได้ทำกรรมอะไรไว้บ้างอีกทั้งบางทีก็รู้เหตุกาลล่วงหน้าและเดาจิตใจคนได้อย่างแม่นยำแต่ก็โดนโยมปู่และย่าห้ามปรามไม่ให้พูดจนท่านก็ไม่พูดถึงอีกเลย พออายุได้ ๗ ขวบได้เข้าศึกษาชั้นประถมที่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์๑๕ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พอจบการศึกษาแล้ว โยมพ่อซึ่งไปทำงานที่เชียงใหม่ได้กลับมาอยู่ภูมิลำเนาจึงได้รับเด็กชายเทวฤทธิ์ ไปอาศัยอยู่ด้วยซึ่งไม่ห่างจากบ้านโยมปู่และโยมย่า เด็กชายเทวฤทธิ์ได้เอ่ยปากขอบวชเรียนแก่บิดา แต่โยมพ่อเห็นว่ายังเด็กอยู่จึงไม่อนุญาตแต่เด็กชายเทวฤทธิ์ ก็ตั้งบฏิธานว่าจะต้องบวชให้ได้ในสักวัน จึงได้เรียนศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม ในระหว่างท่านเป็นได้ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ตำรา โหราศาสตร์ต่างๆ โดยศึกษาจากปู่ทวดอันเป็นที่เคารพของผู้คนละแวกนั้นโดยรูจักกันในชื่อว่าปู่หนานหลวง (หนานหลวงคือเจ้าอาวาสสิกขาลาเพศมาเป็นฆราวาส)โดยเวลามีคนเจ็บป่วยจะมาขอยาหม้อบ้าง มาทำพิธีต่างๆบ้าง โดยเฉพาะการมาขอบูชาเทียน เด็กชายเทวฤทธิ์จึง ได้ศึกษาตัวเมือง ตำรายาสมุนไพร คาถา และพิธีกรรมต่างๆโดยศึกษาจากตำราปู่ทวดบ้าง ครูพักลักจำบ้าง จนปู่ทวดยอมสอนให้จนหมดเปลือกตั้งแต่อายุยังน้อย พอจบการศึกษามัทธยมศึกชันปีที่๓ โยมบิดาเสียชีวิต ท่านเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้บวชทดแทนคุณและจะได้บวชเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยอย่างที่ตังเองใฝ่ฝันท่านจึงได้บวชและจำวัดอยู่ที่ วัดผาลาด อันเป็นวัดอยู่กลางป่าและเหมาะกับการวิปัสสนากรรมมัฏฐาน จนอายุได้๑๙ ปีจึงออกเดินทางไปค้นหาสัจธรรมโดยเดินทางไปเรื่อยๆตามป่าเขาเพื่อจะไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เหมือนพรหมลิขิตให้มาพบกับครูบาอาจารย์ที่ อ.แม่สะเรียง โดยท่าได้พบกับท่านครูบาอินสม (พระครูสุวีรธรรมนุยุต)แห่งวัดดอยจอมทอง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ท่านจึงอยู่รับใช้และเล่าเรียนวิปัสสนากรรมมัฏฐาน และตำรับตำราต่างๆ จนอายุครบบรรพชาอุปสมบทศรัทธาทั้งหลายร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยมี พระครูบาอินสมเป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ ได้ฉายาว่า อภิวังโส พอออกพรรษาแล้วด้วยเวรกรรมของท่านยังไม่หมด โยมปู่ได้ล้มป่วยลงด้วยอาการหนักโยมย่าก็แก่เฒ่าแล้ว ท่านจึงยอมลาสิกขาเพื่อมาดูและโยมปู่ซึ่งเปรียบเสมือน พ่อบังเกิดเกล้า แต่แล้วมนุษย์คนเราย่อมหนีความตายไปไม่พ้นโยมปู่ได้ถึงแก่กรรมในเวลาต่อมาหลังจากเสร็จงานศพโยมปู่แล้ว พระครูบาได้เอ่ยปรารภอยากจะบวชอีกครั้งด้วยความที่ว่าโลกภายนอกช่างวุ่นวายหนอซึ่งตลอดเวลา๓เดือนที่ท่านครูบาสึกมาสีท่าท่านไม่มีความสุข และร่างกายฝ่ายผอมไปมาก โยมย่าจึงอนุโมทนาและจัดงานบวชครั้งที่ ๒ ณ พัทธสีมาวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่สิริอายุ ๒๑ ปี ๖เดือน มี พระเทพวรสิทธาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้จำพรรษาอยู่๑พรรษา จึงออกเดินทางไปเล่าเรียนวิชาต่างๆตามครูบาอาจารย์ท่าน เช่นครูบาสิทธิวัดบางต้นเดื่อดอยลาง ครูบาช่วง ชวนปัญโญวัดป่าไผ่อ.ลี้ และได้เดินทางธุดงตามคณะครูบาอาจารย์ไปยังประเทศพม่า เขตไทใหญ่ เชียงตุง แถบอำเภอแม่แจ่มจังหวัดเชียงใหม่ และบางทีก็ขึ้นเขาไปโปรดพวกชาวเขาชาวดอยตามชนบทต่างๆ โดยเอาตำราสมุนไพรที่ได้เรียนมาสงเคราะห์ ญาติโยมที่เดือดร้อน พอครบจากนวกะจึงออกเดินธุดงค์ด้วยตนเองไปตามป่าแถบจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเมืองต่างๆของพม่า โดยการเดินธุดงค์นี้ท่าครูบาได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนกับผู้รู้ต่างๆตามนิสัยชอบศึกษาทั้งพุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ทางด้านการช่ายเหลือสงเคราะห์ญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนต่างๆจนเป็นที่ประจักษ์แก่ญาติโยมโดยทั่วไปโดยส่วนการบฎิบัติของท่านพระครูบานั้น ท่านจะฉันเจ ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลย เพราะท่านได้ศรัทธาครูบาอาจารย์ที่เอามาเป็นแบบอย่างคือ พระครูบาเจ้าศรีวิชัย และ พระครุบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร ซึ่งท่านครูบาบุญชุ่มนี้ท่านได้สัมผัสบฏิปทาและเห็นตั้งแต่วังเยาว์วัย
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ครูบาธ...ผดโลก-แลกความรู้คาถา-อาคม-ยันต์ล้านนา.508204/

    ตะกรุดก่าสะท้อน
    ครูบาธรรมะรังษี
    450 บาท
    สนใจ 0984731328

    ธนาคารกรุงไทย
    น.ส.นฐมน เสรีลัดดานนท์
    982-6-93630-8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...