พระมนต์ชำระบาป(มนต์ในนิกายวัชรยาน)

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 16 เมษายน 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,438
    มนต์ชำรำระบาป(มนต์ในนิกายวัชรยาน)​
    [​IMG]
    โดยกล่าว คำนมัสการพระรัตนตรัยก่อนดังนี้

    นะโมพุทธายะ นะโมธัมมายะ นะโมสังฆายะ(หรือจะ นโมตัสสะ 3จบแบบเถรวาทก็ได้)

    โอม วัชระ สัตวะ สะมะยะ มะนุปาละยะ วัชระ สัตวะ

    ตะเวโน ปร(อ่านว่าปอระ) ติสฐา ทริโธ เม ภะวะ สุโตสโย เม ภะวะ

    สุโปสโย เม ภะวะ อนุรักขโต เม ภะวะ สรวะ สิทธิม มะ

    เม ปะระยัจฉะ สรวะ กามมะสุ จ เม จิตตะ ศรีโยห์ คุรุโอม

    หา หา หา หา โหห์ ภควัน สรวะ ตะถาคะตะ

    วัชระ มา เม มุญจะ วัชระ ภาวะ มหา สะมะยะ สัตวะ อาห์


    มนต์ชำรำระบาปแห่งองค์วัชระสัตวะนั้น ถือเป็นราชันย์แห่งมนต์ชำระบาปทั้งหลาย ซึ่งการชำระบาปนั้นถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของพระพุทธศาสนามหายานและวัชรยาน โดยการชำระบาปนั้นมีรายละเอียดดังนี้
    เริ่มต้นด้วยการสำนึกบาป สำนึกความผิดที่คนทำมาในกาลก่อน ปัจจุบัน และอันอาจจะมีมาในอนาคต อันปุถุชนนั้นใครบ้างไม่เคยกระทำผิด แม้พระอริยะเจ้าทั้งหลายเมื่อครั้งเป็นปุถุชนก็เคยทำความผิดมาแล้วทั้งนั้น สำคัญว่าทำผิดแล้วรู้ว่าผิด มีจิตสำนึกจะตั้งต้นใหม่ ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้
    การสำนึกบาปนั้น มีการสารภาพบาปต่อหน้าพระพักตร์ (พระปฏิมา) พระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย สำนึกว่าตนกระทำผิด มีจิตคิดจะแก้ไข และพยายามอย่าให้ผิดเรื่องเดิมซ้ำอีก เพราะถ้ายังผิดซ้ำซาก ก็แปลว่าไม่ไดสำนึกบาปอย่างแท้จริง และการชำระบาปทั้งนั้น ก็จะได้ผลน้อย หรืออาจไม่ได้ผลเลย นอกจากนี้ ทำกุศลครั้งใดก็พึงอุทิศเพื่อชดใช้บาปกรรมที่ตนและสรรพชีวิตทั้งหลายได้กระทำมาแล้วจากนั้นอาศัยบารมีแห่งพระวัชรสัตวะ (หรือบารมีแห่งพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย แต่ในที่นี้ จะกล่าวถึงมนต์แห่งพระวัชรสัตวะ จึงกล่าวเฉพาะพระวัชรสัตวะเท่านั้น)โดยมนต์ทั้งนี้ พึงเจริญทุกวัน อย่างน้อย ๒๑ จบ (บ้างก็ว่าให้เจริญก่อนนอน) เพื่อชำระบาปที่ตนและสรรพชีวิตทั้งปวงที่ได้กระทำมาในแต่ละวัน เมื่อเจริญนั้นให้จินตนาการว่า พระวัชรสัตว์ประทับอยู่บนภากาศ พระรัศมีสาดส่องทั่วอนันตจักรวาล มีพระรัศมีพวยพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ มาต้องร่างกายตนและสรรพชีวิตทั้งหลาย ยังให้บาปกรรมที่มีลักษณะเหมือนควันไฟสีดำ, เส้นผม, กบ, อสรพิษ, สัตว์ที่มีพิษร้ายมีแมลงต่างๆ เป็นอาทิสูญสลาย นัยหนึ่งนั้นจินตนาการว่าพื้นปฐพีแยกออก บาปกรรมทั้งนั้นได้ลงสู่พื้นดินไปจนสิ้น หมั่นกระทำดังนี้ทุกวันจะเกิดอานุภาพและบุญกุศลมหาศาล และโดยนัยยะที่กล่าวมานี้ อาจใช้ได้ในกรณีที่มีคนป่วย จินตนาการว่าร่างกายผู้ป่วย หรืออวัยวะที่ป่วย มีกลุ่มควันสีดำ ฯลฯ โดยรัศมีแห่งพระวัชรสัตวะได้ยังให้กลุ่มควัน ฯลฯ ทั้งนั้น สูญสลาย ซึ่งการเจริญทั้งนี้ อาจกระทำได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่เดียวกันกับผู้ป่วย แค่จินตภาพถึงผู้ป่วยก็เพียงพอแล้วการบำเพ็ญวัชรมหาสัตวศตอักขระประภามนตราทั้งนี้ สามารถบำเพ็ญเช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้วในเบื้องต้น โดยยังสามารถเจริญได้ทุกครั้ง ๓ – ๗ จบ ที่มีการบำเพ็ญธรรมอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อยังให้การบำเพ็ญทั้งนั้นบริบูรณ์ พ้นจากข้อบกพร่องทั้งปวง
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...