พระพุทธศาสนา, คณะสงฆ์, กลุ่มนักปฏิบัติสายต่างๆ ในประเทศไทย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 5 พฤศจิกายน 2010.

  1. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    พระพุทธศาสนา, คณะสงฆ์, กลุ่มนักปฏิบัติสายต่างๆ ในประเทศไทย
    ขออนุญาตครับ
    แม้ว่ากลุ่มต่างๆ มักจะอ้างว่า ปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ตาม
    รุ่นแล้ว รุ่นเล่า ที่ทยอยตามกันออกมานั้น แม้ว่าทุกกลุ่ม ทุกหมู่ ทุกเหล่าล้วนมีความตั้งใจ ในการสืบพระศาสนาให้คงทน มั่นคง ไปให้นานที่สุด
    แต่ก็มีบางกลุ่มที่มีแนวทางปฏิบัติ ที่แตกต่างออกไปบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติของชนหมู่มาก ย่อมมีการแยกออกไปตามมุมมอง ตามจริต ตามคำสอนของครูบาอาจารย์ ของปรมาจารย์ของตน
    แต่ที่ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ก็คือ สิ่งที่ชาวโลกทั่วไปเขาเรียกว่า “crosscheck” ความหมายในทางพุทธศาสนานั้น ผมขออนุญาตออกความเห็นว่า

    “การแลกเปลี่ยน เรียนรู้ การปฏิบัติของหมู่คณะอื่น เพื่อการเปรียบเทียบ กับหมู่คณะของตน”

    หรือแม้แต่

    “การแลกเปลี่ยน เปรียบเทียบ ภูมิจิต ภูมิธรรม ของหมู่คณะอื่น เพื่อการเปรียบเทียบ กับหมู่คณะของตน”

    เฉกเช่นเดียวกับ ผู้เขียนคำตอบ ย่อม ไม่สามารถให้คะแนนตนเองได้อย่างถูกต้องโดยปราศจากความลำเอียงเข้าข้างตน
    การปฏิบัติของหมู่คณะก็เป็นเช่นเดียวกัน จะเห็นว่าครูบาอาจารย์รุ่นก่อนๆนั้น ท่านมักจะพบปะกันอยู่เสมอ
    แต่การพบปะเหล่านั้นมักไม่มีการถ่ายทอดออกมาให้ศิษย์รุ่นหลังๆได้รับทราบ
    แม้บางหมู่บางคณะจะอ้างว่า ท่านนั้น ท่านนี้ ถึงระดับอริยะ ขั้นนั้น ขั้นนี้
    ก็ต้องติดตามดูว่า ความเห็นก็ดี ธรรมที่ท่านแสดงออกมาก็ดี เข้าท่า เข้าเค้าหรือไม่

    ศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ หลุดพ้น

    ที่ท่านแสดงออกมานั้นเป็นอย่างไร แสดงได้ชัดเจน ชัดแจ้งได้ขนาดไหน และ ลูกศิษย์รุ่นหลังๆที่ท่านปั้นออกมานั้น
    ท่านปั้นได้ถึงระดับไหน มีจำนวนมีปริมานมากน้อยเท่าไร
    อย่างนี้ถึงจะพอรับฟังเลื่อมใสศรัทธาได้บ้าง

    แต่ถ้าท่านพากันปฏิบัติอยู่ในวงแคบๆ ไม่กล้าแม้แต่การจะไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ หมู่คณะอื่นๆ
    ไม่กล้าแม้แต่จะนำภูมิรู้ภูมิธรรมของตนไป เปรียบเทียบกับหมู่คณะอื่นๆ ที่ว่าตนถึงขั้นนั้นถึงขั้นนี่นั้นนะ
    จริงหรือไม่จริงอย่างไร หรือหลงทางไปจนแทบจะสุดกู่แล้ว
    แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ มันก็ยังพอมีทางอยู่บ้าง

    แน่นอนที่ท่านว่าการปฏิบัติมีหลายรูปแบบ มีหลายแนวทาง แต่ว่าในยุกต์ที่มนุษย์มีอายุขัยแค่ 80 หรือ 90 ปี เราจะทำอะไรได้ขนาดไหน

    ผมไม่ค่อยสบายใจ ที่เห็นบางท่านก็เห็นเข้าวัด เข้าวา ทำบุญ ทำทานดี แต่กลับบอกว่า

    พระอรหันต์ยุกต์นี้ไม่มีแล้ว หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว ก็ไม่ใช่พระอรหันต์”

    หรือบางท่านบอกว่าสำเร็จธรรมชั้นสูง จนเป็นครูบาอาจารย์สอนคนอื่นได้
    แต่กลับมององค์หลวงปู่ใหญ่
    หลวงปู่โลกเทพอุดรว่าเป็นแค่พระอรหันต์ธรรมดาๆองค์หนึ่ง จะมาเทียบกับครูบาอาจารย์ของตนได้อย่างไร

    ผมมันก็แค่คนธรรมดาๆคนหนึ่ง แม้อยากจะเตือนผู้ใดก็ทำไม่ได้ ด้วยว่าทราบดีว่าตนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติไปเพียงนิดๆหน่อยๆ
    ลูบๆคลำๆ ที่เข้ามาในเว็บนี้ก็เพียงเพื่อ ขอทำหน้าที่ชาวพุทธ เผื่อว่าจะเป็นบุญเป็นกุศลบ้างก็เท่านั้น

    ถ้าท่านยังหลงใหลในแนวการปฏิบัติของท่าน ของหมู่คณะของท่าน
    โดยไม่ได้เหลียวแล หมู่คณะอื่น ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สอบถามภูมิจิตภูมิธรรมของตน ของหมู่คณะตน จากผู้อื่น

    ไม่เคยแม้แต่จะเข้าไปกราบ เข้าไปถาม ผู้นำของหมู่คณะอื่นๆ เช่น หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ
    หรือ องค์หลวงปู่โลกเทพอุดร

    แล้วท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ตัวท่านเอง หมู่คณะของท่านปฏิบัติได้ถูกต้อง
    ไม่ใช่หลงทางไปคนละทิศกับแนวทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตาอบรมสั่งสอนไว้

    ก่อนเข้ามาในเว็บนี้ ผมก็สังหรณ์ใจว่าจะมีวันนี้ วันที่ผมจะแสดงความคิดเห็น ในมุมมองอันนี้
    แต่เมื่อถึงเวลาอันควร มันก็ต้องบอกออกมาจนได้ ผมคงไม่ต้องอัดอกอัดใจอยู่คนเดียวแล้ว

    ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญร่วมกับทุกๆท่าน

    ขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ๋อ ศีลมันขาดกระเด็นไงครับ เลยอดรนทนไม่ไหว อีกทั้งก่อนเข้าเว็บก็มีประเด็นในใจ
    ฝังเอาไว้เป็นภพอย่างหนึ่ง แรกๆมันไม่ขาดไม่ทะลุ มันก็ไม่ออกมา แต่พอมันขาดมันทะลุ
    แล้ว มันก็เผยตัวออกมา สร้างความเร้าร้อน คุ้ยเขี่ยนู้นนี่ให้เหม็นคลุ้งขึ้นมา หากขาดวิ่น
    ไปกว่านี้ก็จะระบุลงไปหละว่า สำนักไหนพูดอย่างนั้น สำนักไหนพูดอย่างนี้ สุดท้ายได้
    อะไร

    ไม่ได้อะไรเลยที่เป็นผลดีต่อพุทธบริษัท มีแต่ความแตกแยกที่แบ่งชัดขึ้นไปอีกโดยมี
    ผู้ไม่อาจทรงศีลยับยั้งไว้ได้

    คุณต้องดูตัวอย่าง จากหลวงตา หลังๆนี่สังเกตไหมว่า เรื่องอะไรแบบนี้ การชี้ว่าสำนักนู้น
    พูดอย่างนี้ สำนักนี้พูดอย่างนั้น แทบจะไม่มีเลย แล้ว เน้นรอบแล้วรอบเล่าว่า ที่ท่านทำ
    อยู่ขณะนี้อย่างนี้ๆ นี่แหละการช่วยโลก เทหมดให้โลก เขาทำอย่างนี้ๆ

    เหมือนกับพระพุทธองค์ เสด็จไปบิณฑบาตร หากบ้านไหนจุดไหนยังไม่ออกมากระทำ
    ทานให้แก่มนุษย์รูปหนึ่งที่มากระทำกริยาภิกขาจาร วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ให้มาอีก มายืนจุดเดิม
    อย่างสงบรำงับตั้งมั่นเป็นกลาง ไม่ปริปากว่า

    "บ้านนี้ไปเรียนมาจากสำนักนั้น สำนักนี้ แม้แต่การกระทำทานคงไม่สอนกระมัง"

    ไม่เที่ยวชี้หรือคุ้ยเขี่ยอะไรที่ไม่ดีให้มันคลุ้งขึ้นมาเพียงเพื่อหวังให้เขาหันมาศรัทธา
    แต่จะใช้ความอดทน อดกลั้น สันติ วิหิงสา มายืนรอที่เดิม แม้จะซูบผอมลงไปใน
    แต่ละวันเพราะข้าวยาคูไม่ตกถึงท้อง ก็จะยืนสงบนิ่งรำงับที่จุดเดิม

    ถ้าจะให้ศีลบริสุทธิขึ้นมา ผมว่า ไม่ใช่การไปชี้ความไม่ดีของเขา ไปขุดไปขน
    สิ่งที่เขากระทำไปเพราะไม่รู้ให้มันคลุ้งขึ้นมา เป็นความแตกแยก ไม่สงบของสังคม
    แลพุทธบริษัท แต่ให้อยู่ที่ สงบ ตั้งมั่น เป็นกลาง อยู่อย่างนั้นแหละ ขอให้เชื่อ
    จรณะอันงามของพระพุทธองค์นั้นแหละ แล้วรองนมสิการมาใส่ตนดู

    สำเร็จก็คงจะดี แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เสียหายอะไรเลย

    ที่พูดได้อย่างนี้ ก็เพราะเป็นมาก่อน สงสัยมาก่อนเหมือนกัน แต่มานั่งๆดู
    จรณะที่ดี ที่ควร ใคร่ครวญไปใคร่ครวญมาหลายตลบ และน่าจะอีกหลาย
    ตลบอยู่ แต่ก็พอเห็นดีเห็นงามบางประการจึงขอแสดงไว้ตามนั้น

    * * * *

    น้องมาหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2010
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    เรื่องธรรมดาของโลกครับ......

     
  4. ฐิติ จันทร์ตรง

    ฐิติ จันทร์ตรง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +37
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็น หนึ่ง ที่เรียกว่าศาสนา และจะอยู่ตลอดตามเงื่อนไขถ้าพุทธบริษัททำหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าสำนักไหนสอนยังไงแนวทางยังไง ความจริงก็เป็นความจริงที่พระพุทธองค์ท่านเมตตาชี้แนะแนวทาง ผู้ศึกษาธรรม ไม่เท่าผู้ปฏิษัติธรรม รู้ธรรมด้วยตนเองสำเร็จด้วยตัวเอง หนทางที่ท่านบ่งบอก ชี้แนะ แค่รู้และรับทราบถ้าเราไม่ เดินจะไม่รู้ว่าหนทางนั้นเป็นอย่างไร ที่สำคัญอยากเพียงแต่ฟังคำแนะนำและไม่เดินตามทางนั้นจะไม่มีวันถึงปลายทางแต่ถ้าค่อนๆเดินที่ละก้าวปลายทางนั้นเราต้องไปถึงแน่นอน ไม่ต้องเปรียบเทียบแลกประสบการณ์เพราะเรากำลังเดินทางเดียวกันที่พระองค์ท่านชี้แนะ ดูที่ตัวและจิตของเราดีกว่า
     
  5. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    การปรุงแต่งจิตฟุ้งไปภายนอก จะไม่มีวันจบสิ้น จะฟุ้งไปเรื่อยๆ
    แม้ความใฝ่ดีที่เป็นปุญญาภิสังขารก็ตาม

    ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้จับผิดคนอื่น ท่านสอนให้ดูตัวเราเอง

    พระพุทธองค์ไม่สอนการวิเคราะห์วิจารณ์ผู้อื่นในทางลบ หรือห้ามคนทำบุญ
    บางทีก็ยังไม่ถึงเวลาของเขา
    หลายครั้งเป็นกรรมวิบากของเขา
    และหลายกรณีเป็นความตั้งใจของเขาเองที่ต้องการเพียงแค่นั้นที่ไม่ต้องการไปนิพพาน ต้องการไปสวรรค์เพื่อรอเวลาพระศรีอารย์มา

    ธรรมล้วนปัจจัตตัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...