###พระกริ่ง vs หลวงพ่อทวด นารายณ์รุ่งเรือง .....เสกครบตำนาน###

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 19 เมษายน 2010.

  1. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    เมืองลวปุระ หรือเมืองละโว้ หลายท่านอาจจะไม่รู้จักเเต่หากเรียกว่า เมืองลพบุรี หลายท่านคงนึกถึง ละโว้เมืองลิงออก เเละ ลพบุรี นี้เองเป็นเมืองโบราณสมัยขอมเรืองอำนาจนั้นมีการสร้างศาสนสถานสำคัญหลายเเห่ง ดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน คำขวัญจังหวัดลพบุรีมีว่า

    วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์




    สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าปราสาททอง และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกัลยาณี อัครราชเทวี พระราชมารดาเป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เสด็จพระบรมราชสมภพ เมื่อ วันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. ๒๑๗๕ และทรงมีพระนมอยู่พระองค์หนึ่งคือ เจ้าแม่วัดดุสิต ทรงเป็นพระอนุชาใน สมเด็จเจ้าฟ้าไชย และยังทรงมีพระอนุชาอีกได้แก่
    • เจ้าฟ้าอภัยทศ
    • พระไตรภูวนาทิตยวงศ์
    • พระองค์ทอง และ
    • พระอินทราชา
    นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีพระขนิษฐาร่วมพระชนนีองค์หนึ่ง คือ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าศรีสุวรรณ กรมหลวงโยธาทิพ
    ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเล่าว่าเมื่อแรกเสด็จพระบรมราชสมภพนั้น



    พระองค์มีพระนามเดิมว่า "เจ้าฟ้านรินทร์" แต่เมื่อขึ้นพระอู่ พระญาติเห็นพระโอรสมีสี่กร พระราชบิดาจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "พระนารายณ์" ส่วนในคำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด เล่าว่าเมื่อเพลิงไหม้พระที่นั่งมังคลาภิเษก พระโอรสเสด็จไปช่วยดับเพลิง ผู้คนเห็นเป็นสี่กร จึงพากันขนานพระนามว่า พระนารายณ์







    พระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์นั้นเกี่ยวกับเรื่องปาฏิหารย์อยู่มาก แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของพราหมณ์ เมื่อเทียบกับกษัตริย์องค์ก่อนๆ ด้วยเหตุนี้เองพระราชประวัติของพระองค์จึงกล่าวถึงปาฏิหารย์มหัศจรรย์ตามลำดับ คือ
    • เมื่อพระนารายณ์ทรงมีพระชนม์ได้ ๕ พรรษา ขณะเล่นน้ำ พระองค์ทรงถูกอสนีบาต พวกพี่เลี้ยง นางนม สลบหมดสิ้น แต่พระองค์ไม่เป็นไรแม้แต่น้อย
    • เมื่อพระนารายณ์ทรงมีพระชนม์ได้ ๙ พรรษา พระองค์ทรงถูกอสนีบาตที่พระราชวังบางปะอิน แต่พระองค์ก็ปลอดภัยดี
    สมเด็จพระนารายณ์ทรงรับการศึกษาจากพระโหราธิบดี ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงในพระราชวัง และพระอาจารย์พรหม พระพิมลธรรม รวมทั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์และพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ระดับสูงในพระนคร





    ตามหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา "สมเด็จพระบรมราชาธิราชธิบดีศรีสรรเพชญ บรมมหาจักรพรรดิศวรราชาธิราชราเมศวร ธรรมธราธิบดี ศรีสฤฎิรักษสังหารจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดีดินทร หริหรินทรธาดาธิบดี ศรีวิบุลยคุณอกนิฐ จิตรรุจีตรีภูวนาทิตย์ ฤทธิพรหมเทพาดิเทพบดินทร์ ภูมินทราธิราช รัตนากาศมนุวงศ์องค์เอกาทศรสรุทร์ วิสุทธยโศดม บรมอาชวาธยาศรัย สมุทัยตโรมนต์ อนนตคุณวิบุลยสุนทรบวรธรรมมิกราชเดโชไชย ไตรโลกนาถบดินทร์ วรินทราธิราชชาติพิชิต ทิศพลญาณสมันตมหันตวิปผาราฤทธิวิไชย ไอศวรรยาธิบัติขัตติยวงศ์ องค์ปรมาธิบดีตรีภูวนาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธ มกุฎรัตนโมฬี ศรีปทุมสุริยวงศ์ องค์สรรเพชญ์พุทธางกูร บรมบพิตร"
    [​IMG]

    [​IMG]


    <TABLE style="BORDER-RIGHT: rgb(204,204,204) 1px dotted; BORDER-TOP: rgb(204,204,204) 1px dotted; BORDER-LEFT: rgb(204,204,204) 1px dotted; WIDTH: auto; BORDER-BOTTOM: rgb(204,204,204) 1px dotted; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะให้เราเข้ารีตดังนั้นหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะในราชวงศ์ของเราก็ได้นับถือพระพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จะให้เราเปลี่ยนศาสนาอย่างนี้เป็นการยากอยู่ และถ้าพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสร้างดินจะต้องการให้คนทั่วโลกได้นับถือศาสนาอันเดียวกันแล้ว พระเจ้ามิจัดการให้เป็นเช่นนั้นเสียแล้วหรือ"
    จริงอยู่เมื่อฟอลคอน ในเวลาหมอบอยู่ข้างพระบาทพระเจ้ากรุงสยามได้แปลคำชักชวนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้รับสั่งมากับราชทูตนั้น ฟอลคอนก็กลัวจนตัวสั่น และสมเด็จพระนารายณ์ ทรงพระกรุณาโปรดให้อภัยแก่ฟอลคอน แต่ก็ได้รับสั่งว่า ได้ทรงนับถือศาสนาอันได้นับถือต่อๆ กันมาถึง 2,229 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นที่จะให้พระองค์เปลี่ยนศาสนาเสียนั้น เป็นการที่พระองค์จะทำไม่ได้
    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" vAlign=bottom width=20></TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 2em; FONT-SIZE: 90%; PADDING-BOTTOM: 5px; TEXT-ALIGN: right" vAlign=top colSpan=3>สมเด็จพระนารายณ์มหาราช</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ตุลาคม 2010
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    [​IMG]

    ศาลพระกาฬ สร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง แต่ก่อนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ศาลสูง" ทับหลัง ซึ่งทำด้วยศิลาทรายสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 สมัยขอมเรืองอำนาจ วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็กชั้นบน ณ ที่นี้ได้พบหลักศิลาจารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณ โดยสร้างทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐานพระนารายณ์ประทับยืน ซึ่งเดิมพระกร และพระเศียร หายไป แต่ต่อมามีผู้นำพระเศียร ของพระสมัยอู่ทอง และพระกรมาต่อ ตามตำนานกล่าวว่า ที่พระกรหายไปทั้งหมดเพราะ พระกาฬไปรับลูกระเบิด พระกรจึงขาดหายไปหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 เมษายน 2010
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    เนื่องด้วยทางชมรมคนรักหลวงปู่ทวดได้รับเป็นเจ้าภาพ สร้างพระประธาน หน้าตัก 39 นิ้ว ด้วยเนื้อทองเเดงบริสุทธิ์ เพื่อประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดธาตุน้อย พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ รับเป็นเจ้าภาพทั้งองค์ เเละ ทางวัดเชิงท่า ลพบุรี จะสร้างเมรุไร้ควัน ทางชมรมรักหลวงปู่ทวด มีจิตศรัทธาร่วมบุญสมทบทุนสร้างบางส่วน เพื่อให้สำเร็จเร็วขึ้น
    ทางชมรมคนรักหลวงปู่ทวด จะจัดสร้างพระที่ระลึกในวันวิสาขะบูชา โดยพระที่จะจัดสร้างเป็นพระทรงเครื่องศิลปะลพบุรี เเท้ๆ ด้านหลังองค์พระเป็นเจ้าพ่อพระกาฬ อันหมายถึงพระนารายณ์ พระคู่บ้านคู่เมืองลพบุรี นั่นเอง เเละ

    ชนวนมวลสารเป็น สัมฤทธิ์ลพบุรีพันปีที่ขุดพบ พร้อมชินโบราณ อายุพันปี รวมทั้งมวลสารชนวนพระกริ่งนับสิบๆรุ่นตั้งเเต่ยุคสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ มาถึงปัจจุบัน เเละบรรจุผงมหามงคลสำคัญ เเละ อัฐิธาตุ หลวงพ่อรุ่ง วัดเชิงท่า ลพบุรี












    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ในปี พ.ศ. 2457 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส โปรดให้พระอธิการรุ่ง เจ้าคณะหมวดวัดเชิงท่าเป็นพระครูเจ้าคณะแขวงเมือง ลพบุรีที่พระครูโวทานสมณคุต </CENTER>

    (หลวงพ่อรุ่ง ท่านเป็นพระอุปัชฌาจารย์ของ หลวงปู่ถม เเละท่านเองเป็นพระเกจิเเละสหธรรมิก หลวงพ่อสาย วัดพยัคฆาราม หลวงพ่อเนียม วัดเสาธงทอง หลวงพ่อก๋ง วัดเขาสมอคอน )


    วัตถุประสงค์การจัดสร้างพระกริ่งนารายณ์รุ่งเรือง

    ลักษณะพระกริ่งทรงลพบุรี
    1เพื่อหาเงินสร้างพระประธาน วัดธาตุน้อย นครศรีธรรมราชหน้าตัก39นิ้วเนื้อทองเเดง งบประมาณ4เเสนบาท
    2เพื่อหาเงินซื้อเตาเผาศพไร้ควัน ถวายวัดเชิงท่าลพบุรี งบประมาณ1ล้านบาท



    เหลืออีกสิบกว่าวันจะถึงเวลาหล่อพระกริ่งในวันวิสาขบูชาเเล้วนะครับไม่นานเลยหากใครศรัทธาจะจองรีบๆจองกันนะครับเพราะสามารถระบุหมายเลขประจำองค์พระกริ่งได้เลยที่บอกว่าต้องรีบๆกันหน่อยเพราะเดี๋ยวจะเหมือนพระกริ่งรุ่นก่อนๆอาทิ พระกริ่งดีหลวงพระกริ่งนรรัตน พระกริ่งพุทธสโรที่ตอนเเรกตอนจองใหม่ๆคนส่วนใหญ่ไม่สนใจกันพอช่วงท้ายๆบางคนน่าเสียดายมากเพราะตัดสินใจช้าพระกริ่งเลยหมดเรียบร้อยกลายเป็นตำนานไปเสียเเล้วเเละการสร้างพระกริ่งทุกครั้งที่สร้างเราไม่เคยสุกเอาเผากินเราหล่อพระกริ่งครั้งนี้เป็นดินไทยเเท้ๆ ห้ามพลาดจริงๆหมดจากครั้งนี้ไปจะหยุดสร้างพระกริ่งในนามชมรมคนรักหลวงปู่ทวดเเละคนวังหน้าไปอีกสามปีเต็มๆจึงขอบอกว่า ต้องอย่ากระพริบตาเลยทีเดียวบอกได้คำเดียวว่ารุ่นนี้ไม่ธรรมดา

    ตอนนี้พระกริ่งมีอยู่สองอย่างเท่านั้นคือ

    พระกริ่งนารายณ์รุ่งเรืองเนื้อนวโลหะก้นเงิน
    มอบให้ผู้ทำบุญ7000บาท

    พระกริ่งนารายณ์รุ่งเรืองเนื้อนวโลหะก้นทองเเดง
    มอบให้ผู้ทำบุญ5000บาท

    เหตุผลที่พระกริ่งเเพงกว่าที่อื่นเพราะ

    ประการเเรกพระกริ่งที่เททองหล่อในครั้งนี้เป็นการเททองหล่อพระกริ่งดินไทยค่าใช้จ่ายต่อองค์สูงมากๆ หล่อดินไทยเเท้ พอกทาด้วยขี้วัวจริงๆไม่ได้เทเเบบดินฝรั่งหรือเทเเบบปูนหรือคราบเเป้งขาวๆเเล้วบอกว่าดินไทยของเราต้องดินไทยจริงๆ

    ประการที่สองพระกริ่งทั้งหมดเททองในมณฑลพิธีไม่ได้มีพระกริ่งเททองหล่อที่โรงงานดังนั้นค่าใช้จ่ายเททองนอกสถานที่คือโรงงานจะมีราคาเเพง

    ประการที่สามพระกริ่งเททองในครั้งนี้เป็นเนื้อนวโลหะทั้งหมดที่ให้ทำบุญต้องใส่เม็ดเงินบริสุทธิ์ซึ่งมีราคาเเพงมามีทองคำ เป็นต้น มีเเร่จ้าวน้ำเงินชินเงินจากกรุที่ต้องไปหารวบรวมด้วยเงินส่วนตัวเองไม่ได้เอาเงินกองกลางก็มากโขอยู่

    ประการที่สี่จะนำเงินที่ได้หลักจากหักค่าใช้จ่ายในพิธีทั้งหมดนำเงินไปจ่ายช่างในการสร้างพระประธาน วัดธาตุน้อย เเละ ซื้อเตาเผาไร้ควันถวายวัดเชิงท่า

    เราสร้างครั้งนี้เพื่อหาเงินตามวัตถุประสงค์ บุญเเท้ๆดังที่ได้เห็นจากครั้งก่อนที่เราทำบุญกันจริงๆลองดูกระทู้เก่าๆนะครับว่าเราเป็นอย่างไรกันเราสร้างด้วยความศรัทธา ทุ่มเทจึงอยากให้ผู้ที่จะมาเช่าพระทราบด้วยว่า ท่านเองโชคดีที่ได้ทำบุญเเท้ๆเเละได้ของดีจริงๆ อีกหน่อยก็กลายเป็นตำนาน

    จะบริจาคอย่างเดียวโดยไม่รับพระก็ได้นะครับติดต่อสอบถามรายละเอียดที่

    0819299151

    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->ถ้าต้องการบูชาวัตถุมงคล
    กรุณาโอนเข้าบัญชีของนายเเพทย์ประพล เองชวนโรงพยาบาลสงขลา
    ซึ่งท่านเองเป็นอาจารย์เเละเป็นประธานชมรมคนรักหลวงปู่ทวด

    ชื่อบัญชี นายประพลเองชวน
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย
    สาขา โรงพยาบาลสงขลา
    เลขที่บัญชี 980-1-06355-6<O:p</O:p
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2010
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    ชนวนมวลสารเนื้อนวโลหะพระกริ่งนารายณ์รุ่งเรือง
    1 ชนวนพระกริ่งพรหมมุณี ของสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์
    2 ชนวนพระชินราชเกาหลีของเจ้าคุณศรีสนธิ์
    3 ชนวนพระกริ่งยอดฟ้ายอดยิ่งยศ
    4 ชนวนพระกริ่งดีหลวง
    5 ชนวนพระกริ่ง ส.โสภณ
    6 ชนวนพระกริ่งฤาษี
    7 ชนวนพระกริ่งชินะปุตโต
    8 ชนวนพระกริ่งวังหน้าพระยาเสือ
    9 ชนวนพระกริ่งมหาสุรสิงหนาท (รัตนมาลา)
    10 ชนวนพระกริ่งพุทธสโร
    11 ชนวนพระกริ่งนรรัตน
    12 ชนวนหล่อพระหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ วัดดีหลวง วัดเเคราชานุวาส
    13 ชินเงินก้อนกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ค้นพบพระหูยาน
    14 ชินเงินก้อนกรุวัดพระพุทธบาท สระบุรี
    15 ชิ้นส่วนพระหูยาน ชินเงิน
    16 ชิ้นส่วนชินเงินพระเเผงอยุธยา
    17 จ้าวน้ำเงินอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา เขาอ้อ
    18 จ้าวน้ำเงิน ที่ค้นพบในลพบุรี อายุนับพันปี
    19 ตะปูสังฆวานร เนื้อชิน จากวัดในอยุธยา
    20 เหล็กยอดพระธาตุพนม

    เเละยังมีมวลสารอื่นๆอีกจำพวกเหรียญเเละตะกรุดเก่าเเก่อีก
     
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    เหตุที่มาพระนามพระกริ่งนารายณ์รุ่งเรือง
    เริ่มเเรกทีเดียวต้องบอกว่าการสร้างพระกริ่งของข้าพเจ้านั้นไม่เคยมีในความคิดเลยริเริ่มจากท่านอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ท่านให้ความเมตตามากให้การเเนะนำให้สร้างพระกริ่งครั้งเเรกชื่อพระกริ่งยอดฟ้ายอดยิ่งยศเเละพระกริ่งได้สร้างมาอย่างต่อเนื่องอีกหลายรุ่น ซึ่งนับว่าการสร้างพระกริ่งเเบบโบราณนับว่าหาได้ยากยิ่งโดยส่วนใหญ่ทุกรุ่นยกเว้นเเต่พระกริ่งวังหน้าพระยาเสือที่เป็นพระเหวี่ยงนอกนั้นพระกริ่งที่ผมสร้างทุกรุ่นเป็นพระกริ่งเททองดินไทยเเบบโบราณขนานเเท้ ซึ่งต้องบอกว่าค่าใช้จ่ายต่างๆสูงมากเเละหล่อในพิธีทุกองค์ นอกจากนี้เเล้วพระอาจารย์ของผมคือพระเดชพระคุณพระครูโสภณธรรมรัต หรือหลวงพ่อถม ท่านเป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเเน่นอนว่าท่านเองมอบมวลสารชนวนพระกริ่งให้ไว้เป็นมรดก
    นับจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อถม ท่านสิ้นไปผมเองได้สร้างพระกริ่งนรรัตน พระกริ่งพุทธสโร เเละ พระกริ่งมหาสุรสิงหนาท ที่ วัดเทพศิรินทราวาส เเละล่าสุดคือ พระกริ่งวังหน้าพระยาเสือ เสาร์ห้า ที่นำปัจจัยไปสมทบทุนสร้างพระเจดีย์วัดหนองโพ

    พระกริ่งที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้อัญเชิญพระนามของพระนารายณ์อันเป็นพระนามของทั้งหนึ่งในตรีมูรติเเละ พระมหากษัตริย์อันเป็นมหาราชของประเทศไทย รวมทั้งนามมหามงคลของหลวงพ่อรุ่ง วัดเชิงท่า ผนวกเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นกำลังใจในการบูชาสักการะว่าจะได้เป็นกำลังของเเผ่นดินเเละทำอะไรก็เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2010
  6. กีรติศักดิ์

    กีรติศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +848
    อยากดูแบบพระกริ่งครับ
     
  7. krisadapran

    krisadapran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +113
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญ

    ผมขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณหมอสำหรับงานบุญครั้งนี้ด้วยครับ
     
  8. หมาน้อย50

    หมาน้อย50 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +162
    ขอร่วมฝากกระแสบุญ...
    และขออนุโมทนาบุญกับหมอฟอร์ดและทุกท่านด้วยครับ...สาธุ...
     
  9. ลูกคนที่ 62

    ลูกคนที่ 62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +21,538
    ลพบุรีหรือครับ บ้านผมเองแหละครับ....
    ...
    ทำพิธีที่ไหนครับพี่....
    ...มวลสารดีมากครับผม...

    ...อนุโมทนาด้วยนะครับ...
     
  10. ลูกคนที่ 62

    ลูกคนที่ 62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +21,538
    ขนาดองค์พระและพิมพ์พระเป็นอย่างไรครับพี่....
     
  11. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    รูปทรงเป็นรูปแบบพระกริ่ง ปางสมาธิ ทรงเครื่องโบราณศิลปลพบุรี ด้านหลังพระกริ่งซ้อนด้วยเจ้าพ่อพระกาฬ ปางยืน บรรจุมวลสารที่ใต้ฐานพระ มวลสารสายอินเดีย สายหลวงปู่ทวด สายลพบุรี อัฐิหลวงพ่อรุ่ง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ พระกริ่งนารายณ์รุ่งเรือง วัตถุประสงค์ จัดสร้าง เพื่อหล่อพระประธาน และ สมทบทุนสร้างเมรุเผาศพ ครับ:cool::cool::cool:
     
  12. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เนื่องด้วยทางชมรมคนรักหลวงปู่ทวดได้รับเป็นเจ้าภาพ สร้างพระประธาน หน้าตัก 39 นิ้ว ด้วยเนื้อทองเเดงบริสุทธิ์ เพื่อประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดธาตุน้อย พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ รับเป็นเจ้าภาพทั้งองค์



    อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป<!-- google_ad_section_end -->




    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--zone = "15";url = "http://ads.palungjit.org";//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://ads.palungjit.org/show.js" type=text/javascript></SCRIPT>
    ถาม-การหล่อหรือสร้างพระพุทธรูปมีอานิสงส์(บุญกุศล)มากน้อยแค่ไหนคะ?

    ตอบ-

    1)สร้างพระ 1 องค์ ได้อานิสงส์ 5 กัป(หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)....ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง 5 กัป........

    2)หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า"การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือ ว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก(เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่า คนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก" เพราะบัญชีสีทอง หลวงพ่อฯบอกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องโมทนาหมด......

    3)ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้า จะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน(หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว)......

    4)การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้น จะเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีผู้มากราบไหว้ สักการะบูชา เท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง (หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา).......

    5)การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทาน ในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี"ความเห็นตรง เห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่า เป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

    6)ถวายสังฆทาน 100 ครั้ง อานิสงส์ไม่เท่ากับถวายวิหารทาน 1 ครั้ง......

    ----------------------------------------------------------------------

    การสร้างพระ - หลวงปู่ดู่

    หลวงปู่เคยเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า การสร้างพระพุทธรูปนั้น จะมีอานิสงส์มาก แม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าคา ก็จะมีอานิสงส์ถึง 5 กัป หลวงปู่ยกตัวอย่างเช่น คนที่สร้างหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อไร่ขิง ตอนนี้เขาเหล่านั้นยังเป็นเทพบุตรเทพธิดา และพรหมในชั้นต่าง ๆ เสวยความสุขอย่างไม่มีจบสิ้น เพราะผลบุญที่ได้นี้มันต่อเนื่อง เมื่อมีคนไปกราบไปไหว้หลวงพ่อที่หนึ่ง สายบุญเหล่านั้นก็จะไหลไปยังเทพบุตรเทพธิดาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำตก แกก็ลองนึกดูเถิดว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนไปกราบหลวงพ่อเหล่านั้นมากเพียงไร ลูกศิษย์หลวงปู่เป็นส่วนมากจึงชอบสร้างพระเพราะหลวงปู่ไม่ได้กำหนดให้ผู้ใดผู้หนึ่ง ผูกขาดในการสร้างของท่าน คณะใดกลุ่มใดมีศรัทธาจะสร้างเพื่อเป็นกุศลต่อตนเองและส่วนรวม หลวงปู่ก็จะอนุญาตอยู่เสมอและหลวงปู่จะอนุโมทนาต่อเขาเหล่านั้นเป็นอย่างดี

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์นั่งรวมกันอยู่ 10 กว่าคน มีคนหนึ่งพูดว่า พระขาวท่านนั่งตากแดดตากฝนมานานแล้ว พวกเขาควรสร้างศาลาครอบพระขาวไว้เพื่อเป็นมหากุศล บ้างก็ว่าจะทอดพระป่าสร้างสิ่งต่าง ๆ มาทำบุญ แต่ในคนเหล่านั้นมีคุณช้าง ราชดำเนิน ได้กราบหลวงปู่ และได้บอกหลวงปู่ดู่ว่า กระผมจะสร้างพระชุดหนึ่ง เพื่อนำเงินมาสร้างศาลาครอบพระขาว หลวงปู่จึงอนุโมทนาบุญด้วย และบอกว่ามีแผ่นชนวนอยู่ตรงนี้ที่ต้นเสาข้าง ๆ หลวงปู่ จำนวน 4,800 แผ่นซึ่งหลวงปู่ปลุกเสกไว้นานหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นของป้าสอิ้ง ที่จะนำไปสร้างพระแตกแต่ยังไม่นำไปสร้างซะที หลวงปู่บอกว่า ตาช้างเอาไปก่อน แล้วค่อยหาแผ่นใหม่มาใช้ให้ยายสอิ้ง ซึ่งยายสอิ้งอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ยายสอิ้งจึงอนุโมทนากํบคุณช้างด้วยเลย

    การสร้างพระกริ่งนี้ เป็นพระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ ๆ เมตตาเป็นพิเศษ ให้ฤกษ์เทพระกริ่งด้วยตนเองโดยให้ฤกษ์ว่า เริ่มเทได้ด้วยวันเพ็ญเดือน 12 เวลาย่ำรุ่งตอนพระออกบิณฑบาตร การสร้างพระกริ่งในครั้งนั้น คุณช้าง ราชดำเนิน ได้ให้ช่างที่มีฝีมือดี แกะพระกริ่งเป็นหน้าเชียงแสน ลำตัวอ้วนและแข็งแรงดูแล้วเข้มขลังเป็นอย่างมากสร้างพระชัยอีก 1 องค์ หล่อแบบโบราณโดยการเทในวัดรวกสุทธาราม เมื่อหล่อเสร็จสิ้นแล้ว จึงนำไปให้หลวงปู่อุดใต้ฐานพระด้วยผงกัมมฐานมหาจักรพรรดิ์ และเกศาของหลวงปู่ ปิดกั้นด้วยแผ่นทองแดง หลงงปู่จารย์ที่แผ่นทองแดงใต้พระกริ่ง แล้วหลวงปู่เมตตาตั้งชื่อกริ่งนั้นว่า พระกริ่งไตรสรณคมณ์ พระชัยไตรสรณคมน์ พระไพรีพินาศไตรสรณคมณ์ ส่วนมากลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดและปฏิบัติได้ดีแล้ว ผู้ที่เข้าถึงไตรสรณคมณ์ จะชอบพระกริ่งชุดนี้เป็นอย่างมากเพราะเมื่อนำไปใช้แล้ว สามารถปฏิบัติได้เป็นอย่างดี บ้างก็ว่าพระกริ่งและพระชัยที่หลวงปู่สร้างนี้ อธิษฐานใช้ทำให้เปิดได้ไปทั้ง 3 โลก จะใช้อะไรก็อธิษฐานได้ตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในทำนองคลองธรรม มีคนไปถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ พระของหลวงปู่นั้นมีเสื่อมไหม?" หลวงปู่ตอบให้ฟังว่า "หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง ท่านอธิษฐานพระของท่านให้เสื่อมเมื่อสิ้นพุทธศาสนา แต่พระข้า ขออธิษฐานว่า ถ้าละลายกลายเป็นน้ำเมื่อใด เมื่อนั้นหละแก ก็จะหมดพุทธานุภาพ" แม้หลวงปู่จะไม่สรรเสริญให้ลูกศิษย์ติดวัตถุมงคลให้ยึดการปฏิบัตให้ออกจากการพ้นทุกข์แต่หลวงปู่ก็บอกว่า พวกแกติดวัตถุมงคลดีกว่าไปติดวัตถุอัปมงคล

    ข้อมูลจาก หนังสือนะโภคทรัพย์

    ----------------------------------------------------------------
    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

    คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี เกี่ยวกับอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

    การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในกรรมฐานจัดว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน (การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์) ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก

    การสร้างพระถวายด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมากเป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    "พุทธะปูชา มะหาเตชะวันโต" แปลว่า "การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก"

    การสร้างพระพุทธรูปนี่เป็นพุทธบูชาเป็นพุทธานุสสติในกรรมฐาน ๔๐ กอง ท่านบอกว่ากำลังของพุทธานุสสติเป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ากองอื่นก็เห็นจะจริง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่นิพพานนี่ และท่านก็เป็นต้นตระกูลของพระนิพพาน ทีนี้เมื่อเราต้องการสร้างพระพุทธรูปให้สวยตามที่เราชอบเห็นแล้วก็ทำให้จิตใจสดชื่น จิตมันก็นึกถึงพระอยู่เสมอ ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอยู่เสมอก็จัดเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าใจเราเกาะพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ตายแล้วลงนรกไม่เป็น ฉะนั้นถ้าเราชอบพระแบบไหนปางไหน ก็ให้สร้างอย่างที่เราชอบจิตจะได้เกิดศรัทธา

    หลวงพ่อปานวัดบางนมโคแนะนำว่าควรหันหน้าพระบูชาไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ไม่ควรหันหน้าพระบูชาไปทางทิศตะวันตก หรือทิศใต้ เพราะจะทำให้สตางค์ไม่เหลือใช้

    ส่วนอานิสงส์การสร้างแท่นพระนั้น ก็มีอานิสงส์เหมือนกับการสร้างพระพุทธรูป คือแท่นพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้เต็ม อย่างที่นางวิสาขาหรือพระสิวลีได้เคยทำมาในอดีตชาติ อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก จะเกื้อหนุนให้รวย วาสนาบารมีสูง การสร้างแท่นพระหนุนพระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้สูงน่ะ จะทำให้ฐานะของเราดีขึ้น

    ครั้งหนึ่งมีญาติโยมถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำเรื่องการชำระหนี้สงฆ์ว่าถ้าหากนับรวมหลาย ๆ ชาติเราไม่รู้ว่าเคยล่วงเกินของสงฆ์มามากน้อยเท่าไหร่ จะทำอย่างไรจึงจะชำระหนี้สงฆ์ได้หมด หลวงพ่อท่านกำหนดสมาธิจิตถามพระพุทธเจ้า ก็ปรากฏนิมิตเป็นพระพุทธเจ้าลอยมาตอบคำถามท่านว่า "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วนเป็นเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก" พระหน้าตัก ๔ ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้ว ๆ มา ถือเป็นการหมดกันไป" เมื่อถามว่าการสร้างพระองค์หนึ่งชำระหนี้สงฆ์ได้คนเดียวหรือกี่คน ท่านก็บอกว่า "ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" คำว่า "คณะ" หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่าชำระหนี้สงฆ์เก่า ๆ ได้หมด แต่ถ้าสร้างหนี้ใหม่ต่อก็เป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ

    เวลาถวายสังฆทานเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ตาย อย่างน้อยควรมีพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๕ นิ้วขึ้นไป ผู้ที่อนุโมทนารับบุญรับกุศลจะมีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือพรหมเขาแบ่งฐานะกันตามความสว่างของร่างกาย ไม่ได้ดูที่เครื่องแต่งตัว ถ้ามีผ้าจีวรด้วย ผู้อนุโมทนาจะมีเครื่องประดับสวยงามกว่าเดิม ถ้ามีอาหารด้วย ความเป็นทิพย์ของร่างกายจะดีกว่าเก่า

    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป นำมาจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑" โดยพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี จัดทำโดย เจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์

    --------------------------------------------------------------

    อานิสงส์ สร้างพระพุทธรูป

    พระราชสุทธิญาณมงคล

    พระพุทธรูป หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าพระรูปของพระพุทธเจ้า การสร้างพระพุทธรูปจะมีอานิสงส์อย่างไรบ้าง? การสร้างพระพุทธรูปมีอานิสงส์มากมายหลายประการ เหลือที่จะนับจะประมาณได้ จะขอยกมาแสดงไว้ในที่นี้แต่พอเป็นตัวอย่าง หรือพอเป็นแนวทางเท่านั้นคือ

    ๑. ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าได้บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการคือ

    ๑) ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน หมายความว่า ผู้นั้นต้องเอาพระพุทธรูปไปถวายพระสงฆ์ไว้ในวัดใดวัดหนึ่ง เพื่อให้ภิกษุสามเณรหรืออุบาสกอุบาสิกาได้กราบไหว้สักการะบูชา และก่อนที่จะได้ถวายตัวเองก็ต้องบริจาคเงินสร้างหรือเช่ามาแล้วนี้เป็นทานมัยกุศลชั้นต้น ต่อมาก็มีการเฉลิมฉลองอีก ตัวเองก็บริจาคจตุปัจจัยไทยทานถวายพระทำบุญ นี้เป็นทานมัยกุศลชั้นที่ ๒ ถึงแม้ว่าจะสร้างไปไว้ที่บ้านเพื่อสักการะบูชา ก็ต้องปฏิบัติในทำนองเดียวกันนี้ ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อวาได้บำเพ็ญทานมัยกุศลไปด้วย

    ๒) ศีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล หมายความว่า ก่อนแต่จะทำการถวายทานหรือถวายพระพุทธรูป เจ้าภาพก็ต้องสมาทานศีลเสียก่อน ศีลที่สมาทานคราวนี้เกิดขึ้นเพราะการสร้าพระพุทธรูปเป็นปัจจัย ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูป จึงชื่อว่าได้บำเพ็ญศีลมัยกุศลไปด้วย

    ๓) ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา คำว่าภาวนานั้นมีสองอย่างคือ สมถภาวนา ๑ วิปัสสนาภาวนา ๑ การได้เห็นพระพุทธรูปด้วยตาได้กราบได้ไหว้ด้วยกาย ได้เปล่งวาจาระลึกถึงพระพุทธคุณ ใจก็น้อมนึกไปตาม ว่าผู้นั้นได้เจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน จัดเป็นสมถกรรมฐานเป็นมหากุศล ตายด้วยจิตดวงเดียว อย่างต่ำต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ อย่างกลางสามารถไปเกิดในสวรรค์ อย่างสูงสามารถไปสู่พระนิพพานได้ ดังพระปิติมัลละเถระเป็นตัวอย่าง คือพระเถระนั้นได้กวาดลานวัดแต่เช้าตรู่ ได้เห็นพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้า ซึ่งเทวดานฤมิตนั้นขึ้น พอท่านเห็นก็เกิดปีติแล้วยกปีติขึ้นพิจารณา เจริญวิปัสสนากรรมฐานได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญภาวนากุศลไปด้วย

    ๔) อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้เจริญโดยคุณ โดยวัย โดยชาติ การไหว้พระพุทธรูป ไหว้พระสงฆ์ หรือไหว้ผู้แก่กว่า ชื่อว่าได้ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้เจริญ จัดเป็นบุญกิริยาวัตถุ ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญอปจายนมัยกุศลไปด้วย

    ๕) ไวยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายในกิจที่ชอบ หมายความว่า ในการสร้างพระพุทธรูปนั้น จะต้องอาศัยคนเป็นจำนวนมาก การวิ่งเต้นช่วยกันในงานหล่อพระในงานฉลองพระ เป็นต้น ถือว่าเป็นมหากุศลมีผลไม่น้อย เช่น พระเจ้าจันทปัชโชติ พระไวยาวัจจกเถระ เป็นตัวอย่างดังนี้คือ
    ก. พระเจ้าจันทปัชโชติ ได้ช่วยนายรับบาตรพระมาใส่อาหารและนำกลับไปถวายพระ ปรารถนาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และปรารถนาให้มียานพาหนะดี เดินทางได้วันละหลายๆ โยชน์ และปรารถนาให้ตนมีอำนาจวาสนามาก ครั้นตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีนามว่า พระเจ้าจันทปัชโชติสมความปรารถนา

    ข. พระไวยาวัจจกเถระ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระวิปัสสี ท่านเป็นผู้ช่วยเหลือในกิจการของวัดและได้ช่วยเหลือในงานทำบุญต่างๆ ตายจากชาตินั้นได้ไปเกิดในสวรรค์ จุติมาเกิดเป็นพระราชาได้ออกบวชเจริญวิปัสสนากรรมฐานสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แตกฉานในปฏิสัมภิพาทั้ง ๔ ได้วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญไวยาวัจจมัยกุศลไปด้วย

    ๖) ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ หมายความว่า ผู้ที่ได้สร้างพระพุทธรูปจำเป็นอยู่เองที่จะบอกญาติสนิทมิตรสหายให้ทราบ เพื่อร่วมอนุโมทนาในการฉลองพระ การถวาย เป็นต้น นอกจากนั้นยังจะต้องอุทิศส่วนกุศลส่วนบุญให้แก่บิดามารดาปู่ย่าตายาย ท่านผู้มีพระคุณ เทพบุตร เทพธิดา เป็นต้นอีก ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญปัตติทานมัยกุศลไปด้วย

    ๗) ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ หมายความว่า เมื่อผู้สร้างพระพุทธรูปได้บอกบุญแจ้งข่าวแก่ญาติมิตรแล้ว ญาติมิตรเหล่านั้นก็จะต้องพากันอนุโมทนาต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อผู้อื่นมาอนุโมทนาท่านเจ้าภาพก็พลอยปลื้มปีติอนุโมทนาสาธุการตอบอีก การปฏิบัติอย่างนี้ จัดเป็นมหากุศลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญปัตตานุโมทนามัยกุศลไปด้วย

    ๘) ธัมมัสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม หมายความว่า ในการสร้างพระพุทธรูปนั้น เจ้าภาพบางคนก็ได้นิมนต์พระไปสวดชะยันโต เจริญพระพุทธมนต์ แสดงธรรม และเจ้าภาพบางคนได้พิมพ์หนังสือธรรมแจกเป็นธรรมทานในงานฉลองพระ เป็นต้น การปฏิบัติเช่นนี้ ชื่อว่าได้ให้ธรรมเป็นทานด้วย ตัวเองและผู้ได้มาร่วมงานก็ได้ฟังธรรมไปด้วย ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูป จึงชื่อว่าได้บำเพ็ญธัมมัสวนมัยกุศลไปด้วย

    ๙) ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม หมายความว่า การที่พระสงฆ์ได้มาสวดมนต์สวดชะยันโต หรือแสดงธรรมนั้น ก็เพราะเจ้าภาพเป็นผู้อาราธนามา นี้ชื่อว่าเจ้าภาพได้บุญอันสำเร็จจากการแสดงธรรมแล้ว ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูป จึงชื่อว่าได้บำเพ็ญธัมมเทสนามัยกุศลไปด้วย

    ๑๐)ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง หมายความว่า กุศลนั้นมีอยู่ ๔ ชั้นคือ
    ๑.กุศลชั้นกามาวจร ได้แก่ มหากุศลต่างๆ มีการสร้างพระพุทธรูป ถวายทาน สร้างศาลา ฟังธรรม แสดงธรรม เป็นต้น
    ๒.กุศลชั้นรูปาวจร ได้แก่ การเจริญสมถกรรมฐาน เช่น พุทธานุสสติ เป็นต้น
    ๓.กุศลชั้นอรูปาวจร ได้แก่ การเจริญอรูปกรรมฐาน ๔ มีอากานัญจายตนะ เป็นต้น
    ๔.กุศลชั้นโลกุตตระ ได้แก่ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทานในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นตรงเห็นถูกแท้ เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย

    ๑.ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท
    ๒.ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าเป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย

    ---------------------------------------------------------------------
    ก า ร ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป จ ะ ไ ด้ บุ ญ อ ย่ า ง ไ ร ?

    อาจารย์เสถียร โพธินันทะ

    พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    จัดเป็นปูชนียวัตถุสูงสุด ผู้สร้างพระพุทธรูปจะได้ประโยชน์ ดังนี้

    ๑.ได้บุญตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดสร้าง
    อันประกอบด้วยศรัทธาในพระพุทธองค์จัดเป็น ตถาคตโพธิศรัทธา

    ๒. เมื่อบริจาคทรัพย์ในการสร้างจัดเป็น ทานบารมี

    ๓. เมื่อขวนขวายติดตามตลอดงานจัดสร้างพระปฏิมา
    จัดเป็นกุศลส่วน วัยยาวัจจมัย

    ๔ .เมื่อองค์พระปฏิมาสำเร็จสมบูรณ์ ได้เป็นที่ตั้งแห่งความตามอนุสรณ์
    ถึงพระพุทธคุณทั้งตนเองด้วย ทั้งผู้อื่นด้วย
    กุศลจะเกิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อาศัยพระพุทธปฏิมา

    ๕. อำนาจแห่งกุศลที่สร้างพระพุทธปฏิมา
    ส่งผลให้ได้เกิดเป็นคนรูปงาม
    มีบุคลิกสง่าเป็นที่เคารพรักใคร่ของประชาชน
    และมีอิสริยยศ บริวาร ทรัพย์สมบัติ
    ตลอดจนความสุขสถาพร ไม่เป็นโรควิกลวิกาล

    ๖. ปิดอบายภูมิ และส่งให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิทันทีในสมัยกาลมรณะแล้ว
    หากมีอารมณ์ในกุศลกิจนั้นปรากฎให้จิตก่อนจุติ

    ๗. เป็นการส่งเสริมพุทธศิลป์ให้เจริญแพร่หลาย
    พุทธศิลป์นั้นในชนที่เจริญทางสติปัญญา
    เขายกย่องว่าเป็นศิลปะอันสุขุมประณีตละเอียดอ่อน
    เป็นสัญญลักษณ์แห่งสันติธรรม และปัญญาธนบริสุทธิ์

    (ที่มา : "การสร้างพระพุทธรูปจะได้บุญอย่างไร" ใน สำนักพุทธรัตนประทีป
    ศูนย์เผยแพร่พุทธศาสนา ๒๕ ศตวรรษ โดย เสถียร โพธินันทะ, หน้า ๑๒๔-๑๒๕)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  13. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ทางวัดเชิงท่า ลพบุรี จะสร้างเมรุไร้ควัน ทางชมรมรักหลวงปู่ทวด มีจิตศรัทธาร่วมบุญสมทบทุนสร้างบางส่วน เพื่อให้สำเร็จเร็วขึ้น


    อานิสงส์การสร้างเมรุ<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--zone = "15";url = "http://ads.palungjit.org";//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://ads.palungjit.org/show.js" type=text/javascript></SCRIPT>
    เจริญพรญาติโยมทุกท่าน วันนี้อาตมามีเรื่องราวของการสร้างคุณงามความดี ที่สามารถประดับไว้ในบวรพุทธศาสนาอย่างมั่นคงถาวร และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถือเป็นมหากุศลยิ่งใหญ่ คือการสร้างฌาปนสถาน หรือที่เผาศพถาวร ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าเมรุนั่นเอง

    เมื่อพิจารณาโดยเหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่ร่วมกันสร้างฌาปนสถาน ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์ประชาชนทั่วไป เพื่อรักษาความสะอาด ลดมลภาพิษ ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม และเพื่อหวังบุญกุศล

    ที่สำคัญคนเรามีฐานะไม่เหมือนกัน บางคนมี บางคนจน แต่คนจนมีมากกว่าคนมี คนมีได้อาศัยคนจนในด้านกำลังกาย เหมือนคนมีเงินรวมทุนกันตั้งโรงงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องอาศัยกรรมกรจำนวนมากใช้ในโรงงานนั้น ถ้าคนจนไม่ให้ความร่วมมือ โรงงานนั้นก็เปิดดำเนินการไม่ได้ เพราะเครื่องจักรก็ต้องใช้คนเดินเครื่อง คนจนก็อาศัยคนมีในด้านการเงิน

    ฉะนั้น การสร้างเมรุขึ้นไว้ในวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนิกชน จึงเป็นการสงเคราะห์อนุเคราะห์แก่บุคคลทั่วๆ ไป ผู้หวังพึ่งพาอาศัยจะได้เผาตนและบริวารชนของตนที่ตายให้สิ้นซากตามประเพณี

    อันการสร้างฌาปนสถานหรือเชิงตะกอนที่สำหรับเผาศพนี้ไม่ได้มีแต่ปัจจุบัน แม้แต่อดีตก็มีผู้สร้างมาแล้ว แต่รูปร่าง ลักษณะ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการของโลก

    ในคัมภีร์ขุททกนิกาย อุปทาน แสดงไว้ว่า พระอรหันต์รูปหนึ่งได้ประกาศบุพกรรมของตนแก่เพื่อนพรหมจรรย์ว่า เมื่อมหาชนทั้งหลาย สร้างเชิงตะกอนที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมมุตตระ เรามีจิตเลื่อมใสได้ช่วยเหลือและถวายเครื่องหอมเพื่อการนั้น มุ่งบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์นั้น

    ด้วยอานิสงส์ที่ได้ร่วมกุศลในการสร้างเชิงตะกอนนั้น ทุกชาติที่เกิดไม่เคยประสบความทุกข์เพราะผลกรรมชั่ว และผลกุศลกรรมอันเกิดแก่การสร้างเชิงตะกอนนั้น เป็นเสมือนเพื่อนที่ดีคอยสะกิดไม่ให้ทำกรรมชั่ว และเตือนให้ทำกรรมดี ผลกรรมที่ข้าพเจ้าทำมาทุกชาติมีชาติสร้างเชิงตะกอนเป็นต้น เสริมส่งให้เกิดในศาสนาของพระบรมศาสดาของเราแล้วเกิดเลื่อมใสในเพศบรรพชิต จึงออกบวชเป็นภิกษุบำเพ็ญสมณธรรม และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญารูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา

    บุคคลตัวอย่างที่ยกมาแสดงนี้ เป็นพยานยืนยันว่าการสร้างที่เผาศพจะลักษณะใดราคามากน้อยเท่าใด สวยงามไม่สวยงามเพียงใดก็ตาม ถ้าผู้สละทรัพย์สร้างมีจิตใจมุ่งต่อบุญกุศลไม่ได้หวังผลอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นเครื่องตอบแทนและการทำนั้นเป็นกรรมสุจริต ผลิตผลในทางดีตามส่วนแห่งผู้รับและเจตนาของผู้ให้

    ความสะอาดเป็นของจำเป็นแก่ทุกๆ คนและสถานที่ คนเราถ้าสะอาดแต่เพียงร่างกายของตน ส่วนเครื่องใช้และสถานที่สกปรกก็ใช้ไม่ได้ ต้องสะอาดพร้อมทุกๆ อย่างจึงจะจัดเป็นคนสะอาด เฉพาะอย่างยิ่งการเผาศพ ถ้าเผากันเรี่ยราดไป ไม่มีที่เผาแน่นอน ความอากูลสกปรกก็จะเกิดขึ้น เป็นที่อุจาดตาของผู้ได้เห็น และอาจเป็นแหล่งให้เกิดโรคอย่างหนึ่งได้เพราะเนื้อหนังมังสาของคนเราพวกเราชอบในสมัยหนึ่ง และเกลียดกลัวในสมัยหนึ่ง คือสมัยที่ตาย ก่อนตายแม้จะรักใคร่พอใจอย่างใดก็ตาม เมื่อตายเน่าพองน้ำเหลืองไหล ส่งกลิ่นเหม็นเราเกลียดเรากลัว ไม่ต้องการเข้าใกล้ ต้องการเผาหรือฝังให้เสร็จๆ ไป เพียงเท่านี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเราต้องการความไม่มีโรค

    การที่ได้ร่วมกันสร้างฌาปนสถานก็เพราะมาพิจารณาเห็นผลดังกล่าวมาแล้ว และเป็นการเตรียมตัวก่อนตายทั้งฝ่ายโลกฝ่ายธรรม การสร้างเมรุถวายเป็นของสงฆ์ไว้ในวัด จัดเป็นทานและเป็นสังฆทาน มีผลไพศาลควรแก่อนุโมทนา และจัดว่าเป็นผู้ไม่ประมาท รีบทำบุญกุศลซึ่งจะเป็นที่พึ่งของตนทั้งปัจจุบันและในภพอื่น

    นึกขึ้นมาเมื่อใดก็ภูมิใจเมื่อนั้นว่า บุญกุศลอันเป็นสะเบียงก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะตนได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว การจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น ก็เหมือนการเดินทางไกลไปต่างถิ่นเป็นเวลานาน ชีวิตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย ก็ย่อมแตกดับไปตามกาลเวลา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า ภาชนะดินที่ช่างหม้อทำแล้ว ล้วนมีความแตกเป็นที่สุด ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น

    อนึ่ง การทำบุญใหญ่ด้วยการสร้างเมรุ เป็นบุญวิธีพิเศษที่มุ่งการอนุเคราะห์ สงเคราะห์และบูชาคุณ เรียกว่า เป็นการสร้างสถานมรณานุสรณ์ อนุสรณ์ระลึกนึกถึงความตาย ทำให้เป็นคนไม่ประมาทขาดสติ จิตเป็นสมาธิ จัดเป็นธรรมวิทยาทานว่าด้วยอภิณหะปัจจะเวกขะณะ คือหลักพิจารณาสัจจะชีวิต 5 ประการ คือ 1 เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่สามารถล่วงพ้นความแก่ไปได้ 2 เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่สามารถล่วงพ้นความเจ็บไปได้ 3 เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่สามารถล่วงพ้นความตายไปได้ 4 เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้นไป 5 เรามีกรรมเป็นของตัว ทำดีได้รับผลดีทำชั่วได้รับผลชั่ว

    และเมื่อสร้างเมรุด้วยศรัทธา โดยเคารพ ในโอกาสอันสมควร ทำด้วยจิตอนุเคราะห์สงเคราะห์บูชาคุณและไม่เป็นการกระทบกระทั่งตนและคนอื่น ย่อมมีอานิสงส์มหาศาล คือเป็นผู้ประกาศความเป็นญาติธรรมให้ชาวโลกได้เห็นเป็นประจักษ์ เป็นผู้กระทำการบูชาอย่างโอฬารต่อท่านผู้ละโลกนี้ไปแล้ว เป็นผู้ถวายกำลังพระภิกษุสงฆ์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้สถาพร เป็นผู้ได้ชื่อว่ามีบุญมิใช่น้อยคอยเฝ้ารักษาตลอดไป

    อีกทั้งอานิสงส์ในปัจจุบัน คือจะเป็นคนอยู่ดีกินดี มั่งมีศรีสุข ไม่อยู่ร้อนนอนทุกข์ บริวารดี ไม่มีภัย โชคดีตลอดชีวิต......เจริญพร

    ++ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์(พระครูน้ำฝน)วัดไผ่ล้อม นครปฐม



    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  14. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พระกริ่งนารายณ์รุ่งเรือง ก้นเงิน และ ทองแดง ยังมีให้จองอยู่ ครับ



    2.เนื้อนวโลหะผสมชนวนสัมฤทธิ์ลพบุรี
    จัดสร้าง 56 องค์ ก้นเงิน
    มอบให้กับคนที่บริจาค 7000 บาท

    3.เนื้อนวโลหะ ก้นทองเเดง
    จัดสร้าง 108 องค์
    มอบให้กับผู้บริจาค 5000 บาท

    โทรจองหรือติดต่อสอบถามรายละเอียดที่

    0819299151<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  15. kaewmongkol

    kaewmongkol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +286
    ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดครับ:cool::cool:
     
  16. poenarak

    poenarak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    710
    ค่าพลัง:
    +3,209
    อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับงานบุญครั้งนี้ด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    แฟนพันธุ์แท้ งานนี้ไม่ควรพลาดครับ ได้ทั้งบุญใหญ่ และสุดยอดวัตถุมงคลด้วย
     
  18. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    เมื่อวานได้ไปกราบขอความเมตตาพระอริยเจ้าเเละพระผู้ทรงวิทยาคมอธิษฐานจิตมวลสารเป็นปฐมเเล้วนะครับ วันนี้จะลงภาพให้ชม เรียกได้ว่าพระชุดนี้ต้องสุดยอดจริง

    1.ท่านเเรก หลวงปู่ต่อ เจ้าอาวาสวัดเขาเเก้ว อายุ 92 ปีบวชเรียนกับพระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) เจ้าขณะแขวงนครสวรรค์ เเละยังเป็นศิษย์เก่าเเก่ของ หลวงพ่อกัน วัดเขาเเก้วเเละตัวท่านเองร่วมสมัยหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านเล่าให้ฟังว่าเจอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพที่วัดเขาเเก้วบ่อยเเต่สมัยนั้นเรียนจากหลวงพ่อกันมากกว่าไม่ได้เรียนโดยตรงจากหลวงพ่อเดิม ท่านบอกว่าชอบไสยเวทย์ตั้งเเต่เล็กชั้นประถมก็สะเดาะกลอนกุญเเจเเล้ว

    [​IMG]
    หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ 2434 อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ 2454 โดยมี หลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อกัน ท่านเป็นศิษย์เอก ยุคแรกๆของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดพุทธาคม ตลอดจนสรรพศาสตร์ต่างๆมาจนอย่างเข้มขลัง หลวงพ่อกัน มรณภาพ เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ 2513 มีอายุ 79ปี ได้รับการ ฌาปณกิจ เมื่อเดือน มีนาคม 2515
    2.ท่านที่สอง หลวงปู่อั้น วัดโรงโค อุทัยธานี
    [​IMG]

    [​IMG]
    ครูบาศรีวิชัยที่ หลวงพ่ออั้นเคยเดินตามถึง3เดือนเเละได้บางวิชชาจากครูบาเจ้าสมัยนั้น

    [​IMG]

    หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์
    หนึ่งในครูบาอาจารย์ของหลวงพ่ออั้น

    [​IMG]
    พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทตฺโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2469-2533
    พระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชชาสายหลวงพ่อศุขให้หลวงพ่ออั้น
    [​IMG]
    หลวงพ่อศุข ต้นตำรับ ยันต์ เทพรัญจวน หรือ อาจารย์ปู่ของหลวงพ่ออั้น นั่นเอง
    [​IMG]
    สมเด็จพระสังราช อยู่ ญาโณทัย สุดยอดพระโหราจารย์ที่เเม่นย่ำที่สุดเเห่งยุค องค์พระอาจารย์ของหลวงพ่ออั้น
    [​IMG]
    หลวงพ่อเขียน อาจารย์อีกองค์ที่สอนกรรมฐานให้หลวงพ่ออั้น

    [​IMG]
    ขุนพันธรักษ์ราชเดช หลวงพ่ออั้นเคยทำงานร่วมกันมา

    สุดยอดพระเกจิหลวงพ่ออั้น อภิปาโล วัดธรรมโฆษก (โรงโค)จ.อุทัยธานี สุดยอดพระเกจิพระเถราจารย์ซึ่งชาวอุทัยธานีขนานนามท่าน “พระจี้กงแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง” หรือ “หลวงพ่ออั้นเทวดา” หรือ เทวดาตาทิพย์ อดีตเคยเป็นตำรวจและได้เคยร่วมงานกับ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช

    หลวงปู่อั้น ผู้สำเร็จธาตุกสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ ตำรับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นพระเถระอาจารย์ผู้บำเพ็ญทานมหาบารมีสืบสานมหาเวทย์ “พิรุณกำบัง” และ “เทพรัญจวน” สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เคยเป็นศิษย์ก้นกุฏิรับใช้ใต้รอยบาทพระอริยเจ้าเมืองเหนือครูบาศรีวิชัย ติดตามธุดงค์ไปทางภาคเหนือหลายปีในวัยเยาว์ ท่านเคยรับราชการตำรวจได้เคยร่วมกันในการดับเสือร้ายของขุนพันธรักษ์ราชเดช ยอดมือปราบหนังเหนียวก่อนที่จะเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก มาอุปสมบทในปี พ.ศ. 2498
    หลวงปู่อั้นท่านร่ำเรียนมหาเวทย์พุทธาคมสายหลวงปู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากท่านเจ้าคุณพุฒ(พระราชอุทัยกวี) จังหวัดอุทัยธานี และร่ำเรียนวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ อาทิ ครูบาศรีวิชัย เชียงใหม่ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อจันทารา ชัยนาท หลวงปู่พลอย วัดห้วยขานาง อุทัยธานี ซึ่งเก่งทางเล่นแร่แปรธาตุและตะกรุดโทนเข้มขลัง หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี อุทัยธานี พระเรืองเวทย์ด้านเมตตามหานิยมและวิชาตำรับจักรพรรดิ์พุทธคุณครบเครื่อง หลวงปู่เคลือบ วัดหนองกระดี่ หลวงพ่อพูน วัดหนองตางู อุทัยธานี พระผู้โด่งดังด้วยการใช้พลังจิตผสานกับสมุนไพรสยบความเจ็บป่วยให้หายได้อย่างอัศจรรย์และท่านยังเป็นสหธรรมิกร่วมสำนักกับหลวงปู่ตี๋ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวง เจ้าตำรับเสืออาคมสยบลูกปืน อันโด่งดังทั่วประเทศ
    คัดลอกจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    หลวงพ่ออั้น อภิปาโล หรือ พระครูอุทัยธรรมสารเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีความเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนธรรมและเมตตาบารมีธรรมสูง มีคณะศิษยานุศิษย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมไปถึงวงการนักนิยมสะสมวัตถุมงคล รู้จักในนามของพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคม แก่กล้า และพลังจิตตานุภาพ
    ปัจจุบัน หลวงพ่ออั้น อภิปาโล สิริอายุ 75 พรรษา 53 เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค) ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี และเจ้าคณะตำบลน้ำซึม-ท่าซุง
    อัตโนประวัติ เกิดในสกุล โพธิพิทักษ์ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2476 ณ บ้านดอนฉนวน ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายชอ้อนและนางกระถิน โพธิพิทักษ์ ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา ในช่วงวัยเยาว์ จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนท่าเรือนุกูล อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
    พ.ศ.2492 พ.ต.ต.ตุ๊ วงศ์อุทัย เป็นโยมลุง ได้พาท่านไปสมัครเป็นตำรวจที่ปารุสกวัน กรมตำรวจ รับราชการได้ 4 ปี มีผลงานด้านการปราบปรามดีเด่น และได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท ต่อมาได้ลาออกจากการรับราชการตำรวจในช่วงอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นทหารเกณฑ์ที่ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์นาน 1 ปีครึ่ง
    เมื่อท่านพ้นจากรั้วทหาร เริ่มเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2498 ณ พัทธสีมาวัดหัวเมือง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยมีพระครูอุปการโกวิท (หลวงพ่อแอ๋ว) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์ออม สุขาโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์ฟื้น ฐานวุฑโฒ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า อภิปาโล หมายความว่า ผู้รักษาที่ยิ่งใหญ่
    เมื่ออุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัดแจ้ง อ.หนองฉาง ได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ
    พ.ศ.2506 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรม วัดหนองขุนชาติ อ.หนองฉาง
    พ.ศ.2508 ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดธรรมโฆษก อ.เมือง จ.อุทัยธานี ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักศาสนศึกษาวัดธรรมโฆษก และเป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวง อ.เมืองอุทัยธานี
    หลวงพ่ออั้น เล็งเห็นว่า การแพทย์พื้นบ้านเป็นระบบแพทย์พื้นฐาน สามารถแก้ปัญหาความเจ็บป่วยตามวิถีชีวิตและความเชื่อตาวัฒนธรรมและระบบนิเวศของแต่ละท้องถิ่น ได้มีดำริจัดตั้งศูนย์การแพทย์แผนไทยที่วัดโรงโค เป็นการกด คลึง บีบ ประคบ หลักสูตรวัดโพธิ์
    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์
    พ.ศ.2520 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก (โรงโค) และเป็นพระกรรมวาจาจารย์, เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดธรรมโฆษก และเป็นกรรมการออกตรวจเยี่ยมสนามสอบธรรมสนามหลวง
    พ.ศ.2533 เป็นเจ้าคณะตำบลน้ำซึม-ท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    ลำดับสมณศักดิ์
    พ.ศ.2523 เป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมที่พระครูอุทิตธรรมสาร อดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี
    พ.ศ.2524 เป็นฐานานุกรมที่ พระปลัดของพระครูอุทิตธรรมสาร
    พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรีที่ พระครูอุทัยธรรมสาร
    พ.ศ.2531 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม
    หลวงพ่ออั้น มีความเคร่งครัดในระเบียบวินัยการปกครองวัด โดยพระภิกษุ-สามเณร ทุกรูปต้องศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยทุกรูป และต้องตั้งอยู่ในสาราณียธรรม 6 ทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้า-เย็น เว้นแต่อาพาธ หรือมีเหตุจำเป็น รวมไปถึงให้ความสะดวกในการบำเพ็ญบุญกุศลแก่พุทธศาสนิกชนตามความสามารถ มีการทำอุโบสถกรรม (สวดปาฏิโมกข์) ตลอดพรรษา
    ด้านสาธารณูปการ
    ท่านเป็นประธานสร้างห้องน้ำ-สุขา และโรงครัวคอนกรีตเสริมเหล็ก, ก่อสร้างกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น คอนกรีตเสริมเหล็ก, เทพื้นคอนกรีตรอบหอสวดมนต์, สร้างหอระฆังทรงไทยคอนกรีตเสริมเหล็ก, เป็นประธานก่อสร้างศาลาการเปรียญวัดเวฬุ-วนาราม ต.ท่าซุง สร้างศาลาการเปรียญวัดคลองเคียน ต.ท่าซุง, บูรณะอุโบสถ, ศาลาการเปรียญ, สระน้ำของวัด และสร้างซุ้มประตู เป็นต้น
    ย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งหลวงพ่ออั้น เป็นฆราวาส อายุ 11 ขวบ ได้มีโอกาสเดินธุดงควัตรกับหลวงพ่อครูบาศรีวิชัย จากเขาฆ้องชัย อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จนถึง จ.ลำพูน รวมเวลา 3 เดือนเศษ พร้อมศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมกับท่านด้วย และช่วงที่รับราชการตำรวจ ได้ใช้เวลาว่างเรียนวิชาโหราศาสตร์ กับหม่อมหลวงขาบ กุญชร และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก(อยู่ ญาโณทยมหาเถร) วัดสระเกศ
    2501 ได้ศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร จ.พิจิตร
    จนกระทั่ง พ.ศ.2520 พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (ทุ่งแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระเถราจารย์ผู้เข้มขลังวิทยาคม ศิษย์เอกสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชา พร้อมกับนำตำราหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี, ตำราหลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง และตำราหลวงพ่อพูนวัดหนองตางู มาถ่ายทอดเพิ่มเติมอีกด้วย
    หลวงพ่ออั้น เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับหลวงปู่ตี๋ ญาณโสภโณ วัดหลวงราชาวาส เกจิดังในอดีต ได้รับกิจนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวัดต่างๆ มาโดยตลอด
    นอกจากกิจนิมนต์ในจังหวัดอุทัยธานีแล้ว ยังได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่จังหวัดภาคใต้ วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประจำ
    วัตถุมงคลของท่านที่จัดสร้างขึ้น ล้วนแต่ได้รับความนิยม เพราะเชื่อมีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม คงกระพัน และค้าขาย อาทิ รูปหล่อลอยองค์รุ่นแรก, ล็อกเกตรุ่นแรก, ตะกรุดโทน, ตะกรุดพิสมร กริ่งวิรุฬห์จำบัง และพระปิดตามหาลาภ เนื้อผงจักรพรรดิ ฝังตะกรุดเงิน เป็นต้น
    ด้วยความเป็นอยู่อย่างสมถะเรียบง่าย หลวงพ่ออั้น ได้สงเคราะห์ญาติโยมที่เดือดร้อน ทั้งสิ่งของ เงินทอง และอื่นๆเป็นประจำจึงเป็นพระเกจิอาจารย์เปี่ยมด้วยเมตตา ที่มีแต่ให้โดยแท้!!


    3.ท่านที่สาม หลวงตาเร่ง วัดดงเเขวน อุทัยธานี
    [​IMG]
    ศิษย์เอกที่เหลืออยู่ที่มีชีวิตของหลวงปู่เคลือบ วัดหนองกระดี่
    [​IMG]


    หลวงพ่อเคลือบเป็นคนเชื้อสายจีน สัญชาติไทย เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2432 ที่บ้านคลองชะโด ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี นามมารดา บิดา ยังไม่ทราบหลักฐาน มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 8 คน บรรพชาอุปสมบท นายเคลือบเมื่ออายุครบบวชแล้ว ก็ได้เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท เมื่อปี พุทธศักราช 2453 ที่พัทธสีมาวัดหนองเต่า ตำบลโนนเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี โดยมีพระครูอุทัยธรรมวินิฐ (หลวงพ่อสิน) เป็นพระอุปัชฌาย์พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ไม่ทราบนาม แล้วท่านก็ได้นามว่าพระเคลือบ สาวรธมโม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อเคลือบท่านได้อยู่จำพรรษาเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อสินที่วัดหนองเต่าเป็นเวลา 3 พรรษาได้วิชาวาจาสิทธิ์และวิชาคงกระพันชาตรีจากหลวงพ่อสิน สมัยนั้นพระภิกษุสามเณรวัดหนองเต่ามีจำนวนมากไม่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรทางจิต และหลวงพ่อสินท่านพูดอยู่เสมอว่า ถ้าจะให้วิชาขลังนั้น ต้องไปหาที่สงบฝึกจิต หลวงพ่อเคลือบสนทนาธรรมกับหลวงพ่อสินแล้วก็ขอลาไปฝึกจิตเรียนวิชาเพิ่มเติม หลวงพ่อสินบอกว่ามีพระเก่งวิชาเพ่งกสินอยู่แถบลพบุรี ท่านก็ลาไปโดยมีพระร่วมเดินทางไป 3 รูป ท่านก็ไปพบอาจารย์ ซึ่งจากการสอบถามคนเก่าหลายคนบอกว่า
    [​IMG]
    หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรีองค์อาจารย์หลวงพ่อเคลือบหรืออาจารย์ปู่หลวงตาเร่งนั่นเอง

    เป็นหลวงพ่อวัดเขาสาลิกา ซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ในสมัยนั้น โดยเฉพาะ กสินไฟ ท่านเพ่งเทียนจนไฟลุกได้เมื่อหลวงพ่อเดินทางไปถึงแล้วก็เข้าไปกราบพร้อมฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนคาถาพระอาจารย์พูดว่า ถ้าไม่สึกก็จะสอนวิชาให้ ถ้าสึกก็จะไม่สอนหลวงพ่อเคลือบก็ปฏิญาณ แน่วแน่ว่าชาตินี้จะไม่ขอสึก ส่วนพระที่ไปด้วยไม่รับปากจึงไม่ได้เรียนวิชาด้วย ท่านเรียนกรรมฐานทำสมาธิ จนจิตเป็นหนึ่งเดียวและเรียนวิชา กสินไฟและเรียนอักษรขอมที่ใช้เขียนยันต์ เพิ่มเติมจากหลวงพ่อกบอีกเป็นเวลาถึง 6 ปี เต็มท่านก็ลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปทางเหนืออีกหลายปีไม่ทราบว่าไปที่ใดบ้างแล้วท่านก็กลับมาที่อุทัยอีกมาอยู่วัดหนองเต่า แต่อยู่ได้ ไม่กี่วันทางญาติโยมวัดหนองหญ้านางก็มานิมนต์หลวงพ่อเคลือบไปอยู่ เมื่อหลวงพ่อมาอยู่ท่านก็ได้สร้างพระอุโบสถขึ้นมาหนึ่งหลัง แต่ยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดีก็เกิดเรื่องกับบรรดามักทายกวัดขึ้นเสียก่อน หลวงพ่อเคลือบจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าข้าอยู่ใครก็มาอยู่ไม่ได้” ต่อมาก็หาพระมาอยู่ได้ยาก แล้วหลวงพ่อเคลือบก็กลับมาที่วัดหนองเต่า พอดีทางวัดหนองแกขาดพระ หลวงพ่อเคลือบจึงมาจำพรรษาอยู่ที่นี่หนึ่งพรรษาแล้วย้ายมาอยู่ที่วัดทัพทันอีกสามพรรษาพอดีทางวัดหนองกระดี่ไม่มีเจ้าอาวาส พวกญาติโยมจึงนิมนต์หลวงพ่อเคลือบมาเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อเคลือบท่านอยู่ที่วัดหนองกระดี่จนมรณภาพในปี พ.ศ.2497 นั่นเอง ที่มาจาก:หนังสือประวัติหลวงพ่อเคลือบ เนื่องในงานเททองหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อเคลือบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 เมษายน 2010
  19. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงปู่ต่อ เจ้าอาวาสวัดเขาเเก้ว อายุ 92 ปี


    อธิษฐานจิตมวลสารเป็นปฐมเเล้วนะครับ

    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3637.JPG
      IMG_3637.JPG
      ขนาดไฟล์:
      198.8 KB
      เปิดดู:
      264
    • IMG_3638.JPG
      IMG_3638.JPG
      ขนาดไฟล์:
      156.9 KB
      เปิดดู:
      352
    • IMG_3640.JPG
      IMG_3640.JPG
      ขนาดไฟล์:
      211.5 KB
      เปิดดู:
      252
    • IMG_3644.JPG
      IMG_3644.JPG
      ขนาดไฟล์:
      193.9 KB
      เปิดดู:
      235
    • IMG_3655.JPG
      IMG_3655.JPG
      ขนาดไฟล์:
      167.6 KB
      เปิดดู:
      16,763
    • IMG_3657.JPG
      IMG_3657.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170.6 KB
      เปิดดู:
      224
    • IMG_3660.JPG
      IMG_3660.JPG
      ขนาดไฟล์:
      212.7 KB
      เปิดดู:
      9,603
    • IMG_3661.JPG
      IMG_3661.JPG
      ขนาดไฟล์:
      189.8 KB
      เปิดดู:
      216
    • IMG_3662.JPG
      IMG_3662.JPG
      ขนาดไฟล์:
      165.7 KB
      เปิดดู:
      19,073
    • IMG_3666.JPG
      IMG_3666.JPG
      ขนาดไฟล์:
      186.1 KB
      เปิดดู:
      19,659
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  20. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงปู่อั้น วัดโรงโค อุทัยธานี

    อธิษฐานจิตมวลสารเป็นปฐมเเล้วนะครับ

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3676.JPG
      IMG_3676.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.6 KB
      เปิดดู:
      116
    • IMG_3678.JPG
      IMG_3678.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.9 KB
      เปิดดู:
      11,123
    • IMG_3684.JPG
      IMG_3684.JPG
      ขนาดไฟล์:
      169.5 KB
      เปิดดู:
      120
    • IMG_3686.JPG
      IMG_3686.JPG
      ขนาดไฟล์:
      167.9 KB
      เปิดดู:
      132
    • IMG_3705.JPG
      IMG_3705.JPG
      ขนาดไฟล์:
      133.1 KB
      เปิดดู:
      111
    • IMG_3695.JPG
      IMG_3695.JPG
      ขนาดไฟล์:
      140.4 KB
      เปิดดู:
      107
    • IMG_3708.JPG
      IMG_3708.JPG
      ขนาดไฟล์:
      145.6 KB
      เปิดดู:
      103
    • IMG_3713.JPG
      IMG_3713.JPG
      ขนาดไฟล์:
      124.5 KB
      เปิดดู:
      12,587
    • IMG_3725.JPG
      IMG_3725.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.8 KB
      เปิดดู:
      14,361
    • IMG_3740.JPG
      IMG_3740.JPG
      ขนาดไฟล์:
      178.8 KB
      เปิดดู:
      8,428
    • IMG_3812.JPG
      IMG_3812.JPG
      ขนาดไฟล์:
      122.2 KB
      เปิดดู:
      5,930
    • IMG_3811.JPG
      IMG_3811.JPG
      ขนาดไฟล์:
      98.5 KB
      เปิดดู:
      5,876
    • IMG_3810.JPG
      IMG_3810.JPG
      ขนาดไฟล์:
      106 KB
      เปิดดู:
      5,828
    • IMG_3809.JPG
      IMG_3809.JPG
      ขนาดไฟล์:
      107.3 KB
      เปิดดู:
      5,811
    • IMG_3756.JPG
      IMG_3756.JPG
      ขนาดไฟล์:
      143.1 KB
      เปิดดู:
      4,815
    • IMG_3734.JPG
      IMG_3734.JPG
      ขนาดไฟล์:
      110.8 KB
      เปิดดู:
      97
    • IMG_3771.JPG
      IMG_3771.JPG
      ขนาดไฟล์:
      145.4 KB
      เปิดดู:
      96
    • IMG_3729.JPG
      IMG_3729.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154 KB
      เปิดดู:
      122
    • IMG_3698.JPG
      IMG_3698.JPG
      ขนาดไฟล์:
      169 KB
      เปิดดู:
      109
    • IMG_3718.JPG
      IMG_3718.JPG
      ขนาดไฟล์:
      131.1 KB
      เปิดดู:
      122
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...