พรรคกระยาจก...พรรคมาเฟีย(1)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 24 ตุลาคม 2010.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle"><table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    </td> </tr> <tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> สิ่งที่สนุกอย่างมากหลังจากการไล่ดูตั้งแต่ 8 เทพอสูรมังกรฟ้า มังกรหยก และ ลูกมังกรหยก หรือเอี้ยก้วยที่มี กิมย้งเป็นที่ปรึกษาการถ่ายทำและสร้างผ่านฝีมือของจีนแดงนั้น ก็คือการกลับไปนั่งอ่านใหม่และไล่ดูข้อที่น่าสงสัยของคนในยุคสมัยนั้นว่ามี การแต่งแต้มสีสันกันขนาดไหนด้วยฝีมือของยอดนักประพันธ์ผู้นี้

    เหมือนที่สรุปให้ฟังตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าบรรดาคนในลัทธิและศาสนาเป็นเป้าแห่งการระบายสีของกิมย้ง ไม่ว่าจะเป็นพระจากธิเบตเอย พรตเต๋าจากสำนักช่วนจินเอย แต่สำหรับคนที่อยู่ในวรรณะที่ต่ำที่สุดของสังคมตะวันออกอย่างขอทานนั้นกลับ ได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดในนวนิยายของกิมย้งเคียงคู่กับสถาบันสงฆ์อันดับ หนึ่งอย่างวัดเส้าหลินกันทีเดียว

    ใช่ครับผมกำลังจะพูดถึงบรรดากระยาจกทั้งหลายที่หัวหน้าพรรคของเขาเป็นแกนนำของยุทธจักรในจักรวาลของกิมย้งเลยนะครับ

    โดยเฉพาะนวนิยายตระกูลมังกรตั้งแต่ 8 เทพอสูรยันดาบมังกรหยก...พรรคที่มีบทบาทในทุกๆ เรื่องก็คือ พรรคกระยาจก ทั้งในเรื่องคุณธรรม ความกล้าหาญ ความเป็นยอดฝีมือ ไล่มาตั้งแต่เฉียวฟงประมุขพรรคคนที่ 3 ไล่มาถึงอั้งชิดกง เจ้าของฉายา “ยาจกอุดร” ประมุขพรรคคนที่ 18 หรืออึ้งย้งซึ่งตอนหลังก็กลายเป็นหัวหน้าพรรคหญิงประมุขคนที่ 19 เฉยเลย

    ที่สำคัญคำว่า 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรซึ่งเป็นสุดยอดวิขาฝีมือของหัวหน้าพรรคกระยาจก ก็เป็นแรงบันดาลใจอย่างยิ่งของผู้ตั้งชื่อให้กับนวนิยายเรื่องนี้ในเมืองไทย เสียด้วย

    พูดถึงตรงนี้ต้องมีคนสงสัยแน่ว่า พรรคกระยาจกนั้นยิ่งใหญ่จากที่ใดกันแน่...และในประวัติศาสตร์ที่แท้จริงพรรค กระยาจกนั้นสร้างตัวตนของพวกเขาขึ้นมา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table width="250" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="Top" width="250" align="center"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" valign="baseline" align="left">"อั้งชิดกง" เวอร์ชั่น 2008</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td valign="top" align="center" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ถามว่าลัทธิขอทานในจีนนั้นมาจากไหนก่อน คำตอบนี้ต้องไล่ย้อนประวัติศาตร์ขึ้นไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ความเชื่อหนึ่งเชื่อว่าเป็นอิทธิพลของพวกจัณฑาลที่มาจากอินเดียร่อนเร่เข้า มาหากินอยู่ที่จีน ก็มีการรวมตัวกันขึ้นในหมู่พวกนี้ และก็เริ่มทำมาหากินกันเป็นล่ำเป็นสันในอาชีพที่คนทั่วไปหรือคนที่ได้รับ อิทธิพลทางความคิดจากลัทธิใหญ่ๆ เขาไม่ทำกันนั่นเอง

    ลัทธิใหญ่ๆ นิกาย และพุทธศาสนาก็เช่น พุทธ ขงจื้อ ม่อจื้อ เม่งจื้อ เต๋า แมนนี่ ฯลฯ ภายใต้ลัทธิเหล่านี้ จะแบ่งระดับของคนในสาขาอาชีพเป็น 3 ชั้น คืออาชีพชั้นสูง ( พระพุทธเจ้า เซียน เชื้อพระวงศ์ ข้าราชการ พ่อค้า เจ้าที่ดิน ชาวนา คนทำสุรา) อาชีพชั้นกลาง (บัณฑิต--หมายถึงสอบใบประกาศได้ ปัญญาชน หมอ หมอดู คนดูฮวงจุ้ย คนดูโหงวเฮ้ง จิตรกร พระ นักพรตเต๋า) และอาชีพชั้นต่ำ (นักปราบผี โสเภณี คนทรงผี ช่างตัดผม นักดนตรี ยาม เล่นปาหี่ คนทำน้ำตาลปั้น และ กระยาจก)

    ดูแบบนี้ก็คงเข้าใจว่ามันคือระบบวรรณะอีกประเภทหนึ่งและจากโครงสร้างนี้เรา จะเห็นได้ว่าพวกกระยาจกนั้นแทบจะอยู่ในจุดที่ล่างที่สุดของสังคมกันเลย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังมีอำนาจในสังคมของจีนอยู่ครับ อย่างไร เพราะ เอาเข้าจริง พวกกระยาจกนั้นไม่จนเลย พวกเขามีป้อมค่าย มีหมู่ตึก มีสำนักงานประจำเมือง สำนักงานประจำมณฑล แถมระดับสูงของพรรคยังมีบ้านใหญ่โตโอ่อ่าอีกด้วยอย่างที่กิมย้งบรรยายไว้ใน 8 เทพอสูรมังกรฟ้านะครับ

    ซึ่งส่วนนี้กิมย้งเขียนไม่ผิดแน่นอน

    อำนาจและพลังฝีมือของกระยาจกนั้นอยู่ที่ ‘จำนวนคน’ ที่มีมากเหลือล้น เพราะ โดยโครงสร้างของสังคมแบบนี้ คนที่ยากจนจะมีมากกว่าคนรวย ในสภาวะที่ 20 ปีก็จะมีสงครามเกิดขึ้น ข้าวยากหมากแพงขึ้น หรือ แม้กระทั่งภัยธรรมชาติที่เข้ามาก็ทำให้คนที่ไม่มีอาชีพก็มีมากขึ้นเป็นเงา ตามตัว ขอทานอาชีพจึงมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จนกระทั่งกลายเป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ

    ท่านผู้อ่านต้องเข้าใจอีกเช่นกันว่าในประเทศจีนอันกว้างใหญ่นั้น แม้จะมีความคิดและลัทธิความเชื่อหลายต่อหลายอย่างให้คนนับถือ แต่เกือบทั้งหมดก็ยังมุ่งเน้นในเรื่องการขึ้นสววรค์ การได้ดีในชาติหน้า โดยพระสงฆ์ หรือแม้กระทั่งนักพรตเต๋าที่ต้องออกบิณฑบาตรก็มีอยู่เต็มไปหมด ช่องว่างตรงที่คนอยากจะทำบุญก็มี ไม่ว่าจะทำเพราะเวทนาต่อคนที่มาขอ หรือ ทำเพราะอยากจะสะสมบุญไปเรื่อยๆก็ตาม ขอทานก็มีส่วนที่จะทำให้พวกเขาได้สะสมบุญทั้งสิ้น

    เฉา จุ้น ซาน เขียนในหนังสือ “เปิดโลกยุทธจักร” ที่แปลมาโดย อรุณ โรจนสันติ เกี่ยวกับบรรดากระยาจกในเมืองจีนที่แท้จริงถึงวิธีการ “ทำมา – หากิน” ของพวกนี้ว่า พวกเขาจะไม่ใช่ไปขอทานจากผู้ใจบุญเฉยๆ แต่จะมีอยู่สองแบบ คือ แบบที่ใช้การร้องเพลงเหมือน ‘วณิพกพเนจร’ บ้านเรา แต่ใช้วิธีดั้นกลอนสดเอา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปเป็นทีมและมีคนช่วยเคาะจังหวะคนหนึ่ง เล่นดนตรีคนหนึ่ง ขับร้องคนหนึ่ง คอยเก็บเงินอีกคนหนึ่ง เนื้อหาก็จะมาจากเรื่องน่ายินดีบ้าง เรื่องราวปาฏิหารณ์บ้าง เรื่องวีรกรรมของผู้กล้าหาญบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องมงคลนั่นแหล่ะครับ พอแสดงเสร็จก็มีขอทานเอาที่ใส่ข้าวไปให้คนดูหยอดตังค์กันไป...ไอ้การหาเงิน แบบแรกนี้จะแตกต่างจากนักเล่านิทานอยู่หน่อยก็คือ นักเล่านิทานจะมีแค่ลูกคู่แต่ไม่มี “เครื่องแบบ”เหมือนขอทาน

    คือถ้าพูดถึงพรรคกระยาจกนั้น กิมย้งบรรยายไว้ใน 8 เทพอสูรมังกรฟ้าได้ค่อนข้างละเอียดครับ โดยเฉพาะในเรื่องของสาขาอาชีพและความชำนาญเฉพาะทาง ในช่วงของการชุมนุมพรรคกระยาจกในตอน “ลูกผู้ชายดื่มเมรัย” ฉบับที่ น.นพรัตน์แปล จะเห็นว่า พวกเขาเต็มไปด้วยตึกสาขาพรรคในตอนนี้บรรยายถึงสาขา เมตตา สาขากรุณา สาขาจริยา สาขากล้าหาญ ที่สำคัญตามมณฑลต่างๆก็มีคนอยู่มากมาย ตามสาขาต่างๆจะมีผู้ชำนาญการใช้กำลังภายใน ใช้พิษ ใช้กำลังภายนอก มีผู้คุ้มกฏ ซึ่งคุม สห.ของพรรคอีกที มีตึกที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดวิชาฝีมือให้กับลูกศิษย์ใหม่

    ที่สำคัญขอทานของพรรคกระยาจกนั้นต้องมีเครื่องหมายคือ เสื้อผ้าที่ต้องซอมซ่อ แถมยังมีกระสอบเล็กๆติดอยู่ที่กระเป๋า ถ้าตำแหน่งสูง หรือ อยู่ในพรรคมานาน หรือเป็นคนสำคัญของพรรคก็ต้องมีหลายกระสอบ ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้าและในมังกรหยกบอกไว้ชัดว่า ระดับ 9 กระสอบนั้น คือบรรดาผู้คุมตึก หรือ ผู้คุ้มกฏพวกนั้นเลย...

    แต่กว่าจะได้เครื่องแบบและเครื่องหมายมาเป็นกระยาจกอาชีพในประวัติศาสตร์ จริงนั้น มันก็ไม่ได้มาง่ายๆนะครับ ต้องมีการทดสอบ ต้องมีการแสดงฝีมือหลายๆอย่าง ในหนังสือ “เปิดโลกยุทธจักร” นั้นกล่าวไว้ว่า การแสดงฝีมือของสมาชิกพรรคนั้นพูดง่ายๆก็คือการแสดงวิชาโจรแหล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการ ล้วงกระเป๋า วิ่งราว ต้มตุ๋น การกรีดเลือด การเล่นของสกปรก การแสร้งเป็นคนดุร้าย และเป็นคนดุร้ายมีฝีมือในการต่อยตีจริงๆจังๆ พวกนี้เมื่อแสดงฝีมือแล้วก็จะถูกคัดเลือกเข้าสังกัดก็จะมีเครื่องแบบและมี หน้าที่ต่างๆที่จะต้องทำตามที่หัวหน้าสั่ง

    เอาเข้าจริงวิชาไม้ตีสุนัขและ 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร กิมย้งอาจจะจินตนาการมาจากวิชาโจรเหล่านี้ก็ได้ครับ

    กลับเข้ามาเรื่องของ กระสอบแบ่งขั้นและความสำคัญของคนในพรรคกันอีกนิดว่า กระสอบก็เหมือนบั้ง 1 กระสอบก็คือ พลตำรวจ 9 กระสอบก็คือพลตำรวจเอกแบบนี้ (...ไม่ได้ตั้งใจจะเอาตำรวจมาเปรียบเทียบกับขอทานพรรคกระยาจกนะครับ แต่พวกเขาดูคล้ายๆกันในความรู้สึกของผม) การเขียนของกิมย้งนั้นถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะ ในความเป็นจริงของพรรคกระยาจกนั้น เท่าที่สืบค้นมาได้เครื่องแบบของยาจกในแต่ละอำเภอ หรือ ในชุมชนก็จะมีเครื่องหมายที่แตกต่างกันไปไม่ใช่แบ่งเป็นกระสอบแค่อย่างเดียว

    ...ถ้าเปรียบเทียบก็ให้นึกถึงวินมอเตอร์ไซค์ไว้ ที่สวมเสื้อกั๊กเหมือนกันแต่เบอร์ไม่เหมือนกัน และบางทีก็ไม่วิ่งข้ามเขตแบบนั้นนะครับ

    ประเด็นก็คือ เพราะพวกเขามีเครื่องแบบเช่นที่ว่านี้ มันก็เท่ากับมีสังกัดและมีสายบังคับบัญชาและเส้นสายของการสื่อสารกันอยู่ และการไปร้องเพลงขอทานในร้านอาหารหรือตามงานแต่งงานนั้นก็เป็นหนึ่งในงานจาก สายการบังคับบัญชาของบรรดาบอร์ดบริหารของพรรคกระยาจกในเมืองนั้นๆ ทีเดียว

    เรื่องสนุกกว่านั้นก็มีครับ เพราะ ไอ้แค่ไปร้องเพลงตามร้านนี่ถือเป็นแค่ส่วนเดียวของงานกระยาจก แต่รายได้หลักของพวกนี้มาจากการทำตัวเป็นผู้ดูแลหรือผู้มีอิทธิพลในชุมชน นั้นๆ โดยหัวหน้าพรรคกระยาจกในเมืองนั้นๆ จะมีหน้าที่เก็บเงินค่าดูแลจากร้านค้าแม้กระทั่งบ้านคนต่างๆ เพื่อเป็นการรับรองว่า บรรดาขอทานน้อยใหญ่จะไม่ไประรานร้านรวงหรือบ้านคนเหล่านั้น...

    และเพราะเหตุหลังนี่เองที่ทำให้ พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นพรรคอันดับ 1 ของแผ่นดิน ด้วยเหตุที่อิทธิพลของพวกเขาแทรกซึมเข้าไปสู่ทุกส่วนของภาคธุรกิจและสังคม ของจีนนั่นเอง

    แต่แค่นี้ยังไม่จบครับ เพราะเรื่องของพรรคกระยาจกในประวัติศาสตร์จริงนี่ยังมีอีกมากที่น่าพูดถึง</td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...