ฝากถามท่านทั้งหลายว่า "ในโลกนี้คนโง่กับคนฉลาดอะไรมีมากกว่ากัน"

ขออนุญาตนำคำถามจากอาจารย์เก่าพระสารีบุตรมาถามท่าน ว่า

---> "ในโลกนี้คนโง่กับคนฉลาดอะไรมีมากกว่ากัน" <---

ลองพิจารณาจากที่เคยอ่านในสมัยพุทธกาล แล้วลองเปรียบเทียบกับชาวพุทธทุกวันนี้ดูสิครับว่าเป็นเช่นไร ยังเหมือนเดิมหรือไม่ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ...
แสดงความเห็นกันได้เลยนะครับ ... เพื่อประโยชน์ต่อไป (- -)

 

คนทุกวันนี้ยังโง่มีมากอยู่อะครับ...ส่วนที่ฉลาด จริงๆ ยัง น้อยมากๆ อยู่ครับ โง่ในที่นี้คือยังโง่ หลงในกิเลส ต่างๆ ในโลกนี้อยู่อะครับ

 

คำถามล้าสมัยตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่และมีคำตอบให้ทราบอยู่แล้วยังจักนำมาถามให้เกิดประโยชน์ใดขึ้นมา

 

ก็เผื่อว่าเหล่าคนโง่ทั้งหลายที่หลงผิดคิดว่าตนฉลาดจะหันมองดูกิเลสในตนเองนั้นว่ามันมากขนาดไหนหน่ะสิครับ แต่ดันมาพูดเกี่ยวกับพระธรรมอย่างกะตนเองมีสภาวะของตน ทีแท้แล้วก็มีแต่ตัวหนังสือที่อ่านเอา จำเอามาพูด เผื่อจะมีใครได้สติไม่ตำหนิพระธรรมคำสอนอันเป็นอกาลิโกไงหล่ะครับ ... ขอให้ผู้ทันสมัยไปอยู่กับพระธรรมเนื้องอกปฏิรูปได้ตามสบายใจครับเพราะขอชี้ขาดว่าไม่มีทางเข้าใกล้มรรคผลอย่างแน่นอน ขอรับประกันได้เลย มีแต่จะนำตนให้เข้าสู่กิเลสและเหินห่างพระธรรมไปเท่านั้นเอง ... หวังว่าคงชัดเจน ไม่สนใจไม่ว่าก็ขอให้ผ่านไปเพราะยินดีสนทนากับผู้สนใจในพระธรรมเท่านั้นครับ

 

ยังเป็นคนโง่อยู่ครับ...
ไฟยังเผาเชื้อไม่หมด

 

ขออภัยนะครับ มิได้มีเจตนากล่าวหาหรือว่าร้ายใคร ๆ นะครับ ยินดีต่างหากที่มีข้อคอมเม้นและแลกเปลี่ยนกันและกัน เพียงแต่สนทนากันเพื่อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพราะบางอย่างนั้นบุคลาธิษฐานที่ยกมาในยุคปัจจุบันนี้จะหลากหลายมากนั่นเอง ดังนั้นผมจึงขออิงตามหลักดูนิดนึงนะครับ ลองพิจารณาตรงนี้นะครับ

เนื่องจากพระพุทธองค์มักจะแทนว่า "ไฟ แทนของร้อน จะสังเกตจาก ไฟ คือ ราคะ ไฟ คือ โทสะ ไฟ คือ โมหะ ... สิ่งเหล่านี้เป็นของร้อน เป็นสิ่งเผาลนจิตใจ หรือสั้น ๆ คือ กิเลสเผาลนจิตใจ"

ข้อความข้างบนนี้ทั้งหมดไม่ใช่เชิงสอนคุณนะครับ แต่เป็นเสนอให้พิจารณาลองดูเท่านั้น และสำหรับความหมายที่คุณจะนำเสนอนั้นผมพอเข้าใจอยู่ครับว่าจะเสนอว่าอะไร จึงขอเสนอคำนี้แทน คือ "เชื้อไฟยังถูกเผาไม่หมด" เห็นว่าไงก็ท้วงติงได้อีกนะครับผม ยินดีที่แวะคอมเม้นนะครับ (- -)

 

ใครจะไปกล้าบอกว่าตัวเองฉลาดเนอะว่ามั้ยครับ เอาเป็นว่า "ชื่อโพสตั้งไว้เพื่อให้เราได้ดูกิเลสในตนเองและผู้อื่นบ้างเท่านั้นเองครับว่ามีหรือไม่มี ซึ่งบางคนอาจจะมีมาก อาจจะมีน้อยหรืออาจจะไม่มีก็ได้ หรือบางคนอาจจะมองไม่เห็นไปเลยก็มี ใครจะรู้หล่ะว่ามั้ย" อย่าได้ซีเรียส ยินดีที่แวะเข้ามาสนทนาธรรมในบอร์ดนี้โดยไม่ได้นัดหมายกันมา ซึ่งก็ไม่รู้จะจากกันไปเมื่อไหร่ (^_^)

 

ยินดีได้รู้จักคุณครับ
ผมเอาคำที่หลวงตาท่านเคยพูดไว้..

ไฟได้เชื้อ

ไฟคือปัญญา
เชื้อไฟคือสภาวะธรรมที่ปรากฏอยู่ทั่วไป
เมื่อใช้ปัญญาพิจรณาสภาวะธรรมก็เกิดญาณหยั่งรู้...

 

ผมก็ยินดีที่รู้จักและได้สนทนาเช่นกันครับผม
"ปัญญาเปรียบเสมือนแสงสว่าง" แต่คงไม่ว่าอะไรกันครับถือว่าเป็นบุคลาธิษฐาน หากเข้าใจก็ดีต่อผู้นั้น ไม่ว่ากันครับ เพราะบางท่านอาจอิงในพระไตรปิฎก บางท่านอาจอิงให้เห็นชัดขึ้นตามยุคตามสมัย ... แต่ในเนื้อหาสัจธรรมนั้นย่อมเปลี่ยนยากหรือแทบจะไม่ได้นั่นเอง ... หากมีอะไรดี ๆ ก็เสนอเข้ามาเพิ่มได้เลยนะครับ ขอแต่เพียงเรา ๆ ท่าน ๆ ไม่ถือว่าเป็นการเอาชนะกันด้วยทิฏฐิมานะ ยกมาเพื่อให้เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันจึงจะดีขึ้น ... สาธุครับผม (^ ^)

 

ความเห็นผม คนโง่กับคนฉลาดนี้มีเท่ากัน แต่ไม่เสมอกัน
เพราะไม่ได้อยู่ปัจจัยเดียวกันสถานะการณ์เดียวกันหมด