ผู้หวั่นไหว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สหายลำดวน, 20 มกราคม 2014.

  1. สหายลำดวน

    สหายลำดวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +109
    >>> กลางปีที่แล้วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้จะรอดชีวิต แต่เสียทรัพย์จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว หลังจากนั้นปลายปีก็เริ่มเจ็บป่วยด้วยอาการแปลกๆ ก็รักษามาเรื่อยๆ ล่าสุดหมอบอกว่า "เริ่มมีอาการของโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเกิดจากภูมิแพ้ของร่างกายที่ผิดปกติ ถ่ายทอดมาจากกรรมพันธุ์" หมอบอกรักษาไม่หายแต่กินยาควบคุมอาการไว้ได้ คนไทยเป็นล้านกว่าคน
    >>> ถึงแม้อาการจะไม่รุนแรง แต่ก็อดเครียด และก็ท้อแท้ไม่ได้ เราก็ยึดมั่นในศาสนา ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระมาตลอด แล้วทำไมยังเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ไม่จบสิ้น ทำไมเราต้องเป็น 1 ใน ล้าน บุญกุศลที่เราทำไปแล้วนั้นไม่ได้ช่วยค้ำชูเราบ้างเลยเหรอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เราเคารพบูชาสักการะท่านไม่ช่วยเราบ้างเลยเหรอ
     
  2. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เรียนหนังสือมาก ๆ ก็ต้องมีการทดสอบ แต่สำหรับเรา เราสอบตกค่ะ

    มี 2 ทางแล้วแต่คุณจะเลือก
    1. ทนฝ่าอุปสรรคขวากหนามแล้วผ่านมันไปให้ได้ เมื่อนั้นคุณจะก้าวหน้า
    2. เดินตามทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เลิกทนทำความดี อยากทำอะไรก็ทำ เมื่อนั้นคุณจะถดถอย

    ส่วนปลายทาง มันกลับกัน เมื่อลำบากก่อนมักจะสบายทีหลัง
    แต่เมื่อสบายก่อนแล้วมักจะลำบากทีหลัง

    มีคุณคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นผู้เลือก...
     
  3. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ทำไมเราต้องเป็น 1 ใน ล้าน
    เพราะทำกรรมมาระดับนั้น
    บุญกุศลที่เราทำไปแล้วนั้นไม่ได้ช่วยค้ำชูเราบ้างเลยเหรอ
    ช่วยแล้วบ้าง ยังไม่ออกผลบ้าง
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เราเคารพบูชาสักการะท่านไม่ช่วยเราบ้างเลยเหรอ
    ไม่ช่วยก็ตายไปแล้ว
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    เข้าใจความน้อยใจที่เกิดครับ ...

    บุคคลส่วนมากเมื่อเข้าถึงทุกข์แล้ว..ย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะตกไปสู่ความเห็นผิดเพราะไม่ได้สดับ...

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้เป็นเอนกว่า"สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาแต่เหตุ"..ไม่มีอะไรเกิดเองลอยๆ.. ฟลุคหรือเทพบันดาลให้เป็นไป..

    ท่านจขกท ไม่ได้เพิ่งเกิดมาในชาตินี้เป็นชาติแรกเลย..แต่เกิดตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วในสังสารวัฏอันยาวไกล กรรมทั้งดีและชั่ว ก็ทำมาเกือบทุกอย่างเเล้วเช่นกัน แม้ท่านลืมไปแล้วแต่กรรมเหล่านั้นไม่เคยลืมท่าน จะคอยตามส่งผลเมื่อได้ปัจจัยประชุมพร้อมเพรียงนั่นแหละ....

    กรรมนั้นไม่ได้มาส่งผลเพราะใครชอบใจหรือไม่ชอบ หรือเพราะเขาทำบุญอยู่ ไหว้สิ่งศักดิ์อยู่ ..หากเป็นเช่นนั้นคงไม่มีใครตายหรือพิการเพราะเดินทางไปทอดกฐิณที่ใหนๆ..หรือคนนั่งฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ทั้งคืน พอรุ่งเช้าก็ถูกทหารจับไปตัดหัวเฉยเลยด้วยความเข้าใจผิด .. แม้พระพุทธเจ้าเองผู้ทรงทำบุญมากมายมหาศาลตลอดเวลาในพระชาติที่ยังทรงพระชนม์อยู่...ก็ยังไม่พ้นถูกหินกลิ้งทับพระบาทบ้าง..ลอบทำร้ายบ้าง... ผู้คนด่าเอาต่างๆนานาบ้าง ฯลฯ แล้วเราจะพ้นวิบากบาปที่ทำมาแล้วได้อย่างไร...?เราวิเศษกว่าพระพุทธเจ้าหรือไม่..?

    การที่ต้องประสบวิบากเลวเช่นนี้ ควรแต่จะยังความสังเวชสลดใจว่า การทำบาปกรรม นำมาซึ่งความทุกข์เห็นปานนี้ ควรแล้วที่จะมุ่งหน้าสู่การเจริญกุศลโดยประการทั้งปวงเห็นโทษของการมีมิจฉาทิฏฐิ ว่านี่ถ้าไม่ได้สดับพระธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ตนจะทำบาปเวรภัยได้มากมายกว่านี้เพียงไร ..และเพราะเห็นผิด ย่อมไม่มีโอกาสรู้เลยว่าตนเห็นผิด จึงที่จะหลุดออกจากทุกข์ได้ย่อมไม่ใช่ฐานะเพราะเวลานั้นถูกความบอดเขลาครอบคลุมจนมองอะไรไม่เห็น ย่อมทำบาปกรรมไปได้อย่างเต็มใจเต็มกำลัง น่ากลัวกว่าโรคที่กำลังเป็นนี้มากมายหลายเท่านัก!!..

    เมื่อเกิดมาได้อัตภาพของคนเเล้ว นับว่าเป็นผู้มีบุญที่ไม่ธรรมดาสนับสนุนอยู่...การใช้ร่างกายที่แปรปรวนได้เป็นเครื่องมือพิจารณาให้เห็นโทษประการต่างๆ ของวัฏฏะ จะมีคุณแก่ตนมากกว่าจะยึดถือเอาว่ามันควรเป็นไปตามที่ตนชอบใจเท่านั้น จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แล้วพาลหาว่าบุญบ้าง ศีลบ้าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างไม่รักษา เช่นนี้ใครกันเล่าทำตนให้เสียหาย?...และใครกัน ทำให้ท่านเป็นโรคนี้...?..กรรมนั้น ใครอื่นทำแืทนกันไม่ได้แน่ มีแต่ตนเท่านั้นเป็นเจ้าของ..

    กายแม้ป่วยเสียหายไปได้ด้วยวิโรธิปัจจัยมากมาย แต่ใจ ต้องรักษาให้อยู่ในคลองแห่งสัมมาทิฏฐิ การเกิดมาในชาตินี้จึงจะได้ประโยชน์ที่ควรมีควรได้ อย่างยิ่ง...

    ขออำนาจคุณพระรัตนตรัยและความดีงามที่ท่านจขกท ทำมาไว้ดีแล้วปกปักรักษาท่านให้พ้นโรคาพาธกลับหายเป็นปรกติ และมีความเห็นที่ถูกตรงตลอดกาลครับ...
     
  5. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    คุณสร้างบุญกุศลก็ดีแล้วนี่คะ ดีกว่าเวรกรรมผลักดันให้คุณสร้างแต่เวรกรรม อันนี้เห็นท่าจะแย่ สร้างต่อไปเถิดคะ สักวันฟ้าใสคงเป็นของเรา ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในศีลในธรรม เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาเจอทุกข์เค้าจะปล่อยวางได้ ธรรมะท่านช่วยได้จริงๆ+ผลบุญกุศลเราด้วย ส่วนตัวข้าพเจ้าเองนำหลวงพ่อฤาษีเป็นครูบาอาจารย์ อย่างที่หลวงพ่อท่านเคยบอก พ่อป่วยให้ดู พ่อตายให้ดู ให้รู้ว่าสังขารมันไม่เทื่ยง ดูแลมันอย่างดี มันก็ยังจะพังยังจะตาย จะคิดเสมอตอนเราจะตายมันจะเป็นอย่างไงหนอ คงชักดิ้นชักงอน่าเกลียดน่าดู ขนาดท่านเป็นผู้ทรงฌาน พวกเราลูกหลานของท่านคงเคยเห็นท่านพยายามระงับความเจ็บปวดกัน ส่วนพวกเราคงไม่มีอะไรเหลือ กลัวสติแตกหลงทางกันไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่หลวงพ่อก็มีเมตตาอยย่างสุง ได้อธิฐานเอาไว้แล้วว่า :ลูกหลานของฉันก่อนตายมีสติกันทุกคน : เห้อ..ค่อยยังชั่วหน่อย กลัวหลงทางจริงๆ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณของครูบาอาจารย์ท่านช่วยได้คะ ขอใหเคารพศรัทธาอย่างจริงใจ อย่าทำแบบยามสุขไม่เคยนึกถึงท่านเลย ยามทุกข์ก็โอดโอย ความจริงธรรมะของท่านเป็นแบบใช้ปัญญานะ ใช้หลักความจริง ไม่สุดซอย ถึงจะสุดซอยก็ยังใช้ปัญญาแก้ ไม่ตะแบง หาที่ลงไม่ได้ ขอให้โชคดีคะ
     
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    บุญกับบาปต้องแยกกันนะครับ อย่างสมัยพุทธกาลพระเจ้าพิมพิสารก็เป็นผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยอย่างยิ่ง วาระสุดท้ายท่านก็โดนทรมาณเพราะวิบากกรรมเก่า หรือแม้แต่พระมหาโมคคัลลานะเองท่านเป็นพระอรหันต์ก็ยังเสวยกรรมเก่า หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็มีวิบากกรรมเก่า ดังนั้นควรมองแยกส่วนกัน เมื่อถึงเวลาที่บุญส่งผลก็จะมีตามที่พระพุทธองค์จำแนกไว้ ไม่ว่าจะเรื่องผิวพรรณ รูปทรง บริวาร มีมิตรมาก มีความเป็นใหญ่ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ บรรลุธรรมชั้นสูง บรรลุธรรมหลุดพ้นไป ต่างๆ เหล่านี้ หรือตายไปก็เข้าถึงสุขคติภูมิ เป็นผู้มืดมาสว่างไป หรือสว่างมาสว่างไป อย่างนี้หวังได้แน่ แต่ช่วงไหนอกุศลกรรมเก่าส่งผลจะโทษเพราะไม่มีบุญเลยก็คงจะไม่ได้ มันมีช่วงระยะเวลาของมัน
     
  7. kamol boonlertvanit

    kamol boonlertvanit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    บุพกรรมของพระพุทธเจ้า

    ๑. เราเห็นภิกษุผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตรรูปหนึ่งแล้ว ได้ถวายผ้าเก่า เราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรก เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในกาลนั้น ผลของกรรมคือการถวายผ้าเก่า ย่อมอำนวยผลให้เป็นพระพุทธเจ้า กรรมเก่าข้อแรกนี้เป็นกุศลกรรม

    ๒. ในกาลก่อน เราเป็นนายโคบาลต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคกำลังดื่มน้ำขุ่นมัวจึงห้ามมัน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ แม้เราจะกระหายน้ำก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามปรารถนา

    ๓. ในชาติอื่นแต่กาลก่อน เราเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ บางแห่งเป็นมุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ได้เสวยทุขเวทนาแสนสาหัสหลายพันปีเป็นอันมาก ด้วยกรรมอันเหลือนั้นในภพหลังสุด เราจึงได้รับคำกล่าวตู่ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา

    ๔. เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ สาวกของพระพุทธเจ้าผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง เราจึงท่องเที่ยวอยู่ในนรกสิ้นกาลนานถึงหมื่นปี ได้ความเป็นมนุษย์แล้วได้ถูกกล่าวตู่เป็นอันมาก ด้วยผลกรรมที่เหลือนั้น นางสุนทริกามากับหมู่ชน ได้กล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่จริง

    ๕. เมื่อก่อนเราเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา อันชนทั้งหลายสักการะบูชา สอนมนต์ให้กับมาณพ ๕๐๐ คนอยู่ในป่าใหญ่ ได้เห็นฤาษีผู้น่ากลัว ได้อภิญญา ๕ มีฤทธิ์มาก มาในสำนักของเรา เราจึงกล่าวตู่ฤาษีผู้ไม่ประทุษร้าย โดยได้บอกกะพวกศิษย์ของเราว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม

    แม้เมื่อเราบอกเท่านั้น พวกมาณพก็เชื่อฟัง ครั้งนั้นมาณพทั้งปวงเที่ยวไปภิกขาในสกุล พากันบอกแก่มหาชนว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ภิกษุทั้ง ๕๐๐ เหล่านี้ได้รับคำกล่าวตู่ทั้งหมด เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา

    ๖. ในกาลก่อน เราได้ฆ่าพี่น้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์จับใส่ลงในซอกเขา แล้วทับด้วยหิน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหินกลิ้งลงมากระทบนิ้วเท้าของเราจนห้อเลือด

    ๗. ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ในหนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผาดักไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนูผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา

    ๘. ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้างได้ไสช้าง ให้จับมัดพระปัจเจกมนีผู้สูงสุด แม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ช้างนาฬาคิรีตัวดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอกเขา เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ

    ๙. ในกาลก่อน เราเป็นทหารราบ เป็นแม่ทัพฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมที่เหลือนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ที่เท้าของเราทั้งสิ้นอีก เพราะกรรมยังไม่พินาศไป

    ๑๐. ในกาลก่อน เราเป็นเด็กลูกของชาวประมงในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้วเกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่ศีรษะคือปวดศีรษะได้มีแล้วแก่เรา ในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน ถูกพระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว พระเจ้าวิฏฏุภะนี้คือพระเจ้าวิฑูฑภะที่ฆ่าเจ้าศากยะนั่นเอง

    ๑๑. เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ ว่า “ท่านทั้งหลายจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง อย่ากินข้าวสาลีเลย” ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้วอยู่ในเมืองเวรัญชา ได้บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน

    ๑๒. ในเวลาที่นักมวยปล้ำๆ กันอยู่ เราได้เบียดเบียนบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความปวดหลังได้มีแก่เรา

    ๑๓. เมื่อก่อน เราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้บุตรเศรษฐีตาย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นโรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา โรคนี้แหละที่เกิดแก่พระพุทธเจ้าของเราในเวลาใกล้จะปรินิพพาน

    ๑๔. เมื่อเราเป็นมาณพชื่อโชติปาละ ได้กล่าวกะพระสุคตเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ในกาลนั้นว่า จักมีโพธิมณฑลแต่ที่ไหนโพธิญาณนั้นท่านได้ยากยิ่ง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นเราได้ทำกรรมที่ทำได้ยากคือทุกกรกิริยา ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมตลอด ๖ ปี

    แต่นั้นจึงได้บรรลุโพธิญาณ แต่เรามิได้บรรลุโพธิญาณอันสูงสุดด้วยหนทางนี้ คือมิได้บรรลุโพธิญาณด้วยทุกกรกิริยานี้ เราอันบุพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโพธิญาณในทางที่ผิด บัดนี้เราเป็นผู้สิ้นบาปและบุญ เว้นจากความเร่าร้อนทั้งปวงไม่มีความโศกเศร้า ไม่คับแค้น เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน


    ทั้งหมดนี้คือกรรมเก่าของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงกระทำไว้ในอดีต ตั้งแต่ยังมิได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นกุศลเพียงข้อ ๑ ข้อเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีก ๑๓ ข้อเป็นอกุศลทั้งสิ้น
     
  8. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ

    องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้สอนในเรื่องของอริยะสัจ๔ ได้อย่างชัดเจน พระพุทธองค์สอนให้เราได้เห็นทุกข์ เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ การที่เราจะเดินตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์ เราก็เอาทุกข์นั้นมาพิจารณาเพื่อความหลุดพ้น การสั่งสมหรือสะสมบารมีให้กับตนเองนั้น เราอย่าไปหวังในเรื่องของผลที่จะทำให้เราเกิดความสุข ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะหลงวนเวียนอยู่อย่างนี้

    การสั่งสมบารมีอย่าไปคาดหวังในเรื่องของผลของการทำกุศลกรรม เพราะผลนั้นจะส่งผลเมื่อใดเราไม่อาจรู้ได้ เพราะแบบนี้เรามาพิจารณาตัวเราเองดีกว่า ทุกข์มันเกิดกับเรา ทำไมเราถึงเกิดทุกข์ได้ แล้วมีวิธีอะไรในการดับทุกข์ให้เราได้ เมื่อได้วิธีปฏิบัติแล้วก็อย่าไปหวั่นไหวต่ออุปสรรค เพราะอุปสรรคมันก็คือเส้นกั้นในการหลุดพ้นจากความทุกข์นั่นเอง

    เราควรนำความทุกข์นั้นมาให้เกิดประโยชน์กับเราดีกว่า นำมาพิจารณาเพื่อมุ่งไปสู่การปฏิบัติ ผมขออนุญาตนำทุกข์ของเจ้าของกระทู้มาพิจารณานะครับ
    ๑ เรื่องของการเกิดอุบัติเหตุ แล้วต้องทำให้เสียทรัพย์
    ถ้ารามองเกี่ยวกับทุกข์แบบผิวเผินก็จะทำให้เราเกิดความท้อแท้อย่างสิ้นหวัง แต่ถ้าเรามองทุกข์ให้เกิดประโยชน์ ทุกข์ก็จะสอนว่าชีวิตนี้ไม่แน่ไม่นอน เมื่อมีสมบัติ สมบัตินั้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา มีได้มาก็ต้องมีเสียไปเป็นเรื่องธรรมดา
    ๒ เรื่องโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์
    ถ้ามองที่ภายนอกมันก็จะทำให้เราเศร้าหมองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเรามองให้เกิดประโยชน์เราจะได้ประโยชน์อย่างมากมาย เช่น เราจะได้พบเจอกับบุคคลที่เข้าธรรมมะได้ไม่ยากนัก เพราะผู้ที่เข้าถึงธรรมมะแล้วจะไม่สนใจเรื่องของรูปกายภายนอก แม้กระทั่งในเรื่องของศีล๕ โดยเฉพาะศีลข้อ ๓ เรื่องของกาเมสุมิจฉา ถ้าเราพิจารณาให้ดีมันก็จะเป็นประโยชน์กับเราอย่างมาก

    สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวผิดพลาดไป ข้าพเจ้าก็ขออโหสิกรรมไว้ ณ ที่นี้ด้วย สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วย

    ขออนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ไปไถ่ชีวิตโคกะบือ ทุกอาทิตย์ และ หยุดเกี่ยวพันกับกระบวนการฆ่าโดยการทานมังสาวิรัตตลอดชีวิต แล้วโรคจะหายไป
     
  10. bird2531

    bird2531 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +298
    ของคุณนะเล็กน้อยผมเป็นโรคแรงยิ่งกว่าคุณอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...