ผู้ที่ติดต่อเรื่องการสร้างพระแก้วโดยมีท่าทีเอาจริงเอาจัง

กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของกระทู้สารบัญ

เพื่อสำรองข้อมูลไว้บนเวป ในกรณีมือถือสูญหายหรืออื่นใด จะได้ติดต่อและเป็นข้อมูลทั่วๆไป

 

สำรองพื้นที่

 

สำรองพื้นที่

 

สำรองพื้นที่

 

พระ อ. ตุ้ย วัดพุทธบารมี จ. สุรินทร์ ได้กราบเรียนถวายคำปรึกษากับพระ อ. ตุ้ย วัดพุทธบารมี จ. สุรินทร์ วันนี้ท่านเพิ่งโทรมาว่าท่านไปถามหาบริษัทเตาหลอม/อบ และทางนั้นขอทราบรายละเอียด ผมจึงได้กราบเรียนไปว่า ขอให้นำใบตารางกำหนดการอบลดอุณหภูมิทั้งสองใบ ให้กับบริษัทผู้สร้างเตาอบขายว่า หากเขาทำได้ตามตารางนี้ โดยมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 800C หรือเกินกว่านั้น (ถือว่าเกินเท่าไรก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องทำการอบลดอุณหภูมิตามกำหนดทั้งสองใบ)

ผมได้กราบเรียนว่า หากถึงตอนนั้น ทางวัดจะเปิดโอกาสให้คนที่สนใจได้ไปศึกษา ไปดู หรือไปสังเกตุการณ์ที่ที่เตาตั้งอยู่หรือไม่ ? ท่านตอบว่า ตอนนี้ต้องหาเตาให้ได้ก่อน ถึงตอนนั้นจะได้ตอบคำถามนี้อีกที

การเปิดโอกาสให้คนไทยได้เรียนรู้ ได้สังเกตุการณ์จากของจริง จะเป็นการเปิดโอกาสให้ช่างหล่อพระทองเหลืองก็ตาม นักศึกษาก็ตาม หรือคนทั่วไปก็ตาม ได้เรียนรู้และประเทศไทยจะได้มีคนเป็นงานการสร้างพระแก้วต่อไปครับ

 

ตารางกำหนดการอบลดอุณหภูมิงานแก้วที่เริ่มที่ 516C

 

นี่เป็นใบกำกับอุณหภูมิของอีกบริษัทหนึ่งที่เคยส่งมาให้ผมพร้อมกับก้อนแก้วในสมัยนั้น เชิญดูตามตารางได้เลยครับ

ใบนี้จุดเริ่มลดที่ 430C

 

บันทึก : พระ อ. ตุ้ยต้องการสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วด้วยก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ โดยพระต้นแบบเป็นปางนั่ง มีฐานติดกับองค์พระ ดังนั้น นับจากจุดใหญ่ที่สุดคือฐาน ใช้ปูนปลาสเตอร์ห่อหุ้มหุ่นขี้ผึ้งให้เกินส่วนที่ใหญ่ที่สุดของฐานออกไปโดยใช้ความหนาของปูนอีกด้านละ 2 นิ้ว และทิ้งช่องว่างให้เหลืออีกไม่น้อยกว่า 2 นิ้ว (ระหว่างปูนแม่พิมพ์กับผนังเตา) องค์พระสูง 13 นิ้ว ด้านพระเศียรแหลมเมื่อพอกปูนจะสูง 15 นิ้ว เว้นช่องว่างไว้ให้อิฐทนไฟอีก 2 นิ้ว แล้วจึงเป็นกระถางดินเผาสูงประมาณ 8 นิ้ว แล้วเผื่อความสูงที่วางก้อนแก้วเกิน หรือพูนสูงเกินกระถางไปอีก 2 นิ้ว จึงนับเป็นความสูงทั้งหมด

 

การสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วปางนั่ง ในกรณีสร้างองค์พระแก้วตัน แต่ฐานกลวง ให้วัดมวลองค์พระแก้วว่าส่วนไหนหนาและกว้างมากที่สุด ปางบางหน้าอกเป็นมวลที่ใหญ่ที่สุด บางองค์สะโพกเป็นมวลที่ใหญ่ที่สุด ให้วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุด ถือเป็นความหนา แล้วจึงเลือกใช้ตารางกำหนด ส่วนมากก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 - 4 นิ้ว (ขึ้นกับความเป็นจริง ต้องวัดด้วยไม้บรรทัดหรือเครื่องมือเท่านั้น คาดเดาหรือกะประมาณไม่ได้)

 

แต่ถ้าหากต้องการสร้างทั้งองค์พระและฐานที่ติดกันเป็นองค์ตันๆทั้งพระและฐาน ต้องวัดที่ฐานที่มีมวลใหญ่ที่สุดว่ามีความหนาเท่าใด

 

หรือถ้าหากจะสร้างให้อบง่าย ใช้เวลาอบสั้นที่สุด ก็อาจสร้างทั้งองค์พระและฐานกลวง แต่โดยองค์พระกลวงนั้น ผมเห็นว่ายังไม่จำเป็นเนื่องจากเป็นพระแก้วขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว ที่มีความหนาที่องค์พระไม่น่าจะเกิน 3 - 4 นิ้ว ช่วงระยะเวลาการอบประมาณ 4 วัน 4 คืนเศษ กระแสไฟฟ้าก็กินไม่มากและไม่นาน

 

ช่วงหลังที่เรียนปรึกษาได้ความว่า ในที่สุดผมคิดว่าแก๊สคงเป็นทางออกเสียแล้วงานนี้ เนื่องจากวัดไม่สามารถขยายเป็น 3 เฟส บริษัททำเตาไม่อาจทำเป็น 1 ยก 2 สาย หากนำเตาไปฝากไว้สถานที่ที่ขอยืมใช้ไฟ อย่างน้อยที่สุดห่างออกไป 3 ก.ม. นั้นไม่ใช่ปัญหาถ้าองค์แรก แต่องค์ต่อไปที่จะสร้างเรื่อยๆ เท่ากับยืมจมูกคนอื่นหายใจ

ที่สุดแก๊สเป็นทางออกเสียแล้ว ดังนั้นจะได้สอบถามเตาที่ใช้แก๊สต่อไปครับ

 

แก๊สเป็นพลังงานสะอาดที่โรงงานแก้วบางแห่งเลือกใช้ เช่น โรงงานโลตัสคริสตัล ระยอง เลือกใช้แก๊ส LPG เป็นพลังงานทางเลือกที่ทั้งสะอาด และ ควบคุมได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะต้องควบคู่กับทักษะการฝึกฝนการควบคุมบ้าง ก็ยังดีกว่า นำเตาไฟฟ้าไปอยู่กับคนอื่นตลอดทั้งปี

 

ตัวอย่างเตาแก๊สที่ใช้ในเซรามิคซึ่งใช้ในงานแก้วได้ด้วย อยู่ที่ตัววัดอุณหภูมิหรือเครื่องควบคุม หากไม่มีเครื่องควบคุมได้ อาจเพราะซิลินอยส์วาวล์ในแก๊สในเมืองไทยยังไม่มีที่ไหนจำหน่าย ก็ต้องดัดแปลงกันไปครับ

 

เตาแบบ Raku

เตาลักษณะ Raku แต่เป็นไฟฟ้า เราก็สามารถดัดแปลงมาเป็นเตา Raku แก๊สได้

 

เตาใช้แก๊สที่มีระบบควบคุมอัตโนมัติ โดยใช้ระบบไฟฟ้าบางส่วนเข้าควบคุมกลไกการเร่งและหรี่ของวาล์ว เข้าใจว่าในเมืองไทยก็คงสามารถทำได้ แต่อยู่ที่ใครคุมตลาดนี้อยู่