ผลข้างเคียงจากการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย singkaew_k, 6 ธันวาคม 2005.

  1. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    เริ่มแรกผมรับราชการแล้ว ลาบวช 3 เดือน ช่วงที่บวชอยู่ได้รับประสบการณ์มากมายแต่ที่สำคัญคือหลังจากสึกออกมาแล้วผมมีอาการคืออยากรู้จักชื่อของคน ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง คนแก่ เด็ก โดยที่ไม่รูสาเหตุที่แท้จริงว่าจะรู้ไปทำไม ผมจะพูดให้ใครฟังก็ไม่กล้า ผมทุกข์ใจมาก เคยสอนตนเองห้ามตนเองก็เอาไม่อยู่ สมาธิก็แล้ว วิปัสสนาก็แล้ว วางเฉยก็แล้ว ครูบาอาจารย์ก็ไปขอคำปรึกษาแล้ว จิตแพทย์ก็ไปมาแล้ว ไม่ได้ผลเลย ใครมีประสบการณ์หรือข้อแนะนำช่วยบอกผมด้วยจะเป็นพระคุณยิ่งครับ
     
  2. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    บอกรายละเอียดอีกนิดครับ

    บวชที่ไหน ปฏิบัติแบบไหน

    ที่ว่า สมาธิก็แล้ว วิปัสสนาก็แล้วนั้น ... วิปัสสนาแบบไหนครับ

    แต่ละสาย มีจุดแก้ต่างกันบางจุด

    อาจารย์ที่ไปถามมาแล้วนั้นเป็นใครบ้าง ท่านแนะอย่างไร คุณทำเพียงไหนครับ

    เรื่องจิต ควรแก้ให้ละเอียด และถูกจุด แก้แบบเดาสุ่ม ก็อาจแย่กว่าเดิม


    แก้ถูกจุด ก็ไปต่อได้


    .............................ด้วยความปรารถนาดี
     
  3. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    การที่เรามีชื่อ ก็คือสิ่งสมมติ สมมติว่า ชื่อ นั้น ชื่อนี้
    แล้วเราไปยึดติดกับสิ่งสมมติทำไม สิ่งที่ควรละ
    ก็ควรละ สิ่งที่ควรรู้ ก็ควรศึกษาให้เห็นแจ้ง เพื่อปัญญา
    การที่เรารู้ชื่อใครๆแล้ว จะทำให้เราพ้นทุกข์ หรือหลุดพ้น
    ได้หรือ แต่สิ่งที่จะนำพาให้เราหลุดพ้น และพ้นทุกข์ คือ..
    การศึกษาที่จิตของเรา เตือนจิตของเรา ไม่มีใครเตือนเราได้
    หากจิตเราไม่ยอมรับ เราเปลี่ยนแปลงจิตเราได้ ด้วยการ
    หมั่นสอน หมั่นเตือนตัวเอง นั่นคือ การไม่ส่งจิตออกนอก
    (สมุทัย) เพราะจะทำให้เกิดทุกข์ค่ะ

    ขอให้แก้ไข และสามารถดำเนินชีวิตได้โดยปรกติสุข
    และมั่นคงในคุณพระรัตนตรัยยิ่งๆขึ้นค่ะ
     
  4. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    อืม...เอ... การอยากรู้จักชื่อคนมันทุกข์ขนาดนั้นเลยหรือครับ คือ... ไม่เข้าใจจริง ๆครับ
     
  5. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ผมบวชอยู่ที่วัดป่าสายธรรมยุตแห่งหนึ่ง ตอนแรกผมบวชนั้นไม่ฟังวิทยุ เคร่งมาก อาจารย์คนที่ 1 ให้ผมนั่งสมาธิจากเวลาน้อยแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่ออาจารย์คนนี้มาก แต่สังเกตพระในวัดจะไม่ชอบท่านเท่าไหร่ ผมก็ยังปฏิบัติตามคือนั่งสมาธิแล้วเดินจงกรม พิจารณาร่างกายเป็นของปฏิกูลตั้งแต่ผมขนเล็บฟันหนัง พิจารณาร่างกายแยกเป็นดินน้ำลมไฟ แล้วผมนั่งสมาธิเห็นนิมิตตนเองเคยเกิดเป็นยักษ์ชาตินี้เลยชอบกินลาบดิบ เคยเกิดเป็นเจ้าหญิงทางเหนือแล้วแอบเล่นชู้ ช่วงที่ได้สมาธิผมจะเห็นความผิดของผมที่ผ่านมาทำให้ละอายบาปมาก เวลากลางคืนจะมองในที่มืดได้เหมือนกลางวัน(เห็นจริงๆ) กลางวันจะเห็นคนเดินเป็นโครงกระดูก พอได้อย่างนี้ผมนึกว่าผมสำเร็จเป็นพระโสดาบันทำให้ทำตัวเคร่งมาก ไม่หิวข้าวทำให้กินข้าวน้อยลง(นึกว่าอิ่มทิพย์) ทำให้ร่างกายผอมลงมากแต่มีปีติ เดินเหมือนเท้าไม่ติดดิน(นึกว่าตัวเองลอยได้) พระที่อยู่ด้วยกันเริ่มมองผมแปลกๆ คล้ายๆจะจับผิด โดยเฉพาะอาจารย์คนที่ 1 ผมมารู้ทีหลังว่านั่นคืออาการสัญญาวิปลาศ อาจารย์คนที่ 2 นั้น คงสังเกตเห็นความผิดปกติของผมจึงเรียกให้ไปหาแล้วผมก็เล่ารายละเอียดให้ท่านฟังท่านว่า ผมไม่ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ที่เห็นในนิมิตนั้นเห็นจริงแต่มันไม่จริง ผมก็ยังไม่เชื่อ ผมรู้สึกเวียนศรีษะมาก อาจารย์ให้ผมฝึกสติ ยืน เดินนั่งนอน ให้มีสติ ผมก็ทำตาม และในระหว่างนั้นผมพยายามนึกชื่อคนที่ผมรู้จักตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเพราะผมเคยได้ยินว่าคนบ้าจะจำใครไม่ได้ ผมก็กลัวจะบ้า ผมก็พยายามนึกจนนึกได้เกือบทุกคน แต่ผลสุดท้ายผมต้องถูกส่งไปรพ.สวนปรุง เพราะอาการนอนไม่หลับแต่ไม่ได้โวยวายอะไร ตลอดเวลาที่ป่วยผมรู้ตัวทุกอย่าง มีอย่างเดียวที่ยังมั่นใจ ยึดมั่นคือตนเองบรรลุเป็นพระโสดาบัน(ตอนนี้รู้แล้วว่าหลงผิด) ตอนที่ไปพบหมอที่ รพ.สวนปรุง ไม่ได้นอนรพ.แต่หมอให้ยามากินที่วัด พอกลับถึงวัด อาจารย์คนที่ 2 ท่านบอกไม่ให้กินยาเดี๋ยวจะติดยา ไม่ไช่อาการจิตประสาทแต่เป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิดวิธี ผมก็ทำตาม แล้วให้เจริญสติ ยืน เดิน นั่ง นอน ห้ามหลับตาทำสมาธิ ห้ามเดินจงกรม อาการก็ดีมาโดยลำดับ ผมมารู้ทีหลังว่าอาจารย์คนที่ 1 น้นท่านแอบเอาวิทยุมาฟังเพลงด้วย แล้วมีอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ดี (เณรมาเล่าให้ฟังทีหลัง)ผมรู้ทีหลังว่าถูกอาจารย์ที่รู้ไม่จริงมาแนะนำ ช่วงหลังนี้พระที่คอยดูพฤติการของผมก็สงสารผมและให้กำลังใจจนกลายเป็นเพื่อนผู้ปฏิยฃบัติธรรมที่แท้จริง ท่านเหล่านั้นคอยให้กำลังใจและแก้ไขอาการต่างๆจนเป็นปกติ ถ้าผมไม่ได้อาจารย์คนที่ 2 และเพื่อนพระด้วยกันช่วยไว้ ผมคงไม่มีโอกาสสึกออกมารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ และอาการรู้จักชื่อคนนั้น เป็นมาตั้งแต่ 20วันสุดท้ายก่อนสึกครับ อาจารย์ที่ผมไปคำปรึกษาคืออาจารย์ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ อำเภอแม่แตง อาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ วัดหนองปลามัน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ท่านก็บอกให้วางอุเบกขา แต่ก็ทำไม่ได้ครับมันทรมานมาก ขอท่านผู้มีเมตตาช่วยบอกวิธีแก้ด้วยนะครับผมทรมานมา 3 ปีแล้วครับ ขอบพระคุณครับ
     
  6. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ผมบวชอยู่ที่วัดป่าสายธรรมยุตแห่งหนึ่ง ตอนแรกผมบวชนั้นไม่ฟังวิทยุ เคร่งมาก อาจารย์คนที่ 1 ให้ผมนั่งสมาธิจากเวลาน้อยแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่ออาจารย์คนนี้มาก แต่สังเกตพระในวัดจะไม่ชอบท่านเท่าไหร่ ผมก็ยังปฏิบัติตามคือนั่งสมาธิแล้วเดินจงกรม พิจารณาร่างกายเป็นของปฏิกูลตั้งแต่ผมขนเล็บฟันหนัง พิจารณาร่างกายแยกเป็นดินน้ำลมไฟ แล้วผมนั่งสมาธิเห็นนิมิตตนเองเคยเกิดเป็นยักษ์ชาตินี้เลยชอบกินลาบดิบ เคยเกิดเป็นเจ้าหญิงทางเหนือแล้วแอบเล่นชู้ ช่วงที่ได้สมาธิผมจะเห็นความผิดของผมที่ผ่านมาทำให้ละอายบาปมาก เวลากลางคืนจะมองในที่มืดได้เหมือนกลางวัน(เห็นจริงๆ) กลางวันจะเห็นคนเดินเป็นโครงกระดูก พอได้อย่างนี้ผมนึกว่าผมสำเร็จเป็นพระโสดาบันทำให้ทำตัวเคร่งมาก ไม่หิวข้าวทำให้กินข้าวน้อยลง(นึกว่าอิ่มทิพย์) ทำให้ร่างกายผอมลงมากแต่มีปีติ เดินเหมือนเท้าไม่ติดดิน(นึกว่าตัวเองลอยได้) พระที่อยู่ด้วยกันเริ่มมองผมแปลกๆ คล้ายๆจะจับผิด โดยเฉพาะอาจารย์คนที่ 1 ผมมารู้ทีหลังว่านั่นคืออาการสัญญาวิปลาศ อาจารย์คนที่ 2 นั้น คงสังเกตเห็นความผิดปกติของผมจึงเรียกให้ไปหาแล้วผมก็เล่ารายละเอียดให้ท่านฟังท่านว่า ผมไม่ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ที่เห็นในนิมิตนั้นเห็นจริงแต่มันไม่จริง ผมก็ยังไม่เชื่อ ผมรู้สึกเวียนศรีษะมาก อาจารย์ให้ผมฝึกสติ ยืน เดินนั่งนอน ให้มีสติ ผมก็ทำตาม และในระหว่างนั้นผมพยายามนึกชื่อคนที่ผมรู้จักตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเพราะผมเคยได้ยินว่าคนบ้าจะจำใครไม่ได้ ผมก็กลัวจะบ้า ผมก็พยายามนึกจนนึกได้เกือบทุกคน แต่ผลสุดท้ายผมต้องถูกส่งไปรพ.สวนปรุง เพราะอาการนอนไม่หลับแต่ไม่ได้โวยวายอะไร ตลอดเวลาที่ป่วยผมรู้ตัวทุกอย่าง มีอย่างเดียวที่ยังมั่นใจ ยึดมั่นคือตนเองบรรลุเป็นพระโสดาบัน(ตอนนี้รู้แล้วว่าหลงผิด) ตอนที่ไปพบหมอที่ รพ.สวนปรุง ไม่ได้นอนรพ.แต่หมอให้ยามากินที่วัด พอกลับถึงวัด อาจารย์คนที่ 2 ท่านบอกไม่ให้กินยาเดี๋ยวจะติดยา ไม่ไช่อาการจิตประสาทแต่เป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิดวิธี ผมก็ทำตาม แล้วให้เจริญสติ ยืน เดิน นั่ง นอน ห้ามหลับตาทำสมาธิ ห้ามเดินจงกรม อาการก็ดีมาโดยลำดับ ผมมารู้ทีหลังว่าอาจารย์คนที่ 1 น้นท่านแอบเอาวิทยุมาฟังเพลงด้วย แล้วมีอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ดี (เณรมาเล่าให้ฟังทีหลัง)ผมรู้ทีหลังว่าถูกอาจารย์ที่รู้ไม่จริงมาแนะนำ ช่วงหลังนี้พระที่คอยดูพฤติการของผมก็สงสารผมและให้กำลังใจจนกลายเป็นเพื่อนผู้ปฏิยฃบัติธรรมที่แท้จริง ท่านเหล่านั้นคอยให้กำลังใจและแก้ไขอาการต่างๆจนเป็นปกติ ถ้าผมไม่ได้อาจารย์คนที่ 2 และเพื่อนพระด้วยกันช่วยไว้ ผมคงไม่มีโอกาสสึกออกมารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ และอาการรู้จักชื่อคนนั้น เป็นมาตั้งแต่ 20วันสุดท้ายก่อนสึกครับ อาจารย์ที่ผมไปคำปรึกษาคืออาจารย์ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ อำเภอแม่แตง อาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ วัดหนองปลามัน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ท่านก็บอกให้วางอุเบกขา แต่ก็ทำไม่ได้ครับมันทรมานมาก ขอท่านผู้มีเมตตาช่วยบอกวิธีแก้ด้วยนะครับผมทรมานมา 3 ปีแล้วครับ ขอบพระคุณครับ
     
  7. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ต้องเห็นอาการของอารมณ์ทุกข์(จิตขณะที่คิดอยากรู้ชื่อ)จะเห็นว่า อ้อนี่จิตมันคิดนี่เองไม่ใช่เราคิด เราแค่เห็นมันคิด(ได้อย่างนี้ก็จบ)ต้องดูจิตเป็น ถ้ามันรุนแรงก็ดูไกลๆ คือใช้สติดูกายไกลๆ ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนเราเป็นหุ่น นะครับ
     
  8. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    อยากแนะนำว่า ถ้ามีเวลา ลองมาพูดคุย และปรึกษาปัญหากับหลวงพ่อ
    ประสิทธิ์ ถาวโร ที่วัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง จ.ชลบุรีดูค่ะ ลองเข้าไปดูที่เวปไซด์นี้นะคะ

    http://www.wat-thamyaiprik.com/

    หรือลูกศิษย์ที่ถ่ายทอด คำสอน และ ข้อมูลที่น่าสนใจของหลวงพ่อที่

    http://larndham.net/index.php?showtopic=13568&st=0

    ขอให้พบหนทาง การแก้ไขที่ถูกวิธีค่ะ
     
  9. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    หรือถ้าไม่หายต้องบริกรรมในใจ หรือทางปากเลยก็ได้เช่น อยากรู้ชื่อหนอ ๆๆ ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องทำใจไม่ไปร่วมทุกข์กับมัน(ใจ)ที่คอยหลอกเราอยู่ให้ถือว่าเป็นกรรมเก่าของเราเราแก้ไม่ได้แต่เราจะไม่ทุกข์กับมันให้เสียเวลาเจริญสติ
     
  10. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    เคยได้ฟังบ่อยๆว่า จิตละเอียด กิเลสก็ละเอียด(แยบยล)ตาม
     
  11. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ผมขอขอบพระคุณทุกท่านครับที่กรุณาให้คำแนะนำ หากท่านใดพอจะรู้จักอาจารย์ที่ท่านจะแนะนำผมได้ โดยเฉพาะที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่หรือใกล้เคียง ผมขอขอบพระคุณมาล่วงหน้า คือว่าบ้านผมอยู่เชียงใหม่ครับ ตอนนี้ผมพยายามตามดูจิต ถามจิต แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ หวังว่า วันหนึ่งที่สดใสผมคงมีสักวันนะครับ ขอบคุณครับ และข้อแนะนำที่ท่านได้กรุณาบอกมาผมจะนำไปปฏิบัติครับ
     
  12. Kenichi

    Kenichi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +1,644
    อย่างแรกขออนุโมนากุศลี่ที่คุณบวช 3 เดือน นะครับ.....
    ใจเย็นๆ อย่าพึ่งสับสนนะครับ
    1.ควรหาหนังสือธรรมะเป็น --คำสอนของพระพุททธเจ้ามาอ่าน---นะครับ...เข้าใจไม่เข้าใจก็อ่านไป......
    2.ทุกๆวันในการดำเนินชีวิต ขอให้มีศีล หมั่นทำทานทุกอย่าง เพื่อตัดความโลภ และ จะดีมากถ้าเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    3.ถามตัวเองเลยครับ ชอบแบบไหน ยังไม่ต้องวิ่งไปหาใคร ลองพึ่งตนเองก่อน โดยภาวนาคำตนเองชอบ พุทโธ....นับเลข....พองยุบ.....อีกมากมาย
    4.คุณควรหาเวลาศึกษาเรื่องของกรรมฐาน ว่าแต่ละขั้นของสมาธิ จะเกิดอาการแบบไหน เป็นอะไร เรียกว่าอะไร แล้วจะอย่างไรต่อไป.....
    5.ไม่ว่าอะไรเข้ามากระบ ให้มองดูมันอย่างคนนอกดู อาการอยากรู้ชื่อ มองมัน ปล่อยมัน อยากรู้ก็รู้ รู้ในขอบเขตที่ไม่ผิดางโลก ทางธรรม จนอาการมันหายไป ในที่สุด แล้วจะพบได้ว่าอะไร อะไร มันก็ไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นเมื่อไม่เที่ยงจะมัวไปสนใจไม ปฏิบัติต่อไปไม่ดีกว่าหรือครับ....
    6.สำคัญ อย่าลืม ปฏิบัติ และ อธิษฐานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้า (แต่ต้องมีศีลนะครับ) ขอให้มีปัญญา สามารถแก้ไขปัญหาเกิดในชีวิต เรื่องี่ทุกข์ ตามที่พระองค์ทรงสงเคราะห์ได้.....
    7.แล้วคุณจะเข้าใจครับว่า ธรรม ของพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน คืออะไร


    ขั้นต้นเอาแค่นี้ทำให้ได้ดีก่อนนะครับ อย่าพึ่งไปไกลเกินไป เดี๋ยวหลงาง
    ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ......
     
  13. Kenichi

    Kenichi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +1,644
    อย่างแรกขออนุโมนากุศลี่ที่คุณบวช 3 เดือน นะครับ.....
    ใจเย็นๆ อย่าพึ่งสับสนนะครับ
    1.ควรหาหนังสือธรรมะเป็น --คำสอนของพระพุททธเจ้ามาอ่าน---นะครับ...เข้าใจไม่เข้าใจก็อ่านไป......
    2.ทุกๆวันในการดำเนินชีวิต ขอให้มีศีล หมั่นทำทานทุกอย่าง เพื่อตัดความโลภ และ จะดีมากถ้าเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    3.ถามตัวเองเลยครับ ชอบแบบไหน ยังไม่ต้องวิ่งไปหาใคร ลองพึ่งตนเองก่อน โดยภาวนาคำตนเองชอบ พุทโธ....นับเลข....พองยุบ.....อีกมากมาย
    4.คุณควรหาเวลาศึกษาเรื่องของกรรมฐาน ว่าแต่ละขั้นของสมาธิ จะเกิดอาการแบบไหน เป็นอะไร เรียกว่าอะไร แล้วจะอย่างไรต่อไป.....
    5.ไม่ว่าอะไรเข้ามากระบ ให้มองดูมันอย่างคนนอกดู อาการอยากรู้ชื่อ มองมัน ปล่อยมัน อยากรู้ก็รู้ รู้ในขอบเขตที่ไม่ผิดางโลก ทางธรรม จนอาการมันหายไป ในที่สุด แล้วจะพบได้ว่าอะไร อะไร มันก็ไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นเมื่อไม่เที่ยงจะมัวไปสนใจไม ปฏิบัติต่อไปไม่ดีกว่าหรือครับ....
    6.สำคัญ อย่าลืม ปฏิบัติ และ อธิษฐานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้า (แต่ต้องมีศีลนะครับ) ขอให้มีปัญญา สามารถแก้ไขปัญหาเกิดในชีวิต เรื่องี่ทุกข์ ตามที่พระองค์ทรงสงเคราะห์ได้.....
    7.แล้วคุณจะเข้าใจครับว่า ธรรม ของพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน คืออะไร


    ขั้นต้นเอาแค่นี้ทำให้ได้ดีก่อนนะครับ อย่าพึ่งไปไกลเกินไป เดี๋ยวหลงาง
    ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ......
     
  14. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    พระอาจารย์ นาวี ปิยะทัสสี วัดถ้ำดอยโตน ต.บ้านวิน อ.แมวาง จ.เชียงใหม่ ผมรับประกันครับ
     
  15. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    ผมก็อยู่เชียงใหม่นะ พระอาจารย์ที่คุณพูดถึงทุกท่าน ( พระอ.เปลี่ยน และ อ.ประสิทธิ์ )คุณธรรมท่านก็สูงอยู่นะ

    แปลกใจจริงที่ท่านพูดเพียงว่า " ให้อุเบกขา "

    ท่านอาจารย์นาวี แม่วาง ท่านก็เป็นศิษย์ของพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณอยู่ วันนี้ท่านอยู่ที่เชียงใหม่ อ.แม่ริม

    สนใจ ติดต่อมาทางพีเอ็ม พร้อมเบอร์โทรกลับด่วน

    จะนำไปพบพระอาจารย์ครับ

    บางที ผมอาจจะเคยพบคุณตอนบวชที่วัดทางแม่แตงนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2005
  16. อภิโมกข์

    อภิโมกข์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +17
    ลองศึกษาที่มาของความอยากรู้ดูก่อนนะครับ

    ตอบคำถามนี้ก่อนนะครับ ว่า ทำไมถึงอยากรู้ชื่อคนเหล่านั้น? มีอารมณ์อะไรที่เข้ามาแทรกจิตอยู่ แล้วเทียบเคียงกับ จริต 6 ดูนะครับ มันไม่หนีไปกว่านี้หรอก

    http://www.palungjit.org/smati/k40/jarit6.htm

    ถ้าเป็นอาการของความคิด ฟุ้งซาน ไม่มีขอบเขต ก็ลองหยุดคิด แล้วหันมาจับ "ลมหายใจอย่างเดียว ไม่ต้องควบภาวนา" เอาแค่ใจสบายไม่ต้องนึกถึง ฌาน

    การที่ท่านบอกว่า อุเบกขา น่าจะหมายถึง ให้วางเฉยในความคิดนั้น ลองเทียบอารมณ์ของจิต หรือ จริต ก่อนนะครับว่ารู้สึกตรงกับตัวไหน แล้วแก้ไขตามกรรมฐานคู่ปรับที่ ท่านได้แนะนำไว้นะครับ
     
  17. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ขอบคุณทุกท่านครับที่ได้ให้ความช่วยเหลือเสนอแนะ ช่วงนี้ผมจะอดทนไว้ก่อน คือว่ามีการจัดงานนกีฬาในส่วนราชการของผม จำเป็นต้องทำหน้าที่ให้เสร็จ ถ้าเสร็จงานกีฬาแล้วผมจะติดต่อกลับทันทีครับ ขอบคุณครับ
     
  18. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ตอนนี้งานกีฬาของหน่วยงานของผมเสร็จแล้วครับ ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณาแนะนำ ช่วงนี้ก็เกิดอาการเหมือนเดิม หลายสถานการณ์ผมพยายามบังคับตัวเองเมื่อเห็นหน้าคนปุ๊บ บอกตัวเองว่าให้วางเฉย แต่จิตเร็วมาก ความอยากจะเข้ามาทันที มันเหมือนแกล้งเรา ผลสุดท้ายก็ต้องมีวิธีเดิมคือใช้ทุกวิธีที่ไม่น่าเกลียดเพื่อจะทราบชื่อท่านเหล่านั้น วิธีที่ท่านทั้งหลายแนะนำมานั้นผมเคยใช้มาแล้ว ไม่ได้ผล ช่วยได้เพียงระงับอาการชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่ไช่ว่าวิธีของท่านไม่ดีนะครับ ผมขอบคุณจริงๆครับ พอจะมีวิธีอะไรอีกไหมครับช่วยบอกผมที ช่วงนี้ก็เกิดอาการเรื่อยๆผมต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเป็นวันๆพูดไปเหมือนโม้นะครับแต่เรื่องจริง ภายนอกอาจดูเราปกติ แต่ข้างในนั้นแทบแตก เหมือนกับว่าเวลาของเราเหลือน้อยแล้ว เหมือนไฟไหม้ร่างกายเราเราพยายามทนมาตลอด แต่เหมือนมันกำลังจะไหม้ที่สำคัญของเราคือหัวใจ พูดอย่างนี้ไม่ต้องห่วงว่าผมจะไปทำอะไรมิดีมิร้ายนะครับแต่ว่าผมก็ยังมีความหวัง เหมือนกับมีอะไรสักอย่างไม่ให้เราอยู่ทางโลกให้เรามีเวลาค้นหาสาเหตุที่เกิด แต่ใจผมแล้วต้องการบำเพ็ญบารมีในเพศฆราวาสก่อน ยังไม่อยากบวช ทำอย่างไรดีหนอ ผู้หลงทาง
     
  19. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    เจ๊ย ยังงี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแระ ต้องมีอะไรแปลกๆแน่
     

แชร์หน้านี้

Loading...