ผมสงสัยว่าทำไมวิญญาณสัมภเวสี ต่างๆถึงไม่มีความคิดเป็นของตัวเองอะ

อย่างกรณี พวกหมอผี หรือ คนทรง ถ้าไปจับเอาวิญญาณต่างๆ เพื่อมาเป็น บริวารให้แก่ตนเอง และเพื่อใช้งานนั้น จากกรรมวิธีแบบ เดิมๆ เช่น จับใส่ลงในหม้อแล้วปิดปากหม้อด้วยผ้ายันต์ หรือ ให้ สิงในหุ่นฟาง,ตุ๊กตาหรือ สิ่งของต่างๆ แล้วสะกดด้วยคาถาไว้ ผมมาคิดๆ ดูแล้วว่า พวกวิญญาณ สััมภเวสี เหล่านี้ เป็น พลังงานอย่างหนึ่งเป็นธาตุลม ไม่ได้มีร่างกายหยอบ ที่เอื้อต่อการยึดเหนี่ยวรั้ง กักขังได้ง่ายกว่าอะนะ กะอีแค่ คาถา,อาคม,ผ้ายันต์ ฯ มันจะสามารถกักขัง,บังคับให้อยู่แต่ในที่จำกัด และเพื่อบังคับใช้งานวิญญาณตามแต่ ใจของเจ้าของสั่งได้ทุกอย่าง อย่างนั้นเลยเหรอ วิญญาณไม่มีสมองคิดเหมือนตอนเป็นมนุษย์ซักนิดเลยเหรอไงว่า "กูไม่ใช่ ขี้ข้ามึง...เรืองอะไรกูจะต้องอยู่แต่ในนี้และคอยทำตามคำสั่งของมึง" << มาคิดๆ แล้ว ธาตุลมอย่างวิญญาณ หน้าจะเป็นอิสระกว่านี้อะนะ ขนาดกายยังสามารถเป็นอิสระได้เลย ทั้ง หายตัว,เปลี่ยนร่าง,โผล่ไปในตรงนู้น ตรงนี้อย่างรวดเร็วอะ จากที่ผมเห็นมา ผมเลยสงสัยอะนะ

 

ระดับที่ถูกจับมาเพื่อใช้แสวงหาผลประโยชน์
ในทางด้านที่ไม่ดีต่างๆนั้น คิดได้อยู่ครับ
แต่ทำอะไรไม่ได้
เพราะกำลังจิต หรือกำลังบุญไม่เพียงพอ
แต่การถูกควบคุม ไม่ว่าจะด้วยบทสวด เวทมนต์
คาถาอะไรก็ตาม..แทบไม่มีดวงจิตไหนหรอกครับ
ที่จะชอบการถูกควบคุมเพียงแต่ เค้าไม่มีความสามารถ
เพียงพอที่จะแก้ไขอะไรตรงนั้นได้ มันเป็นวิบากของเค้าครับ

ไม่ต้องอะไรมากอย่างเรา มีคนบอกให้ทำอะไรที่เราไม่ชอบ
เรายังไม่พากายไปทำเลยครับ เอาอะไรกับดวงจิตทำไมจะคิดไม่ได้
ซึ่งอย่าลืมว่าก่อนที่กายเราจะไม่ทำ ความคิดมันมาจากไหนก่อน
ความคิดที่เราพูดกัน มันเป็นนามธรรม
ดวงจิตดวงวิญญานก็เป็นนามธรรม
ถ้าไม่มีกายเนื้อมาช่วยหนุน มันจะรับรู้สัมผัสได้
ดีมากกว่าปกติมากกว่าอยู่แล้วครับ
เช่น ปกติถ้าเรามีกาย แล้วโดนความร้อน
เราจะยังมีผิวกายคอยรับไว้อยู่เป็นด่านแรก...
ถ้าเป็นนามธรรม ไม่มีอะไรมาขวาง
ตัวที่จะช่วยได้คือกำลังบุญ กำลังจิต หรือบารมี
ถ้าดวงจิตโดนความร้อนแบบเดียวกัน
คือมันจะร้อนมากๆๆ เรียกว่า ร้อนที่ตัวจิตเลย
มันจะร้อนเหมือนมีคนโยนเราทั้งตัวเข้ากองไฟ
แบบเป็นๆนั่นหละครับ
พอนึกภาพออกไหม

 

อ๋อ...ผมพอจะเข้าใจบ้างแล้วล่ะครับ คุณ nopphakan ขอบคุณมากครับ ก็คิดอยู่ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นอะนะ

 

คนธรรมดาก็เหมือนผี
ใช่ว่าจะมีอิสระคิดและทำะไรได้ดังใจตลอดเวลา
ต้องมีชีวิตตามเงื่อนไจกำลังบุญกุศลที่สะสมไว้เหมือนกัน