ปาฏิหาริย์แห่ง “การเจริญภาวนา” อานิสงส์มากเหนือกว่าทานและศีล

ปาฏิหาริย์แห่ง “การเจริญภาวนา” อานิสงส์มากเหนือกว่าทานและศีล

ต้องถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ในวันนี้ การปฏิบัติธรรม ด้วย”การเจริญภาวนา” ได้เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมปฏิบัติกันมากขึ้น ในคนทุกเพศ ทุกวัย

โดยเฉพาะคนทั่วไปเริ่มเข้าใจกันดีแล้วว่า การเจริญภาวนา ไม่ใช่เรื่องพิเศษสงวนสิทธิ์ทำได้เฉพาะของพระ ของชี ของโยคี หรือคนแก่ หรือของคนที่ต้องมีปัญหาชีวิตหนักๆ เท่านั้น ที่ต้องหลบผู้คนทิ้งภาระ ทิ้งครอบครัว ทิ้งทุกอย่างหนีไปนั่งอยู่คนเดียวในป่าเขา ในถ้ำในดอยอีกต่อไป

แต่การเจริญภาวนา เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็น”ของวิเศษ” ที่ใช้”แก้ปัญหา” ไม่ใช่หนีปัญหา

เป็นปาฏิหาริย์ที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยทำได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาและเห็นผลจริงเร็วมาก!!!

เพราะการเจริญภาวนาเป็นเครื่องมือสำคัญมากๆ ในการสร้างสติ สร้างสมาธิ สร้างปัญญา นำไปสู่การแก้ไขปัญหาชีวิตในทุกด้านได้จริง ทั้งการเงิน การงาน ความรัก ครอบครัว ปัญหาสุขภาพ แก้ไขกรรมบางกรรม พลิกชีวิตจากทุกข์ให้เป็นสุข และจากที่ดีอยู่แล้วก็ดียิ่งๆขึ้นไป ทั้งในทางโลกและทางธรรม

และหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การเจริญภาวนาเป็นการสร้างบุญบารมี

ที่ได้บุญมากโดยประมาณมิได้ที่เหนือกว่าทานและศีล



พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นศาสนาที่แตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างสิ้นเชิง เป็นศาสนาเดียวที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ เพราะพิสูจน์ได้จริงในทุกประเด็น ทุกเรื่องที่พระพุทธองค์สอน อีกทั้งไม่ได้บังคับให้เชื่อแบบงมงายไร้เหตุผล

ไม่ใช่แค่เชื่อยอมรับแล้วจะได้อะไรแบบฟรีๆ นั่งอยู่เฉยๆ ลอยมาใส่มือ หรือแค่นั่งสวดมนต์ อธิษฐานแล้วจะได้รับแบบแจกฟรีไม่มีเงื่อนไข บอกเลยว่าไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ของฟรีไม่มีในโลก ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั้งสิ้น ต้องมีเหตุ ต้องมีปัจจัยสนับสนุนให้เกิด และเมื่อทำอะไรแล้วก็ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นไม่ว่าจะดีหรือชั่ว

ทุกเรื่องที่สอนเน้นให้พิสูจน์ ให้ลองปฏิบัติด้วยตัวเอง ถ้าพิจารณาแล้ว ปฏิบัติแล้วเห็นว่าดี จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ไม่มีใครว่า ไม่มีใครมาลงโทษลงทัณฑ์ ขู่กันให้หวาดผวา แต่เหตุที่ทำให้ธรรมะของพระพุทธองค์นั้น ได้รับการยอมรับอย่างหมดทางโต้แย้ง และสืบทอดยาวนานมานานกว่า 2,500 ปี มีพุทธสาวกไปทั่วโลกก็คือ

ทุกคนที่ลงมือทำจริง ลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้อง ตรงทาง ล้วนได้ผลจริงทั้งสิ้น!

แต่การที่จะได้ผลจริง ได้ผลมากน้อย เร็วช้าแค่ไหน อยู่ที่ตัวผู้ปฏิบัติเอง ใครทำใครได้!

การเจริญภาวนา นั้นถือว่าเป็นกุญแจสำคัญดอกหนึ่ง ที่จะพาทุกคนให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น เพราะลงเมื่อปฏิบัติที่ถูกต้องจะเกิดสติ สมาธิ ปัญญาตามระดับ จะเริ่มเข้าใจตน เข้าใจคนอื่น เข้าใจโลก เข้าใจกิเลส เข้าใจทุกข์ นำไปสู่การเกิดปัญญา จนเห็นว่าทุกข์มีต้นเหตุมาจากไหนจริงๆ จนนำไปสู่การลงมือแก้ไขระงับดับทุกข์ ที่เริ่มตั้งแต่ทุกข์เล็กๆ เจอกันตลอดเวลาไปจนถึงแบบหนักหนาสากรรจ์

หากมีบุญบารมีมากพอ มีความเพียรอย่างแรงกล้า ต้องการเดินทางไปสู่ระดับการดับทุกข์ถาวร แบบไม่ต้องกลับมาเกิดให้ทุกข์อีกแล้ว คือ “พระนิพพาน” แบบครูบาอาจารย์ท่านทำมาแล้วและกำลังทำอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งต้องมีปัจจัยหลายอย่างสนับสนุนรวมถึงบุญบารมีที่สะสมมาด้วย

และที่หลายท่าน อาจจะเคยได้ยินกันมาว่า การเจริญภาวนา นั้นแก้กรรมได้จริงหรือ?

ครูบาอาจารย์ท่านยืนยันว่า ทำได้จริง!!!

ส่วนหนึ่งเป็นการแก้กรรมใหม่ เพราะ “สติ สมาธิ ปัญญา” ที่เกิดขึ้นการเจริญภาวนา โดยเฉพาะตัวปัญญาที่ทำให้เราตื่นรู้นี่เอง ที่จะฝังลงไปในจิต จากที่เคยมืดมิด เคยขุ่นมัวก็สว่าง ก็ใสกระจ่างขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่รู้ก็รู้ขึ้นมา

จนทำให้เรารู้ตัว รู้จักลด ละ เลิกกรรมชั่วทั้งปวงแบบไม่ต้องมีใครมาบังคับ ทำเองโดยธรรมชาติเพราะรู้ผลดี ผลเสียแล้วในกรรมชั่วรู้จักยับยั้งชั่งใจและละอายเกรงกลัวต่อบาป รู้ลึกไปถึงวิธีที่จะช่วยสกัดกั้น หลีกเลี่ยงให้เราไม่ทำกรรมไม่ดีอีก

“สติ สมาธิ ปัญญา” ที่เกิดขึ้นจากการเจริญภาวนา ทำให้รู้ลึก รู้ละเอียดประณีตถึงวิธีการสร้างบุญที่เกิดผลมากในทุกบุญที่ทำ กรรมดีที่สร้าง รู้วิธีอุทิศบุญที่ตรงทาง การอธิษฐานจิตที่มีพลังมาก การใช้จิตที่มีพลังในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในทุกด้านและได้ผลดีมาก

เรียกว่า ทั้งแก้กรรม เปลี่ยนกรรมใหม่ให้ดีจากที่อาจจะเคยผิดพลาดมาก่อน เมื่อรู้แล้วก็ไม่พลาดอีกหรือพลาดน้อยที่สุด

สำหรับ”กรรมเก่า” ที่ติดตัวกันมาทุกคนนั้น หากเรารู้จักวิธีการเจริญภาวนา ปฏิบัติอย่างถูกต้อง ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์มากเท่าใดก็ตาม บุญบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีอานิสงส์บุญใหญ่มากโดยประมาณมิได้ แล้วอุทิศบุญ ส่งบุญที่เราทำนี้ไปให้กับเจ้ากรรมนายเวร เพื่อแสดงเจตนาถึงการสำนึกผิด ส่งบุญไปให้ขอชดใช้กรรมที่ทำกับเขา เพื่อให้เขามีความสุขขึ้น พอใจ ยินดีในบุญนั้น จนเขามีเมตตาอโหสิกรรมให้

แต่การที่เวรจะระงับ การที่เขาจะให้อโหสิกรรมหรือไม่ อยู่ที่ตัวเขาทั้งสิ้น เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้เป็นผู้ถูกกระทำ ตัวลูกหนี้ไม่มีสิทธิ์โมเมยกหนี้ให้ตัวเอง และถึงแม้เวรนั้นจะระงับไม่ผูกพันพยาบาทจองเวรข้ามภพข้ามชาติกันอีก แต่กรรมที่ทำกับเขาก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น เหตุที่ชีวิตดีขึ้นเรื่องร้ายๆ ยุติมีสองทางคือ

ทางที่หนึ่ง กรรมนั้นเป็นอโหสิกรรมแล้ว กรรมนั้นยุติส่งผลไม่ได้แล้ว

ทางที่สอง บุญที่เราทำพาเราหนีกรรมนั้น ทำให้กรรมนั้นยังส่งผลไม่ได้ ตราบที่บุญใหญ่ยังส่งผลอยู่

ครูบาอาจารย์ท่านฝากบอกว่า อย่าประมาทในการสร้างบุญ ให้พยายามทำบุญทุกบุญแบบสม่ำเสมออย่าหยุด ไม่ว่าจะเล็ก จะใหญ่เพียงขอให้เป็นบุญบริสุทธิ์มากที่สุด แล้วอุทิศบุญอย่าหยุดไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล เจริญภาวนา หรือกรรมดี บุญอะไรที่เราทำ

ที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำอย่างนี้ เพราะว่า เราทุกคนไม่ได้มีเจ้ากรรมนายเวรรายเดียวแน่นอน เพราะเราทุกคนนั้นได้ผ่านการเกิดมาหลายภพชาติ หมุนเวียนต่างวาระ ต่างสถานะ ต้องเคยสร้างกรรมมามากมาย และต้องได้สร้างเจ้ากรรมนายเวรมากมายเช่นกัน พอหมดจากรายนี้ เขาอโหสิกรรมแล้วหมดเรื่องกันไป รายอื่นก็มารอจ่อคิวจองเวรต่อยาวเหยียด กรรมไม่ดีที่เคยทำมาก็ต้องมาส่งผล ที่สำคัญอยากเรียนให้ทุกท่านทราบทั่วกันว่า

บุญใหญ่จากการเจริญภาวนานั้น เป็นอีกบุญที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการมากที่สุด!!!

ขอให้หมั่นเจริญภาวนากันให้มากๆ เรื่องร้ายๆ อุปสรรคกรรมที่มาจากเจ้ากรรมนายเวร จะค่อยๆ หายไปเปิดทางให้บุญส่งผลเต็มที่ ท่านฝากย้ำอีกครั้งในเรื่องนี้ แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ท่านทั้งหลาย

เพราะกรรมนั้นใครทำคนนั้นต้องรับผลกรรมเอง ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว

ไม่มีใครรับแทนกันได้ และที่สำคัญ ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม !!!

****ติดตามบทความปาฏิหาริย์แห่งบุญ ที่จะช่วยให้ทุกชีวิตได้ดี สุข รวย ได้ที่
https://www.facebook.com/ธ-ธรรมรักษ์

#พระพุทธเจ้า #ธรรม #หนังสือธรรมทาน #ธ.ธรรมรักษ์ #ทาน

 

สาธุ เห็นจะเป็นจริงอย่างเจ้าของกระทู้เล่ามา เพราะเคยประจักกับตัวเอง ขออนุญาตเล่า
เรื่องส่วนตัวที่เจอมาหน่อยนะ มีอยู่คืนหนึ่ง ตัวผู้พูดหลับแล้วฝันไปว่ามีฝูงสุนัขฝูงใหญ่ไล่คุม ที่จะเข้ามากัดฉีกเนื้อตัวผู้พูด ตัวผู้พูดตกใจเป็นอย่างมาก แต่รวบรวมสติ แล้วแผ่เมตตาแบบภาษาไทยตรงๆ ว่า ("สาธุ...บุญใดที่ข้าพเจ้ากระทำมาแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะส่งผลประโยชน์สุขให้ข้าพเจ้า ฉันใด ข้าพเจ้าขออุทิตให้ท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายโปดอนุโมทนาพร้อมเมตตาอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด") ขณะนั้นสังเกตว่าฝูงสุนัขฝูงใหญ่นั้นชงักสงบลง พร้อมกายร่างเป็นทั้งหญิงทั้งชายหลายเพศหลายวัย ยกมืออนุโมทนา แต่!!
เรื่องยังไม่จบ ยังมีเสียง เสียงหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธแค้น (ขออนุญาตนะขอโทษ) เสียนั้นตะโกนว่า "บุญกุศลแค่นี้พวกมึงยอมแล้วรึ จำไม่ได้รึไงมันทำอะไรกับพวกมึงไว้บ้าง" จากนั้น เสียงนั้นเหมือนจะหันกลับมาดังทางตัวผู้พูด "กูจะทำให้มึงเจ็บ อย่างที่มึงทำกับกู"
ทันใดในในฝันของตัวผู้พูดเอง รู้สึกว่ามีอะไรปวมๆดันๆอยู่ในปาก บวมขึ้นๆๆจนอ้าปาบค้างแบบที่หุบปากไม่ได้น้ำลายไหลเจ็บปวดมาก จนสดุ้งตื่นจากฝันขึ้นมา ตกใจมาก!!สิ่งที่ฝันนั้นเป็นจริง คือ ปากตัวผู้พูดบวมแก้มก็บวม ปากค้างพร้อมกับ ปวดฟันมากๆ ทานข้าวอย่างคนปกติไม่ได้เกือบครึ่งเดือน เพราะเหงือกอักเสบอย่างรุนแรง พอความเจ็บป่วยนี่หายไปสักระยะหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่ง ภายในคืนๆหนึ่งตัวผู้พูด ก็นิมิตฝันพบเจอกับเจ้าของเสียงนี่อีกครั้งคนๆเดียวกันกับที่ตะโกนแช่งจองเวรตัวผู้พูด ในฝันขณะนั้น ตัวผู้พู้ไม่รีรอที่จะแผ่ส่วนกุศลที่เคยทำให้ คือ บุญในเรื่องของทานสังฆทาน วิหารทาน สร้างพระ ตัวผู้พูดก็อทิศให้เขาด้วยความจริงใจอันบริสุทธิ แต่ทว่า!!! เขากลับบอกว่า "กูไม่เอากูไม่รับ" ตัวผู้พูดเองก็จนใจ แต่ชั่วขณะนึกขึ้นได้ว่า บุญที่เกิดการการที่เราได้ทำกรรมฐานวิปัสนา นั่นล่ะ ก็เลยตั้งจิตอุทิตให้ไปใหม่ "สาธุ...ด้วยเดชะกุศลผลบุญใดๆก็ตามตั้งแต่อดีตจน ถึงปัจจุบัน ที่ข้าเจ้าได้บำเพ็ญมา ไม่ว่าจะเป็นบุญกุศลใดๆก็ตาม โดยมี การเจริญ สมาธิกรรมฐานเป็นต้น พร้อมบุญ ในเรื่อง ทาน ศีล ตามลำดับ เพื่อการทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ ของอุทิตผลแห่งบุญแห่งกุศลทั้งหมดทั้งมวลทั้งสิ้นนี่ ให้แก่เธอ ขอ ให้เธอจงรับพร้อมกับอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยเถิด" จากนั้นร่างที่ดุดันโกรธแค้นนั้นก็หายไป......
นี่ถ้าหากสุนัขทั้งฝูงนั้นไม่อโหสิกรรมให้ คง....จะหนักกว่านี้มากมายนัก
(เรื่องนี้ ผู้ใดจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ตัวผูพูดก็มิอาจเอื้อมบังคับให้เชื่อ แต่ตัวผู้พูดเชื่อ อย่างยิ่ง
ว่าบาป บุญ คุณโทษ นั้นมีอยู่จริงๆ นรก สวรรค์ นิพาน นั้นมีอยู่จริง พร้อมบุญที่ยิ่งใหญ่ เช่น กรรมฐานเพื่อการหลุดพ้นในให้คุณบุญกุศลหนักจริงๆ )

 

สาธุๆๆ อนุโมทนา กับจขกท.ครับ...(k)