ปาฏิหาริย์พระเจ้าอโศกฯ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย santosos, 19 เมษายน 2014.

  1. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ปาฏิหาริย์พระเจ้าอโศกฯ



    ปีพุทธศักราช ๒๔๙๖ เดือนธันวาคม ท่านพ่อลีอธิษฐานบำเพ็ญเพียร นั่งสมาธิตลอดรุ่งที่วัดเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี กับสานุศิษย์อีก ๖ รูป

    ขณะนั่งสมาธิภาวนาอยู่นั้น ท่านได้ยินเสียงแปลกประหลาด ดังบนศีรษะห่าง ๆ คล้ายฝนตก

    สักครู่หนึ่งได้เห็นพระรูปพระเจ้าอโศกมหาราช ตกลงมาใกล้ ๆ เป็นแก้วเจียระไนสี่เหลี่ยมสีดำอมชมพู โตประมาณนิ้วหัวแม่มือ

    ต่อมาแก้วเจียระไนที่เป็นพระรูปของพระเจ้าอโศกมหาราชนั้นได้รับการบรรจุไว้อย่างมิดชิดที่วิหารหลวงพ่อเศียร วัดอโศการาม จนทุกวันนี้

    ท่านพ่อลีได้พูดถึงเรื่องนี้ทิ้งท้ายเป็นปริศนาไว้หน่อยหนึ่งว่า

    “ขอให้ผู้รู้ ผู้เห็น จงสำเนียกเอาด้วยตนเอง จิตวิญญาณของพระเจ้าอโศกฯ อาจจะช่วยเหลือพวกเราอยู่ และอาจจะอยู่ใกล้ ๆ พวกเราผู้ปฏิบัติธรรมก็ได้....”

    ท่านพ่อลีมีความผูกพันซาบซึ้ง ในผลงานการกระทำของพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นอย่างมาก ดุจเหมือนดั่งว่าท่านเคยเกิด เคยมีชีวิตอยู่ในสมัยนั้น

    คราวที่ท่านพ่อลีไปประเทศอินเดีย ได้เห็นพระเจดีย์และสถูป ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้ ทรุดโทรมหักพัง จนเกิดความคิด ที่จะสร้างทดแทนไว้สักแห่งขึ้นในเมืองไทยนั้น อาจเป็นสิ่งที่แปลกอย่างหนึ่ง และการที่ท่านอธิษฐานจิตขอให้พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอรหันต์ต่าง ๆ จำนวนมากเสด็จมาอยู่กับท่านได้นั้นก็เป็นเรื่องที่แปลก ที่สามารถพิสูจน์ได้อีกอย่างหนึ่ง

    ในเรื่องนี้ผู้เขียนได้กราบเรียนถาม พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นหลานท่านพ่อลีถึงเรื่องที่มีคนเล่าลือกันมากว่า “ท่านพ่อลีเป็นพระเจ้าอโศกฯ กลับชาติมาเกิด จริงหรือ?”

    ท่านตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่น่าแปลกมากและเหมือนกันคือ พระเจ้าอโศกฯ สามารถรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุได้ ส่วนท่านพ่อลีก็สามารถรวบรวมได้มากมายด้วยพลังอธิษฐานเช่นกัน

    และมีความเหมือนกันอีกเรื่องก็คือ พระเจ้าอโศกฯ โปรดปรานการปลูกต้นโพธิ์เป็นพิเศษ ท่านพ่อลีก็เช่นกัน ในยุคนั้นท่านปลูกเองและชักชวนคนอื่นปลูกต้นโพธิ์เป็นจำนวนมาก”

    นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอ้างอิงอันสำคัญจากพระอาจารย์บุญกู้ อนุวฑฺฒโน ที่ได้อ่านจากบทธรรมเทศนาของหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร โดยหลวงปู่สิมท่านได้เล่าเรื่องท่านพ่อลีเกี่ยวข้องกับพระเจ้าอโศกฯ ไว้ดังนี้

    .... คราวหนึ่งหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย เห็นสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้อย่างยิ่งใหญ่ที่พุทธคยา ก็เกิดความสนใจใคร่อยากทราบว่า

    “พระเจ้าอโศกฯ ผู้สร้างคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้แก่พระพุทธศาสนา ไปเกิดเสวยผลกรรมสุขทุกข์อยู่ ณ ที่ไหนหนอ?”
    ท่านยืนกำหนดจิตรำพึงถึงเท่านั้นแหละ จิตเกิดญาณความรู้....มีภาพของท่านพ่อลีปรากฏลอยเด่น.... เด่นเข้ามาในนิมิตนั้น
    ท่านจึงประจักษ์ใจว่า ท่านพ่อลีเป็นพระเจ้าอโศกฯ กลับชาติมาเกิดเป็นแน่แท้ และเป็นชาติสุดท้ายสมความปรารถนาของพระเจ้าอโศกฯ ที่เคยปรารถนาเป็นทายาทธรรมด้วยการออกบวช แล้วเข้าสู่นิพพาน ไม่มีความประสงค์จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไป

    เล่าเรื่องคนอื่นพูดถึงท่านพ่อลีแล้ว เรามาฟังท่านพ่อลีเล่าเรื่องท่านเองดีกว่า ท่านเล่าแล้วก็หัวเราะขำขันไปด้วยแบบทีเล่นทีจริงว่า....

    .... มีพระหลวงตารูปหนึ่งไปภาวนาในป่าเกิดนิมิตเป็นที่อัศจรรย์ ด้นดั้นเดินทางมาหาท่านที่วัดอโศการาม ญาติโยมเขาถามพระหลวงตารูปนั้นว่า มาจากไหน ต้องการพบใคร

    พระองค์นั้นก็ตอบว่า “พวกญาติโยมเหล่านี้ไม่รู้อะไร ท่านอาจารย์ลีองค์นี้เดิมท่านเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านจึงมาสร้างวัดอโศการาม

    ส่วนอาตมานี่แหละเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นเพื่อนรักกับท่าน สนิทสนมกันมานานหลายภพหลายชาติ จึงอยากจะมาขอเยี่ยมท่านในวัดนี้.... ในวันนี้” แล้วก็สั่งให้ลูกศิษย์เข้าไปบอกท่านพ่อลี

    ท่านพ่อลีทราบดังนั้นจึงบอกลูกศิษย์ว่า “ไปเร็ว ๆ ไปบอกท่านว่าให้กลับไปเสียนะ อย่าเข้ามาเป็นอันขาด” แล้วท่านพ่อลีก็กล่าวต่อไปว่า.... “....มันเป็นไปอย่างนี้ก็มีนะพระเรา นี่แหละพวกตื่นพื้นแผ่นดิน คือหลวงนิมิตต่าง ๆ ที่ตัวได้เห็น ท่านองค์นั้นคงจะมีความคิดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในใจ แล้วก็เลยเขวไป

    เมื่อเห็นอะไรต่าง ๆ ปัญญาไม่พอเพียง ก็กลายเป็น “วิปัสสนูปกิเลส” เปรียบเหมือนคนตื่นรถเพราะไม่เคยเห็น ก็อยากจะวิ่งเข้าไปหารถ อยากขี่ อยากขับ อยากนั่งบ้าง ไม่เหลียวซ้ายแลขวา พิจารณาให้ดี วิ่งออกไปกลางถนน มันก็จะถูกรถชนตายหรือทับแข้งขาหักพิกลพิการไปเท่านั้น

    นี่ก็หลงไปอีกแบบ ไม่ปลอดภัย ถ้าใครมีปัญญาพอก็จะเป็นอริยทรัพย์ เช่น เห็นป่าลำพู ป่าแสม ก็พิจารณาให้เกิดประโยชน์ เอามีดมาตัดเป็นฟืนไว้ใช้สอย หรือจะขายก็ได้พื้นแผ่นดินมันรก ก็ถากถางทำให้เป็นไร่เป็นนา อย่าปล่อยให้ว่างเปล่า ก็จะต้องนำมาซึ่งพืชผลและทรัพย์สินเงินทอง

    การหลงนิมิตเช่นนี้กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็เรียกว่า “สัญญาวิปลาส”

    ทางที่ถูก เมื่อเห็นนิมิตอะไร เราจะต้องมีสติพิจารณา แล้ววางไว้ตามสภาพของความจริง เราอย่าไปเกาะอยู่ในสิ่งที่รู้เห็น เพราะสิ่งทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง เช่น เกิดมาเป็นคนจนก็ทุกข์ เพราะอยากมั่งมี เกิดมามั่งมีก็ทุกข์ ในการปกปักรักษาทรัพย์สมบัติ กลัวจะสูญหาย กลัวเขาจะคดโกง กลัวโจรจะปล้น กลัวขโมยจะลัก ก็ไม่มีความสุขอีก

    สิ่งทั้งหลายไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง นิมิตทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อรู้เห็นอะไร เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามสภาพของมัน ต้นลำพูมันก็อยู่ในป่า หญ้าก็มีในดิน ข้าวก็อยู่ในนา รู้ดังนี้ได้เราก็จะสบาย จะลงไปในทะเลอีกก็สบาย เพราะรู้จักขึ้นรู้จักลง รู้จักว่าในทะเลมันเป็นอย่างไร บนบกมันเป็นอย่างไร ผู้มีวิชาจะไปบกไปน้ำก็ไปได้ สบายทุกอย่าง จะถอยหน้าถอยหลังก็ไปได้คล่องแคล่วไม่ติดขัด เป็น “โลกวิทู”

    ใจแนบอยู่กับสิ่งนั้นแต่ไม่ติด อยู่ในทะเลนั่นแหละ แต่ก็ไม่จม อยู่ในโลกก็ไม่จมโลก เหมือนใบบัวที่อยู่ในน้ำ แต่น้ำก็ไม่ซึมซับ”

    ท่านพ่อลีท่านไม่ได้รับและไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องที่คนเขาลือ ว่าท่านเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด แต่ท่านได้กล่าวธรรมะเป็นแง่คิด เป็นคติเตือนใจในเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน.... ต่อไปว่า....

    “....มีบางคนพูดฝากมาว่า ท่านพ่อลีวัดอโศการาม ท่านสบายละซิ มีลูกศิษย์ลูกหาล้วนแต่มหาเศรษฐี เรามาเสียใจอยู่หน่อยว่ามันไม่ค่อยจริงอย่างเขาลือ บางคนได้ยินแต่ข่าวลือ ก็เข้าใจผิด คิดว่าเราเป็น “นักโกยเงิน” ขอให้พวกเราพากันระวังให้ดี ๆ ให้ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าหลงมนุษย์

    เรื่องอย่างนี้มันเป็นภัย เมื่อมันนึกว่าหลวงพ่อร่ำรวย มันก็เพ่งเล็งดู ได้ท่าก็จะมาทำความยุ่งยากเดือดร้อนขึ้น ที่พูดมานี้เป็นเรื่องทางโลก
    ทีนี้มาพูดเรื่อง ธรรมะ พูดกันตามจริงที่พวกเราอยู่กันใกล้ ๆ ไกล ๆ และมีจิตมุ่งดีอยากมาอบรมจิตใจของตน ๆ อุตส่าห์เสียสละกันมา โดยได้ยินได้ฟังว่าสถานที่นี้ มีการอบรมจิตใจกันเคร่งครัด มุ่งบำเพ็ญความดีกันเป็นส่วนใหญ่ คำกล่าวอย่างนี้ก็เป็นชื่อดีของเรา

    ฉะนั้นให้พวกเราในที่นี้ ทำตัวให้เหมาะสมกับชื่อของเราไว้ ให้รักษาชื่อดีใส่กำมือไว้อย่าให้รั่วไหล ได้ทั้งชื่อได้ทั้งความจริงเป็นดีแน่ อย่าดีแต่ชื่อ แต่ตัวมันเซ่อ!
     

แชร์หน้านี้

Loading...