ปัญญาของพระโสดาบันต่างจากปุถุชนยังไง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตสิงห์, 12 พฤษภาคม 2011.

  1. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ
     
  2. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ก็เตือนอยู่ให้ระวังเหยียบกับดัก

    และไม่จำเป็นต้องไปตอบทุกถาม
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ไม่เป็นไรนี่ครับ
    โดยมารยาท สนทนากับกัลยมิตร ตอบผิดถูก ไม่โดนใจบ้าง ย่อมไม่สำคัญ
    เท่าการลดมานะ
     
  4. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ดีล่ะๆ งั้นเชิญสนทนากันต่อครับ

    เดี๋ยวต้องขอตัวก่อน ที่มาขัดจังหวะ ต้องขออภัย

    คิดเสียว่า นี้คือ โฆษณา คั่นรายการ
     
  5. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ขออนุญาติ ถาม แทรกนิดนะครับ
    เมื่อรู้ทันปัจจุบันแล้ว
    นำไปใช้ประโยชน์ ได้อย่างไรครับ
    หรือ รู้ สักแต่ว่ารู้
    ขอบพระคุณครับ
     
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ครับดีมากแล้วครับ คุณเข้าใจเรื่องจิตหรือเปล่า จิตนี่คือตัวรู้ใช่ไหม รู้
    ทางตาจักขุวิญญาณ ... มันเป็นคนละตัวกับที่อุปาทานหรือความรู้สึก
    ที่เป็นตัวตนรู้ใช่ไหม คือจิตหรือวิญญาณนี่เกิดจากการกระทบหรือ
    ผัสสะใช่ไหม แต่มันมีสองชั้น ชั้นที่ตาเห็นรูปอะไรนี่ยังไม่ต้องไปยุ่งชั้น
    นี้เป็นแค่เพียงรู้อะไรยังไม่ปรุงแต่งเรียก ปฏิฆะผัสสะ ที่ยุ่งคืออธิวัจจนะ
    ผัสสะ คือขั้นธรรมารมณ์และเกิดมโนวิญญาณ หรือขั้นที่ตีความหมาย
    ปรุงแต่ง จิตที่ปรุงแต่งนี้ไม่ได้เกิดดับเร็วขนาดนันหรอกครับ ตัวนี้วัน
    หนึ่งเกิดไม่กีครั้งก็ได้ ที่เรียกดูจิตก็คือดูมโนวิญญาณนี่เหละ แต่ที่
    สำคัญใครเป็นตัวดู เพราะบางทีจิตแบ่งออกเป็นสองส่วนสวนหนึ่งเกิด
    เป็นอุปาทานแล้วมาควบคุมอีกส่วนหนึ่งไม่ให้ปรุงแต่ง มันก็ยังไม่ดีใช่
    ไหมต้องทำจิตตัวที่เป็นอุปาทานให้หายไปก่อน คือมีความรู้สึกว่า
    พยายามหรืออยากมีสติเมื่อไหร่จิตที่เป็นอุปาทานตัวนี้เกิดขึ้นเล้ว
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ช้าก่อน เราจะถือว่า สิ่งที่ท่านทำออกมานั้น เป็นการละเมอเพ้อไป

    เพราะเหตุว่า

    อันวิสัยของวิญญูชน ย่อมไม่ พยากรณ์ใครก่อนที่จะแสดงตนว่า เป็นใคร
    มีฐานะอย่างไร มีปฏิปทาอย่างไร มีคุณสมบัติที่พึงถือได้อย่างไร อันเป็น
    การประกาศออกมาก่อนด้วย กริยาอย่าง สิงห์ ไม่ใช่ แมว

    เมื่อแสดงตัวตนแล้ว หากผู้ถูกพยากรณ์มีใจศรัทธา ท่านจึงจะพยากรณ์ได้

    ไม่เช่นนั้นแล้ว คำพยากรณ์ของท่าน จะเป็นเพียงการทำนายทายทักแบบลอยๆ

    ซึ่งไม่ใช่วิสัยที่คู่ควร แก่ผู้ปราศจาก ภัยเวร 5 ประการ

    เว้นแต่ ท่านจะเป็นผู้ยังมี ภัยเวร5ประการได้อยู่ ท่านก็พึงพยากรณ์ไปเถิด

    เราคงไม่จำเป็นต้องสนใจ ต่อการกระทำของ ผู้ที่ยังต้องทนทุกข์ ไม่พ้น
    ภัยเวร5 ประการ แต่อย่างใด

    เพราะว่า คงหาความเป็นจริง ได้ค่อนข้างยาก
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ผมตอบให้ คุณหม้อ จะตรงกว่า

    คือ แก เป็น เด็กเก็บว่าว

    เวลา มีอะไรที่มีแนวโน้มว่า จะมีว่าวของใครหลุดลอย แกจะวิ่งไปเก็บ
    แล้วเอามาอวดโชวว่า ข้าเก็บได้ๆ

    บางทีว่าวตัวนั้น ยังไม่แน่ไม่นอนว่า ขาดลอยหรือยัง แกจะอมพนำเอา
    ไว้ก่อน

    รอวัน ที่มีการตัดสินแล้วว่า ว่าวตัวนั้นหลุดลอย แกจะได้สวมบทว่า

    เฮ้ย กูผู้หนึ่งเก็บว่าวขาดลอยนั้นได้

    * * * *

    เห็นเขาว่า พี่หม้อ เป็นครูบาอาจารย์ แต่ พฤติกรรม เจ้ายศเจ้าอย่างแอบซ่อนอมพนำ
    สร้างแต่ มาดแห่งวาทะเป็นปริศนาปักขี้เลน
     
  9. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตมันก็ไม่ไหลไปปรุงแต่งไงครับ กรรมก็ไม่เกิด
    สกัดทุกข์ได้

    ตัวอย่างเช่น คุณได้ยินเสียงด่า เกิดไม่พอใจ ออกไปชกหน้าคนด่า สุดท้าเจ็บมือ สร้างเวร ติดคุก เสียใจ อะไรๆอีกที่ทำให้จิตเศร้าหมอง

    รู้ทันปัจจุบัน เสียงเป็นรูป กระทบหู หูมันไม่รู้อะไรถ้าไม่มีจิตเข้าไปรู้
    หรือ โสตวิญญาณ เกิดผัสสะ นามใจเกิด ปรุงแต่งต่ิเนื่อง
    ถ้าใจเป็นกุศล เสียงด่ามันก็เป็นคำชมได้
    แต่ถ้าใจเป็นอกุสล เสียงด่ามันก็เป็นกรรมไม่ดีที่เราไปรับมาทุกข์

    ในอกุศล มันก็ย่อยไปอีกเป็นโทสะ โมหะ โลภะ
    ให้สังเกตุตัวเองบ่อยๆ ว่าใจเป็นกุศล หรือ อกุศล
    วิธีสังเกตุคือ รู้ตามความเป็นจริง รู้ในปัจจุบันครับ
    ถ้าไม่รู้มันเป็นอุปทาน เกิดจากอวิชา

    ต้องค่อยๆสังเกตุไปเรื่อยๆ
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  11. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ส่วนข้างบนนั้นมีแต่น้ำ ลาย ที่ปรุงแต่งแล้วก็กลืนเข้าไปในลำคอของตนซะเอง

    เห็นเขาว่า แหมคำนี้ แล้วเห็นกับตามาแล้วหรือ ขาดซึ่งหลักแห่งความเชื่อ

    อืม...ก็แปลกนะคนเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2011
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ฉี่ยังไม่สุด อ่ะครับ
    มันกระปริบ กระปรอย
    สงสัย จะเป็นนิ่ว ???
     
  13. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตกับวิญญาณ ความหมายเดียวกันรึเปล่าครับ
    เกิดดับได้ทาง ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ
    เดี๋วยตาเห็น แล้วไปได้ยิน เกิดคิดปรุง แล้วดับไปรู้สึกร้อน หิว กลับมาพอใจ เสียใจต่อได้ไหมครับ
    อันนี้อธิบายแบบ ที่เราๆรู้สึกกันได้

    ซึ่งมันก็มีเรื่องวิถีจิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    ส่วนจิตปรุงแต่งนั้น ขณะจิตเกิด ขณะจิตดำรงอยู่ ขณะจิตดับไป ก็มีนี่ครับ ลองสังเกตุดู
    ตรงนี้เราก้าวสู่ไตรลักษณ์แล้ว และเริ่มรู้จักอนัตตา จากการเกิดดับของขันธ์แล้วนะครับ

    และเป็นไปไม่ได้ ในขณะสติรู้ปัจจุบัน จะหลงไปเกิดอุปทาน
     
  14. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    หมายถึงอะไรครับ ต้องการให้ขยายต่อหรือเปล่า
     
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ครับผม ยังอั้นไว้ นิครับ
    ขอบคุณครับ
     
  16. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ย่อให้ง่ายครับ
    รู้ให้ตรงตามความเป็นจริง เมื่อรู้ตรงตามจริง มันคลายความสงสัย จิตมันก็คลายความยึดมั่น เป็นสักว่ารู้ไป

    ถ้าอยู่ๆมาสักว่ารู้ มันไม่รู้อะไรหรอกครับ ดับทุกข์ไม่ได้
     
  17. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เข้าใจล่ะครับ
    ขอบพระคุณครับ
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    เอ่อ ครูบาอาจารย์ที่ไหน ให้ใช้ หลักแห่งความเชื่อ หรือครับ

    ถ้าถามว่า แล้วจะให้ใช้อะไร ผมก็ขออนุญาติว่า หลักแห่งการพิสูจน์

    ถ้าถามผมว่า แล้วทำอย่างไร เอ่อ คุณก็เฉลยมาสิครับ จะต้องไปเฉไฉ
    อมพนำไว้ทำไม
     
  19. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    จิตมันก็กินความหมายกว้างมากนะครับ ถ้าแบ่งใหญ่ก็รวมนามหมด
    เลย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือ จิตที่ทำหน้าที่วัดค่าอารมณ์
    เรียกเวทนา จิตที่ปรุงแต่งเรียกสังขาร จิตที่จำได้หมายรู้เรียกสัญญา
    จิตที่ทำหน้าที่รู้เรียกวิญญาณ หรือจะแบ่ง 3 ก็มี รูป เจตสิก จิต
    (วิญญาณขันธ์) หรือแบ่งเป็น 3 อีกแบบ จิต(ธาตุคิด) มโน วิญญาณ
    จะแบ่งจิตเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายจิต(ตัวคิด) และฝ่ายวิญญาณก็ได้ (ตัว
    รู้) จิตธาตุคิดความคิดของจิตก็เรียกว่าจิตอีก แบ่งเป็นภวงค์จิตและวิถี
    จิตได้ด้วย ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากใช่คำว่าจิตเลยเพราะมันจะคุยกัน
    ไม่รู้เรื่องว่าพูดถึงตัวไหน แตคุณลองสังเกตดูทุกครั้งที่คุณรู้สึกว่า
    ใชความพยายามมันจะมีอุปาทานเป็นตัวควบคุมไม่ใช่หรือครับ ไม่ว่า
    คุณจะพยายามมีสติ หรือพยายามระงับอารมณ์ เพราะถ้าไม่มีอุปาทาน
    ควบคุมมันจะไม่รู้สึกพยายามเลย
     
  20. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    มามุขนี้อีกแล้ว หลักแห่งความเชื่อ ก็คือต้องพิสูจน์ ก็หลักแห่งการพิสูจน์ ก็ถูกต้องแล้วไง

    นัยยะเดียวกัน จะแปลความหมายทำไมให้มากความ มากเรื่อง


    ไปล่ะ ขอตัว ฝากเท้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...