ปลดปล่อยยักษ์จินนี่ที่อยู่ในตัวคุณ!! : พลังจิต ปลดล็อคชีวิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย spiritualsoul6599, 21 พฤษภาคม 2017.

  1. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    genie.jpg

    มนุษย์ทุกคนล้วนมีพลังจิตที่จะใช้ในการปลดล็อคชีวิต ทว่าพวกเขาไม่ทราบวิธีที่จะใช้พลังจิตนั้นในการสร้างชีวิตที่ตนเองต้องการ ที่เปรียบเสมือนอะลาดินที่ไม่เคยรู้ว่า มีตะเกียงวิเศษอยู่ในการครอบครอง

    และวันนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะนำยักษ์จินนี่ในตะเกียงวิเศษที่อยู่ภายในตัวของเรา ให้ออกมาบันดาลความปรารถนาของเราให้เป็นจริงเสียที!



    จากนี้ ยักษ์จินนี่ก็จะบันดาลให้ท่านได้พบกับ ความลับ 3 ข้อ ที่จะปลดล็อคชีวิตของท่าน ให้เข้าสู่ชีวิตที่ท่านต้องการได้อย่างปาฏิหาริย์!

    ขอให้ท่านเข้าสู่กระบวนการแห่งการใช้พลังจิตเพื่อปลดล็อคชีวิต ที่เปรียบเสมือนการใช้ยักษ์จินนี่ที่อยู่ภายในจิตของท่านได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด จากความลับทั้ง 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ (กรุณาอ่านข้อแนะนำด้านล่างสุดของบทความก่อนเข้ากระบวนการ)

    ความลับข้อที่ 1 จงให้ความรักและความเมตตาต่อตัวเอง

    เพราะพลังงานอันยิ่งใหญ่และสูงสุดของจักรวาลนั้นคือ “พลังแห่งความรัก” และเมื่อใดก็ตามที่ท่านสามารถเชื่อมต่อกับพลังแห่งความรักที่อยู่ภายในตัวท่านเองได้ พลังอันยิ่งใหญ่นี้เองที่จะดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างมาสู่ชีวิตของท่าน และกระบวนการดังต่อไปนี้จะสร้างสนามพลังงานแห่งความรักให้เกิดขึ้นภายในตัวท่าน เพื่อดึงดูดทุกสิ่งที่ท่านต้องการ



    ความลับข้อที่ 2 ส่งความปรารถนาของคุณออกไปสู่จักรวาลด้วยความรัก

    มนุษย์ส่วนมากมักส่งความปรารถนาออกไปสู่จักรวาลด้วยคลื่นความถี่ของจิตที่ขาดแคลน ตึงเครียด หรือกดดัน เพื่อพยายามที่จะให้ได้ตามสิ่งที่ตนเองปรารถนา จิตของเราจึงใช้พลังที่ดึงดูดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ออกมาแทนที่จะเป็นสิ่งที่เราปรารถนา ดังนั้น ในกระบวนการดังต่อไปนี้จะทำให้ท่านเชื่อมต่อพลังแห่งความรัก และส่งแรงปรารถนาออกไปสู่จักรวาลเพื่อดึงดูดสิ่งที่ท่านต้องการ





    ความลับข้อที่ 3 แผ่ขยายความรักและความปรารถนาของเราออกไป ให้กลายเป็นความเมตตาสู่โลกและจักรวาล

    เมื่อไหร่ก็ตามที่เราวางความปรารถนาของเราด้วยจิตที่ตอบสนองต่ออัตตาตัวตนหรือความต้องการของตนเองเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้ขยายความปรารถนาของเราให้กับผู้อื่น เช่น ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับการยอมรับ ชื่อเสียง เกียรติยศเงินทอง ปรารถนาที่จะเป็นผู้รับเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงการเป็นผู้ให้ ความปรารถนานั้นก็จะถูกจำกัดตามกฎของจักรวาลแห่งการขาดแคลนซึ่งความรัก ซึ่งจะจำกัดศักยภาพแห่งการดึงดูดของเรา แต่หากเราสามารถแผ่ขยายความปรารถนาของเราด้วยความรู้สึกของความรักความเมตตา จิตใจที่เป็นผู้ให้ ก็จะสร้างและแผ่ขยายพลังที่จะดึงดูดสิ่งต่างๆเข้ามาในชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ดังที่ท่านจะได้ปฏิบัติในกระบวนการดังต่อไปนี้



    ข้อแนะนำในการฟังโปรแกรม “พลังจิต ปลดล็อคชีวิต”

    ขอให้ท่านฟังคลิปวิดิโอนี้ร่วมไปกับการทำสมาธิตามคลิปวิดิโอ ท่านจะได้รับการเชื่อมต่อคลื่นความถี่เข้าสู่จิตภายในของท่านโดยตรง ขอให้ท่านปฏิบัติตามด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ฟังคลิปวิดิโอนี้วันละคลิปตามลำดับ และท่านสามารถจดบันทึกประสบการณ์หรือความเข้าใจที่ผุดขึ้นมาหลังการเชื่อมต่อสมาธิของท่านได้เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด



    หลังจากที่ท่านฟังคลื่นความถี่นี้ติดต่อกัน กระบวนการเชื่อมต่อของจิตภายในจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และระยะเวลาของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับระดับจิต ขอให้ท่านฝึกฝนด้วยการฟังคลื่นความถี่อย่างต่อเนื่อง แล้วเข้าระบบ “การตั้งระบบจิตเงินล้าน” หรือ “โค้ชส่วนตัว ปลดล็อคชีวิต” เพื่อเร่งกระบวนการและตั้งระบบจิตเข้าสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด



    อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข
    ครูทางจิตวิญญาณยุคใหม่

    https://spiritualwavelink.wordpress.com/
     
  2. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    กำลังเจ็บปวดเพราะความรัก เศร้าและเจ็บปวดมาก
    ขอคำแนะนำหน่อยได้ไหมคะ
     
  3. karokwat

    karokwat นารายณ์ ❤️ ลักษมี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +317
    ลองคิดมุมนี้ดูนะครับ
    - รักครั้งนี้เราได้เรียนรู้ เราได้บทเรียนอะไรบ้าง
    - รักครั้งนี้ได้ความความสุขยังไงบ้าง ดีอย่างไรบ้าง
    - รักครั้งนี้ เรามีข้อเสียที่ไม่ดียังไงบ้าง
    - รักครั้งนี้ คนที่เรารักมีข้อเสียที่ไม่ดียังไงบ้าง
    - ลองสรุป ดูความรักครั้งนี้ไม่สมปรารถนาเพราะอะไร

    หากเรายังอยากพบรักแท้ ก็ต้องเสาะหาต่อไป เพราะมันมีรอให้เราอยู่แล้ว
    คู่ของเราน่ะ หากยังอยากพบรักแท้ อย่ากลัวการเสียใจ หรือผิดหวังครับ
    เพราะถ้าเราไม่กล้าที่จะมีความรักอีก หมายความว่าเราคงไม่กล้าเปิดใจรักใครได้อีกแล้ว แล้วเราจะเจอได้ยังไงรักแท้?

    *** ใช้บทเรียนความรักที่ผ่านมา ทำให้รักครั้งใหม่ perfect ดีกว่าเดิมสิครับ
    ลองคิดว่าเรามีความรักที่ผลิตได้เองแบบ infinity และส่งมอบให้คนที่เรารัก
    ได้ไม่มีวันหมดสิคับ โดยปรารถนาให้คนที่รับมีแต่ความสุขครับ คิดว่าความสุขของคุณก็คือ ได้ให้ ได้เห็นคนรักของคุณมีความสุข
    แล้วคุณจะพบมุมมองใหม่ ของความรักที่บริสุทธิครับ

    **ปล. ความลับคือ คนที่ไม่ได้อยู่กับคุณจะ ไม่ใช่คู่แท้คุณ
    คนที่อยู่กับคุณนั่นล่ะ คือคู่แท้คุณ :D:)
     
  4. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุ


    ขอบคุณมากๆๆครับ ที่แบ่งปันสิ่งดีๆครับ
     
  5. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ขอบคุณค่ะ ข้อความดีๆ แบบนี้ ช่วยให้คลายเศร้าได้เยอะเลย
     
  6. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    วิธีนี้แหละ…ใช่! พลิกชีวิตติดลบ
    e0b980e0b89be0b8a5e0b8b5e0b988e0b89ae0b8a2e0b8a5e0b89a.jpg

    โรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ในปัจจุบันนี้ มีสาเหตุจากพลังงานลบที่สะสมมากเกินไป ทำให้เซลล์ไม่สามารถกำจัดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
    โดยเฉพาะ ไมโทครอนเดีย Mitochondrion ซึ่งเป็นแหล่งให้พลังงานแก่เซลล์ในร่างกาย เมื่อมันถูกทำลายด้วยพลังงานด้านลบและสารพิษจากสิ่งรอบตัว จะทำให้เกิดความอ่อนแรงและความไร้พลังนี้จะเชื่อมโยงไปสู่สภาวะจิตที่ซึมเศร้าและหมดหวัง ชีวิตจึงล้มเหลวบ่อยๆ ร่างกายจึงสัมพันธ์กับจิตอย่างที่เรานึกไม่ถึง

    82528200_mitoc0156765-mitochondrial_structure_artwork-spl.jpg
    ไมโทคอนเครีย แบคทีเรียตังแต่ยุคเราเป็นสัตว์เซลล์เดียว เป็นแหล่งพลังงานชีวิตสำคัญของทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์
    พลังงานด้านลบจะก่อตัวขึ้นในร่างกาย และทำร้ายเซลล์ ลุกลามไปจนถึงสภาวะจิตของเราอย่างน่าตกใจ
    ทุกครั้งที่เราอารมณ์เสีย เครียด กดดัน เราจะดูดพลังงานลบที่กระจายรอบๆตัวเข้ามาสู่เซลล์ชีวิต ยิ่งจิตใต้สำนึกของคนที่เครียดและกดดันตัวเองตลอดเวลา ยิ่งสะสมพลังงานลบไว้ในประจุของร่างกายเต็มไปหมด
    ทางแก้เล็กๆน้อยๆอาจจะเป็นการชำระล้างด้วยน้ำเกลือ ยืนเท้าเปล่าเหยียบดินแล้วคลายประจุลบให้ออกจากร่างกายลงไปสู่ธาตุดิน สามารถแก้ไขได้ประมาณ 20-30%
    หากจะแก้กันจริงๆให้ได้ 90% ต้องแก้ที่จิตใต้สำนึก ให้จิตเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย
    จิตจะผ่อนคลายได้นั้น จิตต้องรู้วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุขเสียก่อน


    การเข้ามาเรียนรู้และฝึกฝนจิตให้เข้าใจวิธีใช้ชีวิตอย่างไร…จึงจะผ่อนคลายมีความสุข จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

    clearing-negative-energy.jpg
    มนุษย์เราจูนกระแสจิตกับสิ่งรอบข้างโดยไม่รู้ตัว แต่ส่วนมากเป็นกระแสด้านลบ
    อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานชีวิต ด้วยการฝึกฝนจิตแบบเข้มข้นจากคุรุสายธิเบต และฝึกวิชาพลังจักรวาลกับท่านอาจารย์เลือง มินห์ ด๋าง ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านพลังจักรวาล ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพระภิกษุชาวศรีลังกาอีกทอดหนึ่ง
    tumblr_ma1be7hl9g1r9cfv8.jpg
    ภาพจำลองการจูนกระแสจิตกับแหล่งพลังงานที่บริสุทธิ์
    กลับมาที่เรื่องการล้างพลังงานลบออกจากร่างกายและระดับจิตใต้สำนึก
    อ.สถิตธรรม ได้ออกแบบคอร์สต่างๆ ให้ผู้สนใจพัฒนาชีวิตด้วยฝึกฝนพลังจิตและจูนกับพลังจักรวาลเพื่อดึงดูดสิ่งที่ปรารถนาเข้ามาสู่ชีวิต ไม่ต้องดิ้นรนทำงานหนักตลอดไป


    ก่อนจะไปถึงการจูนพลังจิตของเรากับจักรวาล ยังมีวิชาที่สำคัญมากๆคือการล้างพลังงานลบออกจากจิตใต้สำนึก

    เวลาที่เราเครียดมากๆ ร่างกายก็มีวิธีล้างพลังงานลบตามธรรมชาติ คือ การร้องไห้ วิธีนี้ช่วยให้จิตไม่แตกจนเสียสติ
    สังเกตสิครับว่า หลังจากร้องไห้หนักมาก เราจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น หรือได้ตะโกนออกมาดังๆ เราก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
    แต่การตะโกนแบบคนทะเลาะกัน แม้ได้ปล่อยความทุกข์ก็จริง แต่สร้างปัญหาชีวิตตามมามหาศาล การปลดปล่อยพลังงานลบที่ถูกต้อง ควรทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายตนเองได้

    luz-y-sombra-de-nosotros-mismos.jpg
    สมมุติว่าด้านขวาคือตัวตนในปัจจุบันที่ล้มเหลว หากเราฝึกในระบบ SLP มากพอ จะสามารถเลือกจูนกระแสด้านบวกได้มากขึ้น ชีวิตจะเริ่มดีขึ้นจากจุดนี้เป็นต้นไป
    ในคอร์สการเรียนและฝึกฝนของอาจารย์สถิตธรรม ท่านจะมีวิธีการพิเศษช่วยปลดปล่อยพลังงานลบที่คั้งค้างในจิตของเรา ด้วยการใช้พลังเสียงของตัวเองนี่แหละสั่นสะเทือนและทะลวงพลังงานลบพวกนั้นออกมา
    ยิ่งร้องด้วยการสั่นสะเทือนมากเท่าไร ก็ยิ่งทะลวงล้วงควักพลังงานลบออกมามากเท่านั้น แต่พวกเรามีพลังจิตน้อย เข้าไม่ถึงกระแสความรักที่ล้างพลังงานลบได้มีประสิทธิภาพที่สุด อ.สถิตธรรม จึงเชื่อมกระแสจิตกับจักรวาล เพิ่มเข้าไปในจิตของทุกท่าน เพื่อส่งพลังไปช่วยดันกระแสลบที่ติดค้างให้ออกมาจากจิตใต้สำนึก


    อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมสัมมนา ต้องพยายามทำด้วยตนเองให้ถึงระดับหนึ่งเสียก่อน พลังจากภายนอกที่เหนือกว่าจึงจะเข้าไปช่วยกระทุ้งพลังลบออกมาได้

    img_6085.jpg
    อ.สถิตธรรรม เพ็ญสุข กำลังจูนกระแสจิตส่งผ่านพลังจักรวาล ลงไปสู่จิตใต้สำนึกของผู้เข้าร่วมสัมมนาในคอร์ส Jumping Gold
    บางท่านถามว่า เราสามารถร้องหรือตะโกนคลายเครียดที่บ้านได้มั้ย? ก็ได้นะครับ แต่มันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะกำลังจิตของเรามีไม่พอที่จะดันพลังลบออกมาในระดับที่สร้างความโชคดีได้รวดเร็ว

    การมาร่วมคอร์สและกิจกรรมกับ The Master Coach Academy อ.สถิตธรรม ท่านจะเชื่อมกระแสพลังงานที่เข้มข้นระหว่างทำกิจกรรมปลดพลังงานลบ เพื่อช่วยกระทุ้งพลังงานติดค้างให้หมดไป วิธีนี้แหละที่…ใช่และได้ผลดีกว่า 90% เลยทีเดียว


     
  7. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
     
  8. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    จิตที่ทรงพลัง จะดึงดูดสิ่งที่เราต้องการมาสู่ชีวิต
    16.jpg
    Date: 29 มิ.ย. 2017Author: kantapons0 ความเห็นแก้ไข


    16.jpg



    การดึงดูดสิ่งดีๆมาสู่ชีวิต

    พลังสั่นสะเทือนจากตัวมนุษย์มีอยู่จริง เป็นพลังที่เกิดจากร่างกาย คำพูด การกระทำ และความคิด ทุกครั้งที่คนใช้ความคิดจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะเกิดพลังสั่นสะเทือนไปถึงสิ่งนั้น และกฎก็มีอยู่ว่าความคิดหรือเจตนารมณ์มีการแผ่เป็นคลื่นสั่นสะเทือนออกไปเชื่อมโยงกับพลังที่มีความถี่ทำนองเดียวกัน และดึงดูดความถี่แบบเดียวกันนั้นเข้ามาสู่ตัวเรา แล้วบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆตามกฎที่ว่าด้วยการดึงดูด พลังความสามารถของจิตใต้สำนึก สื่อสารผ่านพลังสั่นสะเทือนของตัวเรา พลังสั่นสะเทือนนี้แหละจะเป็นสื่อนำพาข้อมูล ความคิด หรือโอกาสมาสู่ตัวเรา ส่วนจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณส่งคลื่นแบบไหนออกไป



    หากคุณส่งคลื่นแห่งอารมณ์หงุดหงิด รำคาญ โกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท บ่น นินทา มุ่งร้าย อิจฉา ริษยา หรือวิตกกังวล คลื่นสั่นสะเทือนในตัวคุณก็จะสะท้อน แผ่กระจาย ไปเชื่อมโยงและดึงดูดพลังรูปแบบเดียวกันกลับมาสู่ตัวคุณนั่นก็คือ สิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่คุณสัมผัส ต่อหน้าคุณ เป็นสิ่งที่คุณทำให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ตรงกันข้าม หากคุณรู้จักควบคุมคำพูด อารมณ์ ความคิด และการกระทำให้อยู่ในแนวทางที่สร้างสรรค์ แจ่มใส และเชื่อมั่น สิ่งที่คุณดึงดูดเข้ามาก็จะเป็นสิ่งที่ดีงามเช่นเดียวกัน





    หัวใจสำคัญ คือ อย่าล้อเล่นกับพลังจิตใต้สำนึก อย่าปล่อยให้ความคิด จิตใจ และ คำพูด ล่องลอย ไปโดยไม่ควบคุมดูแลการเชื่อมโยงกันในระดับพลังงาน เป็นการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างกันในสนามพลังที่ก่อเกิดสรรพสิ่ง ร่างกายของคุณและฉัน วัตถุทุกๆชิ้น แผ่นดิน หิน ทราย ทะเล ภูเขา เสื้อผ้า รองเท้า รถยนต์ หรือหมู่สัตว์น้อยใหญ่ และทุกๆสรรพสิ่งล้วนเป็นการรวมตัวของกลุ่มพลังงาน ให้ปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นมา ในกลุ่มพลังงานที่แตกต่างกันนี้ ยังมีคลื่นจากสสารเหล่านั้นแผ่ซ่านกระจายออกไปทุกๆสารทิศไม่หยุดหย่อน และยังมีคลื่นพลังแห่งเจตนารมณ์ที่ไม่มีวันดับสูญ กำลังสั่นสะเทือน เชื่อมโยง ประสานและดึงดูดซึ่งกันและกันตลอดเวลาเมื่อมีความถี่เดียวกัน โดยคุณและฉันมองไม่เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง



    อย่าคิดว่ามนุษย์และสัตว์เท่านั้นที่มีชีวิต ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีชีวิต เพียงแต่เรามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวด้วยตาเปล่าเท่านั้นแต่ที่แน่ๆคือ ในระดับอะตอมแล้วพลังงานของทุกๆสิ่งเคลื่อนไหว ถ่ายเท และสื่อสารถึงกันอยู่ตลอดเวลา นี่คือกฎของควอนตั้มฟิสิกส์






    หนึ่งในวิธีที่แก้ปัญหาระบบจิตที่ติดค้างได้ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด คือ การโค้ชส่วนตัวด้วยพลังจิต การโค้ชส่วนตัวเป็นการรีวิวและแก้ระบบจิตด้วยการให้จิตของผู้ถูกโค้ชเข้าไปมองเห็นเหตุของปัญหานั้นด้วยตนเองและร่วมกันแก้ปมปัญหาเหล่านั้นกับนักโค้ช ซึ่งในระหว่างกระบวนการ ผู้รับการโค้ชจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากการสะกดจิตที่ผู้เข้ารับกระบวนการจะต้องเข้าสู่ภวังค์

    ดังนั้นวิธีที่ใช้ในกระบวนการโค้ชส่วนตัวจะเป็นเทคนิคของการแก้ปมปัญหาและสั่งจิตซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของ The Master Coach Academy ที่มีศาสตร์และศิลป์ในการเปลี่ยนระบบจิตในรูปแบบเฉพาะตัว



    พิเศษสุด! สำหรับผู้ที่สนใจโค้ชส่วนตัวกับท่านอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข โดยตรง หลังจากที่ท่านอาจารย์เดินทางไปฝึกฝนจิต ที่ยุโรปเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน ที่The The Master Coach Academy



    โทร.061-362 8796,098-459 4996
    Line Id:092 365 6554



    คอร์สออนไลน์ ตั้งรหัสจิตดึงดูดความสำเร็จ https://goo.gl/wQpfDk

    คัมภีร์โค้ชส่วนตัว : https://goo.gl/672CzH
     
  9. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    เราต้องยอมรับว่า ดนตรีและจังหวะ มีส่วนช่วยในการจักระบบคลื่นสมองและกระตุ้นการพัฒนาภายในของระดับจิตไร้สำนึก จิตสำนึก จิตใต้สำนึก และจิตเหนือสำนึก



    1. จิตไร้สำนึก (Unconscious)
    คือ สภาวะของส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งฝังตัวข้างล่างสุดของส่วนของภูเขาที่อยู่ใต้ก้นบึ้งของท้องทะเล พบในสภาวะของมนุษย์ที่ป่วยหนักหรือสลบ แล้วเกิดการละเมอเพ้อพกขึ้นมา ในขณะที่ไม่รู้สึกตัว

    1. จิตสำนึก (Conscious)
    คือ สภาวะของความปกติที่มนุษย์แสดงออกมาในเชิงความคิด คำพูด การแสดงออกและการกระทำ ตามเอกลักษณ์เฉพาะตนซึ่งมีสภาวะของจิตใต้สำนึกกำกับอยู่โดยไม่รู้ตัว เปรียบเสมือนสภาวะของส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำของภูเขาน้ำแข็งที่แสดงตัวตนออกมา

    1. จิตใต้สำนึก (Subconscious)
    คือ สภาวะของรอยฝังจำที่จดบันทึกการรับรู้ตลอดเวลาของความทรงจำหรือสัญญาในเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ของบุคคลนั้นไว้อย่างครบถ้วน โดยไม่แยกแยะสิ่งต่างๆ ที่จดจำหรือรับรู้ในระบบที่ถูกต้องหรือดีงาม เพียงแต่เก็บรวบรวมข้อมูลและพฤติกรรมการรับรู้หมดของมนุษย์ผู้นั้นไว้อย่างต่อเนื่อ งครบครัน จากนั้นก็นำข้อมูลหรือข้อความรับรู้ทั้งหมด มาถ่ายทอดและแสดงออกมาในเชิงพฤติกรรม และความเข้าใจแห่งชีวิตในระดับจิตสำนึกของชีวิตประจำวันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการสะท้อนกลับของการรับรู้ในระดับสามัญสำนึกกับสัญญาสะสมที่เก็บไว้จากอดีตอันยาวนาน โดยมีจิตหรือสมองเป็นกลไกในการสั่งการทางพฤติกรรมแห่งชีวิตและการกระทำของคนๆ นั้น จากความเข้าใจที่เคยจดจำหรือบันทึกเอาไว้นั่นเอง



    1. จิตเหนือสำนึก (Super conscious)
    คือ วิวัฒนาการของพฤติกรรมและกลไกการรับรู้ของจิตที่ได้ผ่านขั้นตอนของการฝึกฝนอบรมจิตหรือประสบการณ์ของสมอง ที่เกิดการกลั่นกรองจากข้อมูลและการรับรู้ภายในซึ่งสะสมกระบวนการทัศน์ทางสติปัญญา จนทำให้จิตไร้สำนึก จิตใต้สำนึก และจิตในระดับสามัญสำนึก หรือจิตสำนึก เกิดสภาวะความหยั่งรู้หรือความเข้าใจอันแยบคาย ลึกซึ้ง ถึงขั้นเกิดญาณปัญญาสูงส่ง ที่จะเข้าใจสัจธรรมหรือความจริงในระดับความถูกต้อง ดีงาม ชัดเจน จนถึงระดับขั้นความจริงแท้ในระดับมนุษย์ หรือภูมิปัญญาสร้างสรรค์ ซึ่งกระบวนการทัศน์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ จากการพัฒนาสมองหรือจิตที่ได้รับแรงกระตุ้นในระดับ (Mind & Brain Evolution System) เท่านั้น



    การวิวัฒนาการในระดับจิต และสมองที่ ดร.โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ เรียกว่าความฉลาด ด้านที่ 9 หรือ Existential Spiritial Intelligence นี้ คือการหยั่งรู้ทางสติปัญญา และความเข้าใจในชีวิตอันสูงส่ง จะมีได้ในการสั่นสะเทือน ทางมิติแห่งคลื่นสมอง (Brian Wave) ในระดับความสั่นไหว (Vibration) และความถี่ (Frequency) เท่านั้น

    แน่นอนที่สุด !!!

    สมองของมนุษย์คือจิตสำนึกที่รู้ของจักรวาลน้อยๆ (Microcosmos) กับสถาวะสูงสุดของจักรวาล (Macrocosmos) ที่ปัจจุบันเราใช้ศักยภาพของความรับรู้ทางจิตและสมองได้ในระดับ 7 % ส่วนศักยภาพที่หลงเหลืออีกถึง 93 % มีแต่เพียงกระบวนการสูงสุดทางระบบสมอง (Super Brain Charger) เท่านั้น ที่ใช้คลื่นเสียงดนตรีและความถี่ใรการวิวัฒนาการทางจิตได้อย่างแท้จริง

    ว่ากันว่าที่ศุนย์วิจัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยอะกิตะ (Akita) โดยศจ.นพ.ยูทากะ โมโตฮาชิ (Yutaka Motohashi) ที่ญี่ปุ่น พบว่า การสื่อสารของเซลล์ประสาทที่อยู่ 1 แสนล้านเซลล์จะเชื่อมต่อกันด้วยสารสื่อนำประสาทด้วยความถี่ของคลื่นสมอง High Band Alpha ระดับ 10 Hz -13 Hz ซึ่งจะมีภาวะของความตื่นตัวและการเรียนรู้จดจำอย่างมีประสิทธิภาพ



    เซลล์ประสาท หรือที่เรียกว่านิวรอน (Neuron) นั้นมีถึงจำนวน 1 แสนล้านเซลล์ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยการสื่อนำประสาทหลากหลาย ชนิดเปรียบประดุจเครือข่ายใยเซลล์ประสาทที่จะทำให้เกิดวิวัฒนาการอันหลากหลายของมนุษย์ที่มีเหนือล้ำกว่าสัตว์ชนิดอื่นถึง 600 ชนิด ในข้อมูลที่สนับสนุนนโดย www.soypeptide.org ได้ยืนยันว่า

    สมองคนเรานั้นทำงานโดยคลื่นสมองลื่นสมอง แต่ก่อนจะเกิดคลื่นสมองได้นั้นเริ่มจากกระบวนการทางเคมีหรือการสร้างสารสื่อนำประสาทที่เรียกว่า Neurotransmitterซึ่งเมื่อทำการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทจะเกิดคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กเดินทางไปตามเส้นประสาทจากตัวเซลล์ประสาทหนึ่งไปสุดทางที่เชื่อมต่อกับอีกเซลล์หนึ่งเมื่อต้องการเชื่อมต่อข้อมูลหรือคำสั่งก็หลั่งสารสื่อนำประสาทเพื่อส่งต่อข้อมูลต่อไปเมื่อคำสั่งหรือข้อมูลข้ามไปเซลล์ประสาทถัดไปแล้วจะมีการทำลายสารสื่อนำประสาทที่เพิ่งเชื่อมทิ้งไป นี่เองคือที่มาว่าเราต้องสร้างขึ้นมาใหม่ และกระไฟฟ้าขนาดเล็กที่เกิดขึ้นนี่เองที่เราสามารถวัดคลื่นสมองได้ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า EEG หรือ ELECTROENCEPHALOGRAPH และบันทึกเป็นกราฟคลื่นสมองเพื่อวิเคราะห์การทำงานของสมองและสภาวะของสมอง การวินิจฉัยคลื่นสมองนั้นมีความยากกว่าคลื่นหัวใจมากตรงที่คลื่นหัวใจมีเพียงแค่เส้นเดียว แต่คลื่นสมองวัดกันทีเดียว 16-20 เส้น โดยจะวิ่งไปพร้อมๆ กัน ตาเราต้องแยกให้เร็วและอ่านให้ทัน การค้นพบคลื่นสมองในมนุษย์ครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. 1920 โดยนายแพทย์ Hans Bergerชาวเยอรมัน ซึ่งพบคลื่นสมองเป็นครั้งแรก เรียกว่า คลื่นสมองอัลฟ่า



    คลื่นสมองที่วันนี้ทางการแพทย์เราเข้าใจบทบาท คือ คลื่นสมอง 4 ชนิด ได้แก่ คลื่นสมองเดลต้า (Delta) ความถี่ต่ำสุด 0.5 – 4 Hz เป็นสภาวะที่สมองหลับสนิทใช้พลังงานน้อยที่สุด ความถี่ 4 – 7Hz เป็นช่วงที่สมอง ง่วง ซึม เคลิ้มหลับ หรือใกล้ตื่นเรียก คลื่นสมองทีต้า (Theta) เป็นคลื่นสมองรอยต่อระหว่างหลับและตื่นนี้เป็นช่วงที่สมองกำลังทำงานและมีจิตใต้สำนึกออกมา

    แต่คลื่นสมองที่มีบทบาทในชีวิตการเรียนและการทำงานในเวลาที่เราตื่นคือ คลื่นสมองอัลฟ่า (Alpha) ที่มีความถี่ระหว่าง 8 – 13Hz เป็นช่วงคลื่นที่สมองเราอยู่ในสภาวะที่กำลังผ่อนคลายแต่ตื่นตัว เป็นช่วงสมองที่จะคิดสร้างสรรค์ หรือเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วเป็นช่วงที่สามารถรวบรวมสมาธิเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและทำการตัดสินใจที่ซับซ้อนได้ แต่หากคลื่นสมองมีความถี่สูงกว่านี้คือ 14 – 30Hz เรียกว่า คลื่นสมองเบต้า (Beta) ซึ่งช่วงคลื่นนี้ สมองอยู่ในสภาวะเครียดกระวนกระวายใช้พลังงานมากจนเหนื่อยล้า สมองเครียดจนสับสนคิดอะไรไม่ออก

    คลื่นสมองอัลฟ่า จัดเป็นช่วงคลื่นสมองที่มีความผ่อนคลายแต่ตื่นตัว สภาวะสมองที่ผ่อนคลายนั้นเราถือว่าสมองมีความพร้อมในการทำงานด้วยสมองเต็มที่ ต่อมาได้มีการแยกสมองอัลฟ่าออกเป็น 2 ช่วง คือ คลืนสมองอัลฟ่าความถี่ต่ำ 8 – 10Hz เป็นสภาวะที่นสมองผ่อยคลายความแต่ความตื่นตัวน้อยกว่าคลื่นสมองอัลฟ้าความถี่สูง 10 -13Hz ซึ่งจะมีความพร้อมของสมองและตื่นตัวสูงกว่า เป็นช่วงที่เราต้องการ เพราะที่สภาวะความถี่คลื่นสมองอัลฟ่านี้ สมองจะผ่อนคลายมีความพร้อมและตื่นตัวสูงเหมาะกับการเรียนรู้ จดจำ การคิดสร้างสรรค์ การมีสมาธิจดจ่อเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและการาตัดสินใจที่สลับซับซ้อน ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าคลื่นสมอง Alpha มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับสมรรถนะและประสิทธิภาพการทำงานของสมอง แม้แต่นักกีฬาฝีมือดี จากการศึกษาพบว่าสมองพวกนี้มี Alpha Brain Wave สูง ในสมองซีกซ้ายจำนวนมาก เป็นการอธิบายให้เห็นถึงทักษะที่เกิดขึ้นในสภาวะสมองอัลฟ่า

    อย่างไรก็ตามในตการทำงานของสมอง ที่ขาดไม่ได้เลยคือออกซิเจน พลังงานในรูปของกลูโคสซึ่งต้องใช้ประมาณ 25% ของน้ำหนักตัวและที่สำคัญคือ สารสื่อนำประสาทนานาชนิด ที่สร้างมาจากกรด อะมิโนที่ร่างกายทำการเปลี่ยนแปลงและพวกที่นำมารวมกันเป็นนิวโรแปปไทด์ ซึ่งล้วนต้องได้จากการกินและย่อยโปรตีนที่มีในอาหาร โดยจากโปรตีนจนมาเป็นสารสื่อนำประสาทหลากชนิดอาจจะประมาณว่าใช้เวลา 10 ชั่วโมงขึ้นไป

    จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าการทำงานของสมองนั้นซับซ้อนและที่กล่าวมานี้เป็นเพียงสั้นๆ และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้คนแต่ละคนมีคุณค่าที่หลากหลายก็เกิดจากผลงานที่ออกมาจากสมอง

    คนเราแต่ละคนเกิดมามีเวลาเท่าเทียมกัน การที่เราเต่ละคนจะสามารถทำงานด้วยสมองด้วยสมรรถนะและประสิทธิภาพที่ดี และใช้ประโยชน์จากเวลาที่ได้มากกว่ากันจึงย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และที่สำคัญคงต้องการให้สมองอยู่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพกับเราตลอดไป”

    ดังนั้นการวิจัยสมัยใหม่พบว่า เราสามารถกระตุ้นสภาวะคลื่นสมองระดับ High Band Alpha ด้วยสารอาหารอย่าง Original soy Peptide นวัตกรรมสารอาหาร สำหรับสมองได้ในวิธี 1 นี้

    ส่วนวิธีที่ 2 นั้นได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ว่า คลื่นดนตรี คลื่นเสียง หรือ คลื่นความถี่ทางสมอง (Brain Wave Sound) สามารถกระตุ้นหรือยกระดับการพัฒนาการของสมองและจิตมนุษย์ให้ก้าวพ้นขีดจำกัดอย่างในอดีตสู่อนาคตที่แสนมหัศจรรย์





    หนึ่งในวิธีที่แก้ปัญหาระบบจิตที่ติดค้างได้ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด คือ การโค้ชส่วนตัวด้วยพลังจิต การโค้ชส่วนตัวเป็นการรีวิวและแก้ระบบจิตด้วยการให้จิตของผู้ถูกโค้ชเข้าไปมองเห็นเหตุของปัญหานั้นด้วยตนเองและร่วมกันแก้ปมปัญหาเหล่านั้นกับนักโค้ช ซึ่งในระหว่างกระบวนการ ผู้รับการโค้ชจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากการสะกดจิตที่ผู้เข้ารับกระบวนการจะต้องเข้าสู่ภวังค์

    ดังนั้นวิธีที่ใช้ในกระบวนการโค้ชส่วนตัวจะเป็นเทคนิคของการแก้ปมปัญหาและสั่งจิตซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของ The Master Coach Academy ที่มีศาสตร์และศิลป์ในการเปลี่ยนระบบจิตในรูปแบบเฉพาะตัว



    พิเศษสุด! สำหรับผู้ที่สนใจโค้ชส่วนตัวกับท่านอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข โดยตรง หลังจากที่ท่านอาจารย์เดินทางไปฝึกฝนจิต ที่ยุโรปเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน ที่The The Master Coach Academy



    โทร.061-362 8796,098-459 4996
    Line Id:092 365 6554



    คอร์สออนไลน์ ตั้งรหัสจิตดึงดูดความสำเร็จ https://goo.gl/wQpfDk

    คัมภีร์โค้ชส่วนตัว : https://goo.gl/672CzH





    The Master Coach Academy
    2/1 ซ.ประดิพัทธ์ 10,ถ.ประดิพัทธ์ สี่แยกสะพานควาย กรุงเทพฯ 10400
    โทร 092-365 6554,098-459 4996
    เวลาทำการ [ อังคาร – ศุกร์ เวลา 10:00 – 18:00 ] [ เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09:30 – 18:00 ]
     
  10. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    16344071_962004967235064_1582703005_n.jpg


    รหัสลับสุดยอดมนุษย์

    ฉันเฝ้ามองพวกเธอทุกคน ด้วยความรัก ความปรารถนาดี และอยากจะบอกกับเธอทั้งหลายว่า.......ชีวิตเป็นทรัพย์สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา และเมื่อไรที่เธอค้นพบความรักอันบริสุทธิ์ ไร้เงื่อนไขและพันธนาการโดยสิ้นเชิง เธอทุกคนก็จะค้นพบสัจธรรมแห่งชีวิต


    ฉันเคยล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า แต่จิตวิญญาณนั้นกลับแทรกซึมอยู่ในอากาศ ดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลก จนถึงขุนเขาหิมาลัย

    วันนี้ฉันอยากจะบอกความจริงว่า.....เราทุกคนเกิดมาเพื่อรักและใช้ชีวิตอยู่เพื่อความงดงาม จงมีชีวิตอยู่เพื่อการเรียนรู้ศักยภาพอันบริสุทธิ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวเรานั่นเอง


    จงเรียนรู้เถิดว่า........เราทุกคนต่างมีจิตสำนึกอันบริสุทธิ์ จิตสำนึกอันบริสุทธิ์คือคุณสมบัติดั้งเดิมของดวงวิญญาณทุกดวงในโลกใบนี้ เราต่างก็เป็นพลังงานแห่งแสงสว่างและจิตสำนึกอันสูงส่ง ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพวกเราล้วนสถิตอยู่ในจักรวาลแห่งนี้มาอย่างยาวนาน


    ฉันอยากจะบอกเล่าความจริงอันลึกซึ้งให้พวกเธอฟังว่า เมื่อแรกเริ่มกำเนิดจักรวาลใหม่ๆยังไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดเลยไม่มีแม้กระทั่งรูปลักษณ์หรือรูปทรงทางวัตถุธาตุทั้งมวลยังมิได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างทุกวันนี้


    เอกภพและจักรวาลที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้ขอบเขตนี้ มีเพียงฝุ่นธุลีและหมอกควันจะเรียกว่าหมอกควันก็อาจจะไม่ถูกนัก เพราะมันเป็นเพียงแค่ สภาวะของสนามพลังงานระดับไฮโดรเจน แก๊ส หรือฝุ่นละออง ในสนามพลังงานอันไร้ขอบเขตจำกัดนั้น มีความเป็นอิสระและเป็นสภาวะที่ไร้กาลเวลา


    จนเมื่อเกิดการเกาะกุมกันทางสนามพลังงานที่เข้มข้นขึ้น การกำเนิดของวัตถุธาตุหรือดวงดาว ดาวหาง ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และสรรพสิ่งในระดับรูปธรรมทางกายภาพก็ปรากฏขึ้น
    ในขณะนั้น สภาวะบริสุทธิ์ก็เริ่มเกิด การกลั่นตัวของกระแสจิตสำนึกรวมเพื่อหล่อหลอมให้เกิดจิตสำนึกวิญญาณอันเป็นวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในเวลาต่อมา



    เธอและฉันต่างวิวัฒน์มาจากฝุ่นธุลี เราคือเชื้อชีวิตที่ถูกหล่อหลอมจากกาลเวลาในสภาวะที่ไร้ตัวตน จิตสำนึกระดับฝุ่นละอองก็เกิดการสั่นสะเทือนในระดับอะตอมหรือส่วนที่เล็กที่สุดของอนุภาคโดยผ่านคลื่นไฟฟ้าและความถี่ระดับไมโครคอสมิกหรือความถี่ระดับจุลจิตจักรวาล
    เราถือกำเนิดในสภาวะที่ไร้ตัวตน เราถือกำเนิดจากสภาวะอันบริสุทธิ์ของจักรวาลมีธรรมชาติและสนามพลังงานชีวภาพเป็นพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด



    จิตสำนึกอันบริสุทธิ์นี้ล่ะ ที่พลันก็เกิดสภาวะแห่งความรู้สึกขึ้น เป็นสภาวะความรู้สึกที่เรียบง่ายและไร้เดียงสา


    พวกเราต่างล่องลอยในสนามพลังงานแห่งเอกภพอย่างยาวนาน แทบจะไม่รู้สึกว่า
    “เราคือใคร?” หรือ “เราคืออะไร?”

    เปิดดูไฟล์ 4327295

    เธอทั้งหลายรู้ไหมว่า ตอนที่เราเริ่มรู้สึกถึงความเป็นจิตในครั้งแรกนั้น พวกเราต่างไม่มีสภาวะ การรับรู้ทางเวทนา หรือสภาวะการรับรู้ทางอารมณ์ใดใดเลย


    เธอและฉันแค่มีความรู้สึกเฉยๆ เฉื่อยๆและเป็นความรู้สึกเดียวที่ดำรงอยู่ผ่านกาลเวลาอย่างนาน ความรู้สึกนี้ช่างบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา และปราศจากตัวตนหรือความรับรู้ที่อื่นๆอย่างสิ้นเชิง


    เราไม่มีความดิ้นรน เราไม่รู้สึกที่จะสุขหรือทุกข์ ไม่มีความเข้าใจในจิตหรือชีวิตในแบบที่เราดำรงอยู่ เวลาแห่งจิตบริสุทธิ์ ผ่านไปนานนับอสงไขย จนพวกเรามารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อจิตจิตนี้ของเรา เริ่มการพัฒนามาสู่ชีวิตแบบอินทรีย์สารหรือชีวิตแบบจุลชีพอันหมายถึงสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่มีสภาวะคล้ายคลึงกับสัตว์เซลล์เดียว


    เราอยู่ในสภาวะฝุ่นละอองชีวิตอยู่นานแสนนานแล้วก็วิวัฒน์มาเป็นแค่ก้อนดินหรือเม็ดทราย ก่อนจะสลายหรือรวมตัวใหม่ในสภาวะที่ละเอียดขึ้นคือ การมีเซลล์หรืออะตอมในระดับไมโครเซลล์ ผ่านการซึมซับชีวิตแบบต้นไม้ พืช เห็ด และแมลงบางชนิด จนกลายเป็นพลาสม่า หรือเชื้อเซลล์ชีวิตในระดับโมเลกุลใต้ท้องมหาสมุทร พวกเราตื่นเต้นกับการดำรงอยู่ในร่างหรือเซลล์ชีวิตใหม่ ในน้ำหรือกระทั่งเซลล์ที่ล่องลอยในอากาศ และบนพื้นพิภพ

    เปิดดูไฟล์ 4327290

    ฉันยังจดจำความรู้สึกครั้งแรกนั้นได้ดี เราเริ่มเติบโตเป็นตัวหนอนที่ชอนไชดินอยู่กับต้นไม้ที่เขียวขจี และอยู่ก็กลายเป็นตัวดักแด้ที่ลอกคราบตัวมันเอง จนมีปีกและกลายเป็นผีเสื้อในที่สุด



    เราโบยบินอยู่บนอากาศ สัมผัสกับท้องฟ้าได้ใกล้ชิดและซึมซับกับทุกสิ่งในโลกได้อย่างอิสระเสรี


    นี่คือความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ฉันยังรู้สึกเหมือนกับว่ามันคือประสบการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวันวานนี้เอง..



    ทั้งที่วันนี้เรื่องราวหรือประวัติศาสตร์ของพวกเราดูเหมือนกับว่าจะกลายเป็นนิยายปรัมปราในยุคโบราณกาลครั้งหนึ่งที่นานแสนนานเหลือเกิน



    ฉันยังจำชีวิตช่วงที่เป็นแค่ก้อนหิน ดินทราย เหมือนแม้กระทั่งฝุ่นละออง ได้เป็นอย่างดี มันเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและสันโดษเสมือนไร้วันคืน


    ขณะเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆชีวิตของพวกเราทุกอย่างก็อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน เราข้ามเผ่าพันธุ์จาก สิ่งมีชีวิตเล็กๆ สัตว์เซลล์เดียว ชีวิตใต้ทะเล สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์ปีกที่เหินเวหา จนกระทั่งกลายพันธุ์มาเป็นวานร หรือ ลิง


    เปิดดูไฟล์ 4327296
    ช่วงเป็นลิงนี้แหละ คือจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของวิวัฒนาการ ที่จะพัฒนาพันธุกรรมหรือยีนส์มาเป็นมนุษย์ ช่วงนี้เราใช้ระยะเวลาในการข้ามพ้นชีวิตช่วงลิงมาเป็นคน ราวหนึ่งหมื่นปี


    จากลิงที่ยังใช้เท้าสี่ขาในการเดินวิ่งบนโลกมาเป็นมนุษย์ที่เริ่มใช้เพียงสองขาเพื่อยืนหยัดบนพื้นพิภพนี้


    มนุษย์ยุคแรกมิได้แตกต่างจากลิงหรือวานรมากนัก การสื่อสารผ่านสัญชาตญาณการเรียนรู้ทางภาษากายโดยยังไม่มีวิธีการพูดหรือสื่อสารด้วยภาษามนุษย์ จนเมื่อการใช้คำพูดกลายเป็นภาษามนุษย์ เริ่มต้นขึ้น เพื่อตอบสนองกับความเจริญทางอารยธรรม เป็นมนุษย์ที่กำลังถูกจุดประกายไฟขึ้น ดั่งการค้นพบไฟที่ใช้ในการหุงหาอาหาร และให้ความอบอุ่น



    ในช่วงเวลานั้นเองอนาคตของมนุษยชาติ ของเธอและฉันก็เริ่มต้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง
    แล้วพวกเราก็เริ่มสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริงขึ้นมา เธอคงไม่รู้หรอกว่า บรรพบุรุษของพวกเราเริ่มเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจากการล่าสัตว์ สร้างบ้าน แปลงเมือง จนกลายเป็นชุมชน มหานคร หรือซิตี้ในทุกวันนี้ จากความใฝ่ฝัน ความศรัทธาในการมีชีวิตและความรักอันงดงาม



    ในคัมภีร์ไบเบิ้ล อาจจะกล่าวถึงพระเจ้าที่ได้ทรงสร้างชายหญิงคู่แรกชื่ออาดัมและอีฟ ให้มีชีวิตขึ้นมาและใช้ชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์อีเดน ก่อนจะถูกขับไล่ลงมายังโลก และสืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษย์ อาจจะเป็นเพราะอาดัมและอีฟ ถูกครอบงำจากกิเลสหรือความชั่วร้าย พวกเขาหลงผิดและไม่เชื่อคำสอนของพระเจ้า แต่ในประวัติ ศาสตร์ของพวกเรานั้น



    บรรพบุรุษของเธอและฉันคือผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของจักรวาล ผู้เดินทางข้ามกาลเวลาและฟากฟ้าไกลโพ้นเพื่อมาจุติบนดาวเคราะห์โลก อย่างมีเป้าหมายหรือภารกิจอันสูงส่ง


    เธอและฉัน มิได้ถูกขับไล่ลงมาจากสรวงสวรรค์ แต่เราทุกคนล้วนอาสาที่จะลงมาเกิดบนพื้นพิภพนี้เพื่อที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตมนุษย์บนดาวดวงนี้


    การลงมาเกิดเป็นมนุษย์ของพวกเรา มีพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ พอๆกับที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นจากก้อนดินเหนียว ตามความเชื่อของชาวพื้นเมืองโบราณในอเมริกาใต้


    เธอและฉัน คือผลผลิตอันล้ำค่าของโลกและจักรวาลเรามิได้มาอาศัยอยู่ในโลกนี้โดยบังเอิญ แต่เราตกลงปลงใจลงมาใช้ชีวิตในโลกนี้อย่างมีเป้าหมายที่สูงส่ง ที่ฉันต้องย้ำและบอกกับเธอเช่นนี้ก็เพราะว่า ต้องการที่จะยืนยันให้ พวกเราทุกคนได้รับรู้และจดจำสิ่งสำคัญ ที่เธอและฉันเคยตกลงปลงใจหรือให้คำมั่นสัญญากันในอดีต ก่อนที่จะตัดสินใจมาเกิดเป็นมนุษย์


    พูดง่ายๆก็คือ....เราลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เพราะเราเลือกที่จะมาเกิดเพื่อพิสูจน์หรือเรียนรู้สัจธรรมชีวิตบนโลกอย่างสมัครใจ ไม่มีใครมาบังคับหรือฝืนใจเรา เราทุกคนได้ตัดสินใจมาทดลองใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ด้วยภารกิจและเงื่อนไขที่ลึกซึ้งซับซ้อนเหลือเกิน


    ถ้าฉันจะเปิดเผยความจริง ที่พวกเราเคยรู้หรือจดจำได้ในอดีตอันยาวนาน อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้เธอบางคนระลึกรู้ได้ก็คือ.......


    พวกเราตั้งใจจะมาใช้ชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนี้เพื่อค้นคว้าและทดลองการเป็นมนุษย์ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์นี้ มีภูมิปัญญาและวิวัฒนาการที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนดาวเคราะห์โลก


    ฉันหวังว่าเธอจะจดจำ พันธะสัญญาสำคัญนี้ได้มันเป็นการตัดสินใจอย่างอิสระด้วยหัวใจของพวกเราทุกคน


    แน่นอน!! การตัดสินใจครั้งนี้มีเบื้องหลังและแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ พวกเราทุกคนต่างรู้ดีว่า การลงมาเกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นการสอบที่เข้มงวดและยากลำบากยิ่งนัก เพราะเมื่อเรามาใช้ชีวิตเยี่ยงอย่างมนุษย์แล้ว เราจะไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ใช้พลังความสามารถพิเศษในระดับจิตวิญญาณดั้งเดิมที่เราเคยมีอยู่


    เราจะไม่สามารถนำพลังจิตในระดับสูงที่เราเคยฝึกฝนในอดีต มาใช้ได้แม้แต่น้อย นี่เป็นเงื่อนไขข้อแรกของการลงมาจุติหรือเกิดเป็นมนุษย์ ทั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์หรือทดสอบความเป็นคนหรือมนุษย์ที่แท้จริง ว่าเราจะผ่านการสอบที่เข้มงวดและจริงจังนี้ได้หรือไม่


    เธออาจจะกำลังงง หรือประหลาดใจที่ได้อ่านข้อความข้างต้นนี้ อาจจะตกใจหรือไม่เชื่อว่าสิ่งที่เธอกำลังได้อ่านขณะนี้คือความจริง!


    แต่ฉันขอให้เธออย่าเพิ่งด่วนสรุป หรือเลิกอ่านหนังสือเล่มนี้โดยเด็ดขาด ทั้งนี้เพราะการที่เธอได้พบหนังสือเล่มนี้ หรือได้อ่านข้อความบางอย่างข้างต้นนี้ ย่อมมิใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่แท้


    อาจจะกล่าวได้ว่าเธอคือ....ผู้ที่จะได้รับข้อความพิเศษจากจักรวาลในขณะนี้ มันอาจจะถึงเวลาของเธอที่จะได้การจูนหรือสื่อสารทางจิตเพื่อปลดรหัสล็อคชีวิตของเธอโดยตรง


    เธออย่าเพิ่งต่อต้านหรือปฏิเสธการเรียนรู้ เธออาจจะเลิกอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเธอโดยชอบธรรม แต่หากเธออดใจอีกเล็กน้อยและลองอ่านข้อความต่อไปนี้อีกเพียง 5-10 นาที เธอก็จะได้รับคำตอบที่เธอจะต้องรู้แจ้งด้วยตนเอง


    ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่เธอจะเข้าใจหรือยอมรับความจริงในระดับล้ำลึกนี้ ฉันเองก็ใช้เวลากว่า 50 ปี ในชาติภพนี้ กว่าที่จะตระหนักรู้และเข้าใจความจริงแท้ของชีวิตและโลก ความจริงสูงสุดที่เธอควรเปิดหัวใจในการรับรู้ในขณะนี้ก็คือ พวกเราทุกคนคือ จิตอวตาร


    เปิดดูไฟล์ 4327301
    จิตที่อวตารจากพลังงานบริสุทธิ์ ของจักรวาล มาจุติเป็นมนุษย์ เพื่อ.....

    พันธกิจที่หนึ่งเรียนรู้ชีวิตแบบมนุษย์

    พันธกิจที่สอง ค้นพบสัจธรรมชีวิต

    พันธกิจที่สามหลุดพ้นจากโลกและการครอบงำ

    พันธกิจที่สี่ บรรลุถึงภารกิจแห่งการเกิดเป็นมนุษย์

    พันธกิจที่ห้า ใช้ชีวิตมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายที่ยังวนเวียนหรือจมปลักอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้ให้ค้นพบแสงสว่างและสัจธรรม

    พันธกิจที่หก ใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมด เพื่อจูนพลังจิตกับจักรวาลให้ผดุงและรักษาเสถียรภาพหรือความสมดุลของดาวเคราะห์โลก เพื่อจะได้ไว้ใช้เป็นห้องเรียนอันมีคุณค่าให้จิตวิญญาณดวงอื่นๆที่จะทยอยลงมาจุติเป็นมนุษย์ได้เรียนบทเรียนชีวิตในสนามพลังงานโลก

    พันธกิจที่เจ็ด ภารกิจสุดท้าย คือการบรรลุถึงสภาวะสูงสุดของประสบการณ์ของดวงวิญญาณ ที่ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆมานานนับภพชาติไม่ถ้วน เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณสูงสุด หรือเข้าสู่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏจักรของโลกและจักรวาล



    ฉันรู้ซึ้งว่า เรื่องราวที่ฉันกำลังบอกเล่ากับพวกเธอนี้มันช่างเหลือเชื่อและยากเหลือเกินที่จะ
    ทำใจยอมรับหรือเข้าใจให้ถ่องแท้ แต่นี่คือ.....สัจธรรมเหนือโลก
    สัจธรรมชีวิตเหนือกาลเวลา
    สัจธรรมจักรวาลเหนือภพชาติ


    ซึ่งเธอจะต้องเป็นผู้ปลดล็อคหรือถอดสมการชีวิตทั้งหมดนี้ ด้วยตัวเธอเอง ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงต้องหาวิธีการสื่อสารถึงเธอในรูปแบบของหนังสือหรือข้อเขียนชิ้นนี้ ด้วยความหวังอย่างแท้จริงว่า เธอจะเปิดใจและเรียนรู้ถึงความจริงอันน่าตื่นตระหนกนี้ด้วยตัวเธอเอง


    และถ้าฉันจะบอกความจริง ต่อไปนี้ให้เธอทราบอีกว่า สิ่งที่เธอได้รับรู้ทั้งหมดนี้ คือข้อตกลงของพวกเราที่สัญญากันไว้มากว่า 2,000-3,000 ปีก่อนคริสตกาล


    ข้อตกลงข้อที่ 1 คือ ถ้าจิตอวตารดวงใดที่ลงมาเกิดเป็นรูปธรรมมนุษย์ สามารถค้นพบสัจธรรมแห่งจิตหรือสัญญาดั้งเดิมในอดีตกาลได้ พวกเขาจะต้องหาวิธีการถ่ายทอดสัญญาณหรือการรับรู้นี้ในทุกวิธีการไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือ ส่งข้อความหรือสื่อสารในระดับจิตให้จิตดวงอื่นๆรับรู้


    ข้อตกลงข้อที่ 2 คือ เมื่อฉันรู้แล้วว่า ฉันคือผู้ส่งสารคนใหม่ที่สืบทอดจากคนเก่ารุ่นแล้วรุ่นเล่า ฉันก็จะต้องเพียรพยายามทุกวิถีทางที่จะถ่ายทอดสัจธรรมแห่งจิตนี้ให้ จงสำเร็จได้โดยเร็วพลัน


    ข้อตกลงข้อที่ 3 คือ เมื่อจิตอวตารดวงใดสามารถเชื่อมโยงความรู้แจ้งจากอดีตให้กับมนุษย์คนใดหรือมนุษย์กลุ่มใดสำเร็จ ภารกิจของเธอหรือเขาก็จะเสร็จสมบูรณ์ในระดับพันธกิจที่5


    ข้อตกลงข้อที่ 4 คือ หลังจากจิตอวตารหรือมนุษย์ผู้ถอดรหัสสัจธรรมแห่งชีวิต ผ่านการทำภารกิจในข้อตกลงข้อที่3 สำเร็จแล้ว เขาหรือเธอจะต้องฝึกฝนจิตในระดับมนุษย์เพื่อก้าวกระโดดไปสู่มิติที่สูงกว่าเดิม สูงกว่าโลก ไปสู่ระดับจิตสำนึกจักรวาลและจิตสำนึกสูงสุด (ซึ่งฉันจะอธิบายให้เธอได้รับรู้ในบทเรียนถัดไปในอนาคต)

    ข้อตกลงข้อที่ 5คือ หากเธอผู้หยั่งรู้ในสัจธรรมโลกและจักรวาลอย่างสูงสุดแล้ว ต้องการหรือปรารถนาจะเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่ออุทิศตนในการเผยแพร่สัจธรรมและช่วยเหลือมวลมนุษย์ทั้งหลาย เขาและเธอก็จะสามารถเลือกกระทำได้อย่างเสรี

    ข้อตกลงข้อที่ 6 คือ หากเธอหรือเขาผู้หยั่งรู้ได้บรรลุถึงจิตอวตารขั้นสูงสุด คือหลุดพ้นจากจิตสำนึกมนุษย์สู่จิตสำนึกสูงสุด เขาและเธอผู้หยั่งถึงย่อมสามารถใช้กระแสจิตช่วยเหลือมวลมนุษย์ ดาวเคราะห์โลกสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทั่วทั้งอนันตจักรวาลได้ชั่วนิรันดร์


    ข้อตกลงข้อที่ 7 คือ สัจธรรมนี้ดำรงอยู่อย่างเป็นนิรันดร์แม้จิตวิญญาณจะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา หรือจิตอวตารจะบรรลุถึงสภาวะจิตสำนึกสูงสุด แต่ทว่าอนันตจิตก็ยังเวียนเกิดเวียนตายกันนับภพชาติไม่ถ้วน ยกเว้นเพียงแค่จิตอวตารดวงนั้นบรรลุถึงจิตสูงสุด ก็ยอมหลุดพ้นจากความเป็นสรรพสิ่งและกาลเวลา


    เปิดดูไฟล์ 4327302



    ความจริงทั้งหมดนี้ อาจจะไม่ได้รับการเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ และพวกเราก็อาจจะไม่เคยรู้ว่า ยังมีความลับของความจริงนี้ซ่อนอยู่ จนเมื่อถึงขณะนี้ ความลับที่ถูกปิดบังมานานแสนนานก็ได้ถูกเปิดเผยขึ้นจนได้


    สิ่งที่ฉันจะต้องบอกเล่าและถ่ายทอดให้กับเธอที่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ก็คือ การกระทำภารกิจตามข้อตกลงที่ 2ซึ่งฉันจะต้องเปิดเผยรหัสลับของจักรวาลให้เธอทุกคนได้รับทราบโดยทันที เพื่อให้เธอผู้ปรารถนาจะค้นคว้าสัจธรรมแห่งชีวิตบนดาวเคราะห์โลกได้ค้นพบ.........รหัสลับสุดยอดมนุษย์ อันเป็นรหัสพิเศษ ที่จะนำพาชีวิตของเธอไปสู่การปลดล็อคและไขปริศนาชีวิตสู่ความสำเร็จและความโชคดีอย่างแท้จริง


    เปิดดูไฟล์ 4327303
    รหัสลับสุดยอดของมนุษย์ คืออะไร?


    ใครคือสุดยอดมนุษย์ แล้วเราจะบรรลุถึงความเป็นสุดยอดมนุษย์ได้อย่างไร มีกระบวนการหรือศิลปะอันล้ำลึกใดที่จะนำพามนุษย์ไปสู่สุดยอดมนุษย์ ได้โดยเร็วพลัน


    ฉันเชื่อว่า หากเธอได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนมาถึงขณะนี้แล้ว เธอย่อมจะรู้ดีว่า ใครคือมนุษย์ ที่ควรจะบรรลุถึงความเป็นสุดยอดมนุษย์


    อาจจะกล่าวได้ว่า มันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่เธอหรือพวกเราทุกคนซึ่งได้รับข้อความหรือข่าวสารต่างมิติ จากจักรวาลอันไกลโพ้นนี้ ควรจะยกระดับจิตหรือวิวัฒน์ตัวเองสู่สุดยอดมนุษย์โดยเร็วพลัน คงจะไม่ต้องอธิบายเหตุผลหรือขยายข้อความใดๆ ว่าทำไมพวกเราจึงต้องเลื่อนชั้นหรือยกระดับจิตสู่สุดยอดมนุษย์


    กล่าวให้ถึงที่สุดก็คือวันนี้เราทุกคนกำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ที่กำลังก้าวกระโดสู่ตัวตนใหม่หรือชีวิตที่แท้จริง ซึ่งจะต้องปอกเปลือกหรือถอดหน้ากากของตัวตนอันจอมปลอม ออกมาให้หมดสิ้น


    ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเลิกหลอกตัวเองเสียที
    ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหยุดฟังเสียงภายนอก
    ถึงเวลาแล้วที่หัวใจและดวงจิตของเราจะต้องได้ยินเสียงจากภายใน
    ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรับรู้คลื่นเสียงจากจักรวาล
    ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปลดล็อคหรือปลดปล่อยตัวเองจากโลกใบเก่า ที่คร่ำครึและงมงาย


    มันคือช่วงเวลาสำคัญของชีวิตและจิตวิญญาณของเธอ ที่จะถอดรหัสลับและสมการสู่จิตสำนึกใหม่
    ฉันมีข้อความหรือความลับที่จะถ่ายทอดให้พวกเธอ


    "รหัสลับสุดยอดมนุษย์"

    คลิ๊กที่ลิ้งด้านล่างเพื่ออ่านหนังสือ E-Book



    ลิ้งด้านล่างเป็นคลื่นความถี่พิเศษพร้อมเสียงอ่านครับ

    https://drive.google.com/drive/folders/0B13AD8AwXzCUbXB2QU1jbG5tQWM

    ดาวน์โหลด รหัสลับสุดยอดมนุษย์



    ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

    The Master Coach Academy

    อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข
    ครูทางจิตวิญญาณระดับโลก













    เปิดดูไฟล์ 4327308






    เปิดดูไฟล์ 4327309




    เปิดดูไฟล์ 4327307


    เปิดดูไฟล์ 4327306

     
  11. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    fantasy-3077928_960_720.jpg

    **จงเชื่อมั่นในเส้นทางของตัวเอง**

    (Credit the picture from internet)

    ที่รักทั้งหลาย พวกเรารักพวกคุณมากเหลือเกิน

    ในปีนี้ (2018) ชีวิตของพวกคุณจะสามารถพบเจอกับความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ ก็ต่อเมื่อพวกคุณสามารถที่จะวางใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบๆตัวพวกคุณได้ ว่าพวกมันล้วนเป็นไปเพื่อที่จะนำพาพวกคุณไปสู่ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยกันทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งต่างๆและผู้คนทั้งหลายที่กำลังสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกคุณอยู่นี้ ก็เปรียบเสมือนกับสัญญาณไฟที่คอยบอกทางพวกคุณให้เดินไปสู่ความรักที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆอยู่นั่นเอง

    เพราะฉะนั้นแล้ว จงยินยอมให้ตัวเองได้เดินตามหัวใจของตัวเองไป แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยและไม่สำคัญอะไรเลยก็ตาม เช่น ถ้าพวกคุณรู้สึกอยากจะดื่มกาแฟขึ้นมา ก็จงแวะไปดื่มเสีย เพราะว่าพวกคุณไม่รู้หรอกว่าจะได้พบเจอกับใครที่นั่น

    ส่วนผู้คนและสถานการณ์ต่างๆที่นำพาปัญหาและอุปสรรคมาสู่พวกคุณนั้น ก็เปรียบเสมือนกับชะง่อนหินและชะวากผานั่นแหละ ที่จะช่วยประคับประคองให้สายน้ำไหลไปในทิศทางที่ง่ายดายยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว จงยินยอมให้ตัวเองไหลออกไปจากความเจ็บปวดรวดร้าวทั้งหลาย..ด้วยความรัก เพื่อไปสู่ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ยิ่งๆขึ้นไปกว่านั้นแทน (ให้ออกมาจากผู้คน และสถานการณ์หรือสภาวะเหล่านั้นเสีย หรือหมายถึงให้เปลี่ยนแปลงตัวเองเสีย - ผู้แปล)

    และจงหยุดพยายามที่จะปกป้อง, หรือแก้ไข, และเปลี่ยนแปลงใครคนอื่นเขา ที่เป็นผู้ที่ไม่ได้ร้องขอการปกป้อง หรือความช่วยเหลือจากพวกคุณ แต่จงยินยอมให้ตัวเองมีความสุขแทน เมื่อเห็นผู้คนรอบข้างของพวกคุณเลือกเส้นทางเดินชีวิตของพวกเขาเอง ไม่ว่ามันจะเป็นเส้นทางแบบไหนก็ตาม

    ซึ่งด้วยการทำเช่นนี้พวกคุณก็จะกลายเป็นประภาคารแห่งความรัก และความสุข ที่จะช่วยนำทางผู้คนที่มีความพร้อมแล้วต่อไป

    ในแผนการทั้งหลายที่พวกคุณได้วางเอาไว้แล้ว มันอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือมีเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมาก็ได้ เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนเล็งเห็นว่ามันมีทางที่จะทำให้พวกคุณได้ในสิ่งที่ดียิ่งกว่าที่พวกคุณได้ร้องขอมาซะอีก ดังนั้น จึงได้ทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา


    เพราะฉะนั้นแล้ว จงอย่าโมโหโทโษไป ถ้าสิ่งต่างๆมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกคุณต้องการ และจงเชื่อมั่นในการผจญภัยในภพชาตินี้ของตัวเอง จงเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเอง และจงอย่าไปพยายามควบคุมใคร, หรืออะไร หรือสิ่งใด ให้มากจนเกินไป เพราะว่านั่นรั้งแต่จะนำพาความตึงเครียดและความไม่น่าพึงพอใจให้เกิดมีขึ้นมาเท่านั้นเอง


    จงวางแผนงานตามปกตินั่นแหละ แต่ก็จงยินยอมให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะว่ามันจะนำพาพวกคุณให้ไปสู่เส้นทางหรือวิถีทางที่ราบรื่นมากกว่าและน่าพึงปราถนามากกว่าแทน
    และถ้าพวกคุณเชื่อในรัก พวกคุณก็จะมองเห็นความรักได้ และก็จะได้รับความรักนั้นมาด้วยเช่นกัน ที่รักทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแล้ว จงเชื่อมั่นในเส้นทางการผจญภัยของตัวเองในภพชาตินี้เถิด เพราะว่าพวกคุณกำลังอยู่บนบทเรียนที่พวกคุณจำเป็นจะต้องเรียน และได้ตั้งใจที่จะมาเรียนกันเรียบร้อยแล้ว


    ในโลกแห่งความเป็นจริงที่แท้จริงนั้น เมื่อใดที่พวกคุณตื่นขึ้นมาจากชีวิตบนโลกซึ่งเป็นความฝันอันนี้แล้ว พวกคุณก็จะจดจำได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนคือ..และก็จะคือ..ความรักเสมอไป เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีอะไรอื่นอยู่เลย..นอกจากพลังงานแห่งความรัก แล้วทำไมพวกคุณถึงจะไม่ยินยอมให้ตัวเองได้รับความรักซะตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยหละ?


    เพราะว่าความรักมันมีอยู่เสมอ และก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วย และก็กำลังร้องเรียกพวกคุณให้กลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของมันอยู่ด้วย และมันก็กำลังกระซิบบอกพวกคุณอยู่ว่า “นี่แหละคือสิ่งที่เธอเป็นหละ” อยู่ด้วย


    ขอพระเจ้าจงประทานพรให้แก่พวกคุณ! ด้วยรักที่พวกเรามีต่อพวกคุณอย่างมากล้นเหลือเกิน
    The Angels
    ........................................
    Ref: ข้อความสื่อสารจาก The Angels. ผ่านทาง Ann Albers ,วันที่ 6/1/2018,
    https://spiritlibrary.com/ann-alber...



    CR: CHAYUTT NAOWARAT·15 มกราคม 2018
     
  12. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    15894769_1335791026471193_7007814546653957025_n.jpg

    "ความเป็นจริงหลากระดับ และความเป็นจริงหลากมิติ - ตอนที่ 1"

    พักนี้..ไหนๆก็ได้โพสต์บทความเกี่ยวกับเรื่องที่หลายคนสนใจ แต่มีน้อยคนนัก ที่จะพูดถึงมันในแบบที่ผมกำลังจะพูดถึงอยู่นี้มาหลายครั้งแล้ว ดังนั้น ก็เลยว่าจะขอโพสต์อีกซักเรื่องหนึ่งก็แล้วกันนะครับ เพราะว่ามันมีสัญญาณปิ๊งแว๊บขึ้นมาว่าให้โพสต์ตอนนี้พอดี แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าจะต้องพิมพ์อะไรลงไปบ้างก็ตาม ฮิฮิ

    ตั้งแต่แปลข้อความจากต่างมิติมานี่ ทำให้ผมได้ข้อคิดหลายอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "การคิดแบบหลากมิติมากขึ้น" คือ เลิกคิดแบบแบนๆ หรือเลิกคิดแบบเป็นเส้นตรงได้มากขึ้นนั่นเอง เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วสิ่งต่างๆมันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามวิธีการคิดแบบแบนๆหรือแบบเป็นเส้นตรงของเราคิดก็ได้

    แล้วสิ่งที่เราได้ หรือความเข้าใจที่เราได้รับมาจากการคิดแบบหลากมิติมากขึ้นนี้ ก็ทำให้ผมอึ้งกิมกี่ไปหลายครั้งเลยทีเดียว

    ตัวอย่างเช่น เรื่องที่เราถูกบอกถูกสอนกันมาว่า "โลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆในระบบสุริยะของเรา กำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่" เป็นต้น ถ้าวันนี้ผมบอกท่านว่า "มันไม่จริงเลย" หรือบอกว่า "มันเป็นคำสอนที่ผิด" ท่านจะว่ายังไง?

    555 มาถึงตรงนี้แล้ว หลายท่านอาจจะหัวโนไปแล้วก็ได้นะครับ เพราะคงนึกเถียงและหัวชนฝาไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าเชื่ออย่างปักใจมานานแล้ว ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ และเพราะว่าใครๆก็บอกตรงกันหมด แบบนั้นด้วย และแม้แต่ในตำราเรียน และ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์เองก็ด้วย

    ถูกครับ..ถ้ามองแบบแบนๆ แค่สองมิติ มันก็จะเห็นเป็นแบบนั้นแหละ แต่ถ้าเรามองหลากมิติมากขึ้น เช่น มองแบบสามมิติหละ? เราก็จะเห็นว่าดาวเคราะห์ทุกดวงในระบบสุริยะของเรา กำลังเคลื่อนที่ไปพร้อมๆกับดวงอาทิตย์ในลักษณะที่หมุนรอบกันเป็นเกลียวสว่าน ไปรอบๆแขน Orion ของกาแล็กซี่ทางช้างเผือกอยู่ต่างหากหละ ไม่ได้หมุนไปรอบๆดวงอาทิตย์ในลักษณะแบนๆแบบนั้นชั่วนาตาปีแต่อย่างใดเลย

    เพราะฉะนั้น คำว่า "ผิด" หรือ "ถูก" นั้น ในสถานการณ์เดียวกันนี้ มันสามารถตอบได้ทั้งคู่เลย..น่าสนใจไหมหละครับ..และเห็นไหมหละว่ามันอยู่ที่มิติในการมองของเราเป็นหลัก

    แล้วก็เรื่องธาตุ 4 ก็ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นธาตุมูลฐานของสรรพสิ่งที่มีอยู่ในมิติทางกายภาพนี้ ซึ่งก็ได้แก่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ..ซึ่ง 3 ธาตุแรกนั้นหนะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ เพราะรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย ก็อธิบายเอาไว้ไม่ต่างจากที่เรารู้มาแล้วเท่าไหร่หรอก

    แต่ธาตุตัวสุดท้าย ซึ่งก็คือ "ธาตุไฟ" นี่สิ ที่ทำให้ผมอึ้งกิมกี่เลย เพราะว่าข้อความต่างมิติที่สื่อสารผ่าน ดร.ซูซาน บอกเอาไว้ว่า "ธาตุไฟ คือ กระแสไฟฟ้า" ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญอย่างหนึ่งของสรรพสิ่งในมิติทางกายภาพนี้ เพราะว่าถ้ามองในแง่วิชาฟิสิกส์แล้ว สรรพสิ่งในมิติทางกายภาพนี้ ล้วนประกอบด้วยอะตอมทั้งสิ้น และอะตอมก็คืออิเล็กตรอนวิ่งรอบนิวเคลียสดีๆนี่เอง ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ก็คือประจุไฟฟ้าดีๆนี่เอง

    ผมอ่านแล้วผมก็ลองคิดตามดูว่า เออ..มันก็มีสิทธิ์เป็นไปได้นะ เพราะว่าร่างกายมนุษย์ก็คือสื่อนำไฟฟ้าชนิดหนึ่ง และกระแสประสาทก็คือกระแสไฟฟ้าดีๆนี่เอง และเวลาคนหัวใจหยุดเต้น เวลาเขาจะกระตุ้นหัวใจ เขาก็ใช้ไฟฟ้านะ ไม่ได้ใช้ "ความร้อน" กระตุ้นนะ

    เพราะว่าความร้อน หรือความเย็นนั้น มันน่าจะเป็นผลพวงจากปฎิกิริยาเคมี หรือปฏิกิริยาอื่นๆในร่างกายเราซะมากกว่า ไม่น่าจะเป็นตัว "ธาตุ" หลักจริงๆหรอก

    "อ้าว!! แล้วทำไมสมัยพุทธกาล หรือยุคก่อนหน้านั้นอีก ท่านถึงบอกต่อๆกันมาว่า ธาตุไฟคือความร้อนหละ?"

    เอ่อ..เมื่อหลายพันปีก่อน ถ้าท่านเป็นคุรุผู้รู้แจ้งคนหนึ่ง ท่านจะบอกคนยุคนั้นว่า "กระแสไฟฟ้า" คืออะไร? เพราะว่าในยุคสมัยนั้น ยังไม่มีไฟฟ้า ดังนั้น จึงยังไม่มีใครรู้จักไฟฟ้าเลย!

    อ่อ..แล้วก็..ในหนังเรื่อง ดร.แฟรงเก้นสไตน์ ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนที่ ดร.แฟรงเก้นสไตน์สร้างเจ้าสัตว์ประหลาดขึ้นเสร็จแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ ดร.ทำก็คือ ใช้ปลาไหลไฟฟ้าช็อตมันนะครับ มันถึงได้มีชีวิตขึ้นมาได้..เห็นเงื่อนงำอะไรบ้างไหมครับ..เขาไม่ได้ใส่ความร้อนเข้าไปให้กับมันหรอกนะครับ

    ดังนั้น ถ้าปัญหาในการสอน มันอยู่ที่ "ความรู้ของผู้ถูกสอนยังไปไม่ถึง" อย่างในกรณีตัวอย่างที่ผมยกมานี้หละก็..ถ้าท่านเป็นคนสอนเอง ท่านจะทำยังไง?..

    ท่านก็อาจจะพยายามอธิบายโดยเทียบเคียงกับสิ่งที่พวกเขารู้แล้ว หรือเข้าใจแล้ว ให้พวกเขาฟังใช่ไหมครับ ซึ่งการเทียบเคียงที่ว่านี้แหละ ที่เราเรียกกันว่า "การอุปมาอุปมัย" หละ

    แต่โชคร้ายที่ในตำราทางศาสนาทั้งหลาย ที่สืบเนื่องมาจากยุคก่อน เต็มไปด้วยอุปมาอุปมัย เพราะว่าความรู้ของคุรุผู้รู้แจ้งเหล่านั้น ท่านอยู่เหนือความรู้ของผู้ถูกสอนมาก และความเป็นจริงของเรื่องที่สอนนั้น โดยเฉพาะเรื่องทางจิตนั้น มันล้ำลึกเกินกว่าที่จะใช้ศาสตร์พื้นๆมาอธิบายได้

    ดังนั้น ถ้าคนในยุคนี้ "บางคน" ยึดติดตำรา และยึดเอาความหมายตามที่ตำราเขียนไว้เป๊ะๆทุกตัวอักษรเลยหละ มันจะเป็นยังไง? และมิหนำซ้ำยังแปลความหมาย หรือตีความหมายของสิ่งที่เขียนไว้ในตำรานั้นๆแบบตรงไปตรงมา แบบเป็นเส้นตรงอีกด้วย มันจะเกิดอะไรขึ้น?

    แล้วถ้าสิ่งที่ตำรานั้นกำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นอุปมาอุปมัยหละ แต่เราดันไปตีความตามมันตัวอักษรเป๊ะๆแบบตรงๆหละ มันจะเกิดอะไรขึ้น?

    คำตอบก็คือ..ก็แปลความหมายเข้าป่าเข้าดงไปเลยหนะสิครับ.!

    และเพราะฉะนั้น มันก็เลยมีความเห็นแตกแยกจากการตีความที่ต่างกันยังไงหละครับ เพราะว่าต่างคนต่างตีความ ตาม 15894769_1335791026471193_7007814546653957025_n.jpg ความเข้าใจของตัวเอง และก็ไม่ยอมรับของกันและกันด้วย สุดท้ายเราก็เลยได้นิกายต่างๆออกมามากมาย หรือได้สำนักต่างๆออกมามากมาย อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้แหละครับ ไม่ยกเว้นศาสนาไหนเลย

    CR: Chayutt Naowarat
    9/1/17
    01:46 น.
     
  13. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19



    “ถอดรหัสชาติหน้า : จิตที่ไม่มีวันดับสลาย

    woman-3083390_960_720.jpg



    จากคำนำของสำนักพิมพ์กรีน ปัญญาญาณ ในหนังสือ “ถอดรหัสชาติหน้า : ไขปริศนาการเกิดใหม่ด้วยวิทยาศาสตร์” ของศาสตราจารย์หลวงปริญญาโยควิบูลย์ ได้กล่าวถึงแนวคิดของชาร์ลส์ ดาร์วินที่มีต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตไว้ดังนี้



    “…นักวิทยาศาสตร์ เช่น นักชีววิทยาในสกุลความคิดแบบดาร์วินอธิบายประเด็นนี้โดยใช้แนวคิดเรื่อง “ยีน” (Gene) ว่า



    ในระยะสั้น พาหะที่ยีนใช้สืบทอดเพื่อให้ตัวมันเองดำรงอยู่ได้ก็คือเซลล์ในร่างกาย แต่เนื่องจากเซลล์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเกิดมีตาย ไม่เป็นอมตะ เมื่อร่างกายถูกนำขึ้นสู่เชิงตะกอนหรือฝังลงไปในหลุม ยีนที่สืบทอดมาในกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เดิมจึงไม่สามารถดำรงอยู่ได้อีกต่อไป



    เพื่อไม่ให้ตัวมันเองตายไปพร้อมกับชีวิต ยีนจึงต้องแสวงหาวิธีอื่นที่ไม่ใช่แค่การก๊อบปี้ตัวเองภายในกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่า และวิธีใหม่ซึ่งเป็นงานในระยะยาวก็คือ การสืบต่อยีนลงไปในชีวิตใหม่โดยผ่านทางกระบวนการสืบพันธุ์นั่นเอง



    พูดง่าย ๆ ก็คือ ก่อนหน้าที่เราจะเกิดนั้น เรามีตัวตนอยู่แล้ว ซึ่งตัวตนนี้ก็คือยีนที่อยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อแม่เรา และยังสาวย้อนกลับไปในอดีตได้อีกยาวไกลจนถึงบรรพบุรุษ ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราตาย ตัวตนของเรายังไม่ตาย หากแต่จะถ่ายทอดยีนไปยังลูกหลานและอนุชนรุ่นหลังที่จะเกิดตามมาอีกหลายชั่วอายุคน



    คำถามเดียวกันนี้ หากตอบตามคำสอนของพุทธศาสนา ภาพการสืบต่อของชีวิตก็จะออกมาอีกแบบว่า



    ชีวิตของเราเปรียบเสมือนสายโซ่ที่เชื่อมต่อกันผ่านการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งสายโซ่แห่งชีวิตนี้ถูกเรียงร้อยให้เป็นกระแสเดียวกันด้วยกระบวนการเกิดดับของ “จิต” ที่ทยอยกันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วครู่ยาม แล้วดับสลายไป จากนั้นก็เกิดขึ้นใหม่ หมุนเวียนเป็นวัฏจักรข้ามภพข้ามชาตินับเป็นอเนกอนันต์



    สิ่งที่เราทำไว้ในฐานะ “กรรม” นั้น ไม่ได้สูญหายไปไหน แต่จะถูกบันทึกไว้ในจิตและติดตามข้ามภพข้ามชาติไปในรูปของ “วิบากกรรม” เพื่อทำหน้าที่สร้างชีวิตที่จะถือกำเนิดขึ้นใหม่ว่า จะเกิดเป็นอะไร โดยมีตัณหา (เจตจำนงที่จะมีตัวตนอยู่ต่อไปในอัตภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง) เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ



    และจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าจะบรรลุ “นิพพาน” ซึ่งหมายถึงการที่จิตหยุดสร้างภพสร้างชาติอย่างสิ้นเชิง…”



    ด้วยประสบการณ์ไขปริศนาอันมืดมนแห่งภพชาตินี้เอง ทำให้ผมยืนยันว่าโลกและจักรวาลมิได้มีแค่ 3 มิติเท่านั้น การพิสูจน์ทฤษฎีสัมพันธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ผู้มีชื่อเสียงก้องโลก พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดว่ามิติที่เหนือกว่าในจักรวาลนั้นมีอยู่ตั้งแต่มิติที่ 4 ขึ้นไป มนุษย์เราจะพบความจริงที่เหนือกว่าแห่งสัจธรรมของชีวิตในโลกใบนี้





    บทความจากหนังสือ โค้ชพลังจิต9D สัจธรรมเหนือโลก

    อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ครูทางจิตวิญญาณระดับโลก







    หนังสือที่พัฒนาจิตวิญญาณและการเปลี่ยนแปลงภายในสู่ภายนอก ปลดล็อกจิตใต้สำนึกที่จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด

    1. The Wisdom in Dust สัจธรรมในฝุ่นธุลี คลิ๊กดาวน์โหลดที่นี่https://www.mebmarket.com/web/index.php…

    2. Jumping Evolution คลิ๊กดาวน์โหลดที่นี่่https://www.mebmarket.com/web/index.php…

    3. Light Worker รหัสลับมนุษย์พันธุ์ใหม่ คลิ๊กดาวน์โหลดที่นี่https://www.mebmarket.com/web/index.php…

    4. Light Up in Himalaya จุดไฟในหิมาลัย คลิ๊กดาวน์โหลดที่นี่https://www.mebmarket.com/web/index.php…

    5. โค้ชพลังจิต 7D วิวัฒน์จิตเหนือสำนึก คลิ๊กดาวน์โหลดที่นี่https://www.mebmarket.com/web/index.php…

    6. E-book ( ฟรี ) สุดยอดรหัสลับชีวิต คลิ๊กดาวน์โหลดที่นี่ https://www.mebmarket.com/index.php…

    Down load E-Book

    https://spiritualwavelink.wordpress.com/e-book/



    อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข
    ครูทางจิตวิญญาณยุคใหม่











    เจริญรวยรุ่ง บิสซิเนส เกสรดอกบัวพิทักษ์หัวใจ
    http://pitakhuajai.lnwshop.com/
     
  14. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    bullying-3089938_960_720.jpg



    “ปมที่ค้างค้าใจมันวนเวียนไปเรื่อยๆ
    เมื่อเรามีสติมันก็ไม่ทำร้ายเรา
    แต่มันก็ยังคงอยู่มันรอจังหวะกลับมาทำร้ายจิตใจของเราอีกเรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    พอมาพบอาจารย์ปมคาใจนั้นหลุดหายไป
    และมันไม่กลับมาทำร้ายเราอีกเลย”



    เคสนี้ดื้อกับแม่มากจนกลายเป็นความทุกข์ฝังในจิตใต้สำนึก
    เกิดมาในตระกูลคนรวยเสียพ่อตั้งแต่เด็กมีแม่ที่แข็งกับเรามากแต่ดีกับคนอื่นๆ ออกมาสู้ชีวิตตามลำพังเคสนี้เป็นผู้หญิงแกร่งเสียสละเพื่อคนรักที่ไม่ดี

    ขัดแย้งกับแม่มายาวนาน ให้คนรักมากกว่าแม่ ตอนนี้ตัวเองมีปัญหาเรื่องบ้านจะถูกยึด แม่มีทรัพย์มากอยากได้ที่ดินจากแม่เพื่อขายมาแลกกับบ้านที่จะถูกยึด รอบนี้จะปรับจิตอย่างไรเข้าหาแม่

    เมื่อวานต้องคุยกัน2รอบกว่าจิตจะเปิดล้าไปตามๆกัน
    เมื่อเช้าส่งข้อความมาว่า

    “ขอบคุณความเมตตาของอาจารย์มากๆเลยนะคะ เมื่อคืนนี้หนักหัวมากเลยค่ะ เหมือนมีก้อนหินอยู่ข้างในเลยค่ะเช้านี้ ขอบคุณอ.มากๆๆเลยค่ะ มีเมตตากะหนูมากๆๆเลย ทุกอย่างสำเร็จเหมือนปาฎิหารย์นะคะ
    นอนฟังคลิปอาจารย์ดีขึ้นเยอะมากเลยค่ะ เบาแล้วค่ะ ขอบคุณอาจารย์ที่สุดเลยค่ะ”

    เคสนี้มาจากพัทยา เมื่อวานที่โอปองแปงคุยรอบแรกไม่สำเร็จ หลักจากคุยรอบแรกผมก็ยังรู้ว่าข้างในยังไม่เคลียร์ ผมบอกว่าผมพบลูกค้า2ท่านก่อนนะคิวต่อไปรออยู่แล้ว ให้นั่งรอก่อนอย่าเพิ่งกลับ

    มาคุยสอบสองจิตเริ่มคลายเริ่มเปิด บางทีบางคนคุยยากมาก สังเกตง่ายจิตเดิมภายในจะแข็งมากมักจะมีเลขวันเกิด 1 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 21 28 31 เกิดวันอังคารก็เช่นกัน เป็นต้น แบบนี้จิตมีตัวตนเก่าที่ไม่ยอมคนสูงติดมาจากอดีตชาติ
    คนเหล่านี้ต้องมีเหตุผลลึกๆที่ถูกต้องจริงๆในการสอน และต้องมีข้อมูลการสอนจิตภายในที่ดีจริงๆถึงจะยอมรับฟัง

    ในโลกปัจจุบันคนดื้อเงียบมักจะต้องเผชิญปัญหาต่างด้วยตนเองหลายๆครั้งก่อนแล้วค่อยเชื่อครูบาอาจารย์ หรือเชื่อพ่อแม่ หรือเชื่อใครสักคน จะต้องย้อนดูว่าภวังคจิตบันทึกมาจากอดีตชาติอย่างไร
    วัยเด็กจนถึงปัจจุบันบันทึกเรื่องราวอะไรบ้างในจิตใต้สำนึก

    และจะสร้างจิตสำนึกอย่างไร จะต้องมีพฤติกรรมใหม่อย่างไร จะพัฒนาจิตในการสร้างบุญใดให้ตรงกับสิ่งที่พลาดมา

    เคสนี้จึงต้องปลดล็อคหลายชั้นมาก ภวังคจิต จิตใต้สำนึก จิตสำนึก และพฤติกรรมปัจจุบันเพื่อวันนี้และวันข้างหน้า


    อาจารย์ธนู ธีระธรรม ทองโมถ่าย
    ผู้ก่อตั้งผู้คิดค้นศาสตร์พัฒนาจิตที่ลึกกว่าจิตใต้สำนึก
    เร็วในการรักษาไม่ต้องใช้ยาและเหวี่ยงไปด้านที่ดีที่สุด
    โทร 0626497895

    https://spiritualtanu.wordpress.com/2018/02/15/ปมที่ค้างค้าใจมันวนเวี/
     
  15. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    34464a4de.jpg

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างฉัตรถวายแด่องค์สมเด็จพุทธสิกขี สมเด็จองค์ปฐม มหาจักรพรรดิ
    ร่วมบุญกับหลวงตาสมชาย หงวนกระโทก

    ถวาย ณ วัดซับไพเราะ ต.ซับไม้แดง อ. บึงสามพัน จ. เพชรบูรณ์

    34464ed55-jpg.jpg


    รายละเอียด

    1.การสร้างฉัตรถวายถวายแด่องค์สมเด็จพุทธสิกขี สมเด็จองค์ปฐม มหาจักรพรรดิ ในครั้งนี้จะเป็นฉัตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ซึ่งมีขนาดความกว้างประมาณ 6 เมตร

    2. เสายอดฉัตรมีความสูงมาก เพื่อรองรับฉัตรที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งให้ทางวิศวกรเป็นคนคำนวณการออกแบบติดตั้งเพื่อความแข็งแรง และให้อยู่ยาวนานเป็นร้อยเป็นพันปี

    3.คนที่ทำฉัตรถวายแด่องค์สมเด็จพุทธสิกขี สมเด็จองค์ปฐม มหาจักรพรรดิ ในครั้งนี้เป็นคนกินมังสวิรัตตลอดชีวิต ซึ่งทำให้การสร้างฉัตรในครั้งนี้ มีความบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์

    4. ท่านสามารถร่วมบุญตามกำลังศรัทธา

    มูลค่ากองบุญนี้

    1. ค่าฉัตรมีมูลค่า 400,000 บาท (ราคาประเมินจากวิศวกรแจ้งมาเบื้องต้น)
    2. ค่าช่างติดตั้งดำเนินการ (ยังไม่ได้ประเมิน)

    รวมเป็นเงิน 400,000 บาท

    **หากเงินเหลือประการใด น้อมนำเข้ากองบุญสร้างพระนอนขนาดความยาว 100 เมตร จะได้ทั้งบุญสร้างฉัตรและสร้างพระนอนด้วยซึ่งมีขนาดใหญ่มาก


    ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพร่วมกันได้ที่บัญชี
    นายกันตภณ เส้งสั้น
    ธ. กรุงเทพ สาขาถนนประดิพัทธ์
    เลขที่บัญชี 113-4-91943-8

    ร่วมบุญได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะปิดยอดกองบุญ
    เมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งชื่อและสลิปการโอนเงินมาที่
    Line Id : 092 365 6554 (Pol)
    -------------------------------------

    001-jpg.jpg
    การอธิษฐานในการร่วมบุญสร้างฉัตร...
    ฉัตร...เป็นเครื่องสูงที่ใช้ในการถวายพระเกียรติยศ หรือถวายเพื่อเป็นการสักการะบูชาอันสูงสุด
    ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดี ที่ในชีวิตหนึ่ง เราจะได้มีโอกาสนำถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นพุทธบูชา ต่อพระพุทธเจ้าทุกพระองค์...


    การอธิษฐานถวายนั้น ขอให้เราทั้งหลายตั้งใจให้เป็นสมาธิ..มีจิตดำริแน่วแน่และนึกถึงภาพฉัตรที่จะนำถวาย....หรือภาพฉัตรที่เราจำได้ทั่วๆไป...โดยสำคัญนั้นให้นึกเป็นภาพของฉัตรทองคำ...ให้เป็นฉัตรที่ทำจากทองคำเหลืองอร่าม มีแสงสว่างกระจายออกจากองค์ฉัตร...

    แล้วกำหนดให้ภาพนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจ....จากนั้น...น้อมจิตขอร่วมสร้างและนำถวาย เพื่อประดิษฐานเป็นพุทธบูชา ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไว้ยังองค์สมเด็จพุทธสิกขี สมเด็จองค์ปฐม มหาจักรพรรดิ ....การกำหนดจิตถวาย ให้นึกหรือจินตนาการตามไปว่า ฉัตรนี้ได้ถูกอัญเชิญขึ้นบนยอดองค์สมเด็จพุทธสิกขี สมเด็จองค์ปฐม มหาจักรพรรดิ เรียบร้อยแล้ว....
    และให้อธิษฐานในใจว่า ...


    " ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐานกระทำมหาทานบารมี ร่วมบุญ สร้าง ฉัตรแก้วประกายพรึก อันมีพระนามว่า "สัตตรัตนะมหาโภคะฉัตร" พร้อมได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า มอบถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นบุญพุทธบูชา และสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ครบ 5,000 วัสสา...


    ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้...ขอเมตตาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ปาน โปรดน้อมนำกำลังกุศลบารมีของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่ได้บำเพ็ญล่วงมากี่อสงไขยแสนมหากัปป์ก็ตาม จงมารวมเข้ากับบุญกุศลในครั้งนี้ เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลาย จะได้น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา และสังฆะบูชา รวมถึงน้อมถวายบุญนี้ต่อองค์พระโพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์อันมีพระศรีอาริยเมตไตรยเป็นที่สุด


    และขอน้อมถวายบุญนี้เป็น พรหมบูชา เทวบูชา แด่เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า พรหมทั้ง 20 ขั้น ทั้งที่มีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันก็ดี ไม่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันก็ดี..อันมี ท่านพระศรีสยามเทวาธิราช บูรพกษัตราธิราชทุกพระองค์ ท่านท้าวสักกะเทวราช พระยายมราช และท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง4
    อีกทั้ง พญาครุฑ พญานาคทั้ง9พระองค์ พระสุรีิยะเทพ พระจันทรเทพ พระราหูเทพ ตลอดจนรุกขเทพเทวา โอปะปาติกะ พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา และเทพยดาที่คุ้มครองข้าพเจ้าทุกพระองค์


    และขออุทิศถวายบุญนี้ ถึงผู้มีพระคุณอันมี บิดา มารดา คุณครูอุปปัชฌาย์อาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณเกื้อหนุนกันมาทุกชาติภพ อีกทั้งเจ้ากรรมนายเวรใหญ่ น้อยทั้งหลาย รวมไปถึงผู้ที่เวียนว่ายในวัฏสงสารทั้งหลาย ทั้งในมนุษย์ภูมิ หรือในอบายภูมิ อันมี สัตว์เดรัชฉานทั้งหลาย เปรต อสุรกาย สัตว์นรก และสัมภะเวสี ทั้งหลายเป็นต้น

    28468269_2052430584998302_6259950645594764444_n-jpg.jpg

    ขอท่านทั้งหลาย ทั้งหมด นี้ โปรดจงรับและร่วมอนุโมทนาสาธุการในมหากุศล มหาทานบารมี ในครั้งนี้ และด้วยเดชะผลบุญทั้งหลายนี้ ขอจงส่งผลให้ท่านทั้งหลายรวมทั้งตัวข้าพเจ้า จงเป็นสุข หมดทุกข์ หายโศก ไร้โรค ร้างภัย เวรกรรมใดๆ ที่มีต่อกัน ขอจงเป็นอโหสิ อย่าได้พยาบาท อาฆาตต่อกันอีกเลย ขอจงตัดเวร ตัดกรรม หมดเวร หมดกรรม ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


    และขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย จงพบแต่สิ่งที่ดี ห่างไกลจากสิ่งที่ชั่ว เจริญ และสำเร็จ ทั้งทางโลก และทางธรรม ตราบก้าวเข้าสู่พระนิพพาน หรือพระโพธิญาณ ในกาลเบื้องหน้านี้ ด้วยเทอญ....


    *** อาจจะยาวหน่อย แต่ก็หวังว่าจะเป็นคำอธิษฐานที่พอจะมีประโยชน์ให้ได้ลองไปปรับใช้กันนะครับ **ขอกราบมหาโมทนาบุญด้วยครับ..


    maxresdefault-jpg.jpg


    Cr.ภาพจากอินเตอร์เน็ต


    จะอัพเดตการสร้างฉัตรและถวายปัจจัยเป็นระยะนะครับ
     
  16. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
  17. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    "ฉันคือความศักดิ์สิทธิ์"

    จิตวิญญานเดิมแท้ของเธอ
    มีความสว่างในตัวเอง สดใส
    เปี่ยมด้วยพลังอยู่แล้วภายในนั้น

    แล้วใยเธอจึงมองหาความศักดิ์สิทธิ์
    ความขลัง นอกตัวเธอล่ะ

    ต่อให้เธอวิ่งหาอีกร้อยอาจารย์
    อีกพันผู้รู้ แต่ถ้าเธอยังไม่เปิดใจ
    สัมผัสให้ถึงวิญญานภายใน
    จิตเดิมแท้ของแท้ของเธอ

    เธอก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นได้
    หาเวลาสงบนิ่ง อยู่คนเดียวดูบ้าง
    ลองมองจิตภายในของตน สัมผัสให้ถึง
    คุรุ ครูบาอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ในตนให้เจอ

    ทุกคนมีพลังจิตที่เชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ในตนเองได้อยู่แล้ว

    เพียงแต่เธอไม่เคยเชื่อ ไม่เคยศรัทธาในตัวเธอเอง
    เธอจึงวิ่งไปหาผู้อื่น ให้เค้าช่วยยืนยันความเป็นเธอ
    ทั้งๆที่คนที่รู้จักเธอดีที่สุดคือตัวเธอ

    ถ้าเธอรู้ว่าเธอศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้รู้ด้วยตนเองได้
    มีปัญญาภายใน เธอจะลดการพึ่งพาผู้อื่นลง
    เธอจะเลิกให้ผู้อื่นชักจูงและครอบงำจิตของเธอ
    เธอจะเป็นตัวเอง และเธอจะเป็นอิสระ

    เธอจะรู้คำตอบในสิ่งที่เธอต้องการ
    เธอรู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไป
    เธอจะจัดการชีวิตทางโลกเธอได้ดีขึ้น
    เธอจะอยู่ในโลกนี้แบบผู้เรียนรู้เท่านั้น
    เธอจะเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ
    มีแต่สภาวะจิต ที่เธอต่างสร้างมันขึ้นมาเอง

    ลองนั่งนิ่งๆ อยู่กับธรรมชาติ อยู่คนเดียว
    แล้วรู้สึกว่าเธอกำลังเชื่อมต่อกับพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ในจักรวาลนี้ เชื่อมต่อกับครูภายในจิตวิญญานเธอ

    แล้วถามคำถามสิ่งที่เธอต้องการคำตอบ
    ลองเขียนมันออกมา เธอจะได้คำตอบที่น่าอัศจรรย์ใจ เธอจะทำมันได้ เธอต้องนิ่งสงบและศรัทธาหัวใจและดวงวิญญานของเธอเองเสียก่อน

    เธอลองจินตนาการดูว่าถ้าเธอเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    จิตของผู้ศักดิ์สิทธิ์จะคิด พูด ทำ อย่างไร
    เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่

    ท่านจะเลือกการด่าทอ หรือเมตตา
    ท่านจะเลือกพูดคำหยาบ หรือพูดอ่อนน้อม
    ท่านจะเลือกการโกรธเกลียดชัง หรือให้อภัย
    ท่านจะเลือกทำตัวแบบเรื่องมาก เรื่องเยอะ
    หรือเรียบง่าย

    ท่านจะเลือกการเอาชนะผู้อื่นหรือยอมแพ้
    ท่านจะเลือกการวางตัวที่มีอำนาจเหนือคนอื่น
    หรือท่านจะเลือกทำตัวนอบน้อมเทียมดิน

    ท่านจะเลือกมีอีโก้ อัตตา ตัวตน
    หรือท่านจะเลือกไร้ตัวตน เข้าใจผู้อื่น

    ลองถามตัวเองดู สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ท่านมีคุณสมบัติอย่างไร

    แล้วจงเดินตามทาง ตามรอยของจิตที่ศักดิ์สิทธิ์เถิด
    เธอศักดิ์สิทธิ์ได้ ด้วยการกระทำ ทางกาย วาจาใจ
    ที่เธอมีต่อตัวเองและผู้อื่น

    เคารพตัวเองให้ได้ คนอื่นก็จะเคารพเธอเอง
    โดยไม่ต้องไปเรียกร้อง

    เป็นพลังความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
    ทำตัวทำใจให้งดงามเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    เชื่อมั่นและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง

    สิ่งที่เธอพบเจอ แค่บทเรียนให้เรียนรู้
    อย่าไปให้ค่า หรือจริงจังมากมาย
    สิ่งที่ต้องตระหนัก และสำนึกรู้จริงๆ
    คือจิตวิญญานภายใน

    ถ้าเธอเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งเป็นไปได้
    ทุกอย่างมีทางออกเสมอ
    ชีวิตเธอสดใสได้ คู่ควรจะได้สิ่งดี
    เธอก็จะมองเห็นทางและได้รับมัน

    เมื่อโลกภายในของเธอเปลี่ยน
    โลกภายนอกของเธอจะเปลี่ยนไปด้วย
    อย่าไปยึดติดกับสิ่งเดิมๆ คนเดิมๆ เริ่องราวเดิมๆ

    จงเตรียมพร้อมเดินทางต่อไปในถนนสายใหม่ทีงดงาม พร้อมดวงวิญญานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ

    เพื่อนที่ร่วมทางเดินของเธอ จะเป็นคนใหม่ๆที่มีแสงสว่างและปัญญาเช่นเดียวกับเธอ

    พวกเค้าทั้งหลายจะมองเห็นความงดงามเห็นแสงสว่างในจิตวิญญานของเธอเอง

    มองให้เห็นคุณค่าและศรัทธาตัวเองให้ได้นะ
    เธอจะได้ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งอื่น หรือวัตถุใด

    จงจำไว้ เธอคือจิตวิญญานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีพลังของพระผู้เป็นเจ้าผู้สว่างไสวในตัวเอง

    ใช้พลังเพื่อเกื้อกูลและช่วยเหลือผู้ที่ยังมืดอยู่
    หาแสงสว่างในตัวเองให้เจอนะ

    รัก

    "Miss Emtiness"

    #powerofgod
    #spiritual
    #wisdom
    #emtiness
    #energyoflife
    #powerwithinyou

    boat-house-192990_960_720.jpg
     
  18. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    "การรู้สึกตัว"

    สิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญใกล้ตัวเรามากที่สุด
    แต่เราต่างกลับละเลยไป

    เราต่างมัววุ่นอยู่กับหน้าที่การงาน
    มักมัววุ่นอยู่กับหน้าที่ต่างๆ
    บางคนก็มุ่งโฟกัสไปที่เป้าหมายอย่างเดียว
    มุ่งเพ่งไปแต่ความสำเร็จตรงหน้า
    มุ่งหวังแต่ผลลัพธ์

    แต่เราต่างหลงลืมตัวเอง
    ลืมการกลับมารู้สึกตัว
    เราลืมมองดู ลืมสังเกตดูตัวเองไป
    ว่าตอนนี้เรากำลังคิดอะไร
    เรากำลังทำอะไรอยู่
    และเราทำมันไปเพื่ออะไร
    อะไรเป็นแรงผลักดันให้เราทำ เราคิด
    เราพูดออกไปอย่างนั้น

    การกระทำเราส่งผลต่อตัวเองอย่างไร
    เผลอพลาดพลั้งเบียดเบียนใครระหว่างทางไหม

    บ้างเราก็หลงลืมดูตัวตนที่ได้กระทำลงไปแล้ว
    ว่าเราเลือกตอบสนองเหตุการณ์ตรงนั้น
    ไปแบบนั้นเพราะอะไร บางทีเราก็ไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

    สิ่งที่เราควรรู้ดีมากที่สุดคือตัวเรา
    แต่เรายังไม่รู้เลย

    เราต่างหลงลืมและไม่เคยมองเห็นมันจริงๆ
    เราต่างถูกแรงบีบคั้นทางโลก ให้ดิ้นรนการใช้ชีวิต
    ต่างหลงไปในมายากิเลส ความโลภ ความโกรธ
    ความหลง ความอิจฉาริษยา ความกลัว
    ที่เข้ามากระตุ้นเรา มาครอบงำเรา

    ให้ทำพฤติกรรมต่างๆลงไป
    ดีบ้าง ชั่วบ้าง
    ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย

    แต่ความน่ากลัวคือ เมื่อเรากระทำการใดๆลงไป
    เราเคยรู้สึกตัวไหม มีสติรู้ทั้งก่อนกระทำ ขณะทำ
    และหลังทำหรือไม่

    ถ้าเราไม่เห็นตัวเอง สิ่งนั้นน่ากลัวมาก
    เราอาจจะทำผิดพลาด
    และไปทำร้ายผู้อื่นด้วยความหลง
    ด้วยการขาดความรู้สึก นึกคิด
    แบบขาดการยับยั้งช่างใจ

    เรามักมาเสียใจกับการกระทำตัวเอง
    ที่ได้กระทำลงไปแล้วภายหลัง

    ด่าเค้าไปแล้ว ค่อยคิดได้ว่าไม่สมควร
    ทำร้ายเค้าไปแล้ว ค่อยมาสำนึกผิด

    รอยร้าวที่คุณสร้างมันขึ้นมา
    ยากนักที่จะประสานมันได้ดั่งเดิม

    เราจะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไปหรือ
    เราเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ
    ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วย กาย วาจา ใจ
    ความคิด

    กลับมาเปลี่ยนแปลงและฝึกฝนตัวเองใหม่
    ให้เป็นคนที่รู้สึกตัวบ่อยๆ
    รู้จักความคิดตัวเอง
    เห็นการกระทำของตัวเอง
    มีสติระลึกก่อนทำสิ่งใดลงไป

    ระหว่างวัน ขณะทำอะไรอยู่ก็ถอยจิตเราออกมา
    จากสิ่งที่เราจดจ่ออยู่สักนิด ผ่อนคลายจิตให้เบาลง
    และรู้ตัวณ.ขณะนั้น

    ดูลมหายใจของเราสักครู่ ว่าหายใจสั้นหรือยาว
    หัวใจเราเต้นยังไง แรงไหม
    ความคิดเราอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า
    หรือเราคิดลอยไปในอนาคต
    หรือเราคิดวกวนอยู่กับอดีต
    หรือเราคิดเคียดแค้น ริษยาใครอยู่ไหม

    ดูให้รู้ ดูให้เห็น อาการจิตของเราขณะนั้น
    ดูแบบไม่ตัดสินถูกผิด ดูอารมณ์เกิดขึ้นและดับไป

    ทุกๆอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงไปในตัวมันเอง
    เมื่อเรารู้ทัน และเรารู้ตัว

    ฝึกรู้ตัวบ่อยๆ เดินรู้ตัว นั่งรู้ตัว กินรู้ตัว
    นอนรู้ตัว ยกแขนรู้ตัว ยกขารู้ตัว
    ขยับขารู้ตัว ยกมือรู้ตัว

    รู้ตัวรู้ใจรู้ทันความคิดตัวเอง
    การฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนชิน
    เราจะเห็นตัวเอง รู้จักตัวเอง
    เราจะทันตัวเอง ในทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้น

    และเราจะเป็นอิสระ ไม่ต้องอยู่ภายใต้อารมณ์ที่มากดดันเราทั้งปวง

    เราจะเห็นความชั่วคราว ของทุกขณะจิต
    ทุกอาการจิต ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป
    ความทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิต มีลักษณะอย่างไร
    บีบคั้นจิตแบบไหน บีบแรงขึ้น หรือเบาลง
    แล้วมันหายไปไหม

    สิ่งเหล่านี้เราควรที่จะรู้จักและเรียนรู้กับมัน

    การรู้สึกตัวบ่อยๆยังลดความฟุ้งซ่านของความคิด
    และลดการซัดส่ายของจิต ที่วิ่งไปวิ่งมาได้

    การรู้สึกตัวของมนุษย์หนึ่งคนในสังคม
    ก็มีส่วนช่วยให้โลกนี้ สังคมนี้น่าอยู่ขึ้น

    และยังช่วยให้จิตใจตัวเองได้รับอิสระ
    ไม่อยู่ภายใต้อารมณ์หรือกฎเกณฑ์ใดๆ

    ผู้ที่รู้สึกตัวจะไม่สร้างปัญหาให้คนอื่น หรือสังคม
    เค้าจะกลับมาดูแลและรับผิดชอบ อารมณ์
    ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้
    เค้าจะเตือนตัวเองได้ เค้าจะหยุดพฤติกรรมชั่วได้

    และถ้าพวกเรา มนุษย์ทุกคนในสังคม
    ต่างก็มีสติ และมีความระลึกรู้ รู้สึกตัวเอง
    รู้จักตัวเองกันแล้ว สังคมของเรา โลกของเรา
    จะมีปัญหาน้อยลง

    และจะเป็นสังคมโลกที่น่าอยู่ขึ้น
    คุณเองก็ช่วยโลกใบนี้ได้

    จากการเริ่มมารู้สึกตัว ที่ตัวคุณเอง
    ทำไม่ยาก แต่ต้องมีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
    และรู้จักตัวเองจริงๆ

    ก่อนที่จะไปรู้จักใครทั้งโลก
    ควรกลับมารู้จักตัวเองให้ดีที่สุด

    แล้วคุณจะกลายเป็นมนุษย์ที่ทรงพลังมากที่สุด
    เป็นมนุษย์ที่เป็นอิสระที่สุด

    รัก

    "Miss Emitiness"

    #พลังงานชีวิต
    #Energyoflife
    #wisdom

    17457277_262675327476342_6823550306744909445_n.jpg
     
  19. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19
    "หยุดที่ใจ"

    ทุกๆความชอบ ความไม่ชอบ
    การไปคอยจับผิด จับถูก
    มองการกระทำของผู้อื่น
    ไปตัดสินชี้ถูก ชี้ผิด
    เบียดเบียนผู้อื่น ด้วยใจที่คิดไม่ดีด้วย

    ทุกสิ่งที่เธอทำ เหมือนเป็นเงาสะท้อนจิตภายใน
    ของเธอ ว่าภายในเธอเป็นอย่างไร
    จิตที่ยิ่งหม่นหมอง เปื้อนสีดำเท่าไร เธอยิ่งจะเห็นสิ่งนั้นชัดในผู้อื่น

    อารมณ์ที่เธอส่งไปให้ผู้อื่นด้วยจิตเบียดเบียน
    อารมณ์ที่เธอส่งไปตัดสิน ตีความผู้อื่น
    ส่งผลให้จิตเธอหม่นหมอง ไม่บริสุทธิ์เสียเอง

    จะชอบหรือชัง
    จะดีหรือชั่ว
    จะอยากหรือไม่อยาก
    จะรักหรือพยาบาท
    ทุกสิ่งล้วนเกิดที่ใจของเราเองเป็นจุดเริ่ม

    จึงไม่ควรเพ่งโทษไปที่บุคคลอื่น
    ให้หันกลับมาดับ มายุติเหตุ มาหยุดที่ใจเราเอง
    มามองที่ตัวเราเองเถอะนะ
    ก่อนคิดจะเปลี่ยนสิ่งใด ให้เปลี่ยนที่ใจเธอก่อน

    หยุดทั้งการคิดเบียดเบียน เอาเปรียบผู้อื่น
    หยุดการบีบคั้น กดดัน ผู้อื่น
    หยุดการกล่าวโทษ หยุดการตัดสิน
    หยุดการพยาบาท อาฆาต จองเวรจองกรรม
    หยุดสร้างเหตุแห่งทุกข์ ให้ผู้อื่น ให้สัตว์ ให้สังคม ให้โลกใบนี้

    ระลึกรู้สักนิด พฤติกรรมของเธอ ทั้งกาย วาจา ใจ ความรู้สึกนึกคิด มีส่วนใดไปเบียดเบียน คิดหรือกระทำไม่ดีต่อผู้อื่นหรือเปล่า

    ทุกๆการกระทำเหล่านั้น มีผลย้อนกลับมาถึง
    เธอทั้งสิ้นนะ

    หยุดทำร้ายผู้อื่น ก็เหมือนเธอหยุดทำร้าย
    จิตวิญญานเธอด้วย

    ใครจะหยิบยื่นสิ่งใดให้เธอก็ให้เธอเลือกให้ความรักและการให้อภัยส่งกลับไปให้เค้า

    ไม่มีการพยาบาท อาฆาตแค้น จองเวรใดต่อกัน
    ขอให้เธอหยุดและดับทุกอย่างที่ใจของเธอ
    สิ่งนี้จะทำให้เธอดับทุกเหตุที่สร้างทุกข์ให้เธอได้

    รักษาจิตใจของเธอในแต่ละวันให้บริสุทธิ์
    รักษาใจให้อยู่ในความสงบสุข
    รักษาใจให้สดชื่นเบิกบาน
    รักษาใจให้สว่างไสว
    รักษาใจให้เข้มแข็ง มีพลัง

    จะเดินไปที่ใดให้นำพลังความรัก พลังความสุข
    พลังการให้อภัย พลังการยุติ การจบแห่งทุกข์ทั้งหลาย ส่งต่อออกไปให้บุคคล สถานที่ ธรรมชาติ
    รอบๆตัวเธอ

    ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงดีขึ้นได้
    เริ่มจากการหยุดที่ใจของเธอ
    หยุดทุกความอยาก
    หยุดทุกความคาดหวัง
    หยุดที่จะอยากให้ทุกอย่างมาสนองความต้องการเธอ
    หยุดที่จะเพ่งโทษบุคคลอื่น
    หยุดที่จะเอาชนะ
    หยุดที่จะเบียดเบียนเอาเปรียบ
    หยุดที่จะทำร้ายใคร

    เมื่อเธอหยุดทุกเหตุได้ด้วยใจเธอเอง
    เธอจึงจะพบทางสว่าง
    ที่จะนำพาชีวิตและจิตวิญญานเธอ
    ออกไปพบกับความอิสระที่เป็นนิรันดร์

    ขอบคุณนะ

    รัก

    "Miss Emtiness"

    #เพจสวัสดีความสุข
    #สวัสดีความรัก
    #energyoflife
    #พลังงานชีวิต
    #ดับเหตุแห่งทุกข์

    woman-3083390_960_720.jpg
     
  20. spiritualsoul6599

    spiritualsoul6599 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +19

แชร์หน้านี้

Loading...