ประสบการณ์ทำสมาธิของผม และอยากปรึกษาผู้รู้ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้อยากหลุดพ้น, 28 กรกฎาคม 2017.

  1. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ ผิดถูกประการใดขออภัย ไว้ก่อนนะครับ เรื่องอาจจะยาวเล็กน้อยเพราะสะสมมานานนะครับ
    ผมขออนุญาตเล่าเรื่องราวของผมเล็กน้อย ปกติผมจะสวดมนต์บ้างสมัยเรียน ทำสมาธิบ้างนานๆที แต่ผมเป็นคนที่เจอเรื่องลึกลับบ่อย จึงเลิกทำไป มีครั้งหนึ่งผมสวดมนต์แต่เกิดความสงบอย่างผิดปกติ คือผมไม่ได้ยินเสียงทีวีที่เปิดไว้ เหมือนตัวผมไปอยู่ที่วิจิตรงามตา แต่เป็นแปปเดียว จากนั้นผมก็ใช้ชีวิตวัยรุ่นตามปกติ จนเรียนจบผมมีโอกาสได้บวช เมื่อปี 2557 เป็นเวลา1 พรรษา ตลอดกาลพรรษาที่ผมบวช ผมจะค่อนข้างปฏิบัติอยู่ตลอด ฉันมื้อเดียว ทำสัตรเช้าเย็น นั่งสมาธิทุกวัน บางวันก็เดินจงกรม ผลที่ผมประสบคือจิตรวมลง นิ่ง ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง บังเกิดแสงในตาเป็นแสง สีเหลือง บ้าง แดงบ้าง บางครั้ง เป็นแสงสีขาวสว่างจ้าไม่มีขอบเขต ขาวที่สุด บ้างครั้งเห็นเป็นลักษณะเป็นแสงหมุนลงเหมือนจะดึงเราเข้าไป พอนึกได้ก็ดึงตัวกลับมา ถอนจิตกลับ อาการมึนหัวเล็กน้อย ผมเรียนปรึกษาหลวงพ่อท่านพูดสั้นๆว่าเขาจะพาไปดึงไว้ทำไม ผมก็ยัง งงๆกับคำนี้ หลังจากปฏิบัติไปเรื่อยๆ จากแสงที่เคยเห็น ปรากฏเป็นภาพสีน้ำตาลปรากฏขึ้นในขณะทำสมาธิ ( เหมือนเวลาเราสไลด์ดูภาพในไอแพตครับ) แต่ผมไม่รู้ว่าภาพที่เห็นคืออะไร ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง บางครั้งผมนั่งสมาธิอยู่ก็เห็นพระมาปรากฏในตาผมแต่ผมไม่รู้จักท่านเลย บางครั้งเป็นองค์หลวงตามหาบัวมาในขณะหลับตาทำสมาธิ ตอนบวชบางครั้งผมจะติดคำบริกรรมพุทโธมาก เดินบิณฑบาตรก็ยังบริกรรม ผ่านไปได้1เดือน สิ่งที่ผมต้องแปลกใจอีก คือผมได้ยินเสียงสวดมนต์ก้องในหู ครั้งแรกที่ได้ยินคือกำลังให้พรญาติโยม ผมถามหลวงพี่ที่นั่งข้างๆว่าได้ยินเสียงสวดไหม ไม่ใครได้ยิน มีผมคนเดียวที่ได้ยิน จากนั้นมาเวลาผมอยู่คนเดียว นั่งนิ่งๆ หรือแม้แต่ตอนตื่นก่อนทำวัตรเช้าตีสามครึ่ง ผมจะได้ยินเสียงสวดดังมาก ชัดมาก หรือเวลานั่งสมาธิไม่ถึง 5 นาที ผมจะเกิดปิติ เกิดแสง จากนั้นจะได้ยินเสียงสวดมนต์ที่ดังชัดเจนมากจากนั้นจะเบาลง หายไปเหลือแต่รับรู้ลมหายใจ บทสวดที่ได้ยินเป็นบทที่ผมไม่คุ้นเลย บางครั้งเดินบิณฑบาตรก็ได้ยิน บางครั้งผมก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้า ผมจะได้ยินเสียงต่อเมื่อผมไม่คิดอะไรในหัวเลย แต่ที่น่าแปลกคือมีวันที่วัดจัดพิธีกวนข้าวทิพย์ ขณะที่หลวงพ่อสวดเสร็จจะเริ่มกวน ตีระฆัง กลอง หลังสิ้นเสียง ผมได้ยินเสียงสวดดังในหูแม้กระทั่งนั่งสนทนากับญาตโยม ผมก็ได้ยิน ตลอดพรรษา ผมก็จะประสบเหตุแบบนี้ตลอดจนออกพพรษา และที่น่าแปลกที่สุดคือมีวันหนึ่งก่อนบิณฑบาตร ฝนทำท่าจะตกหนัก พอเดินไปสักพัก ผมกำหนดจิต แล้วเอ่ยว่า เทวดาหมู่ใดจะประทานฝน อาตมาขอบิณฑบาตรก่อนให้ญาติโยมได้ทำบุญเสียก่อน มิเช่นนั้นจะเป็นการลำบากแก่ญาติโยม จากที่ฝนลงเม็ดก็หยุด แต่เมื่อผมเดินมาถึงวัด แล้วกำหนดจิตว่าตกได้ ฝนก็ตกจริงๆ มีเหตุการแบบนี้ ที่ผมได้ลองกำหนดจิตไป ขอหยุดฝนไว้ก่อน 10 ครั้ง ก็หยุดทุกครั้ง เมื่อบอกตกได้ ก็ตกลงมาจริงๆ ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง กลัวคนว่าขี้โม้เป็นคนบ้า แต่ของแบบนี้รู้ได้เฉพาะตนจริงๆครับ พอผมจะถึงฤกษ์สึกออกมา ทุกครั้งแต่ผมบอกวันสึกแก่ผู้ที่ถามจะมีเหตุแปลกๆคือ อยู่ๆก็จะมีลมพัดของหล่นใส่ตัวผม พูด 3 ครั้งก็จะเป็นทุกครั้ง ไม่ว่าจะกระดานไม้ เสาล้มมาโดนบ้าง จนเด็กวัดรู้กันหมด ว่าหลวงพี่อยากเจ็บตัวไหม พูดวันสึกอีกสิ หลังจากนั้นผมก็ไม่พูดจนถึงวันสึกจริง หลังสึกผมใช้วิธีแบบโบราณคือลดศีลที่ถือครับ จากพระ มาถือศีล8 เป็นเวลา3 วัน จากนั้นก็ถือศีล5 ครับ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็สวดมนต์ทุกวันไม่เคยขาด ปิติเกิดง่ายมากจนบางครั้งผมเหมือนติด กลัวไม่พัฒนามากครับ พอสึกออกมา แรกๆแปลกมากครับ ผมฝันเห็นเปรตตัวสูงใหญ่ มากราบผม บางครั้งผมฝันถึงหลวงตามหาบัว 3 ครั้ง ครั้งแรกท่านมาบอกว่าให้ทำ ให้ปฏิบัติต่อไปนะอย่าได้ขาด ครั้ง2 ผมฝันว่าผมเห็นหลวงตานั่งรอฉันภัตราหาร อยู่บนภูเขาสูง เบื้องล่างมีคนนุ่งขาวห่มขาวเต็มไปหมดนั่งรอฟังธรรม มีเจดีย์สูงสุดลูกหูลูกตา อยู่บนเขาสูงข้างหลังหลวงตาในฝันทราบว่าหลวงตาจะเอาอัตฐิธาตุของพระอริยสงฆ์องค์หนึ่งใส่ในนั้นวันนี้ ภาพที่เห็นชัดมาก มีเทวดาแต่งกายงดงามเวียนขึ้นไปกราบหลวงตาบนเขา ผมยืนดูอยู่ไกลและมีคลองน้ำก้นระหว่างผมกับหมู่ผ้าขาวแม่ชี ที่นุ่งขาวห่มขาว ในใจก็นึกว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ไปกราบองค์หลวงตา แค่คิดเท่านั้นก็มีช้างเอางวงมารัดผมขึ้นบนหลัง พาเดินลุยผ่านน้ำขึ้นเขาไปที่มีเทวดามากราบท่าน ผมได้เข้าไปใกล้และกราบอย่างดีใจ หลังจากนั้นผมก็ได้ฝันถึงสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่19 มาสอนผม ให้ยึดหลักนี้ เขียนโดยพระองค์ยื่นใส่มือผมจากนั้นก็ตื่น ล่าสุดฝันว่าไปในที่ ที่มีผีเยอะมากตอนนั้นกลัว อยู่ๆก็ได้มีคนเอาหนังสือทำจากหนัง เขียนว่า มั่น ภูริทัตโต ผมดีใจ แล้วตื่น จากนั้นเรื่องความฝันแปลกๆก็มีอีกอย่างที่ติดตาผมมากคือผมฝันว่าผมลอยอยู่ในอากาศ มองลงมาเบื้องเห็นคนมากมายเบื้องล่างชูมือขอจับตัวผม มีทั้งหน้าบิดเบี้ยว แขนขาไม่สมไม่สมประกอบ ผมจะเอื่อมมือไปช่วยเขาเหล่านั้นแต่ผมลงไปไม่ได้เหมือนมีอะไรดึงไม่ให้ลงไป ตั้งแต่นั้นมาผมจะชอบฟังธรรม สวดมนต์ประจำ วันพระใหญ่จะสวดมาพิเศษ นานๆจะนั่งสมาธิ เพราะเคยเล่าให้แม่ฟัง แม่กลัวผมเป็นบ้าซะก่อน บอกว่าของพวกนี้ต้องมีครูอาจารย์กำกับ ผมเลยสวดมนต์อย่างเดียว แต่จิตก็นิ่งดีนะครับ ไม่ปรุงแต่งในหัวว่างเปล่ามากเวลาสวด สบายใจดี แต่ปิติเกิดแรงจนบางครั้งเสียวซ่านทั้งตัว บางทีผมก็รู้สึกว่าตนติดปิติเกินไป เมื่อเกิดปิติก็ชอบไปยินดีในปิติคิดว่าจิตนิ่งดีแล้ว มีวิธีแก้หรืออุบายแก้ไขไหมครับ ผมอยากก้าวต่อ ขอบคุณครับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อยู่กับปัจจุบัน ครับ เรื่องบางเรื่อง นกกับปลาคุยกันไม่รู้ เอาไปพูดให้คนอื่นฟังเค้าก็ไม่เข้าใจ จะคิดว่าคุณเป็นบ้า นั้นละครับ

    แนะนำว่า ปฏิบัติไปตามปรกติ ครับ วิธีแก้ก็คือ ปล่อยวาง อย่าไปยึดติดกับอารมณ์ต่างๆที่เกิด ให้รับรู้ แล้วปล่อยวาง มีสติ อยู่กับคำภาวนา อย่าให้หลุดจากคำภาวนา ครับ อะไรจะเกิด อาการต่างๆนาๆ เกิดแล้วก็ให้รับรู้ไว้ แล้วปล่อยวาง จดจ่ออยู่กับคำภาวนาในกรรมฐานที่ปฏิบัติ อย่าให้หลุดจากคำภาวนา ครับ แล้วจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อุบาย แก้ไม่ยาก

    ที่บอกว่า ปิติ ได้ไม่ยาก อันนั้นโดนหลอก

    ปิติ ทำทีไรก้ ซ่าน ทราบซ่าน โลมชาติชูชัน

    อันนี้ ถ้าเจออีก..ให้กำหนดรู้ตามไปด้วยว่า
    กามราคะ มีในจิต

    ฟังดีๆ เฝ้นดีๆ

    ปิติ มีไหม ก้คงมี

    แต่ถ้ามีอาการ ขนลุก โลมาชาติชูชัน ให้กำหนด
    รู้ขณะนั้นว่า จิตมีราคะ

    กำหนดรู้แล้วได้อะไร

    จะได้การ เฝ้นปิติ ที่ไม่มีอาการ ขนลุก


    ปิติควรมีขนลุกไหม ....สำหรับคนอื่นก้ว่า
    กันไป แต่สำหรับของคุณ ปิติตัวนี้พาเสีย

    ปิติที่มีขนลุดของคุณ เกิดจาก ปัญญาล้ำหน้า
    พูดภาษาคนไม่ได้ปฏิบัติ คือ กลัวผี

    ทำไมกลัวผี......เพราะ จิตมีราคะกล้า

    ถ้ากำหนด ปิติขนลุก แล้ว สาวไปที่เหตุ
    รับรู้ไปว่า จิตมีราคะ จิตจะสำรอก กามสัญญาออก

    จิตสำรอกกามสัญฯาออก ปิติขนลุก จะพา
    ส่งออกไปเปน ลูกแหง่ วิ่งหา พระ มาสนับสนุน
    ผลปฏิบัติไม่ได้อีก

    ถ้ายัง ปฏิบัติเอารส ปิติจนลุก เดี๋ยวมันจะไป
    จิกหัว เอาขื่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ มาเรียงร้อย
    ประสบการณ์ปฏิบัติไม่ต่าง จาก พรมเช็ดเท้า

    ถ้าสามารถ เฝ้นปิติอื่นที่มีรสอื่นได้ สังเกตเลย
    นิมิตติกหัวครูยาอาจารย์มาเลียกรวยตน จะค่อยๆ
    หายไป เหบือแต่ความ สงบ สงัด สันโดษ

    รู้ไดเฉพาะตน ที่ไม่มีเรื่องสัตวหน้าไหน มาปรากฏ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ส่วน การเหนแสง ที่มีเหนภาพ

    ให้เน้น จดจำสภาวะ แสง ที่คุณระบุว่า
    เปนเหตุให้เหน ภาพ ได้แบบ ไอแพด

    จดจำแสง แบบเพื่อเหต ภาพ ไอแพดได้

    สังเกตลงไปด้วย ภาพ แต่ละภาพ จะไม่
    มีรส ค้างคา เปนภาระ ให้ย้อนไป สงสัย

    ต่างจาก แสงโอภาส ชนิดอื่นๆ ที่มีเหน
    ภาพ จดจำเรื่องราววับๆ แวมๆ ได้ ชัด
    บ้าง ไม่ขัดบ้าง เข้าไปควบคุมได้บ้าง
    ไม่ได้บ้าง เคลื่อนไปตาม จิตราคะทยาน
    อยาก มีช้างลากไปช่วยเยะ บ้าง

    อันนั้น

    ลองพิจารณาดู

    นิมิตที่ไม่มีอามิส ถ้า จิตดี จะไสลภาพ
    ไอแพดได้นับพัน นับล้าน โดยตามเหน
    ความเกิดดับ ของสังสารวัฏ ได้เปนจำนวนมาก

    กับ ภาพ พระองค์เดียว มีช้างช่วยลาก เยะ
    แล้วก้ติดอยู่ในภพๆ เดียวๆ ครอบครัวกำกถางเดียว

    อันไหน คือ หนทาง ที่จะเปนไปเพื่อ "หลุดพ้น"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2017
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้า ชำนาญ เฉพาะ แสงภาพแบบไอแพด

    กำหนดรู้ ปิติ ที่ไม่มีอามิส เหนนิรามิสสุข
    ภาพแบบไอแพด จะเปนไปเพื้อ คลายเมา
    ยิ่งภาวนา จิตจะยอ่งเรียบๆ

    แรกๆ จะกิดจิตย้อนแย้งว่า ไม่ได้อะไร

    ถ้าหน่วงเหนี่ยว แสงแบบไอแพดได้ โดยชนะ
    ไม่กลับไปเล้น แสงเหนนิมิตกะโหลกกะลา
    เหนพระสงฆ์ องคเจ้า จักพรรดิ ศาสดา มาช่วย
    สอนมากมาย แต่กิเลสเท่าเดิม

    จะค่อยๆ รู้ชัด ธรรมที่ชื่อ โพชฌงค์ โดยที่
    เหนนิมิต แต่ก้ทราบชัดว่า ล่วงพ้นนิมิตเหล่า
    นั้นเปนจำนวนโกฏกัปป อสงไขย

    ความกลัว ความเหน อื่นๆ จะมีอย่างเดิม
    หรือ มากกว่าเดิม หรือน้อยกว่าเดิม หรือ
    หายไปเลย ก้ไม่มีน้ำหนัก ทำให้ แล่นกลับ
    ไปยก สัญญาในอดีต ไม่ประกันอนาตตว่า
    จะเลิสอย่างนั้นอย่างนี้

    ตามเหน กุปธรรม อกุปธรรม นี้กำเริบ ไม่กำเริบ
    อีก คำรบหนึ่ง จึงจะบอกได้ว่า ตกลง ยกจิต
    เข้าศาสนาพุทธ เพื่อ

    การหลุดพ้น ได้หรือไม่ได้

    หรือ

    มะรุ้หละ กุเหน กุจะเอา ก้ว่ากันไป
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เอาแบบตรงๆเลยนะ...
    คือลักษณะของจิตคุณ มันทำงานได้
    ในลักษณะที่มีแสงนำและเส้นสายนำทางได้มาก่อนครับ
    แต่ว่า การรับรู้และกิริยาที่คุณเล่ามาทั้งหมดนั้น
    มันยังอยู่ในระดับกำลังใช้งานได้จริง ไม่เกินระดับปฐมฌานครับ
    ซึ่งจำเป็นจะต้องไม่สนใจ จิตถึงจะยกพัฒนาไปมากกว่านี้ได้
    โอ้ๆๆ นี่ดีว่า ยังพอมีต้นทุน มีอะไร(ครูบาร์อาจารย์ที่มองไม่เห็น)
    คอยช่วยเหลือ
    ป้องกันเรื่องพลังงานไม่ดีให้นะครับเนี่ย
    ไม่งั้นคุณคงเผลอคิดว่า ตนเอง
    บรรลุธรรม และจะเพี้ยนไปแล้ว
    แบบไม่รู้ตัวนะครับ

    และประกันได้ว่า ทุกกิริยาที่คุณเคยเจอมา เป็นเรื่องปกติมากครับ
    เพียงแต่ว่า คุณยังมีกำลังสมาธิสะสมไม่เพียงพอเลยเกิดผลกับ
    ร่างกายคุณอยู่ และกำลังสติทางธรรมก็ยังน้อยไปเลยไม่เข้าใจ
    ถึงวัตถุประสงค์ของสิ่งที่คุณสัมผัสได้นั่นเองครับ


    คำว่า ปฏิบัติต่อไปจึงเหมาะสมที่สุด
    และไม่ต้องไม่สนใจ กิริยาอะไรต่างๆที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดในอดีตครับ
    เพราะมันจะทำให้เรายึดไม่ปล่อยวาง ซึ่งตรงนี้มันเป็นตัวหลักๆเลย
    ที่ขวางการยกพัฒนาระดับจิตเรา ณ ตอนนี้อยู่ครับ

    ขวางเพราะอะไรรู้ไหม ขวางเพราะ คุณจะไปติดสัมผัสการรับรู้ทาง
    ด้านนามธรรมแบบต่างๆ ที่คุณเจออย่างคาดไม่ถึง คือเอา
    รับรู้สัมผัสพวกนี้เป็นเกณฑ์ในการยกพัฒนาตนเอง
    คือ พอสัมผัสแล้ว ถึงค่อยมีการทำทาน ทำบุญ คิดดี พูดดี ทำดี ฯลฯ
    โดยมีการเผลอไปหวังผลการพัฒนาจากการรู้การเห็นการสัมผัสตรงนี้
    ซึ่งตรงนี้มันเป็นกิเลสละเอียดอย่างหนึ่งเลยครับ



    แทนที่จะปล่อยวาง แล้วมาสะสมสมาธิเพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อ
    หรือมาเจริญสติให้มันต่อเนื่องต่อจะได้มีความเข้าใจ
    ทางด้านนามธรรมมากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ในเรื่องของการ
    เดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสครับ
    ส่วนการทำดี ก็จะได้ทำไป แต่ไม่ต้องไปยึดว่า ทำเพราะ
    จากการได้สัมผัส รับรู้เห็นโน้นนั่นนี่มา
    ปล.เข้าใจที่พูดนะครับ....
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    วางหลักไว้ให้ จขกท.สังเกตก่อน

    ธรรมุทธัจจ์, วิปัสสนูปกิเลส อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา, สภาวะที่ทำให้วิปัสสนามัวหมองข้องขัด, สภาพน่าชื่นชม ซึ่งเกิดแก่ผู้เจริญวิปัสสนาในขั้นที่เป็นวิปัสสนาอย่างอ่อน (ตรุณวิปัสสนา) แต่กลายเป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา โดยทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงชะงักหยุดเสีย ไม่ดำเนินก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ วิปัสสนูปกิเลส ๑๐
    คือ

    ๑. โอภาส แสงสว่าง ซึ่งรู้สึกงามเจิดจ้าแผ่ซ่านไปสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ๒. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ รู้สึกเต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งตัว

    ๓. ญาณ ญาณหยั่งรู้ที่เฉียบแหลมคมกล้า รู้สึกเหมือนว่าจะพิจารณาอะไรเป็นไม่มีติดขัด

    ๔. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น เกิดความรู้สึกว่าทั้งกายและใจสงบสนิท เบา นุ่มนวล คล่องแคล่ว แจ่มใสเหลือเกิน ไม่มีความกระวนกระวาย ความกระด้าง หนัก ความไม่สบาย หรือความรำคาญขัดขืนใดๆเลย

    ๕. สุข มีความสุขที่ประณีตละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่งแผ่ไปทั่วทั้งตัว

    ๖. อธิโมกข์ เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าประกอบเข้ากับวิปัสสนา ทำให้จิตใจมีความผ่องใสอย่างเหลือเกิน

    ๗. ปัคคาหะ ความเพียรที่ประกอบกับวิปัสสนา ซึ่งพอเหมาะพอดี เดินเรียบ ไม่หย่อนไม่ตึง

    ๘. อุปัฏฐาน สติที่กำกับชัด มั่นคง ไม่สั่นไหว จะนึกถึงอะไร ก็รู้สึกว่าระลึกได้คล่องแคล่วชัดเจน เหมือนดังแล่นไหลไปถึงหมด

    ๙. อุเบกขา ภาวะจิตที่ราบเรียบ เที่ยง เป็นกลางในสังขารทั้งปวง

    ๑๐. นิกันติ ความพอใจติดใจที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการสุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่าเป็นกิเลส ธรรมทั้งหมดนี้ (เว้นแต่นิกันติ ซึ่งเป็นตัณหาอย่างสุขุม) โดยตัวมันเอง มิใช่เป็นสิ่งเสียหาย มิใช่เป็นอกุศล แต่เพราะเป็นประสบการณ์ประณีตล้ำเลิศที่ไม่เคยเกิดมีแก่ตนมาก่อน จึงเกิดโทษ เนื่องจากผู้ปฏิบัติไปหลงสำคัญผิดเสียเอง

    ทั้งหมดที่นี่

    http://palungjit.org/threads/สอบอารมณ์ตนเองเมื่อปฏิบัติธรรม.614791/

    มีวิธีแก้แก้อารมณ์ภาคปฏิบัติด้วย
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ตย. ทำสมาธิแล้วได้ยินเสียงสวดมนต์


    เมื่อถึงเวลาที่ต้องนั่งสมาธิ เกิดปวดขาอย่างมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ทนนั่งจนหมดเวลา ระหว่างที่ปวดมากๆ ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา และสู้เนื่องจากเคยได้ยินว่า และคิดว่าตายเป็นตายแต่จะไม่ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถก่อนหมดเวลาแน่นอน (ใจก็นึกถึงแต่พระพุทธเจ้าตลอดเวลาค่ะ)

    เมื่อนาฬิกาดังหมดเวลา เราก็ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อคลายอาการปวดขา แต่เรารู้สึกว่า...ทันทีที่เราลืมตา เราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหู ทั้งๆที่เวลานั้นไม่ได้มีพระสวดมนต์อยู่ใกล้ๆค่ะ

    ก่อนหน้านี้....เมื่อครั่งที่เราไปปฏิบัติธรรมครั้งแรก และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เราก็สวดแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลที่บ้าน เราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหูอีกเหมือนกัน ทั้งๆที่ใกล้ๆบ้านก็ไม่มีวัดและไม่มีใครเปิดวิทยุค่ะ (ตอนแรกนึกว่ามีพระสวดทำวัตรเย็นอยู่ใกล้ๆ แต่บ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้วัด )

    แล้วก็เคยมีอีกครั้งนึง เราคุยกับแม่ แนะนำแม่เรื่องการไปปฎิบัติธรรม และชวนแม่ให้ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังแว่วในหูอีก

    เสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน 2 ครั้งแรก จะได้ยินเพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงชม.ค่ะ แต่ครั้งล่าสุดได้ยิน (หลังจากนั่งสมาธิ) ดังนานหลายชม.ตั่งแต่ประมาณเกือบ 4 โมงเย็น จนถึงเวลานอนตอน 4 ทุ่มเลยค่ะ

    เสียงสวดมนต์ดังกล่าว เป็นเสียงเหมือนพระสวดมนต์ ฟังจับใจความได้เป็นบางคำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นบทสวดอะไร

    บางครั้งก็จะได้ยินเป็นเสียงดนตรีไทยบรรเลงอยู่ ระหว่างสวดมนต์และตอนเดินจงกรม ทั้งที่วัดและที่บ้าน ถามเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าได้ยินไหม เค้าบอกว่าไม่เห็นได้ยินอะไรเลย เราก็เลยไม่กล้าถามเค้าต่อ กลัวเขาว่าเราสติไม่ดี
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ตย. เห็นผู้ที่ตนเคารพนับถือ นำสิ่งนั้นสิ่งนี้มาให้ ตัดมา


    ฯลฯ

    ดิฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ (บ้า) มาก่อนไหม แต่รู้ว่าตัวเองสุขภาพจิตดีก่อนเกิดเหตุ
    แต่เคยได้ยินว่าฝึกแล้วอาจจะบ้าได้ แต่เสียดายไม่เคยคิดเลยว่ามันใกล้ตัวไป ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรในการฝึก
    ทำไปตามปกติสบายสบาย จนมันผิดปกติถึงได้พยายามแก้ไขเอง นี่เองจุดหักเข้าสู่ความตาย
    พอเห็นอาการทางกายหายไป แล้วดิฉันเริ่มหลง เพราะเห็นพระที่ดิฉันนับถือที่สุดในชีวิตเอาพระองค์เล็กๆใส่มาในตัวเรา ต่อจากนั้นก็รู้สึกไปว่าติดต่อทางจิตกับท่านตลอดเวลา... เจอมุขนี้ มือใหม่จะรับมือไหวได้ยังไง

    หมอยังทำให้เบาใจได้ระดับนึงคือเขาคิดว่ามันเป็น Bipolar มากกว่า schizophrenia
    (ข้อแตกต่างของสองอันคือ schizophrenia จะไม่มีทางหาย แต่ bipolar หายได้)
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ปกติผมจะสวดมนต์บ้างสมัยเรียน ทำสมาธิบ้างนานๆที แต่ผมเป็นคนที่เจอเรื่องลึกลับบ่อย จึงเลิกทำไป
    มีครั้งหนึ่งผมสวดมนต์แต่เกิดความสงบอย่างผิดปกติ คือผมไม่ได้ยินเสียงทีวีที่เปิดไว้ เหมือนตัวผมไปอยู่ที่วิจิตรงามตา แต่เป็นแปปเดียว จากนั้นผมก็ใช้ชีวิตวัยรุ่นตามปกติ จนเรียนจบ

    ผมมีโอกาสได้บวช เมื่อปี 2557 เป็นเวลา1 พรรษา ตลอดกาลพรรษาที่ผมบวช ผมจะค่อนข้างปฏิบัติอยู่ตลอด ฉันมื้อเดียว ทำวัตรเช้าเย็น นั่งสมาธิทุกวัน บางวันก็เดินจงกรม

    ผลที่ผมประสบคือจิตรวมลง นิ่ง ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง บังเกิดแสงในตาเป็นแสง สีเหลือง บ้าง แดงบ้าง บางครั้ง เป็นแสงสีขาวสว่างจ้าไม่มีขอบเขต ขาวที่สุด บ้างครั้งเห็นเป็นลักษณะเป็นแสงหมุนลงเหมือนจะดึงเราเข้าไป พอนึกได้ก็ดึงตัวกลับมา ถอนจิตกลับ อาการมึนหัวเล็กน้อย
    ผมเรียนปรึกษาหลวงพ่อท่านพูดสั้นๆว่าเขาจะพาไปดึงไว้ทำไม ผมก็ยัง งงๆกับคำนี้

    ตามที่ว่ามา เป็นอาการของสมาธิจิตระดับหนึ่ง (ระดับต้นๆ)

    คุณปฏิบัติแบบใช้ลมหายใจเข้าออกแล้วว่า พุทโธ ใช่ไหมครับ
     
  11. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
     
  12. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมากๆครับ
    ผมมือใหม่จริงๆสำหรับเรื่องนี้ ผมจะพยามไม่สนใจนะครับ
     
  13. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมากๆครับ ผมจะพยามไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับ
     
  14. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณครับ ผมจะต้องศึกษาให้มากครับ
     
  15. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณครับ แสดงว่าผมไม่ได้เป็นคนเดียว ผมกลัวตัวเองจะบ้าก่อน ที่จะได้อัดได้ธรรมครับ
     
  16. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับ แล้วแก้อย่างไรครับ บ้างครั้งผมก็คิดว่า เราคิดไปเอง ปรุงแต่งอะไรขนาดนั้น กลัวบ้ามากครับ
     
  17. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมากๆครับ ผมจะลองตัดสิ่งเหล่านี้ออกไม่ยึดติด คิดซะว่าแค่เห็นแค่รู้ครับ ขอบคุณครับ
     
  18. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
     
  19. ผู้อยากหลุดพ้น

    ผู้อยากหลุดพ้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    ใช่ครับผมจับที่ลมหายใจเข้าออก พุทโธครับ เป็นอาการปกติใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ
     
  20. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    การทำสมาธินั้นสติมีความสำคัญมาก หากขาดสติ ทำสมาธิก็อาจจะทำให้คนเสียสติได้ เพราะว่าถ้าขาดสติกำกับแล้ว ตัวคุณก็ไม่มีอะไรคุ้มครอง ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปเรื่อย พาคุณไปเรื่อยแล้วแต่สุดที่จิตจะปรุงแต่งขึ้น แต่หากคุณมีสติกำกับจิตแล้ว คุณทำสมาธิจนตายก็เป็นบ้าไม่ได้

    ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญและทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวสตินี้ให้มาก สติ ความหมายคร่าวๆหมายถึง ความระลึกได้ ความนึกคิดได้... ระลึกได้นี้ ระลึกอะไรได้ ส่วนตัวผมนั้นคือ ระลึกปัจจุบันกาลได้ ยกตัวอย่างเช่นคุณทำสมาธิ ไม่ว่าจะอานาปาณสติ หรือ คำภาวนาต่างๆ เมื่อคุณทำไป เกิดปิติ ขึ้น คุณยินดีในปิตินั้น ในช่วงขณะที่คุณยินดีหลงอยู่ในปิติ คุณได้ขาดสติไปซะแล้ว เพราะคุณกำลังทำสมาธิอยู่ ปัจจุบันกาลของคุณควรอยู่ที่ลมหายใจหรือไม่ก็คำภาวนา ไม่ใช่อยู่ในปิติ...

    ในส่วนที่คุณบอกว่าทำสมาธิแล้วเหมือนจิตถูกดูด ทำให้เกิดความกลัว เลยต้องดึงจิตออกมา... ความกลัวคืออุปสรรคที่กั้นขวางความก้าวหน้าของสมาธิครับ คุณต้องขจัดมันไปให้ได้ พูดง่ายๆคือ ยอมตายแต่ไม่ยอมขาดจากสมาธิ ใช้สติกำกับจิตให้ดี อย่าให้ขาด เพราะสติตัวนี้จะคุ้มครองคุณได้ จากอันตรายทั้งปวงและความหลงทั้งหลายที่จิตคุณพยายามสร้างมันขึ้นมาเพื่อหลอกตัวคุณเอง โดนหลอกมากๆเข้า หลงมากๆเข้า ไม่มีสติคอยเตือน ก็เสียสติไป

    ส่วนตัวไม่อยากให้คุณปรุงแต่งมากว่า ทำสมาธิแล้วเกิดปิติอย่างโน้นอย่างนี้ หรือนอนแล้วฝันถึงคนนั้นคนนี้..คือถ้าเขามาจริงๆก็ดีครับ แต่มันก็ยังไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่า คุณต้องปฏิบัติเอง ถึงจะถึงเอง... เส้นทางนี้ไม่มีใครทำแทนกันได้ ต้องทำเองทั้งนั้น... คุณต้องเผื่อใจไว้ให้มากว่าส่วนใหญ่มันเกิดจากการปรุงแต่งของจิต จิตคุณสร้างมันขึ้นมาเพื่อหลอกตัวคุณเอง

    เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...