ปรอทกินเงิน-กินทอง ยอดเครื่องรางแห่งล้านนา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย anuchang, 15 มิถุนายน 2012.

  1. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ปรอทกินเงิน-กินทอง
    พระครูสิริธรรมวิภัช (ศรีอ่อง ชยสิริ) วัดบรรพตสถิต ต.พระบาท อ.เมือง ลำปาง

    [​IMG] [​IMG]
    หลวงพ่อศรีอ่อง ชยสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดบรรพตสถิต อ.เมือง จ.ลำปาง



    ชื่อเดิม ศรีอ่อง ชัยศรี เกิดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2454 บิดาชื่อ นายจอน ชัยศรี มารดา นางบุพรรณ เชื้อเจ็ดตน<o:p</o
    บรรพชา วันที่ 10 ธ.ค. 2468 ณ วัดพระสิงห์ จ.เชียงราย พระอุปัชฌาย์ พระครูเมธังกรญาณ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย <o:p</o
    อุปสมบท วันที่ 1 สิงหาคม 2515 ณ วัดเอี่ยมวรนุช กรุงเทพฯ พระอุปัชฌาย์ พระพุทธิวงศมุนี เจ้าคณะหนใหญ่เหนือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
    และต่อมาได้เป็นพระครูฐานานุกรมของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า (วาส สนสมสิทธิ์)<o:p</o
    สมณศักดิ์ ปี 2519 เป็นพระฐานานุกรมที่พระครูสมุห์พระสังวรวิมลเถระ (โต๊ะ) เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี เจ้าคณะแขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ธนบุรี <o:p</o
    ปี 2520 เป็นพระฐานานุกรมที่พระครูสมุห์พระราชปัญญาสุธี เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี<o:p</o
    ปี 2521 เป็นเจ้าอาวาสวัดบรรพตสถิต ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง<o:p</o
    ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชรา ณ วัดบรรพสถิต เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2541 รวมสิริอายุ 90 ปี พรรษา 27 พระราชทานเพลิงเมื่อ 23 ม.ค. 2543 เวลา 15.00 น.



    <o:p</o
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2016
  2. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ในสมัยที่หลวงพ่อศรีอ่องยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ประเทศพม่า นานถึง 30 ปี
    (รุ่นเดียวกับคนสำคัญของพม่าหลายคน เช่น อุนู เนวิน อูอ่องซาน)
    จนพูดภาษาพม่าได้คล่องเหมือนพูดภาษาไทย


    ช่วงที่อยู่ที่พม่าท่านได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์พม่า และตำรับตำราโบราณของพม่ามากมาย
    หนึ่งในนั้นก็คือ โลกะหิตะอัคคียศาสตร์
    ซึ่งเป็นตำราที่ท่านมหาฤาษีภูภูอ่อง มหาราชครูผู้เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้านันทบุเรงหรือผู้ชนะสิบทิศได้รจนาเอาไว้
    เป็นตำราที่ว่าด้วยเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุหุงปรอทให้เป็นทองคำ
     
  3. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG][​IMG]

    พระมหาฤาษีภูภูอ่อง แต่เดิมท่านเคยบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา มีนามว่า " ญาณรังสี "
    แต่ต่อมาท่านพิจารณาเห็นว่าการที่พระภิกษุอยู่ในป่า บางครั้งก็มีเหตุให้จำต้องล่วงอาบัติของพระพุทธองค์อยู่เนืองๆ ก็ให้รู้สึกไม่สะดวกใจด้วยเกรงจะเป็นบาปเป็นกรรม
    ท่านจึงลาสิกขาออกมาถือพรตเป็นฤาษี พร้อมตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์รักษาศีล 8 ได้เป็นอย่างดี
    จนบรรลุอภิญญาสมาบัติขั้นสูงสุด จนได้สำเร็จฤทธิ์อันยอดยิ่ง ด้วยเหตุถึง 4 สถาน คือ

    1. ยา (รอบรู้ในตัวยาสมุนไพร และว่านยาที่มีฤทธิ์ทุกประเภทอย่างเจนจบ) <o:p
    2. ยันต์ (ปรีชาในอักขระคาถายันต์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง) <o:p
    3. ปรอท (สำเร็จในการเรียกและใช้ปรอท ธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์กว่าธรรมดา จนถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้)
    <o:p4. ประคำ (เครื่องช่วยกำหนดจิตภาวนาให้บังเกิดสมาธิจิต อันเป็นบาทฐานแห่งอภิญญาฤทธิ์ ซึ่งเป็นของมีมาเก่าแก่ สืบทอดมาแต่โบราณกาลนับเป็นพันๆ ปี)

    <o:p
    พระมหาฤาษีภูภูอ่อง เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก ทุกวันนี้ก็ยังดำรงสังขารอยู่
    ในสมัยนั้นท่านได้สำแดงฤทธานุภาพเหาะขึ้นไปนมัสการพระมหาเจดีย์ชเวดากองให้ผู้คนชาวพม่าเห็นเป็นอัศจรรย์
    และได้ลงมหายันต์ “ สะตะปะวะ ” ที่ยอดเจดีย์ชะเวดากอง เพื่อป้องกันมิให้ฟ้าผ่าและหลายๆ อย่าง
    จนพระเจ้าบุเรงนองเกิดพระราชศรัทธาถวายตัวเป็นศิษย์ และได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นมหาราชครู


    [​IMG][​IMG]
    แบบหลังอูม



    ต่อมาได้ทรงสร้างพระเครื่องรูปพระมหามัยมุนี ด้านหลังเป็นรูปบรมครูพูพูอ่องกำลังเหาะเหินเดินอากาศมาให้ท่านฤาษีพูพูอ่องปลุกเสก
    เพื่อแจกทหารที่ไปราชการสงคราม แล้วส่วนหนึ่งนำไปบรรจุไว้ในถ้ำแห่งหนึ่งในเขตประเทศพม่า
    ต่อมามีคนไปพบพระกรุนี้เข้าจึงมาบอกให้หลวงพ่ออุตตมะทราบ
    ท่านจึงได้ให้ลูกศิษย์นำพระเครื่องกลับมาเมืองไทยและแจกจ่ายให้ศิษยานุศิษย์
    จึงเป็นที่มาของ พระยอดขุนพลบุเรงนอง
    แต่ด้านหลังมองดูคล้ายกบจนบางคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกบเลยเรียกพระที่ท่านสร้างว่า พระยอดขุนพลบุเรงนองหลังกบ



    [​IMG][​IMG]
    พิมพ์หลังมหาฤาษีเหาะ (หลังกบ)




    <o:p</o
    </o
    </o
    </o
    </o
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2016
  4. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    มูลเหตุของการทำเครื่องราง “ ปรอทกินเงิน-ทอง ” ของ หลวงพ่อศรีอ่อง นี้มีมูลเหตุมาจากเหตุการหนึ่ง ตือ
    เมื่อปี 2527 มีพระภิกษุจากพม่ามาพำนักอยู่ที่ วัดจองคำ จ.ลำปาง และคุยว่าสามารถทำทองคำให้เพิ่มจากเดิมเป็น 2 เท่าได้ เช่น จาก นน. 3 บาท เพิ่มเป็น 6 บาท
    จึงมีร้านทองแห่งหนึ่งนำทองคำไปให้ท่านที่วัด ครั้นต่อมาเจ้าของร้านทองก็ไปทวงทองคำคืน แต่ท่านบอกว่ายังไม่สำเร็จ
    เจ้าของร้านทองจึงไปแจ้งความกับตำรวจ

    ทางตำรวจจึงนำพระพม่าทั้ง 2 รูป ไปหา พระอินทรวิชาจารย์ วัดคะตึกเชียงมั่น อดีตเจ้าคณะจังหวัดในขณะนั้น ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง
    จึงได้พามาหาหลวงพ่อศรีอ่องที่วัดบรรพตสถิต สอบถามจึงได้ความว่า พระรูปหนึ่งชื่อ อูธัมมะญาชะ อีกรูปชื่อ พระอูนันทิ
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาเจ้าของร้านทองมาพร้อมกับของกลาง เป็นลูกปรอทสีเทาๆ 1 ลูก

    ซึ่งเมื่อหลวงพ่อศรีอ่องดูแล้วจึงได้ก็ถามพระพม่าว่ามีอะไรอยู่บ้าง
    ท่านก็บอกว่ามี ตะกั่ว ทองคำ และปรอท ปนกันอยู่ในนั้นแต่เผาไล่ไม่ออก
    หลวงพ่อศรีอ่องจึงนำไปชั่งนน.ดูก็สมจริงดังท่านว่า จึงเกิดความสงสาร
    จึงได้ตกลงกับเจ้าของร้านทองว่า ถ้าได้ทองคำคืนครบตามจำนวนก็จะไม่เอาเรื่องราวกับพระพม่าทั้ง 2
    เมื่อตกลงกันได้ก็ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเอาไว้
    <O:p</O:p

    หลวงพ่อศรีอ่องจึงได้เอาลูกปรอทไปยังเตาเผาที่ท่านสร้างเอาไว้
    ใช้เวลาเผาและใช้ตัวยาสำรอกอยู่นานร่วม 1 ชม. จึงได้ผงทองคำออกมา
    แล้วจึงนำมาหลอมเป็นแท่งได้ นน. 6 บาท คืนให้แก่ร้านทองไปเรื่องจึงยุติ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2012
  5. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น หลวงพ่อศรีอ่องจึงได้สร้าง “ ปรอทสำเร็จ ” ขึ้นตามตำราปรอทสำเร็จของพม่า
    ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ ปรอทกินเงิน และ ปรอทกินทอง
    โดยท่านได้เริ่มทำปรอทกินทองนี้ตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา
    (ดังนั้นที่มีบางคนบอกว่าท่านทำตั้งแต่สมัยจำพรรษาที่วัดเอี่ยมวรนุชจึงไม่น่าจะเป็นไปได้
    เพราะท่านเพิ่งบวชได้ไม่กี่พรรษา และยังไม่ได้ไปศึกษาวิชาการทำปรอทที่พม่าเลย)
    โดยทำให้ท่านผู้หญิงท่านหนึ่งในกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเธอได้นำไปทำเป็นจี้และหัวแหวน
    มีความแข็งและงามวาวเป็นสีทองคำ
    อุปเท่ห์มีค่าตามตำราบอกไว้คือ ป้องกันได้สารพัดอย่าง <o:p
    </o


    หลวงพ่อศรีอ่องได้เคยเล่าให้คุณไทยดำ นักเขียนนิตยสารญาณวิเศษ(นิตยสารในเครือโลกทิพย์) ฟังว่า
    การทำปรอทให้แข็งตัวนั้นง่ายมาก โดยผสมธาตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น แร่เงิน ทอง หรือทองแดง ลงไป เดี่ยวก็แข็งตัวเป็นก้อนกลมได้
    พอแห้งแล้วเอามาขัดผิวก็จะเป็นมันปลาบมีลักษณะลื่นได้
    หรืออีกอย่างหนึ่งคือใช้สมุนไพรบางชนิดที่มีแร่ชนิดหนึ่ง เช่น ใบกระเม็ง ที่มีแร่เหล็กมาทำให้แข็งตัว
    แต่นั่นก็ไม่ใช่ปรอทสำเร็จที่มีอภินิหารตามที่ต้องการกัน


    กรรมวิธีฆ่าปรอทแล้วเลี้ยงด้วยทองคำนี้มีอยู่ในคัมภีร์โหราศาสตร์พม่าและวิชาโลกะหิตะอัคคิยะศาสตร์
    ถ้าลงมือทำแล้วก็สิ้นเปลืองเงินทองมาก ทั้งค่าอุปกรณ์เครื่องมือ
    เช่น เตาเผาและเบ้าดินขนาดต่างๆ รวม 10 ชุด รวมถึงสารพิษต่างๆ ที่ในตำราบอกไว้
    ที่หายากมากๆ คือ น้ำเต้าใต้ดิน<o:p</o


    ดังนั้น การทำปรอทสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
    ผู้ที่จะศึกษาวิชานี้จะต้องมีความอดทน พากเพียร ตอนหุงปรอทต้องคอยเฝ้าดูอย่างน้อยก็ 4-5 เดือน
    อีกทั้งยังต้องมีสมาธิจิตที่มั่นคงแน่วแน่จึงจะสำเร็จ อย่างน้อยต้องได้ฌาน 4 จึงจะพอข่มบังคับปรอทเอาไว้ได้
    ปรอทที่สำเร็จแล้วนั้นจะส่งเสียงร้องเจี๊ยบๆ ให้ได้ยิน
    ถ้าข่มบังคับไว้ไม่ได้ก็อาจจะหายหรือโดนพวกวิทยาธรขโมยไปได้
    (เหมือนปรอทของท่านเซียนสู ชลบุรี-ผู้เขียน)
    <o[​IMG]</o

    การหุงปรอทสำเร็จนั้น ท่านเล่าว่ามีหลายระดับ
    ถ้าสำเร็จขั้นสูงก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้
    ขั้นรองลงมาคือ ป้องกันอันตรายต่างๆ ทำให้มีอายุยืน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ซึ่งตัวท่านทำได้แค่ขั้นนี้
    อันตรายของวิชานี้ คือ ปรอทระเบิด เนื่องจากใช้ความร้อนสูงเกินไป ทำให้เสียสติ เป็นบ้า และตาบอดได้
    แม้แต่ตัวท่านเองก็เคยได้รับอันตรายจากการระเบิดของปรอทมาแล้ว 3 ครั้ง
    ถ้าไม่มีหน้ากากป้องกันไอพิษ ถุงมือ และเสื้อคลุมป้องกันไว้ ตัวท่านก็คงจะพิการไปนานแล้ว

    <o:p</o
    <o[​IMG]</o
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2016
  6. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    .



    รออ่านต่ออีกครับ
     
  7. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    หนูขอมาเข้าแถวต่อจากพี่โก๋ด้วยคนค่ะพี่หมอ ^^
     
  8. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    กินได้จริงๆครับ แหวนทองกลายเป็นแหวนเงินเลย โคตรเซ่ง ปรอดจากเบี้ยแก้นะครับพอดีว่าปรอดหลุดออกมา ได้ไงไม่ทราบ ของปัจจุบันเรานี้แหละครับไม่ใช่ของรุ่น หลวงปู่บุญ หลวงปู่รอด ที่ไหน ไหลขึ้นมาที่แหวนเลย ที่กลัวไม่ใช่ปรอดกินทองเหรอ แต่นางผีสมุทรทะเลที่บ้านจะเล่น กบานเอานะสิครับ แหมปรอดนะปรอดทำกันได้ ยืนยันกินจริงๆครับ เห็นกะตาจะๆ
     
  9. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748

    คนไหนที่พกเครื่องรางที่ทำจากปรอทหรือมีปรอทอยู่
    ถ้าใส่ทองหรือวางทองเข้าใกล้ก็จะโดนไอปรอทที่แผ่ออกมา
    (ซึ่งไม่จำเป็นว่าปรอทจะต้องรั่วออกมา)
    เหมือนกัมมันตรังสี ทำให้สีทองหายไปได้

    แต่จริงๆ แล้ว ปรอทก็แค่กินสีทองเท่านั้นเอง
    ไม่ได้ทำให้คุณสมบัติของทองเปลี่ยนไป
    ถ้าใช้ความร้อนเผาไล่ไอปรอทให้ระเหยออกไป ก็จะได้ทองคำที่มีสีทองบริสุทธิ์ดังเดิมกลับคืนมา
     
  10. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG][​IMG]
    ปรอทกินทอง



    กรรมวิธีการสร้าง ท่านจะนำปรอทที่ทำให้แข็งตัวเป็นก้อนแล้ว
    ไปแช่ในยาพิษหลากหลายชนิด แล้วเสกให้ปรอทฆ่าพิษตามตำรา
    จากนั้นนำปรอทที่ได้มาทำพิธีกรรมทางไสยเวทย์โบราณ โดยใช้ทองคำแท้บริสุทธิ์ล่อให้ปรอทกินทองเข้าไปจนอิ่มตัว
    (ถ้าใช้เงินบริสุทธิ์ล่อให้ปรอทกินเข้าไป จะได้เป็นปรอทกินเงิน)
    จากนั้นนำไปเทในกองทรายก็จะได้ปรอทเป็นลูกๆ ในกองทรายนั้น แล้วจึงมาแต่งให้เข้ารูป


    ปรอทกินทอง-กินเงิน หรือ บางท่านเรียก ปรอทหัวแหวน
    หลวงพ่อจะสร้างให้ศิษย์ที่ใกล้ชิดและนับถือที่ขอให้ท่านทำให้เท่านั้น มิได้ทำออกให้บูชาแต่อย่างใด
    จำนวนการสร้างจึงน้อยมาก เนื่องจากผู้ที่อยากได้ต้องเตรียมการอย่างถูกต้องตามตำรา
    และที่สำคัญคือ ต้องใช้ต้นทุนในการจัดหาทองคำแท้หรือเงินบริสุทธิ์มาเอง
    โดยผู้ที่อยากได้ต้องหาทองคำบริสุทธิ์และเงินบริสุทธิ์มาเอง
    ทองคำแท้ 1 บาทจะทำปรอทกินทองได้เม็ดขนาด 1 ซม. เท่านั้น
    ถ้าหุงไม่ดีปรอทระเบิดก็จะไม่ได้อะไรเลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 87--vert.jpg
      87--vert.jpg
      ขนาดไฟล์:
      132.6 KB
      เปิดดู:
      7,307
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2016
  11. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG]
    ปรอทกินทองยุคแรก

    การสร้างปรอทกินเงิน-กินทอง ของหลวงพ่อศรีอ่อง แบ่งออกเป็นสองยุค คือ
    ยุคแรก ใช้เตาฟู่ เนื้อปรอทจะไม่กลืนเข้าเนื้อเดียวกันดีนัก มองเห็นเป็นเนื้อลายๆ ไม่สวยงามนัก <O:p</O:p
    ยุคหลัง จึงใช้เตาหลอมที่มีความร้อนสูงขึ้น ปรอทกินเงินและปรอทกินทองที่สร้างในช่วงนี้เนื้อจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกันสวยงามจึงเป็นที่เสาะหากันมากกว่า <O:p</O:p
    แต่ในด้านอิทธิคุณแล้วไม่ว่าจะยุคไหนอิทธิคุณก็ไม่ต่างกัน


    [​IMG]
    ปรอทกินเงินยุคต้น


    <O:p</O:p
    ศิษย์ท่านที่ปัจจุบันมีชีวิตอยู่เล่าว่า
    การสร้างต้องตั้งมณฑลพิธี มีพิธีบูชาครู เทพยดาเจ้าป่าเจ้าเขา
    และห้ามสตรีเข้าในเขตมณฑลพิธีอย่างเด็ดขาด
    การสร้างจะทำช่วงเช้า เวลา 9.09 น. จนถึงบ่ายกว่าๆ จึงหยุด
    โดยท่านจะบริกรรมคาถาตลอดเวลาที่ทำพิธี
    เคยมีสตรีผู้หนึ่งไม่รู้ว่าท่านทำปรอทอยู่ เข้ามาในเขตมณฑลพิธี
    เตาหลอมถึงกับระเบิด ปรอทและทองที่กำลังล่ออยู่หายไปสิ้น

    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2012
  12. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG][​IMG]
    ปรอทกินเงิน ยุคสอง

    ปรอทกินทองและปรอทกินเงินของท่านนั้น เป็นสุดยอดวิชาของพม่า ใช้ได้หลายทาง เช่น

    - แคล้วคลาดคงกระพัน ป้องกันกระดูกหักจากอุบัติเหตุ <o:p</o
    - ป้องกันพวกภูตผีปีศาจ <o:p</o
    - ป้องกันยาพิษ ยาเบื่อ ยาเมา<o:p</o
    - กันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แมลงสัตว์กัดต่อย<o:p</o
    - ใช้เสริมดวงและอธิษฐานเสี่ยงทายเกี่ยวกับดวง เมื่อใดดวงขึ้นทองจะสุกใส เมื่อดวงตกทองจะหมองคล้ำ <o:p
    - ช่วยปรับและรักษาธาตุขันธ์ในตัว

    <o:p</oหลวงพ่อศรีอ่อง ได้เคยเล่าให้คุณไทยดำฟังว่า
    ท่านเคยลองเอาปรอทที่ทำสำเร็จแล้วเม็ดหนึ่ง กรอกใส่ปากอดีตสมภารวัดหนึ่ง
    ซึ่งมีสมณศักดิ์เป็นถึงรองเจ้าคณะจังหวัด ตอนที่ท่านมรณภาพใหม่ๆ
    ปรากฏว่าผ่านไป 3 ปีแล้วศพก็ยังไม่เน่าเปื่อยจนถึงปัจจุบัน

    </o
    [​IMG]<o:p </o
    <o:p</o
    <o:p หมายเหตุ ขออนุญาตท่านเจ้าของรูปมา ณ ที่นี้ด้วย ที่นำรูปของท่านมาใช้โยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
    ทั้งนี้ก็เพื่อความสมบูณ์ของบทความเท่านั้น

    <o:p</o
    </o
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2016
  13. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG][​IMG]
    ชิ้นนี้พิเศษ เป็นปรอทสีทองและสีเงินอยุ่ในชิ้นเดียวกัน และด้านหน้านูนออกมาเหมือนพระนางพญา ด้านหลังเป็นเหมือนพระปิดตา
    ปรอทแบบนี้ท่านทำไว้พิเศษสำหรับรักษาโรคโดยเฉพาะ โดยท่านจะไม่เลี้ยงด้วยทองและเงินจนอิ่มเหมือนปรอทกินเงิน-กินทอง
    ปรอทแบบนี้ท่านเคยทดลองให้คุณไทยดำกำไว้ในมือแล้วเอาทองเปลวปิดที่ต้นแขน
    ปรากฏว่าปรอทกินทองเปลวที่ปิดตรงต้นแขนจนหมด ทั้งๆ ที่ไม่ได้สัมผัสถุกแต่อย่างใด


    วิธีการบูชา ส่วนมากพบการใช้ทองคำเปลวปิดไว้ที่ก้นหัวปรอท ซึ่งท่านว่าเป็นการเลี้ยงปรอทโดยใช้แผ่นทองคำเปลวเลี้ยง


    คาถาบูชา
    จิเจรุนิ กัณหะเนหะ
    <o:p</o

    หากจะใช้ปรอทรักษาโรคอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ตั้งจิตให้มั่น ว่านะโม 3 จบ
    เอาปรอทนี้ภาวนาด้วยพระคาถา “ สัมพุทโธ ” 9 จบ แล้วอธิษฐานเอาเถอะ
    อาการของโรคจะค่อยๆ ทุเลาเบาบางลงสมดั่งความปรารถนาทุกประการ

    <o:p</o
    ถ้าจะใช้ปรอทรักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เคล็ดขัดยอก เหน็บชา ปวดบวม
    ท่านให้ใช้ปรอทถูหรือกดขยี้ลงไปให้ถูกเส้นให้ทั่วบริเวณที่เป็นประมาณ 30-60 นาที
    แล้วใช้น้ำมันที่ช่วยขยายเส้นทาจะทำให้หายเร็วยิ่งขึ้น

    <o:p</o
    ถ้าเป็นเนื้องอก กระดูกงอก หรือซีสต์ ให้เอาปรอทกดขยี้ตรงบริเวณที่เป็น
    วันแรก 10 นาที วันที่สอง 20 นาที วันที่สาม 30 นาที
    แล้วหาน้ำมันว่านที่หุงด้วยปรอททาไปด้วย แค่ 3 วันก็จะเห็นผลแล้ว
    <o:p</o
    บางท่านแช่ปรอทในน้ำผึ้งเพื่อรับประทานเป็นยาอายุวัฒนะ
    ถือเคล็ดว่าให้ปรอทกินน้ำผึ้งและปล่อยพลังงานออกมาในน้ำผึ้ง

    <o:p</o
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2016
  14. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    หมายเหตุ กรรมวิธีการฆ่าปรอทแล้วเลี้ยงด้วยทองคำนี้มีอยู่ในคัมภีร์โบราณของพม่าที่ชื่อ โลกะหิตะอัคคียศาสตร์
    ซึ่งในตำรานี้ได้กล่าวถึงการสร้างธาตุด้วยนวโลหะ 9 อย่าง และธาตุทั้ง 25 พระองค์
    ภาษาบาลีพม่าเรียกว่า บะดา วาลุกะยันตรา ปาทายะยันตรา โธรายันตรา
    เป็นตำราว่าด้วยการสร้างธาตุต่างๆ รวม 9 ชนิด ที่ท่านปรมาจารย์พูพูอ่องได้เขียนทิ้งเอาไว้


    ในบทสุวรรณปัฏฏา 751 การสร้างนวโลหะ 9 อย่าง ให้ความสำคัญกับ ปรอท เป็นอันดับแรก
    โดยเริ่มแรกจะต้องนำเอาปรอทมาฆ่าให้ตายเกาะตัวเป็นก้อน
    แล้วซัดด้วยยาพิษต่างๆ ลงในเบ้าหลอมจนปรอทสำรอกผงออกไซด์ออกมาจนหมด
    แล้วเลี้ยงด้วยทองคำบริสุทธิ์ ผลที่ได้จะมีผงทองคำสำรอกออกมา
    แล้วจึงนำผงทองคำที่ได้ไปหลอมให้ละลายแล้วซัดออกมาเป็นเม็ด
    จะได้หัวเม็ดกลมๆ ขนาดต่างๆ มีความแข็งและงามวาวเป็นสีทองคำ
    ใช้นำไปทำเครื่องมงคล เช่น หัวแหวนและเครื่องประดับ จะมีฤทธิ์อำนาจป้องกันอันตรายได้หลายอย่าง

    <O:p</O:p
    ในการทำเนื้อนวโลหะ ส่วนผสมที่สำคัญยิ่งก็คือ ปรอท
    ถ้าใครสามารถทำให้ปรอทรวมตัวกันเป็นก้อนได้ แล้วใช้ส่วนผสมของนวโลหะทั้ง 9 ชนิดหลอมรวมลงไปในเบ้าหลอมเดียวกัน
    เมื่อสำเร็จแล้วจะเกิดอานุภาพทางอิทธิฤทธิ์ ทำให้ท่านผู้นั้นอายุยืนนาน กระดูกแข็ง และไม่ได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุ
    นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรค เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น
    และยังกันยาพิษและพิษสัตว์ต่างๆ เช่น แมลงป่อง งู ตะขาบ พิษอาหาร
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2012
  15. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    นอกจากนี้ ในตำราได้กล่าวถึงโทษของปรอทที่มีอยู่ในตัวมันเองอยู่ 8 ประการ
    หากผู้ใดมิได้ชำระโทษทั้ง 8 ประการในปรอทนั้นเสียก่อน จะเอามาทำอันใดก็มิสำเร็จเลย และจะเกิดโทษแก่ตัวผู้นำไปใช้

    โทษทั้ง 8 ประการของปรอทที่มิได้ชำระโทษ (ฆ่าพิษ)<O:p</O:p
    1. ใช้แล้วเกิดโรคต่างๆ<O:p</O:p
    2. ใช้แล้วคันทั้งตัว<O:p</O:p
    3. ใช้แล้วเกิดอาการแสบร้อนทั้งตัว<O:p</O:p
    4. ใช้แล้วทำให้เป็นโรคเรื้อน<O:p</O:p
    5. ใช้แล้วเกิดเจ็บไปทั่วสรรพางค์กาย<O:p</O:p
    6. ใช้แล้วทำให้กระหายน้ำ<O:p</O:p
    7. ใช้แล้วทำให้คันตรงบริเวณที่ปรอทสัมผัสตัว<O:p</O:p
    8. ทำให้เป็นบ้า<O:p</O:p
     
  16. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ผู้ใดทำปรอทจนบริสุทธิ์อยู่ไฟ เรียกว่า แข็งตัว ได้แล้ว มีคุณสมบัติอเนกอนันต์นัก
    สามารถแคล้วคลาดจากภยันอันตรายต่างๆ ทุกประการ
    ป้องกันการกระทำคุณไสย วิทยาคุณ ภูตผีปีศาจทุกชนิด
    ทั้งเป็นเมตตามหานิยม เกิดความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
    อีกทั้งยังใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น ปวดหลัง ปวดเอว เนื้องอก กระดูกงอก เคล็ดขัดยอก ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้น


    ท่านใดที่มีปรอทที่บริสุทธิ์แล้ว (กำจัดโทษ-ฆ่าพิษ) พกติดตัวไว้ให้สัมผัสกับร่างกาย
    ใช้ไฟธาตุในร่างกายเรานี้หุงไปโดยธรรมชาติ ด้วยไฟธาตุนี้จักทำให้ปรอทนั้นมีฤทธิ์ยิ่งขึ้น
    (จึงมีปรอทของบางสำนัก เช่น ลป.ลือ วัดป่านาทามวนาวาส ลป.ถิร วัดทิพยรัฐนิมิต เป็นต้น
    ห้กลืนลงไปแล้วให้เก็บตอนถ่ายออกมา นำมาล้างให้สะอาดแล้วบีบน้ำมะนาวล้างอีกที
    ตามตำราให้กลืนลงไปจนครบ 7 ครั้ง
    ซึ่งปรอทที่กลืนลงไปนอกเหนือจากเพื่อใช้ไฟธาตุในร่างกายหุงให้เป็นปรอทกายสิทธิ์แล้ว
    ปรอทจะยังช่วยกำจัดสารพิษต่างๆ ที่อยู่ในร่างกาย
    ดังนั้นจึงมีบางคนที่กลืนปรอทออกไปแล้วอยู่ในร่างกายของแต่ละคนนานไม่เท่ากัน-ผู้เขียน)

    <O:p</O:p
    ทุกวันนี้แม้ทางรัฐบาลพม่าจะออกกฏหมายห้ามทำ แต่ก็ยังมีพระเกจิอาจารย์ในพม่าที่สืบทอดวิชานี้กันอยู่
    แต่ท่านเรียกธาตุที่เกิดจากเล่นแร่แปรธาตุนี้ว่า อัคคิยะ
    ซึ่งอัคคิยะนี้มีความพิสดารในตัว คือ สามารถกินทองคำได้
    พอเอาทองคำเปลวป้อนให้อัคคิยะ ทองคำเปลวก็จะหายซึมเข้าไปในก้อนแร่นี้
    (เหมือนที่เขาเป่านะหน้าทองแล้วทองคำเปลวหายเข้าไปในตัว)
    พออัคคิยะกินทองเข้าไปแล้ว ตัวก้อนอัคคิยะก็จะสุกปลั่งอมทองเรื่อๆ ขึ้นมาในทันที<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2012
  17. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ข้อมูลอ้างอิง

    1. “ พูพูอ่อง ผู้สำเร็จวิชาปรอท มีอภิญญาญาณ ล่องหน หายตัว และเนรมิตวัตถุต่างๆ ได้ดังใจ ”
    โดย พระครูสิริธรรมวิภัช (หลวงพ่อศรีอ่อง ชยสิริ) นิตยสารโลกลี้ลับ ปีที่ 12 ฉบับที่ 121 มกราคม 2538
    <O:p</O:p2. “ สิทธิ การิยะ ปรอทกายสิทธิ์ ” โดย อาจารย์หล่อ ขันแก้ว นิตยสารโลกลี้ลับ ปีที่ 12 ฉบับที่ 125 พฤษภาคม 2538<O:p</O:p
    3. “ เล่าเรื่องปรอทกายสิทธิ์ ” โดย อาจารย์หล่อ ขันแก้ว นายกสมาคมว่านแห่งประเทศไทย นิตยสารโลกลี้ลับ ปีที่ 12 ฉบับที่ 126 มิถุนายน 2538<O:p</O:p
    4. “ ของกายสิทธิ์ ตอน ปรอทสำเร็จและเหล็กไหล ” โดย ไทยดำ นิตยสารญาณวิเศษ ปีที่ 3 ฉบับที่ 30 ตุลาคม 2535<O:p</O:p
    5. “ เปิดตำนานเครื่องรางล้านนา ” โดย วรเชษฐ์ คำภีระ (เชน เชียงใหม่) นิตยสารอมตะล้านนา ฉบับที่ 21 เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม<O:p</O:p
     
  18. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ตอนต่อไปคอยพบกับสุดยอดวัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่งที่รวมสายวิชา


    แหวนนพสูรย์+ปรอทกินทอง

    http://palungjit.org/posts/6278123

    อย่าลืมไปติดตามอ่านกันด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2012
  19. somharnwong

    somharnwong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +196
    ตอนนี้ที่วัดยังมีให้เช่าอยู๋มั้ยคัฟ
     
  20. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG]

    การทำปรอทกินทอง ของลพ.ศรีอ่อง ท่านทำไว้ 2 แบบ
    1. แบบเข้าเบ้าหลอม ซึ่งเป็นยุคแรกๆ ที่ท่านทำ
    2. แบบหยอดหลุมทราย ซึ่งในระยะหลังๆ ท่านจะทำแบบนี้แทน


    เบ้าที่ใช้หล่อปรอทกินทองของหลวงพ่อศรีอ่อง คล้ายๆ การเข้าเบ้าหล่อพระกริ่งทีละองค์
    เบ้านึงจะมีปอรทอยู่หนึ่งเม็ด ขนาดของปรอทแต่ละเบ้าจะไม่เท่ากัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1op-vert.jpg
      1op-vert.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.3 KB
      เปิดดู:
      6,031
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...