บุญที่ีถูกมองข้าม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย หัวมัน, 22 ตุลาคม 2013.

  1. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ผมได้รับฟอร์เวิร์ดอีเมลฉบับหนึ่งจากรุ่นน้องกลุ่มที่ไปทำบุญด้วยกันเป็นประจำ เนื้อหาในอีเมลส่วนหนึ่งคัดลอกมาจากงานเขียนของ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
    ผมอ่านแล้วเหมือนโดนไฟช๊อต นิ่งไปนานพอสมควร เพราะผมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่พระอาจารย์ไพศาลได้เอ่ยถึง

    Boon3.JPG

    ...
    ...

    คุณนายแก้วเป็นเจ้าของโรงเรียนที่ชอบทำบุญมาก เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่เนืองๆ ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ เธอปลื้มปิติมากที่ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรียนคนหนึ่งไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที
    ...
    สายใจพาป้าวัย 70 และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนทั่วประเทศ เช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญคับคั่งจนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ สายใจพาหญิงชราและเพื่อนผู้พิการเดินกะย่องกะแย่งฝ่าแดดกล้าไปยังถนนใหญ่ เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นผ่านไป แต่ตลอดเส้นทางเกือบ 3กิโลเมตร ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับผู้เฒ่าและคนพิการขึ้นรถเพื่อไปส่งถนนใหญ่เลย
    ...
    เหตุการณ์ทำนองนี้มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดในสังคมไทย
    “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่ชาวพุทธ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าคนไทยนับถือพุทธศาสนากันอย่างไร จึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก เหตุใดการนับถือพุทธศาสนา จึงไม่ช่วยให้คนไทยมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก การทำบุญไม่ช่วยให้คนไทยมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือหากสังเกตจะพบว่าการทำบุญของคนไทยมักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตนเช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่
    เรากลับละเลยกันมาก (ยกเว้นคนหรือสัตว์ที่ถือว่าเป็น “พวกกู” หรือ “ของกู”) แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด เราก็มักละเลยสามเณรและแม่ชี แต่กุลีกุจอเต็มที่กับพระสงฆ์


    Boon2.JPG


    นั่นแสดงว่าที่เราทำบุญกันมากมาย ก็เพราะหวังประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ ดังนั้นยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผลคือจิตใจยิ่งคับแคบ ความเมตตากรุณาต่อผู้ทุกข์ยากมีแต่จะน้อยลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การทำบุญแบบนี้กลับจะทำให้ได้บุญน้อยลง แน่นอนว่าประโยชน์ย่อมเกิดแก่ผู้รับอยู่แล้ว เช่น หากถวายอาหาร อาหารนั้นย่อมทำให้พระสงฆ์มีกำลังในการศึกษาปฏิบัติธรรมได้มากขึ้น แต่อานิสงส์ที่จะเกิดแก่ผู้ถวายนั้นย่อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะเจือด้วยความเห็นแก่ตัว ยิ่งถ้าทำบุญ 100 บาท เพราะหวังจะได้เงินล้าน บุญที่เกิดขึ้นย่อมน้อยลงไปอีกเพราะใช่หรือไม่ว่านี่เป็นการค้ากำไรเกินควร


    บุญที่ทำในรูปของการถวายทานนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเงินก็ตาม จุดหมายสูงสุดอยู่ที่การลดความยึดติดถือมั่นในตัวกูของกู ยิ่งลดได้มากเท่าไรก็ยิ่งเข้าใกล้นิพพานอันเป็นประโยชน์สูงสุด แต่หากทำบุญเพราะหวังแต่ประโยชน์ส่วนตน อยากได้เข้าตัวมาก ๆ แทนที่จะสละออกไป ก็ยิ่งห่างไกลจากนิพพาน หรือกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นนิพพานด้วยซ้ำ อันที่จริงอย่าว่าแต่นิพพานเลย แม้แต่ความสุขในปัจจุบันชาติก็อาจเกิดขึ้นได้ยากเพราะจิตที่คิดแต่จะเอานั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ อันที่จริงถ้ามองให้กว้างกว่าการทำบุญก็จะพบปรากฏการณ์ในทำนองเดียวกัน นั่นคือคนไทยนิยมทำดีกับคนที่ถือว่าอยู่สูงกว่าตน แต่ไม่สนใจที่จะทำดีกับคนที่ถือว่าต่ำกว่าตน เช่น ทำดี กับเจ้านาย คนรวย ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง ทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวกันคือคนเหล่านั้นให้ประโยชน์แก่เราได้ (หรือแม้เขาจะให้คุณได้ไม่มาก แต่ก็สามารถให้โทษได้) ประโยชน์ในที่นี้ไม่จำต้องเป็นประโยชน์ทางวัตถุ อาจเป็นประโยชน์ทางจิตใจก็ได้ เช่น คำสรรเสริญ หรือการให้ความยอมรับ ประการหลังคือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยขวนขวายช่วยเหลือฝรั่งที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่ แต่กลับเมินเฉยหากคนที่เดือดร้อนนั้นเป็นพม่า มอญลาว เขมร หรือกะเหรี่ยง ใช่หรือไม่ว่าคำชื่นชมของพม่าหรือกะเหรี่ยง ความหมายกับเราน้อยกว่าคำสรรเสริญของฝรั่ง


    Boon4homeless.jpg


    บุคคลจะได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญ ไม่ใช่เพราะนิยมทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตนเท่านั้น หากยังยินดีที่จะทำบุญกับสิ่งที่เสมอกับตนหรืออยู่ต่ำกว่าตนอีกด้วย แม้เขาจะไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่ตนได้ ก็ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ ทั้งนี้เพราะมิได้หวังผลประโยชน์ใดๆ นอกจากความปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ นี้คือกรุณาที่แท้ในพุทธศาสนา

    การทำดีโดยหวังผลประโยชน์ หรือยังมีการแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติอยู่ ย่อมไม่อาจเรียกว่าทำด้วยเมตตากรุณาอย่างแท้จริงในแง่ของชาวพุทธ

    การช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อนทั้งๆ ที่เขาไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่เราได้ เป็นเครื่องฝึกใจให้มีเมตตากรุณา และลดละความเห็นแก่ตัวได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำมากเท่าไร จิตใจก็ยิ่งเปิดกว้าง อัตตาก็ยิ่งเล็กลง ทำให้มีที่ว่างเปิดรับความสุขได้มากขึ้น
    ...
    ...
    ขอให้ผู้อ่านทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  2. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ก็ทำบุญไง แต่ไม่ได้ทำกุศลมั้ง

    พรหมวิหาร 4 ก็ถูกจัดไว้ใน กุศลกรรมบท 10 อ่ะนะ

    ถ้าทำทั้งบุญ ทำทั้ง กุศล ก็แจ๋วเลย

    แต่ก็นะ เห็นแบบนี้เหมือนกัน บางคนไม่รู้จัก กุศลกรรมบท 10 ด้วยซ้ำ
     
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    กึ๋ย....โดนเต็มๆ

    ไม่รู้จักกุศลกรรมบท 10

    เพิ่งเปิดดูในกูเกิลตอนที่อ่านข้อความของท่าน hastin นี่แหละ

    คือ...คิดว่าถ้าถือศีล 5 ปฏิบัติสมาธิและวิปัสนาไปเรื่อยๆ

    ยิ่งมีระดับสมาธิและสติสูงขึ้นเรื่อยๆ เราก็คงเข้าถึงธรรมได้เช่นกัน

    จะพยายามศึกษาให้มากขึ้นนะ ^ ^
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ไม่ได้ว่าใครนะครับ

    เพียงแต่แปลกใจ ที่เห็นคล้ายๆกับข้อความที่หัวมันเอามาลงครับ

    เราคิดว่า บุญ กับ กุศล น่าจะทำทั้งสองอย่าง

    ปฎิบัติ กุศลกรรมบท 10 จิตจะเบาสบายอ่ะนะ
     
  5. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    วิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนาเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ในพระไตรปิฎกระบุไว้ 3 อย่าง ได้แก่
    ทาน คือการบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้
    ศีล คือการสำรวมกาย วาจา ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น
    ภาวนา คือการสวดมนต์ ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ ฯลฯ
    (เอามาจากวิกิพีเดีย)


    จากข้อความข้างบนการทำบุญก็หมายรวมถึงการทำกุศลไว้ด้วยแล้ว

    คิดว่าข้อความนี้ต้องการเน้นให้เห็นถึงข้อสังเกตุเกี่ยวกับการทำบุญของคนไทย
    ซึ่งส่วนใหญ่มักทำบุญเพื่อหวังผล มากกว่าทำบุญเพื่อลดละกิเลสความเห็นแก่ตัว
    คนไทยส่วนใหญ่จึงนิยมทำบุญแต่ไม่ค่อยมีน้ำใจกับคนทั่วไป เพราะทำแล้วได้บุญน้อย
     
  6. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ในความคิดส่วนตัวของผมนั้น...ผมมองว่าที่พวกเราทำบุญกันนี้ก็เพียงจะได้รับประโยชน์ในทางโลกมากกว่า ไม่ได้เน้นตามแนวทางการทำบุญที่แท้จริงคือความสละ สลัด ความยึดมั่นถือมั่น การทำบุญจึงมุ่งเน้นไปที่บุคคลที่จะให้เราได้รับผลประโยชน์ได้มากที่สุด คือ บุคคลที่ทางสังคมให้การยอมรับว่าเป็นบุคคล หรือ บุคคลากรที่น่ายกย่องที่สุด โดยที่เราต่างมองข้ามคนรอบข้าง ๆเราไป ซึ่งผมมีแนวคิดอยู่แล้วว่า พระพุทธศาสนานั้นมุ่งเน้นให้เรา บริจาคทานแก่ชนทุกหมู่เหล่า ทำกุศลกับชนทุกระดับชั้น บุญก็คือความสุข แล้วทำไมเราทุกท่านถึงไม่เจือจานความสุขเหล่านั้นไปในทุกทิศ ทุกทางกันเล่า แม้แต่เราตอนที่แผ่เมตตาไปในทุกทิศได้เลย แต่เวลาที่เราจะเจือจานผู้อื่นนั้นทำไมเราถึงจะทำกันไม่ได้ ให้เท่าที่จะช่วยได้ ตามกำลังและความเหมาะสมของตน ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นคนดี แต่จะมีซักกี่คนที่จะดีได้แม้กับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ให้กับตนเอง สวัสดี
     
  7. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ความแตกต่างกันของบุญกับกุศลในพระพุทธศาสนา - GotoKnow

    เวปนี้อธิบายได้ดีเหมือนกัน แต่เราอ่านก็ยังสับสนว่าจะแยกยังไงเหมือนกัน 555

    แต่เราดู บุญกริยาวัตถุ 10 กับ กุศลกรรมบท 10 ไม่เหมือนกัน

    ก็เลยใช้โปรเหมาๆ ทำทั้งหมดซะเลย 555
     
  8. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    การทำอะไรทุกอย่าง หากไม่ประกอบด้วย"ปัญญา" ย่อมทำไปตามความหลงเชื่อดายไป...หรือที่เรียกว่าเข้าถึงความหลงงมงายส่วนเดียว..มีแต่ความเสียหายมากกว่าดี

    การศึกษาหรือสดับพระธรรมที่ถูกแท้ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นสิ่งแรกที่จำเป็นแลสำคัญมากที่สุด เพราะได้สดับศึกษาจึงสามารถได้ปัญญาสามารถวินิจฉัยแยกแยะได้ว่ากิจใดเป็นกุศลหรืออกุศล ... อย่างไร..ด้วยเหตุผลใด...ผู้มีปัญญาจึงสามารถเจริญกุศลได้โดยอาการปรกติ ห่างจากอาการบ้าบุญโดยสิ้นเชิง..น่าเสียดายที่ผู้มีบุญมากไม่ได้ทำเหตุให้รองรับปัญญามาไว้ จึงพลาดจากกุศลหลากหลายที่ตนสามารถทำได้ง่ายๆและมีผลมากตามมา...เพราะมัวแต่เล็งผลเลิศจึงทำไปด้วยตัณหาที่ตนเพียรสั่งสมสันดานไว้จนยากจะแก้ไขเสียแล้ว..น่าเสียดายที่ได้เกิดมาในแถบถิ่นที่ยังมีพระพุทธศาสนาตั้งมั่นอยู่ แต่ไม่มีโอกาสแม้จะได้สดับพระธรรมอันวิเศษเพื่อการได้ปัญญาเลย จะโทษใครอื่นที่ใหนได้เล่านอกจากตนเองที่ไม่ทำเหตุที่สมควรไว้......


    ขอความมีปัญญาดีปรากฏแก่ทุกท่าน ห่างไกลจากความหลงในที่ทั้งปวงเทอญ..
     
  9. คิงคอง99

    คิงคอง99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    3,277
    ค่าพลัง:
    +23,769
    การทำบุญหรือทำทาน จิตก็คิดเพียงสั้นๆว่า มือที่ให้ ใจที่บริสุทธิ์ วาจาที่ไพเราะอ่อนหวาน แค่นี้ก็สุขใจเพียงพอแล้วสำหรับผม
     
  10. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ชอบทำบุญเพราะ อยากได้บุญมากกว่าคนอื่น ที่ต้องไร้น้ำใจเพราะคิดว่า กลัวคนอื่นจะมาแบ่งบุญไปด้วย นั่นเองนะจ๊ะ อยากทำคนเดียวได้คนเดียว ไม่อยากให้ใครรู้ นี่ไงจ๊ะ
    แบบนี้ถือว่า หลงดี หลงบุญ บ้าบุญ เข้าใจบุญไม่ถูก นี่แหล่ะ จุดบอดของ พุทธบริษัท นะจ๊ะ
     
  11. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ขอทาน เด็กมาขายของตามร้านอาหาร สามเณรบิณฑบาตร ผมก็ให้ทานและใส่บาตรหมดนะ แต่ก็มีจริงๆแหละตอนนั้นเข้าคิวใส่บาตรพระ พอพระไม่ได้เดินมาก่อน สามเณรเดินมาคนที่รอใส่บาตรก่อนผมถอยเลยไม่ใส่ จะรอใส่บาตรกับพระเท่านั้น ผมก็ใส่บาตรกับสามเณรไป ได้พรชุดใหญ่เลย สามเณรสวดเก่งมาก ขอทานบนสะพานผมก็ให้ครับ ของกินให้อาหารสัตว์ก็มีนะ โชคดีไปไม่เข้าผม แห่ะๆๆๆ

    ปล.แต่ยังไงคนส่วนใหญ่รวมทั้งผมก็อยากทำบุญกับเนื้อนาบุญมากกว่าอยู่แล้ว เช่นพระสงฆ์ถือศีลครบปฏิบัติดีครับ หรือสังฆทานพวกนี้
     
  12. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คนเราก็แปลกวัดกลับสร้างกันเยอะแยะนะบางทีในอำเภอหนึ่งทั้งๆที่มีเต็มเลย แต่โรงเรียนแทบไม่มีไม่ยอมระดมทุนสร้างโรงเรียนให้เด็กเรียนหนังสือกัน เพราะเหตุนี้ผมก็เลยอยากเป็นปลัดอำเภอนายอำเภอไปบอกเค้าด้วยมั้งครับ :)
     
  13. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ไม่แปลกหรอกนะจ๊ะ ก็ คิดกันได้แค่นี้ นั่นเอง
    เพราะมองความสำคัญ ผิดที่ ผิดทาง หลงประเด็น โง่ นั่นเองนะจ๊ะ
     
  14. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    มีเรื่องหนึ่ง ที่ผมเข้าใจได้

    คือ คนฉลาด แต่โง่ คนโง่แต่ฉลาด พอมีใคร ยกตัวอย่าง มาได้บ้างมั้ยจ๊ะ
    อยากฟังความคิดเห็นของท่านอื่นๆ จ้า
     
  15. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมเล่าของผมก่อนแล้วกันนะจ๊ะ เรื่องคนฉลาดแต่โง่ คนโง่แต่ฉลาด

    เรื่องมีอยู่ว่า ที่แห่งหนึ่ง(ออฟฟิคจังหวัดหนึ่ง(กาฬสินธุ์))เขามีปรินเตอร์ รุ่นเก่า ไม่มีช่องเสียบ HDML แต่เขาซื้อคอมที่มีช่องเสียบ HDML มา เขาเลยมาขอเปลี่ยน ปรินเตอร์ จากที่ออฟฟิคจังหวัดผมไป((สกลนคร)ซื้อเครื่องปรินต์มาใหม่) ให้เหตุผลว่า เครื่องปรินเตอร์ของเขา ไม่มีช่องเสียบ HDML เขาปรินต์ไม่ได้ (เอาเข้าไป) ก็เปลี่ยนกันไป

    ผมมารู้ทีหลัง ผมเลยถาม คนที่ออฟฟิคผมว่า แล้วทำไมที่เรายังปรินต์ได้ล่ะ (เครื่องที่เขาเอามาเปลี่ยน)เวลาอยู่กับพวกเขาทำไมพวกเขาปรินต์ไม่ได้

    แต่เวลามาอยู่ที่เรา เราทำไม ยังปรินต์ได้ล่ะ

    อิอิ โง่แล้วไม่รู้ว่าตนเองโง่ ก็มีนะจ๊ะ คนแบบนี้
    แล้ว ที่ออฟฟิค จังหวัดผมก็ให้เปลี่ยนไป (โง่ตาม)

    แบบนี้เขาเรียกอะไรดีน้าาาาาาาาาาามันมีเหตุปัจจัย คือ ผู้จัดการที่กาฬสินธุ์เป็นผู้หญิงสวยเสียด้วย
    ก็เลย เป็นแบบนี้ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  16. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    คนฉลาดแต่โง่ก็คือ ฉลาดคิดเหลือเกิน รู้ว่า อะไรคือที่ทันสมัย อะไรคือก้าวหน้า รู้หมด
    แต่โง่คือ ใช้ไม่เป็น
    คนโง่แต่ฉลาดคือ ใช้ได้หมด แก้ปัญหาได้หมด ไม่เลือกว่า อะไรคือก้าวหน้า อะไรคือทันสมัย
     
  17. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ของผมบ้างละกัน เรียนเก่งมากฉลาดจริงๆเรียนกฎหมายเป็นเพื่อนผม แต่กระนั้นไม่มีความเชื่อทางศาสนาอะไรเลย บอกสิ่งที่เขาจะเชื่อต้องพิสูจน์ได้ฉะนั้นเขาจะเชื่อวิทยาศาสตร์เท่านั้น เชื่อในกฎหมายลงโทษผู้กระทำความผิด นี่คือมิจฉาทิฎฐิ และความโง่หนึ่งที่ผมเจอครับ
     
  18. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946

    โง่เพราะแพ้ความสวยมังคะ ^ ^

    เรื่องคนโง่แต่ฉลาด คนฉลาดแต่โง่ นี่ก็มีเรื่องเล่าเหมือนกันนะ

    พี่ที่ทำงานคนหนึ่งมีแฟนเป็นตำรวจ
    แล้วไอ้ชุดตำรวจเนี่ยเป็นชุดที่รีดให้เรียบและดูดียาก
    ใครรีดให้เรียบและดูดีได้นี่ถือว่าเก่งและเซียนมาก
    วันหนึ่ง พี่เค้าก็ต้องรีดเจ้าชุดนี้ให้แฟน
    ด้วยความที่รีดไม่เก่งหรือไม่ชำนาญไม่ทราบ เสื้อและกางเกงแฟนแกกลายเป็นสองจีบ
    ตั้งแต่นั้นมา แฟนพี่คนนั้นเลยไม่วานให้รีดชุดเครื่องแบบให้อีกเลย
    สบายไป

    มาคิดดู พี่เค้าเนี่ยรีดผ้าเป็นจริงๆ เรยยย...นับถือ นับถือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2013
  19. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946



    ข้าพเจ้าก็ว่าความโง่ที่น่ากลัวที่สุด ก็คือมิจฉาทิฏฐินี่แหละ

    และจนอะไรก็ไม่เท่าจนปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2013
  20. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    อิอิ อ่านไป ขำไป นะจ๊ะ
    นี่แหล่ะชีวิต มันจะเอาอะไร มาเป็น แก่นสารได้บ้างล่ะ ก็คนทุกวันนี้ มันไม่มีศีลธรรม ไม่มีหิริโอตัปปะ นั่นเอง นะจ๊ะ หลงผิด ซะงั้น นะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...