น้องสะใภ้มีองค์มาลง..อยากรู้ว่า..ท่านผู้นี้เป็นใคร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย tao-uthau, 15 มีนาคม 2012.

  1. tao-uthau

    tao-uthau Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +26
    อยากถามผู้รู้นะคะ..เป็นวิจารณญาณความเชื่อส่วนตัวค่ะ ใครจะว่าอย่างไรต้องขออภัยด้วย..
    คือน้องสะใภ้ เท่าที่รู้จักกันมา ๙ ปี เขามีความพิเศษเรื่องนี้ พอดีตอนนี้ครอบครัวมีปัญหาต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ท่าน..เลยมาไม่ใช่ครั้งแรก
    คืนวันจันทร์ที่ ๕ มีนาที่ผ่านมา ท่าน..ก้อมาเข้าน้องสะใภ้ ท่าน..บอกว่าท่านถือศีลที่ภูเขาน้ำแข็ง และแม่น้องสะใภ้ไปจับตัว ๆ น้องเย็นเหมือนน้ำแข็ง และท่าน..บอกว่าอย่าจับ..หลังจากท่าน..บอกอะไรต่ออะไรเราแล้ว..เราเลยถามว่าท่าน..เป็นใคร..ท่านบอกตอบไม่ได้..คุยด้วยจนท่าน..ไป
    เมื่อน้องสะใภ้คืนสติ..น้องบอกว่าฝันเห็นผู้ชายแก่ผมสีขาวมวยผม ได้นั่งคุยกัน ใส่ชุดสีขาวมาก ๆ ท่านนั่งถือศีลที่ภูเขาที่เป็นน้ำแข็ง..
    เลยอยากทราบ..ว่าท่านเป็นใคร..เผื่อจะมีผู้รู้สามารถให้คำตอบได้
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    องค์ศิวะเทพ
     
  3. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ดูก่อน ขอให้เธอไปหาศาลเจ้าจีนที่ไหนก็ได้ที่การจัดองค์ลงประทับทรง เธอจะจงหาเอาเอง เธอจะได้รู้แน่ว่าคืออะไร เพราะอะไรน่ะหรือ

    1.ศาลเจ้าจีนมีความศักดิ์สิทธิ์ใครจะกล้ามาล้อว่าเป็นร่างทรงเล่น ก็จะชิบหายฟรี
    สรุปได้ว่าเทพเจ้าตัวจริงๆ

    2.ศาลเจ้าน่าเชื่อถือได้เพราะไม่งั้นคนรวยคนมีระดับและชนอื่ๆ จะไปบริจาคทานกันทำไมเยอะแยะ



    การที่น้องสะใภ้ลงประทับแต่กลับบอกไม่ได้ ฉะนั้นคุณห้ามคิดไปเองเด็ดขดเลยว่าเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้ เพราะแก่ลงมาแล้วมาเล่นมุขนี้ว่าบอกไม่ได้แต่ใบ้บอก ซึ่งทำให้เราคิดไปเองว่าเป็นนี่เป็นนั่นแล้วถามหน่อยว่า ความคิดของคุณหรือคนอื่นๆ มันจะถูกไหม100% สู้ไปหาเทพจริงๆถามจริงๆไม่ดีกว่าหรอครับ
     
  4. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    ผีที่มาจากที่หนาวสุดขั่วก็มีเวลาลงสังขารจทำให้สังขารเย็น ไม่แน่ว่าอาจเปนผีหรือเป็นเทพก็ได้
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708

    ขอไม่ตอบนะ เพราะไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไร เทพองค์ไหนใหญ่สุด สูงสุด หรือว่าใครจะเล็กจะใหญ่ มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา แต่ที่รู้ๆ มีทั้งคุณและโทษ หากเป็นสัมมาทิฏฐิก็ให้คุณ หากเป็นมิจฉาทิฏฐิก็ให้โทษ

    เราไม่มีของให้ลอง แล้วก็ไม่ชอบลองของ

    ถ้าคำตอบไม่ถูกใจก็คงไม่ว่ากันนะ เรื่องแบบนี้เจ้าตัวเค้ารู้ดีที่สุด
     
  6. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เราว่านะ เวลาทำบุญสร้างกุศลอะไร ก็ึนึกถึงท่านถวายท่านตอบแทน ที่ท่านช่วยสงเคราะห์ อุปถัมป์ค้ำชูเราอยู่ก็น่าจะพอแล้วแหละค่ะ

    ถ้าท่านอยากให้รู้ว่าเป็นท่านใด ท่านคงบอกมาแต่แรกแล้ว ถ้าคุณศรัทธาก็อย่าสงสัยเลย จะทำให้ใจไม่สงบ และท่านคงไม่อยากรบกวนใคร

    เพราะฉะนั้น ถ้าอยากตอบแทนท่าน ก็สร้างกุศลคุณงามความดี และนึกถึงท่าน
    "ว่าท่านที่มาคอยช่วยเหลือเรื่องนั้นเรื่องนี้" ดีกว่าค่ะ ถึงเหมือนกัน จิตมันเร็ว ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อเสียงเรียงนามหรอกค่ะ "ขอแค่นึกถึง ท่านก็ทราบแล้วค่ะ"
     
  7. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    ท่าน ชิพมั้ง ริมโปเชครับ........................................
     
  8. boontiga

    boontiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +2,357
    พระศิวะ (คนไทยเรียกว่า พระอิศวร) เป็นบิดาของ พระพิฆเนศ มีชายาคือ พระแม่อุมาเทวี พระศิวะทรงเป็นมหาเทพผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล หนึ่งใน ตรีมูรติ หรือ 3 มหาเทพสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู (พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ)

    พระองค์ทรงประทานพรวิเศษให้แก่ผู้หมั่นกระทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรม หากผู้ใดประพฤติเพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์แล้วปรารถนาสิ่งวิเศษใดๆ พระองค์ก็จะประทานพรนั้นๆให้ แต่เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว วันหน้าหากกระทำผิดไปจากความดีงาม ผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิต พระศิวะเทพจะเป็นผู้ทำลายทันที!!
    มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น สามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยาอากาศเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก!! หากผู้ใดที่เจ็บป่วยหรือต้องการขอพรให้คนในครอบครัวหายเจ็บไข้ได้ป่วย
    ถ้ากระทำการบวงสรวงบูชาและขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นถูกปัดเป่าให้หายไปได้โดยสิ้นในเร็ววัน
    พระองค์เป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ด้วยเช่นกัน
     
  9. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ให้น้องสะใภ้เจริญสติให้มากๆค่ะ ให้มีสติอยู่กับตัว
    นามท่านไม่สำคัญเท่าความดี คือสิ่งที่ท่านบอกหรือชี้แนะ.
    ถ้าอยากรู้เพื่อระลึกถึงและขอบคุณเอาจิตเป็นที่ตั้งก็ได้แล้วค่ะ
    ถึงกันหมด ระลึกถึงเทวดาก็ไม่ผิดนะคะ เป็นเทวดานุสสติ
    แต่ต้องมีสติค่ะ *-*
     
  10. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    เท่าที่ผมได้คุยกับคนอยู่ในแวดวงนี้

    ไม่รู้ผมคิดผิดป่าวนะ เค้าบอกว่า
    องค์เทพจะไม่มีการลง ส่วนที่ชอบลงเป็นเปรตมีฤทธิ์
    เหมือนองค์จริงๆ จะเหมือนกับคุณริวอะครับ
    ไม่ต้องรับขันธ์ ไม่ต้องมีชัก แต่สามารถสื่อสารกันได้
    และมีกิจร่วมกันที่ต้องทำ พอถึงวาระหนึ่งก็จะกลายเป้นคนไม่มีองค์(คนธรรมดา)
     
  11. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    จะว่าไปแล้วมีคนทักผม 2 คน แล้วว่าผมองค์
    คนหนึ่งเป็นคนมีองค์แขกทัก
    อีกคนไปนักปฏิบัตธรรมทักครับ
    แต่คนที่ 2 เค้าบอกผมว่าอย่าไปเน้นเรื่องเทพเลย ให้ผมปฎิบัตทางพระพุทธองค์ก็พอ
    เพราะถ้าไปทางเทพอาจหลงทางก็ได้ อะไรประมาณนี้ครับ
    ผมถามอยู่ว่าเป้นเทพอะไร พี่เค้าบอกว่าพอถึงเวลาเดียวก็รู้เอง
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ร่างทรง องค์เทพ

    [​IMG]

    [​IMG] รับขันธ์ (ขัน) ครูดีไหม ?
    [​IMG] ร่างทรงขันธ์ห้า (อีกที)

    www.dhamma5minutes.com/<!-- google_ad_section_end -->

    และ ดังตฤณวิสัชชนา


    ถาม – เทวดาประจำตัวมีจริงหรือเปล่าคะ?

    ตอบ - ถ้านึกถึงเทวดาเดินตามต้อยๆไปคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์คุณตลอดเวลาล่ะก็ แบบนั้นไม่มีหรอกครับ

    ลองคิดดู ถ้าใครสักคนสู้อุตส่าห์ทำบุญจนเกินมนุษย์ธรรมดา ถึงขนาดตายไปเสวยสวรรค์ได้ สุดท้าย เบื้องบนตกรางวัล โดยให้มาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครองมนุษย์ตลอดเวลา ค่าจ้างค่าออนก็ไม่ได้รับกับใครเขา อย่างนี้จะเป็นเทวดาไปทำไมล่ะครับ


    เป็นคุณจะเอาไหม ถ้าทำบุญแทบตาย แล้วต้องไปกินบุญ ด้วยการเป็นเงาตามสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์ต่ำกว่า อย่างเช่น ลิง ค่าง บ่าง ชะนี?

    หากตอบว่า ไม่เอา เทวดาก็คงไม่เอาเหมือนกัน และหากบอกว่า ไม่เห็นจำเป็น
    เทวดาก็บอกว่า ไม่เห็นจำเป็นเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้นเลยครับ

    อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเกื้อกูลข้ามมิติภพภูมินั้น เป็นไปได้ครับ

    ทำนองเดียวกับที่คุณอยู่ในภูมิมนุษย์ สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือสัตว์ในภูมิเดรัจฉานได้ ตั้งแต่สัตว์เล็กอย่างมด ไปจนกระทั่งสัตว์ใหญ่ อย่างปลาวาฬ

    โดยที่การช่วยเหลือ อาจมาในรูปแบบต่างๆ เช่น

    หยิบยื่นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นการช่วยชีวิตพวกมัน ราวกับปาฏิหาริย์ หรืออาจมาในรูปของ การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่

    หรืออาจมาในรูปของ การนำพวกมันมาผสมพันธุ์กัน ป้องกันการสูญพันธุ์ ฯ

    พวกมันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้เลยว่า เป็นฝีมือของคุณ

    พวกเราก็เหมือนกัน วันๆ ได้แต่ดุ่มเดิมไปตามยถากรรม รับรู้ว่า อะไรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่ไม่รู้ว่า เป็นการบันดาลของอะไร

    ระหว่างความบังเอิญ กรรมเก่า หรือเทวดา

    ว่ากันถึงความบังเอิญ คุณจะยิ่งทึ่งในโลก และจักรวาลมากขึ้น

    ถ้ารู้ว่า ความกระทบกระทั่งดีร้ายทั้งหลาย ไม่เคยบังเอิญเลย สิ่งมีชีวิต วัตถุ
    อากาศ และกาลเวลา ต่างร่วมกันถักทอเหตุการณ์ ตามจังหวะการให้ผลของกรรมเสมอ

    ยกตัวอย่างเช่น คุณเดินไปเดินมา อยู่ในบ้าน แล้วนึกว่า คุณเป็นเอกเทศอยู่ตามลำพัง อยากก้าวเท้าไปที่จุดไหน ในเวลาใดก็ได้

    ความจริง คุณอาจทำหน้าที่เหยียบมดชะตาขาด ให้ตายดับโดยไม่รู้ตัว ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง

    เท้าคุณ เป็นวิบากของเหล่ามดกลุ่มดังกล่าว ทำหน้าที่เครื่องประหาร
    ส่งไปเกิดใหม่ ตามเวลาอันควรของพวกมัน

    เมื่อใด คุณเข้าใจความสัมพันธ์อันใกล้ชิด ระหว่างสิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ
    และกาลเวลา เมื่อนั้นคุณจะทราบว่า แม้ ‘ความบังเอิญ’ ก็มีเหตุผลบางอย่างของมันเสมอ

    ว่ากันถึงกรรมวิบาก แม้หลายคนจะเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เมื่อ
    ‘ได้ดี’ หรือ ‘ได้ชั่ว’ แต่ละครั้ง ก็จะงงๆ ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

    กับทั้งมองออกนอกตัว ไปเพ่งโทษว่า เป็นความผิดของมนุษย์ด้วยกันเสมอ
    เรียกหาความยุติธรรม เพื่อเอาผิดเอาถูก จากมนุษย์ด้วยกันเสมอ

    จะมีสักกี่คน ที่พูดออกและบอกถูกว่า เหตุการณ์ไหน ไหลมาจากกรรมอันใดของตน

    ว่ากันถึงเทวดา พวกเราในโลกมนุษย์นี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยครับ ที่สัมผัสพลังต่างมิติด้วยจิต อาจจะได้กลิ่นหอมแปลก อาจจะยินเสียงพิเศษ หรือบางคนอาจเห็นความผิดปกติ ของเหตุการณ์บางชนิด แล้วทราบทันทีว่า เป็นการแสดงนิมิตด้วยฤทธิ์ของเทวดา

    แต่สัมผัสเทวดานั้น แม้จริง ก็ใกล้เคียงกับอุปาทานมาก เช่น สายลมโชยกลิ่นหอมรื่น อาจเป็นลมธรรมดา ที่หอบกลิ่นดอกไม้ มากระทบจมูก แต่จิตคุณปรุงแต่งไปว่า ไม่เคยได้กลิ่นอย่างนี้มาก่อน ที่ไหนในโลก ต้องเป็นกลิ่นทิพย์ของเทวดาแน่ๆ

    ของแบบนี้ ถ้าให้แน่จริง ต้องมีตาทิพย์ อันคู่ควรกับการเห็นสภาพทิพย์

    เมื่อมีตาทิพย์ คุณจะพบว่า อากาศว่างหลายๆ แห่ง ไม่ว่างจริง ต้นไม้ใหญ่หลายๆ ต้น ไม่ได้มีแค่กิ่งใบ

    โลกทิพย์ จะปรากฏต่อหน้า โดยไม่ต้องรอให้ได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้สัมผัสอะไรแปลกๆ เสียก่อน เลยด้วยซ้ำ

    คนในโลกส่วนใหญ่ พร้อมจะเชื่อว่า เหตุการณ์ดีร้ายต่างๆ เกิดขึ้นจากความบังเอิญ หรือไม่ก็เทวดาบันดาล เพราะไม่ต้องมีตนเอง เข้าไปรับผิดชอบ เหมือนให้เชื่อว่า เป็นผลจากกรรมเก่าของตน

    แม้คนที่ศรัทธากรรมวิบาก ก็มักเลือกเชื่อ เฉพาะเมื่อเกิดเรื่องดีๆ ว่าเป็นเพราะบุญเก่าของตนบันดาล ส่วนเรื่องร้ายๆ ของตัวนี่ จะหาแพะ เพ่งโทษเอาผิด กับมนุษย์ด้วยกัน หรือไม่ก็โบ้ยให้ความบังเอิญ และเทวดาเป็นต้นเหตุไป

    ไม่อยากเชื่อว่า ตนเคยทำบาปอันใดไว้ จึงต้องมาเผชิญทุกข์ อย่างที่กำลังเป็น

    เมื่อโทษความบังเอิญหรือเทวดา อะไรๆ จะอธิบายง่าย ไม่ต้องเหนื่อยพิสูจน์ให้ยาก แค่ทำใจเชื่อ ก็ใช้ได้แล้ว

    นึกว่ารู้จริงแล้ว และด้วยความไม่รู้จริง หรือรู้ครึ่งๆ กลางๆ นี่เอง เป็นเหตุให้คนจำนวนมาก เชื่อเรื่องเทวดาประจำตัว ว่าเป็นเทวดาประเภทที่ คอยประกบติดคุ้มครอง คอยดลใจ หรือกระทั่ง คอยดลเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆ ให้เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    มาทำความเข้าใจ ให้ชัดเจนดีกว่าครับ เริ่มกันที่ความจริง อันเป็นต้นเค้า

    เราต้องทราบว่า เทวดา ก็เป็นสัตว์สังคมเช่นเดียวกับมนุษย์ พวกท่านมีเพื่อน มีสามี มีภรรยา มีเจ้านาย มีบริวาร ที่รักและผูกพันกัน

    แม้เมื่อญาติมิตร จุติจากสวรรค์ ลงมาเกิดในมนุษยโลกแล้ว ก็ยังอาลัยอาวรณ์
    อาจคอยสอดส่องดู ด้วยความห่วงใย เกรงญาติมิตรของตน จะประสบทุกข์ต่างๆนานา หรือพลาดท่าเสียทีให้กิเลส ทำบาปทำกรรม อันเป็นเหตุให้ต้องพลัดไปสู่อบายภูมิได้

    วิธีสอดส่องของเทวดานั้น ถ้าเทียบให้ใกล้เคียง ก็คงคล้ายมนุษย์อาศัยอินเตอร์คอม ในการฟังเสียงลูกน้อยจากอีกห้อง หรือใช้กล้องวงจรปิด ในการสังเกตพฤติกรรมของฝูงสัตว์เลี้ยง จากที่ไกล

    ต่างกันแต่ว่า เหล่าเทวดาส่วนใหญ่ มีวิถีการรับรู้อันเป็นทิพย์ รู้เรื่องไกลตัวได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย เพียงด้วยความห่วงใย มีใจผูกพันอาทร ก็จะรู้ขึ้นเอง เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรของตน ที่ไปเกิดในมนุษยโลก

    เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรในโลก เทวดาก็หาได้ สามารถช่วยเหลือไปหมดทุกเรื่อง ส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการดลใจ หรือโน้มน้าวจิตของญาติมิตร ให้เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล

    เช่น เมื่อญาติมิตรกำลังโมโหโกรธาจัดๆ เทวดาก็อาจแผ่เมตตา ช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในจิตใจญาติมิตร ให้เยือกเย็นลง ทำนองเดียวกับ บรรดาพระภิกษุผู้มีพลังเมตตาสูงๆ หลายรูป สามารถรวมตัวกัน แผ่กระแสความสุข ให้ญาติโยมที่มาประชุมกัน ระงับความทุกข์ และความฟุ้งซ่านลงได้ชั่วคราว เพียงเข้ามาอยู่ในละแวกใกล้

    ตัวแปรในการดลใจมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับฤทธิ์ของเทวดาเอง

    ประกอบกับที่ ขณะหนึ่งๆ กิเลสหรือวิบากของมนุษย์ ห่อหุ้มอยู่หนาแน่นเพียงใดด้วย หากมนุษย์กำลังโทสะแรงกล้า หรือกำลังมีวิบากมืดคลุมจิต มิดเม้นให้เห็นผิดรุนแรง แม้เทวดาฤทธิ์มาก ก็ดลใจไม่ไหว

    การดลใจ ยังมีหลายเหตุผล และไม่จำเป็น ต้องเคยเป็นญาติมิตรกันในชาติใกล้เสมอไป

    เช่น ในมหาปรินิพพานสูตร ส่วนที่ว่าด้วยการ สร้างเมืองที่ปาฏลิคาม ก็กล่าวไว้โดยใจความสรุปคือ พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง ว่า ท่านได้เห็นด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ในการที่เทวดาเป็นอันมาก นับเป็นพันๆ หวงแหนพื้นที่เขตต่างๆ ในปาฏลิคาม

    ๑) เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ผู้มีศักดิ์ใหญ่ ก็น้อมไปเพื่อจะสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๒) เทวดาชั้นกลางหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ชั้นกลาง ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๓) เทวดาชั้นต่ำหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ชั้นต่ำ
    ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    กล่าวสรุปโดยย่นย่อคือพระพุทธเจ้าทรงยืนยัน ว่า พื้นที่ส่วนต่างๆ ของโลกไม่เหมือนกัน ถ้าบุญไม่พอ ก็อยู่ไม่ได้

    หรือมีเทวดาดลใจ ให้ไปอยู่ที่อื่น ที่เหมาะกับวาสนาบารมีของแต่ละคน โดยที่เทวดา ไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาประจำตัวแต่อย่างใด

    หากคุณมีประสบการณ์ ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านโจร ที่เล่นไสยศาสตร์มืด ก็คงเคยรู้จักกับ กระแสยะเยียบทมิฬ ชวนขนลุกอย่างประหลาด

    อันนั้น อาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นต่ำปนๆ กัน ทั้งคนทุศีล และเปรตดุ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน

    คนดีที่เข้าไป จะเหมือนแกะขาวที่ถูกแกะดำหมั่นไส้ เวลานอนหลับ อาจถูกรบกวนด้วยเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าเอาได้

    ส่วนถ้าคุณมีประสบการณ์ ผ่านเข้าไปในเขตวัด ที่มีอริยเจ้าพำนัก ก็คงเคยรู้จักกับกระแสความอบอุ่นสว่างไสว ปลอดโปร่ง ราวกับอากาศว่างเบา แผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต

    อันนั้น อาจเป็นคลื่นจิต ของวิญญาณชั้นสูง ปนๆ กัน ทั้งมนุษย์ทรงศีล ทั้งเทวดาผู้มีพิมาน ซ้อนกับเขตวัด

    ทั้งเทวดาบุญญาธิการสูงเหนือโลก ที่หมั่นส่งใจลงมาบูชาพระอรหันต์ คนดีไม่พอ ที่คิดเข้าไปอาศัยวัดหลับนอน หรือปฏิบัติธรรมชั่วคราว อาจถูกกระตุกขา หรือได้ยินอะไรแปลกๆ เพื่อเตือนสติ ให้ขยันขึ้นกว่าเดิม ไม่นอนขี้เซาเหมือนเดิม

    โดยรูปแบบการเตือนนั้น อาจทำให้เกรง แต่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกสยดสยองพองขน เหมือนตอนเจอวิญญาณชั้นต่ำ

    สรุปคือ นอกจากคำว่า ‘เทวดาประจำตัว’ ซึ่งคุ้นๆกันแล้ว ยังมี ‘เทวดาประจำที่’ อีกด้วย

    รูปแบบความเกี่ยวข้องกัน ระหว่างเทวดากับมนุษย์ อาจมาทั้งในรูปของการดลใจ การปกป้อง ตลอดจนการสะกิดเตือนตรงๆ

    หากจู่ๆ คุณรู้สึกมึนงง หรือรู้สึกเหมือนถูกบล็อกความคิด ให้ตีบตัน โดยเฉพาะขณะต้องทำบุญหรือทำบาป อันขัดแย้งกับตัวตนเดิมมากๆ ก็เป็นไปได้ครับ ว่ามีความเกี่ยวข้อง กับภูตผีปีศาจ หรือเทวดานอกตัว

    แต่ส่วนใหญ่ จะเป็นเหตุภายใน เช่น ความบกพร่องทางกาย หรืออาจเป็นความขัดแย้ง กับภาวะจิตใจเดิมๆ เท่านั้นเอง

    และไม่ว่า จะเชื่อเรื่องภายในหรือภายนอก การฝึกมี ‘สติ’ ให้เข้มแข็ง ต้านทานบาป และหันมาต้อนรับบุญทั้งปวง นับเป็นนโยบาย อันควรยึดถือเป็นที่สุด

    แถมอีกหน่อย เป็นการทิ้งท้าย วิญญาณที่ผูกกรรมสัมพันธ์บางอย่าง กับมนุษย์
    ต้องคอยติดตามมนุษย์นั้น มีอยู่จริง แต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก

    ระดับหนึ่งในพันหนึ่งในหมื่น คือ ต้องเป็นเหตุผลพิเศษจริงๆ เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอธิษฐานผูกติดกับอีกฝ่าย

    อำนาจการอธิษฐานที่แรงพอ จะทำตัวเป็นเสมือนเชือก โยงให้ต้องติดตามไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อหมดกำลังส่งของแรงอธิษฐาน หรือเมื่อฝ่ายมนุษย์เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนละคน ‘เงาตามตัว’ ก็จะจำไม่ได้ ต้องหายไปตามหนทางของเขาเองครับ
     
  13. boontiga

    boontiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +2,357
    ถ้าต้องการรับท่านหมายถึงเป็นร่างทรงให้ถือศีลแปดเจริญภาวนา
    ส่วนเรื่องขอพรจากท่านขึ้นอยู่ที่ผลกำลังบุญผู้ขอ
     
  14. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    น่าจะเป็น องค์เทพนํ้าเเข็ง ยูนิค

    ท่านบําเพ็ญ ตะบะ อยู่ที่ เทือกเขาเเอล ทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือ สิบห้าริบดาใต้
    เเละ หกสิบสอง ริบดาเหนือ

    มี สโนบรอด ติดเครื่องเจท เป็นพา หะ นะ

    พระหัตขวา ทรงพระเเสงปืนก็อค สิบเเปด
    พระหัตซ้าย ทรง กางเกงยีนรีวาย สี่ ตัว

    เครื่องทรงเป็นชุด ซานต้าสี มะเดื่อ ใส่บ็อกเซอสีทอง ทับ ด้านนอกอีกที

    มีพระวรกาย สูง สามนิ้วครึ่ง ใหญ่โตคับถ้วยกาเเฟ สตาบัค

    หากต้องการละลึกถึง หรือ ขอพร

    ให้ร้อง หรือนําเพลงของ ปอยฝ้าย มาลัยพร มาเปิด ให้ครบ สามวัน เจ็ดวัน

    หรือท่องปากปล่าว ตามอายุตัวเอง

    ท่านก็จะลงมาโปรด ครับ
     
  15. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    Gandalf The White...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    [​IMG]

    เอาภาพสดชื่นๆ มาฝากกันครับผม (f)
     

แชร์หน้านี้

Loading...