นี่ผมทำบุญแต่กลับได้บาปใช่ไหม...(เกี่ยวกับการปล่อยปลา)อะครับ -_-

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย TheKunKeng, 26 มิถุนายน 2015.

  1. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +920
    คือว่า ช่วงปีนี้ นับตั้งแต่ ต้นๆ ปี มานี่ พอถึง ช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ก็มักจะซื้อปลาไปปล่อย อะครับ... 1 ตัว , 2 ตัว บ้าง (ถ้าเป็นตัวใหญ่) หรือบางที เป็นฝูง 5 ตัว ถึง 10 ตัว บ้าง แล้วแต่โอกาส อะครับ ส่วนใหญ่ผมจะชอบซื้อ ปลาช่อนตัวใหญ่บ้าง , ปลาหมอตัว เล็กๆ หรือว่าอาจจะเป็นปลาไหล,หรือปลานิล ตัวเล็กๆ อะครับ ผมก็มักจะซื้อร้านประจำของผมที่ตลาดนี้ประจำ เป็นร้านที่เค้าขายปลา เป็นๆ และ ทำ เป็นๆ (ก็คือ ฆ่า เป็นๆ) ผมจึงซื้อ ร้านนี้ เพราะคิด ว่าน่าจะได้บุญกุศล ในการปล่อยปลานั้นมากกกว่าร้าน ที่ขายเฉพาะปลาปล่อยโดยเฉพาะ อะนะครับ เพราะเป็นการซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่ามา แล้วเอาไปปล่อยให้เค้ามีอิสระ มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข ตามธรรมชาติของเค้า จึงคิดว่าน่าจะดีกว่า กอปรกับผมปีนี้เป็นปีชงของผมด้วย(เกิดปีชวด) ผมจึงเร่งทำบุญ เผื่อโอกาสที่จะทำอาจจะน้อยนิดหรือวันเวลาที่จะมี ชีวิต อยู่ น้อยลง เรื่อยๆ จึงมันทำบุญ ถวายสังฆทานไป บางทีก็ปล่อยสัตว์ (โดยเฉพาะปลา เพราะหาง่าย) เพื่อที่จะขอให้ช่วยเรื่องดวง หรือ การงานของผมด้วย ถึงสิ่งเหล่านี้จะจัดว่าเป็นการทำบุญแบบเจือกิเลสก็เถอะ(เพราะทำบุญแล้วหวังผล) ผมก็ต้องทำเพราะมันจำเป็น จริงๆ และผมไม่เคยทำสิ่งที่ชั่วไม่ดีหรือเบียดเบียนใครเลย จริงๆ (เฉพาะชาตินี้) ผมจึงหวังขอแค่นี้ จริงๆ ไม่เคยบุญแล้วขอให้ร่ำรวย ถูกหวยล็อตเตอร์รี่ เป็นมหาเศรษฐีในพริบตา (แบบคนส่วนใหญ่ที่เค้ามักขอกัน) เลยแม้แต่น้อย... ผมจึงคิดว่า ผมคงทำบุญแบบเห็นแก่ตัว นีสๆ คงไม่มากมายเท่าไหร่นักหรอกนะครับ (คริๆ) แต่ประเด็นที่ตามหัวข้อที่ผมกล่าวคือ ว่า... ก็ปลาที่ผมซื้อไปปล่อยที่ท่าน้ำวัด หน่ะสิ ที่ผมเห็นกับตาเองเลย ผมจึงหนักใจ และคิดมาจนถึงทุกวันนี้ "ผมเอาพวกเค้ามา(ปลา)จากมือเพชรฆาต แต่แล้วแทนที่พวกเค้าจะอยู่อย่างสบายตามวิถีชีวิตของเค้า..แต่ผมกับเอาพวกเค้ามาปล่อยเพื่อ เผชิญเครื่องทรมานกายหรือเอามาให้เค้าทุกข์ทนด้านร่างกายและใจ จนถึงขั้นตายอย่างทรมาน "<<ทำไมผมถึงคิดเช่นนี้ ก็เพราะว่า ครั้งแรกที่ผมปล่อยปลาที่ท่าน้ำที่วัดนี้ นั้น ก็ไม่คิดอะไรอะนะครับ คิดว่าท่าน้ำแห่งนี้ ก็คงจะไม่ใครหรืออะไร มาเบียดเบียนปลาที่ผมกำลังจะปล่อยลงไปนั้นอะนะ เพราะท่าน้ำวัดหรือบริเวณวัดเป็นเขตอภัยทานอยู่แล้ว ผมก็ครั้งนั้นซื้อ ปลาช่อนตัวใหญ่ มาตัว 1 ราคา ราวๆ 150 บ. ผมก็มาที่ตลิ่งแล้ว ก็อธิฐานอะไรไป (พอดีเจ้าของร้านเค้าก็ให้ใบกระดาษ ถ่ายเอกสารคำท่องคาถาอธิฐานมาด้วย เพราะเค้าน่าจะรู้ว่าผมซื้อปลามาปล่อย[เพราะผมเอาแบบ เป็นๆ ไม่ทุบหัว]) พออธิษฐานเสร็จ แกะถุง แล้วค่อยๆ เท น้ำในถุงออก แล้วหย่อนตัวปลาลงไป เชื่อไหม ตอนปลาลงไปใหม่ๆ ไม่เป็นไร แบบสุขสบายดี ว่ายกลับตัว เหมือนเค้าจะหันหน้ามายิ้มขอบคุณผมแต่หลังจากนั้น ซัก 10 วิ เห็นจะได้ พอปลาช่อนผม ค่อยๆ ว่าย จากที่ตื่นๆ ลงไป น้ำ ลึกๆ หน่อย เท่านั้น แหละครับ ...พวกปลาเจ้าถิ่น อันธพาล ส่วนใหญ่จะเป็น ปลาตะเพียน มันว่าย ปลี่ เข้ามา รุมตอดทึ้ง ปลาช่อนกันเพียบ รอบทิศทาง เป็น ฝูงๆ เลย 10-20 ตัว เท่านั้นแหละ ผมก็ตกใจเลย ไม่นึกไม่ฝัน ว่ามันจะมารังแก ปลา ทีปล่อยลงไปใหม่ได้ถึงเพียงนี้ ผมก็ไม่ได้คิดไรมา หลังจากนั้นผมก็เก็บเอาไปคิด เล่นๆ ว่า ปลาเจ้าถิ่น มันมาตอดปลาช่อนแบบนี้ คงไม่แปลกหรอกมั้ง มันอาจจะมาทักทายน้องใหม่ เหรือเป็นการรับน้อง (แบบนักศึกษาเข้า มหาลัยปี1) ก็เป็นได้.. ผมจึงไม่ค่อยตะขิดตะขวงใจเท่าไหร่ จนมาอีกประมาณอีกเดืิอน 1 ผมก็ซื้อปลาช่อน ตัวใหญ่ อีกเมื่อเดิม คราวนี้ซื้อ 2ตัวเลย ให้อยู่เป็นคู่เป็นเพื่อนกัน ผมก็ไปปล่อยที่ท่าน้ำวัดเดิมอีกนั่นแหละ...คราวนี้ปล่อย ปุ๊บ!! ซักพัก พวกปลาตะเพียนนักเลงเจ้าถิ่น ก็มากรูกันเข้ามา ตอด ทึ้ง ปลาช่อน 2 ตัวนี้เหมือน ปลาช่อนตัวเก่า ที่ผมปล่อยคราวที่แล้ว(ไม่มีผิด) แต่ผมก็คิดเหมือนเดิม ว่าคงเป็นการทักทายรับน้องของพวกปลาตะเพียนมันก็ไมไ่ด้เก็บไปคิดกังวลอะไร จนผมเดิน เรี่ยๆ ตลิ่ง แล้วเหลือบตาไปเห็น ปลาช่อนตัวเก่าอยุ่ตรงโขดหินน่ำตื่น (น่าจะใช่ตัวที่ผมปล่อย เพราะถ้าน้ำวัดนี้ไม่ค่อยมีคนเอาปลาใหญ่มาปล่อย ขนาดปลาเล็กยังไม่ค่อยมีคนปล่อยเท่าไหร่เลย -_-) ผมจึงเอา นิ้ว จิ้มๆ เขี่ยๆ หลังมัน แล้วพูดว่า "เอ้า!! ว่าไง เป็นยังไงบ้างอะ สบายดีไหม?" เมื่อนิ้วผมสัมผัสเกร็ดหลังของมันเท่านั้นแหละ..มันพลิกตัวกลับหัวหัวออกทันทีเลย แล้วตอนช่วงมันกลับตัว ผมก็เห็น รอย แผล เป็น สะเก็ด ถลอกๆ ด้านข้างตัวปลา เห็นอย่างชัดเจน เต็มไปหมด ส่วนใหญ่แผลไม่ค่อยใหญ่ ผมจึงคิดในใจว่า "เดี๋ยว วันอาทิตย์หน้า...ชั้น เอาอาหารปลามาให้แกกิน ก็แล้วนะ.. เดี๋ยวมาโปรย ให้ตรง แถวๆตลิ่งเลย มารอละกัน" ผมก็กลับไปบ้าน แล้วผมก็ได้ถามพ่อผม พ่อผมบอกว่า "ปลาที่ท่าน้ำวัดนี้ มันนักเลง อันธพาลนะ มันชอบมาตอด ปลาที่พ่อไปปล่อยอะ พ่อปล่อยมา 2ครั้ง มันก็ว่าย เข้ามารุมตอด ทำแบบนี้ทักครั้งเลย" ..ผมเคยคิดขึ้นมาในใจทันทีว่า "ฉิ...หาย แล้ว!!! นี่กูเอามันไปเผชิญความทุกทรมาน กว่าเก่ารึปล่าวฟ๊ะ" เพราะแทนที่ปล่อยไปแล้วมันจะ อยู่ในท่าน้ำนั้นอย่างมีความสุข แบบปลาตัวไป ก็กับต้องมาเจอ กับพวกปลานักเลงอันธพาล ที่ไม่รู้จักคำว่า "มิตรภาพ" ถึงจะต่างคนละพันธุ์กันก็เถอะ ไงก็เป็นปลาเหมือนกัน -_- ผมก็เลยกะว่าจะซื้อ อาหารปลาถุงใหญ่ซัก 5 ถุงไป โปรยให้ปลาตะเพียนพวกนั้นกินด้วยเลย (เพราะคิดว่ามันคงหิว เลยไปตอดปลาที่ปล่อยไปใหม่ กะหวังช่วง พอตอดไปเรื่อยๆ จนปลาอ่อนแอ แล้วมันถือ โอกาสรุมกินเลย) และแล้วพอถึงวันอาทิตย์ ผมก็หอบอาหารปลาไปอย่างเดียว (โดยไม่มีปลาไปปล่อย) กะจะโปรยให้มัน กินกันให้หนำใจเลย แต่ที่ไหนได้ พอไปถึง บริเวณโป๊ะ กลางท่าน้ำ (เพราะโปรยอาหารให้ที่โป๊ะจะ ทั่วถึงและกลางกว่า ปลาตะเพียนจะได้มากิน เยอะๆ) ผมก็ให้อาหารปลาไปได้ ครึ่งถึง ผมก็เห็น ซากปลาช่อน ทั้ง 3 ตัว ของผมนอน ตาย หงายท้อง แง๋แก๋เลย ข้างๆ ลำตัว รอยถูกตอด ฉีก จนเนื้อ ยุ่ยเลย..ผมก็คิด "เฮ้ย!!นี่พวกมึง หิวขนาด กินปลากันเองแบบนี้เลยเหรอ ...เมิงไม่ใช่ปลากินเนื้อ แบบปลาปิรันย่า น่ะ -_-"...หลังจากนั้น ผมจึงให้อาหารปลาแค่ 2 ถุงแค่นั้นพอ (ฝูงปลาตะเพียนพวกนั้นมันก็กินหมดเกลี้ยง) พอกลับไปบ้าน ผมก็นึกว่า "เอ้!! กรูจะให้อาหารที่เหลือ อีก3 ถุง ให้ปลาตะเพียนอีกต่อไปดีป่าวว้ากำลังชั่งใจอยู่" และก็เอาเรื่องไปบอกกับพ่อและแม่ พ่อบอก "แล้วแต่ละกัน" ส่วนแม่ผมพูด ว่า "เอาอาหารไปให้มันอย่างเดียว ไม่ต้องเอาปลาไปปล่อยเพิ่มอีกแล่้วน่ะ" <<ซึ่งแม่ผมก็คิดเหมือนกันกับผมเลย ผมจึงกะว่าจะเอาอาหารปลา ไปให้ทีี่ท่าน้ำนี้ อาทิตย์ ละ 1ถุง (พอ)ละกัน พอวันอาทิตยืนั้นมาถึง ในระหว่างผมเดินไปที่ ศาลาท่าน้ำวัดนั้น ผมก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าของน้ำอย่างรุนแรง และพอผมเดินไปที่โป๊ะ ผมชะโงกดู..กับแทบไม่เห็นปลาตะเพียน ฝูงใหญ่ ที่มี นับ 200-300 ตัวนั้นเลย (ผมเห็นใต้น้ำ แว้ปๆ ราวๆ 10 ตัว -_-)ผมจึงคิดว่า มันคงตายกันเกือบหมดแล้วมั้ง หรือไม่ก็หนีไปเปล่ามิรู้ เพราะน้ำเหม็นขนาดนี้ คงทนอยู่ไหม่ไหว แน่ๆ ซึ่งผมก็เดาว่า น่าจะเป็นน้ำเสีย จากโรงงาน อยุ่ทางเหนือๆ ของแม่น้ำสายนี้ ลอยกระจายมาอะ จึงช่วยไม่ได้จริงๆ ผมจึงคิดว่าต่อไปนี้ เราเปลี่ยนไปปล่อยปลา ที่ท่าน้ำอีกวัดหนึ่ง ดีกว่า ซึ่่งที่ท่าน้ำวัดนั้น เค้ามีคนไปให้อาหารปลาเยอะ (มีแม่ชีคอยขายอาหารปลาอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว)และคนไปปล่อยก็เยอะด้วย คงไม่มีปลาอันธพาล แบบท่าน้ำวัดนี้ แน่ๆ และเมื่อวันอาทิตย์ ต้นเดือนนี้ที่ ผ่านมา ผมจึงซื้อปลา ตะเพียนทองไปปล่อยอะ 5 ตัว และปลานิลอีก 2 ตัว ผมไปปล่อยที่ท่าน้ำวัดนี้ เค้าก็จัด ขยับขยาย ท่าน้ำปลาใหม่ ให้กว้างยาวกว่าเดิม และตลิ่ง ก็ทำใหม่ให้ไม่ชันเกินไป ผมก็เอาไปปล่อย ตรง ใกล้ๆ สะพานที่ข้ามไป โป๊ะที่ให้อาหารปลาอะนะ ผมปล่อยตรงตีนสะพาน ตรงน้ำตื้นๆ เลย และเหมือนเดิม พอผมอธิฐานเสร็จ แกะถุงปลา แล้วค่อยๆ หย่อนปล่อยลงไปในน้ำอะนะ ...แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดไม่นึกไม่ฝันมาก่อนก็คือ ปลาตะเพียน เจ้าถิ่น (ตัวใหญ่ มากๆ ตัวใหญ่ กว่าวัดก่อนหน้านี้อีก ตัวพอๆ กับปลายี่สกเลยอะ) ว่ายพุ่งเค้ามา งาบ ลูกปลาตะเพียนทอง และลูกปลานิลของผม ไปอย่างรวดเร็วในพริบ ตา จนผมต้อง ลุกขึ้นยืน แล้ว อุทานในใจว่า "เอาอีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว นี่กู..ทำบุญแต่กับได้บาปอีกแล้วเหรอนี่" ผมไม่นึกเลยว่า ปลาที่เค้าให้อาหาร มันอยู่ เกือบ ทุก 5-10 นาที ทุกๆวัน มันจะหิวโหย จนไปไล่จับกินปลาเล็กที่ปล่อยใหม่ได้ถึงเพียงนี้
    ผมจึงอยากจะถาม ผู้รู้เกี่ยวกับเรื่องกรรมว่า "นี่ผมทำบุญแต่กับได้บาป ใช่หรือไม่?" ที่เอาปลาไปบ่อยแล้วเจอ ปลาเจ้าถิ่นรังแก ให้เกิดความทุกข์ทางกายใจหรือไม่ก็กินไปเลยอะนะ ซึ่งผมมองอีกแง่ว่า แล้วให้ที่ผมอธิษฐานขอตอนก่อนปล่อยปลาไปล่ะ ...เค้าจะส่งผลหรืออนุโมทนาบุญให้ผมเหรอ ก็ผมปล่อยให้ไปพวกเค้าไปเผชิญหน้ากับเพชรฆาตอีกรูปแบบหนึ่ง หรืออันธพาลผู้ไร้ความปราณี..ซึ่งผิดคำที่ผม อธิฐานในตอนท้ายสุดว่า "ปลาที่ข้าพเจ้าปล่อยจงอยู่ในที่แห่งนี้อย่างเป็นสุขเถิดและปลอดภัย ด้วยเถิด สาาาา ธุ" T^T
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2015
  2. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    กรรมอยู่มี่เจตนาครับ เจตนาคุณดีไม่เป็นบาปหรอกครับ อย่ากังวลไปเลย คิดว่าเป็นกรรมของปลาที่ปล่อยไปมีวิบากกรรมในอดีตที่ต้องไปเจอกับเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นปลาเข้า ต้องวางอุเบกขาให้ได้ ใจเราจะได้ไม่ทุกข์นะครับ ไหนๆเขาก็ตายไปแล้ว ให้ตั้งใจทำสังฆทานมีอาหาร น้ำดื่ม ผ้าสบงหรือผ้าอาบน้ำฝนก็ได้ กับพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้ว 1 องค์ (ถ้ามีงบประมาณพอนะครับ) จัดส่งให้เขาไปสู่สุคติเลยก็ดีนะครับ เราก็ได้บุญ ปลาก็ได้บุญ บางทีพวกเขาอาจได้ไปเกิดในภพภูมิใหม่ที่ดีกว่าเดิม จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเกิดเป็นปลาใช้กรรมต่อไปอีก ตรงนี้ถือว่าเป็นโชคดีของเขาก็ได้ครับ ถ้าตั้งใจช่วยแล้วก็ส่งให้ไปที่ดีๆเลยครับ เพียงแต่คราวหลังก็ต้องระวังเพิ่มเติมนิดนึงว่าปล่อยที่วัดไหนจึงจะปลอดภัยจากปลาเจ้าถิ่นดุๆ

    การปล่อยปลา(ที่เขาจะนำไปฆ่า)เป็นประจำนี่มีอานิสงค์เยอะนะครับ ทั้งช่วยป้องกันอุปฆาตกรรมที่จะมาทำให้ต้องตายก่อนอายุขัย ถ้ามีโรคภัยก็จะบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากหนักเป็นเบาได้ อาจช่วยเรื่องดวงชะตาของเราให้ดีขึ้นได้ครับ
     
  3. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    อีกเรื่องหนึ่งครับ ระวังนิด ปล่อยเต่าบก ในน้ำระวังด้วย รวมถึง ต้องศึกษาอีกนิดว่า ปลาที่ปล่อยชอบน้ำแบบไหน น้ำจืด น้ำเค็ม กระแสน้ำไหลแรง น้ำนึ่ง ส่วนประเด็นที่น่าพูด คอมเมนต์ด้านบนพูดหมดแล้ว
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    จขกท..พึงทราบว่า บุญอันดีที่ตนทำนั้น"สำเร็จ"ลุล่วงไปแล้ว ...:cool:

    .. ส่วนความลังเลสงสัย และความวิตกกังวล ที่เกิดในภายหลังนั้น ให้ทราบว่า "เป็นบาป"ทางใจ ที่เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งดูเหมือนจะมีกำลังมากกว่าบุญที่ลุล่วงไปแล้ว อย่างนี้มีแต่เสียหาย ให้รีบระงับความกังวลลงเสีย"โดยเร็ว" ..

    การทำบุญที่มีผลมาก ควรเป็นไปกับกาลทั้ง๓ คือ ก่อนทำ ก็ปลื้มใจ ยินดีว่าจะได้ทำ มีการให้ชีวิตเป็นทาน..คิดตระเตรียม สิ่งที่จำเป็นเพื่อบุญนั้น..

    ขณะทำก็ดีใจ ชื่นใจในกิจอันดีงามนั้นอยู่ เพราะทราบชัดว่า ตนสามารถช่วยให้ปลามีชีวิตยืนยาวต่อไปได้..ไม่ตายด้วยคมมีดหรือตายคากาละมังที่หมักหมมแน่นขนัดของผู้ขาย

    เมื่อทำแล้ว ก็อิ่มใจว่า บุญดีเช่นนี้ เราได้ขวนขวายด้วยความเพียร ย่อมมีผลดีตามมา เรียกว่า มีปัญญาทราบเรื่องกรรมว่ามีผล..เมื่อทำได้เช่นนี้ ผลดีอีกอย่างหนึ่งที่จะได้รับคือเกิดมามีปัญญาดี เฉลียวฉลาด..

    เมื่อเห็นปลาถูกทำร้ายก็ให้วางใจว่าเรามิได้คิดจะให้ปลาพบภัยร้าย มีแต่คิดช่วยชีวิตเขา ให้พ้นภัย แต่อาศัยบาปกรรมของปลานั้นมีกำลังมากย่อมซัดส่งให้ต้องพบความวิบัติเห็นปานนั้น แล้วพึงปลงลงด้วย อุเบกขา เเจริญ"กรุณา"ให้ปลาต่อไปว่า ขอให้เจ้าจงไปสู่ที่ดี ขอให้พ้นทุกขโดยเร็ว อย่างน้ ย่อมรักษาจิตตนเองไว้ในฝักฝ่ายแห่งกุศลได้โดยไม่ยากเลย..

    อนุโมทนากุศลเจตนานการให้ชีวิตสัตว์ครับ..


    ปล. เพื่อสงเคราะห์สายตาชาวบ้าน โปรดเปลี่ยนสีตัวอักษรเป็นสีเข้มอื่นดีกว่าครับ..:cool:
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    มีท่านหนึ่งบอกไว้ในเฟสบุคว่าการปล่อยปลาหรือสัตว์ต่างๆก็ควรพิจารณาเล็กน้อยให้อยู่ในที่ที่เหมาะควรว่าเขาจะอยู่ได้หรอไม่หรือจะกลายเป็นเอาปลาเล็กไปปล่อยให้เป็นอาหารปลาใหญ่ เต่าควรอยู่ที่ใดปลาช่อนควรอยู่ที่ใด ช่วยชีวิตคนแต่ให้เขาไปอยู่ในเขตพวกกินคน เช่นนี้ค่ะ สาธุธรรมค่ะ
    ขออนุโมทนาในจิตที่เป็นกุศลธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2015
  6. ธิญาดา

    ธิญาดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    80
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +582
    ปล่อยปลาต้องปล่อยปลาที่่กำลังจะถูกฆ่าในตลาดค่ะ ไม่ควรปล่อยลูกปลา เพราะปลาแถวนั้นมันหิวโซ ใครปล่อยอะไรลงไปมันนึกว่าอาหาร มันเลยแย่งกันงับค่ะ เราคิดว่าคุณได้บาปนะ ปล่อยปลาควรปล่อยให้ถูกวิธีค่ะ
    ดิฉันเห็นด้วยที่คุณปล่อยในเขตอภัยทาน แต่ต้องดูคุณภาพของน้ำด้วยนะคะ ว่าเขาสามารถอยู่ได้ไหม
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ได้บุญ ไม่ได้บาปครับ

    กรรมอยู่มี่เจตนา

    กรรมเกิดขึ้นที่ใจ กุศลกรรม

    คุณไม่ได้ไปฆ่าปลาที่ปล่อย ไม่บาปครับ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ความจริงเราต้องแยกแยะให้ออก เราไม่ได้เจตนาจะทำให้เขาตาย จะปล่อยเขาให้รอด แต่ดันลงไปที่ดงปลากระหายเลือดพอดี


    ถาม :
    ที่ หลวงพ่อฤๅษี เคยบอกว่า คนผิดศีลข้ออทินนาทาน กฎแห่งกรรมก็คือทรัพย์สมบัติที่มีจะถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ หรือภัยต่างๆ ในกรณีที่เพื่อน ๆ ผมที่ทำงานถูกน้ำท่วม และทรัพย์สินเสียหาย ควรจะมีการชักชวนเขามาชำระพระหนี้สงฆ์ ไม่ทราบว่าผลจะตรงหรือไม่ครับ ?

    ตอบ : สิ่งที่เราทำเป็นความดีใหญ่ แต่ผลไม่ตรง เพราะว่าทรัพย์สินเสียหายเกิดจากกรรมเก่าที่เราสร้างมาในอดีต ส่วนบุญใหม่ที่เราสร้างในปัจจุบันเป็นส่วนของบุญ บุญกับกรรมนี่ต่างคนต่างอยู่ ถึงเวลาต่างคนต่างให้ผล เพราะฉะนั้น..ทำไว้ดีกว่าไม่ทำ แต่ไม่ใช่การแก้กันโดยตรง

    ในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สิน มีเคล็ดลับง่ายๆ ว่าให้ปล่อยนกบ่อยๆ สักเดือนละตัวสองตัวก็ได้ ถ้าปล่อยนกจะป้องกันในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สินได้ เพราะถึงเวลานกบินไปแล้วไปลับ ก็ปล่อยนกไปแทน จริงๆ โบราณเขาเก่งเหมือนกัน การปล่อยสัตว์อย่าง ปล่อยนก จะมีอานิสงส์พิเศษคือป้องกันเรื่องข้าวของสูญหาย ทรัพย์สินเสียหาย

    เรื่องของการ ปล่อยปลา ถ้าทำเป็นประจำจะมีความเป็นอยู่คล่องตัว คนอื่นเขาลำบากแค่ไหนเราก็ไปได้เรื่อย เหมือนปลาที่แถกเหงือกไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ แต่นี่เราปล่อยลงแม่น้ำใหญ่ ก็ยิ่งสบายใหญ่เลย

    การ ปล่อยไก่ จะตัดเคราะห์กรรมใหญ่ได้ แต่ถ้า เคราะห์กรรมประเภทอุปฆาตกรรมหนักจะถึงแก่ชีวิต ให้ปล่อยพวก วัวหรือควาย ที่ว่ามานี้ถ้าได้สัตว์ประเภทที่เขากำลังจะฆ่าได้ก็ยิ่งดี เพราะว่าเท่ากับใช้ชีวิตแลกกัน เรื่องของการปล่อยสัตว์นอกจากได้เมตตาบารมีแล้ว ยังมีอานิสงส์พิเศษที่ว่ามาอีกด้วย

    หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเคยไปเจอ ปูทะเล แล้วปล่อย อาตมาเรียนถามว่ามีอานิสงส์พิเศษอะไรครับ ? ท่านบอกว่า หลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงษาราม ฝั่งธนบุรี เป็นอาจารย์สอนเทศน์ของหลวงพ่อท่าน เคยปล่อยปูด้วยความสงสาร ท่านบอกว่า "ไอ้ปูอีปูเอ๊ย..ข้าจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พวกเอ็งไม่ต้องตามไปเกิดเป็นบริวารของข้าหรอกนะ ข้าปล่อยพวกเอ็งไม่ได้ต้องการให้พวกเอ็งไปเป็นบริวารของข้า ข้าปล่อยพวกเอ็งเพราะต้องการให้พวกเอ็งพ้นทุกข์เท่านั้น"

    ปูโดนมัดมาทั้งวัน บางตัวพอตัดเชือกออกมาขาหลุดหมดเลย คนเรานั่งนิ่งๆ ท่าเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่โดนมัดด้วย ปรากฏว่าพอหลวงปู่ท่านปล่อยปูไปไม่นาน อาการที่ท่านเคยปวดหลังเมื่อยเอวอยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ หลวงปู่ท่านก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะเป็นอานิสงส์ของการปล่อยปูให้พ้นจากการโดนมัด ท่านก็เลยเอามาเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็จำไว้ ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็มาปล่อยบ้าง

    เพราะฉะนั้น..เรื่องของการปล่อยสัตว์ บางทีอานิสงส์พิเศษบางอย่างก็มีชนิดที่เรานึกไม่ถึง แต่ถ้าเกี่ยวกับข้าวของที่สูญหายหรือเสียหาย ก็ให้ปล่อยนกแทน ปล่อยเดือนละตัวสองตัวก็ได้ อาตมาเองถ้าไป วัดเชียงมั่น ที่เชียงใหม่ ไปไหว้พระแก้ววัดเชียงมั่น ก็จะปล่อยนกเขา เพราะว่าตรงนั้นจะมีนกเขาให้ปล่อย ที่อื่นไม่เคยเจอ

    ไปถึงก็ต่อรองราคากันสนุกสนานเฮฮา ตอนหลังเขาจำได้แล้ว ไปถึงเขาก็วิ่งมาให้ปล่อยเลย แรกๆ เขาก็ถาม "ปล่อยนกบ่เจ้า" อาตมาบอกว่า "นกชนิดนี้ไม่ปล่อยหรอก ชอบกินมากกว่า" ญาติโยมก็หัวเราะกันสนุกสนานเฮฮา แรกๆ จะขายตัวละ ๑๕๐ บาท ต่อไปต่อมาเหลือแค่ตัวละ ๘๐ บาท หายไปครึ่งหนึ่ง อย่าไปเชื่อเขานะว่าปล่อยชีวิตสัตว์แล้วต่อราคาไม่ได้ ต่อไปเถอะ..เพราะเงินที่เหลือเราเอามาซื้อปล่อยเพิ่มได้


    มีอยู่รายหนึ่งมาบอกกับอาตมาว่า "หลวงพ่อครับ..ผมไปดูหมอมา เขาบอกว่าให้ปล่อยปลาไหลเท่าอายุ ต้องเขียนชื่อตัวเองและวันเดือนปีเกิดติดตัวปลาไหลไปด้วย" อาตมาได้ยินก็หัวเราะก๊ากเลย ถามว่า "ตกลงตายห่าหมดเลยใช่ไหม ?" "หลวงพ่อรู้ด้วยหรือครับ ?"

    "จะ ไม่ตายได้อย่างไร ? ปลาไหลตัวลื่นๆ เขียนไม่ได้ ถ้าคุณจะเขียนชื่อได้ คุณต้องเช็ดจนเมือกหมดก่อน ถ้าปลาไหลไม่มีเมือกก็เหมือนคนโดนถลกหนัง แล้วจะไปเหลืออะไร" ท้ายสุดเขาบอกว่าตายหมดจริงๆ

    อาตมาเป็นเด็กบ้านนอกอยู่กับทุ่งอยู่กับนา รู้จักสัตว์พวกนี้ดี ที่น่าอนาถที่สุดคือ ตามทุ่งนาตอนหน้าแล้งเขาจะเผาตอซัง ก็คือตอข้าว พอเผาแล้วก็เป็นขี้เถ้าไปทั้งทุ่ง พอฝนลงขี้เถ้าพวกนี้จะไหลไปในรูปลาไหล โอ้โห..เหมือนกับโดนน้ำกรดราด เพราะ ปลาไหลพวกนี้แพ้ขี้เถ้า ก็ตะกายขึ้นมาเต็มทุ่ง แล้วที่ตะกายขึ้นมาไปไหนก็ไม่รอดแล้ว เพราะโดนไปเต็มๆ เหมือนคนโดนน้ำกรดราดไปทั้งตัว

    อาตมาเองเห็นทีไรสยองทุกที เขาไม่ได้เจตนาหรอก เป็นผลพลอยได้ เพราะชาวนาต้องเผาตอซังเพื่อให้เป็นปุ๋ยทุกปี แต่พอถึงเวลาฝนตกแล้ว น้ำที่เกิดจากขี้เถ้าไหลลงไป เรียบร้อย..เล่นเอาปลาไหลเผ่นขึ้นมา เก็บกันทีเป็นหาบๆ เลย..!

    ถาม : ถ้าปล่อยปลาแล้วปลาใหญ่มากินละครับ ?

    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ อย่าไปเสียกำลังใจ ปล่อยไปแล้วตายหรือปลาใหญ่มากินไปก็ช่างเถอะ เพราะเราได้ปล่อยแล้ว แต่ปลาที่เราปล่อยไปแล้วมีปลาอื่นมากินเข้า เพราะกรรมเขาไม่พ้นที่จะต้องตาย เขาไปก่อกรรมไว้กับอีกฝ่ายหนึ่ง พอถึงเวลาเขาก็มาเอาคืนพอดี

    ตอนอาตมาอยู่ วัดท่าซุง ไปเจอ กบ ที่ไข่ไว้บนพื้นซีเมนต์ที่สวนไผ่ ๖ ไร่ พอไข่เป็นลูกอ๊อดพอดีน้ำตรงนั้นจะแห้ง อาตมาจึงเอาช้อนไปตักขึ้นมาทีละช้อนๆ ใส่ถังได้ครึ่งค่อนถัง ก็เอาไปปล่อย เทลงที่แม่น้ำหน้าวัด อาตมาก็ไม่นึกว่าจะพาพวกเขาไปตาย เพราะที่หน้าวัดมีปลากระแหเป็นฝูงๆ เลย พอเทลงไปปลากระแหก็ว่ายมาเมียงๆ มองๆ พอเห็นว่ากินได้ก็พุ่งเข้าใส่เลย พึ่บพั่บๆ พักเดียวเป็นพันๆ ตัวหมดเกลี้ยง..!

    ถ้าโยมเจออย่างอาตมาคงใจฝ่อตาย ตั้งใจจะช่วยแท้ๆ กลายเป็นทำให้พวกเขาตายเร็วขึ้น แต่ความจริงเราต้องแยกแยะให้ออก เราไม่ได้เจตนาจะทำให้เขาตาย จะปล่อยเขาให้รอด แต่ดันลงไปที่ดงปลากระหายเลือดพอดี

    อาตมาเคยปล่อย ปลาดุก ปลากระแหมาดึงหนวดปลาดุกไปกินเกลี้ยงเลย อะไรที่ยื่นเกินออกมาโดนดึงไปกินหมด แล้วอย่างลูกอ๊อดก็ตัวละคำพอดี


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=3194
     
  9. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +920
    ครับขอบคุณ ทุกๆ คนมากเลยนะครับ ที่มาให้คำแนะนำ ผมก็ค่อยกลายกังวลใจไปได้เยอะ พอสมควรแล้วครับ... จากที่ได้อ่านที่ ทุกคนอธิบายมา ผมก็ถ้ามีโอกาสอีก จะซื้อปลามาปล่อยอีกครับ ..ผมมีแหล่งที่ใหม่ ที่คิดว่า น่าจะปลอดภัย สำหรับปลาที่ผมจะปล่อย อยุ่พอสมควรอะนะครับ ส่วนพวกปลาที่ผมเคย ปล่อยไปแล้ว ที่ตายโดยปลาอื่นรังแก หรือกินเข้าไปนั้น ผมจะอุทิศส่วนกุศล ตอนผมกรวดน้ำตอนช่วงถวายสังฆทานก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณครับ ^_^
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เคยมีคนถามคำถามคล้ายๆแบบจขกทกับหลวงพ่อเหมือนกันนะครับ แต่หามาลงไม่เจอ

    ประมานว่า ทำบุญปล่อยสัตว์ แต่สัตว์ตายตัวเองได้บาปมั้ย อะไรพวกนี้

    เราปล่อยสัตว์เราได้บุญ ครับ ส่วนสัตว์ที่เราปล่อยจะรอดหรือตายนั้น เป็นกรรมของสัตว์ต่อไปเองครับเราไม่เกี่ยวแล้ว ถ้ากรรมสัตว์ตัวนั้นแรงก็ไม่รอดถึงที่ตายก็ตายไปตามปรกติครับ

    แต่ถ้าสมัยนี้ บางคนคิดวาทะกรรมแปลกออกมาแล้วเที่ยวแชร์ตามสื่อต่างๆ เช่น ปล่อยนกได้บาป เพราะเป็นการส่งเสริมให้คนจับนกมาขาย อะไรพวกนี้ เห็นบ่อยๆ

    ก็ต้องบอกว่าเราปล่อยนก เราได้บุญ ได้กุศลกรรม ไม่ใช่ได้บาปใดๆ ครับ เพราะเราไม่ได้ไปสั่งให้เค้าไปจับนกมา คนจับนกเค้าไปจับของเค้ามาเอง มาขังมาขายเอง

    ต้องแยกให้ออก ถ้าไปคิดเหมารวมหมดโดยคิดเองเออเอง ก็ย่อมเข้าใจผิดๆ ครับ

    .
     
  11. ธิญาดา

    ธิญาดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    80
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +582


    เราขอแก้ไขนะคะ ที่ว่าบาปคือบาปแบบไม่ตั้งใจค่ะ ปลาตัวนั้นตาย คุณผู้ปล่อยอาจจะไม่ได้บุญหรือได้บุญน้อยกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ (แต่เจตนาดีแล้ว อันนี้เราเห็นดีด้วยค่ะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...