นิมิตถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย เทพบัญชา, 26 สิงหาคม 2010.

  1. เทพบัญชา

    เทพบัญชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2006
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +212
    วันพฤหัสบดี ที่ 26 สิงหาคม 2553 เวลา 04.02 น.
    ข้าพเจ้านิมิตถึงหลวงพ่อข้าพเจ้าฝันว่าได้ไปเที่ยววัดหนึ่งวัดนั้นมีพระอยู่ 1รูปแต่เป็นพระที่ข้าพเจ้ารู้จักชื่อพระอาจารย์บุญทรง กตปุญโญ เจ้าสำนักวัดดอยแก้วที่มีต้นตะเคียน 3 ต้นที่ใหญ่ที่สุดจากน้ำยม อ.ลอง จ.แพร่ และไฟกำลังลุกแดงเปลวไฟนั้นลุกขึ้นจนแดงท่วมโบสถ์และเจดีย์และข้าพเจ้าบอกให้พระอาจารญ์บุญทรงดูพอหันไปพบพระลูกวัดที่เคยอาศัยอยู่กับท่านชื่อพระอาจารย์ตุ๋ยกำลังนำเอาทองคำก้อนใหญ่ใส่ไฟจากสีแดงของเปลวไฟกลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไฟค่อย ๆลดลง ๆ และสุดท้ายข้าพเจ้าเข้าไปดูพบว่ากลายเป็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำกำลังนั้งธรรมมาสอยู่และมีลูกศิษย์รายล้อมมากมายข้าพเจ้าเข้าไปกราบที่เท้าและ สวดว่าหากข้าพเจ้าได้เคยประมาทพลาดพลั่งล่วงเกินในพระพุทธ กราบ 1 พระธรรม กราบ2 พระอริยสงฆ์กราบ 3 แต่ท่านพยามดึงเท้าออกบอกว่าเราไม่ต้องกราบกันก็ได้ข้าพเจ้าก็งงมากและท่านก็สนทนาและข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันใจมากข้าพเจ้าบอกท่านว่าอยากกราบท่านมากนานแล้ววันนี้มีโอกาสท่านก็ยิ้ม และท่านก็พรมน้ำมนต์เดินไปเรื่อย ๆและข้าพเจ้าก็บอกท่านว่าข้าพเจ้าอยากได้พระคำหมากเพราะไม่รู้ว่าชื่อพระหางหมาก บอกว่าอยากได้สัก 8 องค์ ท่านจึงโยนหมากและพลูใส่มือข้าพเจ้าทุกใบทุกคำของหมากไม่มีตกแม้แต่ใบเดียวขนาดท่านโยนไกลมากทำให้มีเสียงชาวบ้านร้องแปลกใจและอิษฉาที่ข้าพเจ้าได้คน เดียวแต่มีเศษไม้ที่กินกับหมากตก 3 อันจึงแบ่งให้ผู้หญิงที่นั่งข้างแล้วท่านก็เดินพรมน้ำมนต์ไปเรื่อย ๆ ข้าพเจ้าจึงเก็บหมากพลูใส่กระเป๋าเสื้อและท่านเดินลับหายไป และข้าพเจ้าเดินไปที่โบสถ์ก็พบมีคนกำลังเข้าทรงอยู่4-5 คนและข้าพเจ้าก็เดินเลียงไปและข้าพเจ้าจึงโดนคนที่หน้าตาแบบคนจีนมาดึงที่เอวและบอกว่าให้ข้พเจ้าเข้าทรงหายใจ ยาว ๆแล้วเอาของมาวางไว้ตามแต่ว่าคนไหนผูกพันธ์กับสิ่งไหนของข้าพเจ้าดูไม่ออกจึงสะดุ้งตื้น

    กรุณาคนที่มีตาที่ 3 ช่วยดูและตอบมาให้ผมหน่อยว่านิมิตนี้เป็นอย่างไร เพราะ คืนมีทผ่านมาเป็นเป็งพุธ หรือ วันเพ็ญตรงกับวันพุธ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2010
  2. din555

    din555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2010
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +544
    หลวงพ่อท่านเมตตา สงเคราะห์ ลุกหลานท่าน
     
  3. emperron

    emperron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +432
    ผู้ประกอบด้วยโลกุตรปัญญาอันลึกซึ้ง
    ได้มองเห็นว่า โดยธรรมชาติแท้แล้ว ขันธ์ทั้งห้านั้นว่างเปล่า
    และด้วยเหตุที่เห็นเช่นนั้น จึงได้ก้าวล่วง พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้
    รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่าง ก็ไม่ต่างไปจากรูป
    รูปคือความว่างนั่นเอง และความว่างก็คือรูปนั่นเอง
    เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นดังนี้ด้วย
    สารีบุตร ธรรมทั้งหลาย มีธรรมชาติแห่งความว่าง ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่ได้ดับลง
    ไม่ได้สะอาดและไม่ได้สกปรก ไม่ได้เพิ่มขึ้นไม่ได้ลดลง
    ดังนั้น ในความว่างจึงไม่มีรูป ไม่มีเวทนา หรือสัญญา ไม่มีสังขาร หรือวิญญาณ
    ไม่มีตาหรือหู ไม่มีจมูกหรือลิ้น ไม่มีกายหรือจิต ไม่มีรูปหรือเสียง ไม่มีกลิ่นหรือรส
    ไม่มีโผฏฐัพพะหรือธรรมารมณ์ ไม่มีโลกแห่งผัสสะ หรือวิญญาณ
    ไม่มีอวิชชา และไม่มีความดับลงแห่งอวิชชา ไม่มีความแก่และความตาย
    และไม่มีความดับลงซึ่งความแก่ และความตาย ไม่มีความทุกข์
    และไม่มีต้นเหตุแห่งความทุกข์ ไม่มีความดับลงแห่งความทุกข์
    และไม่มีมรรคทางให้ถึง ซึ่งความดับลงแห่งความทุกข์
    ไม่มีการประจักษ์แจ้งและไม่มีการลุถึง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องลุถึง
    พระโพธิสัตว์ผู้วางใจในโลกุตรปัญญา จะมีจิตที่เป็นอิสระจากอุปสรรคสิ่งกีดกั้น
    เพราะจิตของพระองค์เป็นอิสระจาก อุปสรรคสิ่งกีดกั้น
    พระองค์จึงไม่มีความกลัวใดๆ ก้าวล่วงพ้นไปจากมายาหรือสิ่งลวงตา
    ลุถึงพระนิพพานได้ในที่สุด พระพุทธในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    ผู้ทรงวางใจในโลกุตรปัญญา ได้ประจักษ์แจ้งแล้วซึ่งภาวะอันตื่นขึ้น
    อันเป็นภาวะที่สมบูรณ์และไม่มีใดอื่นยิ่ง ดังนั้น จงรู้ได้เถิดว่า โลกุตรปัญญา
    เป็นมหาธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมแห่งความรู้อันยิ่งใหญ่
    เป็นสิ่งอันไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า เป็นมนต์อันไม่มีสิ่งอื่นใดมาเทียบได้ซึ่งจะตัดเสียซึ่งความทุกข์ทั้งปวง
    นี่เป็นสัจจะ เป็นอิสระจากความเท็จทั้งมวล ในใจของตน
    "อัตนา โจทยัตตานัง" จงกล่าวโทษเตือนตนไว้เสมอ
    "สัพพะปาปัสะอกรณัง ละเว้นความชั่ว
    กุสลัสสูปสัมปทา ทำแต่ความดี
    สจิตตะปริโยทปนัง ทำจิตใจให้ผ่องใส
    เอตังพุทธานะสาสะนัง" พระพุทธเจ้าทรงสอนเช่นนี้เหมือนกันหมด
    "อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
    โกหินาโถปโรสิยา ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
    อัตตาหิสุทันเตนะ เมื่อฝึกตนดีแล้ว
    นาถังลภะติทุลภัง" จะได้ที่พึ่งอันบุคคลอื่นหาได้ยาก
     
  4. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ฝันดีเป็นมงคลยิ่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...